เราได้เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 10 วัน 2 ภูมิภาค คือ คันโต - โตเกียว และ ฮอกไกโด - ซัปโปโร โอตารุ ฮาโกดาเตะ
และเนื่องจากเราลือกที่พักในโตเกียวเป็น Khaosan World Asakusa Hostel ซึ่งอยู่แถวอาสากุสะ ซึ่งสามารถนั่งรถไฟสาย Keisei มาลงก็ได้
แต่ด้วยความอยากออมแรงและขี้เกียจลากกระเป๋าเป็นอย่างมาก จึงเลือกวิธีนั่งรถบัสลีมูซีนของสนามบิน
เห็นว่ายังไม่ค่อยมีรีวิวเกี่ยวกับบัสเข้าเมือง จึงขอมาแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ
ตอนแรกเลยก็คิดอยู่ว่าจะเลือกวิธีไหนเข้าเมืองดี พอดูจากที่พักเราใกล้กับปลายทางของรถบัสลีมูซีน สาย Asakusa, Kinshicho, Toyosu ซึ่งปลายทางคือ Asakusa View Hotel พอดี เมื่อมีวิธีประหยัดแรงขนาดนี้จึงจัดไป
สามารถเช็คเที่ยวรถ เวลาออก จุดหมายปลายทางและราคาได้จากเว็บไซต์นี้ค่ะ
https://www.limousinebus.co.jp/en/
เราเดินทางด้วยสายการบิน Air Asia X ลงปลายทางที่สนามบินนาริตะ Terminal 2 เวลาประมาณ 8 โมงเช้าของที่โน่น
เมื่อผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเสร็จ เดินออกมาจากประตู เงยหน้ามาก็จะเจอกับป้ายนี้
ถ้าเพื่อนๆ ออกคนละประตู แค่มองซ้ายมองขวาก็จะเจอค่ะ เคาท์เตอร์ดักทั้งด้านเหลือและใต้ แบบนี้
ไปถึงแจ้งจุดหมายปลายทางและจำนวนตั๋วที่ต้องการซื้อ เจ้าหน้าที่จะออกตั๋วใบยาวๆ บอกเวลารถออก หมายเลขป้ายรอรถ สายรถและปลายทาง
สำหรับคนที่ไปปลายทาง Asakusa View แบบเรา จะมีรถเที่ยวแรกตอน 10.25 น. ป้ายรอรถหมายเลข 16
รถและป้ายที่ขึ้นค่ะ บนป้ายจะมีบอกว่ารถเที่ยวต่อไปลำดับ 1-3 เป็นรอบรถสายอะไร
เมื่อรถเที่ยวของเราขึ้นบนป้ายแล้ว ก็ไปยืนรอที่ช่องได้เลย เมื่อถึงลำดับที่รถเที่ยวต่อไปเป็นรถเรา จะมีเจ้าหน้าที่มาแปะแท็กหมายเลขกระเป๋า และให้เลขกระเป๋ากับเราไว้ เอาไว้ใช้รับกระเป๋าเมื่อลงจากรถ
ภายในรถ พอออกเดินทางจะมีประกาศให้คาดเข็มขัดด้วย ข้างๆ ที่นั่งมีปลั๊กไฟให้แต่ตามปกติรถที่ญี่ปุ่น พอติดไฟแดง เขามักดับเครื่อง ทำให้ไฟตรงปลั๊กไฟจะถูกตัดไปด้วยนะคะ
การเดินทางด้วยรถบัสช้าเร็วขึ้นกับการจราจรและจำนวนคนขึ้นลงแต่ละป้าย เวลาที่แสดงในตารางในเว็บไซต์เป็นเวลาคร่าวๆ ตอนเที่ยวเช้าวันธรรมดาที่เรานั่งไม่ค่อยมีคน ทำให้ไปถึงปลายทางเร็วกว่าในตาราง 40 นาทีเลย
พอถึงปลายทาง คนขับก็จะลงมาเปิดรถหยิบกระเป๋าให้ตามหมายเลขที่ให้เราไว้ สบายๆ แบบไม่ต้องหอบต้องลากอะไร
ลืมถ่ายภาพหน้าโรงแรมไว้ เนื่องจากเขินนิดหน่อยที่รถจอดเทียบหน้าประตูโรงแรมเลยทีเดียว แต่คือพวกเราไม่ได้พักโรงแรมนี้ไม่ต้องส่งใกล้ประตูขนาดนี้ก็ได้ ^^
บรรยากาศข้างๆ โรงแรม เดินลากกระเป๋าจากตรงนี้ไปอีกหน่อยก็ถึงที่พัก
สรุปข้อดีของการเดินทางด้วยลีมูซีนบัส คือ สะดวกสบาย ไม่เหนื่อยแรง บริการดี
ข้อเสียคือ รถเที่ยวต่อวันน้อย ทำให้ต้องรอ และก็ใช้เวลาเดินทางนานกว่ารถไฟ
ถือเป็นตัวเลือกอีกอย่างแล้วกันนะคะ
ต่อมาจะเป็นเรื่อง Tokyo Subway Ticket
สำหรับคนที่เดินทางในโตเกียวด้วยรถไฟสาย Tokyo Metro lines และ Toei Subway lines เยอะๆ
ก่อนไปให้ลองคำนวณว่าไปไหนบ้าง ใช้รถสายอะไร รวมเงินเป็นเท่าไหร่
เจ้าของกระทู้คำนวณแล้วซื้อ Ticket แบบนี้ประหยัดกว่า เลยซื้อ Tokyo Subway Ticket แบบ 3-Day
เหมา 3 วันขึ้นรถสองสายนี้กี่เที่ยวก็ได้
หากใครอยากซื้อตั๋วประเภทนี้ ที่เคาท์เตอร์ลีมูนซีนบัสข้างบนมองไปด้านซ้ายมือจะเจอเคาท์เตอร์นี้อยู่ติดกันเลย
เป็นเคาท์เตอร์ของ Keisei bus ที่นี่จะขายบัตร Tokyo Subway 1-Day , 2-Day, 3-Day ด้วย
ถ้าใครอยากซื้อเฉพาะ Tokyo Subway ที่ไม่ได้ผูกกับโปรของ Skyliner ซื้อได้ที่นี่เลยค่ะ
(แต่ถ้าใครเข้าเมืองด้วย Skyliner ลงไปชั้นล่างจะมีตั๋วโปรโมชั่นอยู่)
ขอบคุณภาพจาก เที่ยวญี่ปุ่น ดอทคอม ของตัวเองลืมถ่าย
โดยวิธีใช้ตั๋วนี้คือเสียบเข้าเครื่อง แบบพวกตั๋วเที่ยว ตอนซื้อมาครั้งแรกด้านหลังจะยังไม่มีวันที่ พอเสียบบัตรครั้งแรกตั๋วจะถูกเจาะที่มุมและมีวันนี้ปั๊มอยู่ด้านหลังบัตรเป็นวันเริ่มต้นการใช้งาน และจะนับ 1 วัน 2 วัน 3 วันเริ่มจากวันบนบัตรค่ะ
สุดท้ายสำหรับคนที่เดินทางข้ามภูมิภาคแบบเรา มักจะซื้อ JR Pass จากเมืองไทยไปด้วย
โดยวิธีไปแลก JR Pass ตัวจริงคือ
จากบริเวณชั้น 1 ที่เรารับกระเป๋าเดินออกมาเมื่อสักครู่ เดินลงไปชั้น B1 มองไปทางประตูทางออกจะเป็นทางไปขึ้นรถไฟแบบนี้
เดินออกไปทางซ้ายมือจะเห็นป้ายสีแดงๆ ว่า JR East Travel Service Center สามารถเข้าไปแลก JR Pass ตัวจริง ได้ที่นี่
สิ่งที่ต้องเตรียมไปคือ Exchange Voucher ที่ซื้อไปจากไทย พร้อมพาสปอร์ต
เข้าจะให้ฟอร์มแบบนี้มากรอก เพื่อออก JR Pass ตัวจริง
เจ้าหน้าที่จะย้ำวันเริ่มต้นกับสิ้นสุด เพื่อไม่ให้เรากรอกผิด ไม่งั้นใช้ไม่ตรงวันได้เสียเงินเพิ่มกันแน่ๆ และพอออกบัตรตัวจริงแล้ว สามารถใช้บัตรตัวนี้จองที่นั่งสำหรับรถไฟสายเจอาร์ต่างๆ ได้เลยค่ะ เช่น Shinkansen เป็นต้น
แค่นี้ก็เรียบร้อยสำหรับตั๋วต่างๆ ที่จัดการได้ที่สนามบิน
อ่อที่ JR East Travel Service Center สามารถซื้อบัตร IC Card ที่ใช้เติมเงินและแตะแบบ BTS บ้านเราที่ชื่อ Suica ได้ที่นี้เลยเหมือนกันนะคะ หรือจะไปซื้อที่ตู้กดเอาเองก็ได้
อันนี้แผนที่คร่าวๆ ของบริเวณชั้น B1 สนามบินนาริตะ Terminal 2 ค่ะ
ติดตามการท่องเที่ยวของเราได้ที่ https://www.facebook.com/whenigoto
whenigo
วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 16.56 น.