ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทุกๆคนก็จะมองหาสถานที่ท่องเที่ยว ใกล้บ้าง ไกลบ้างจาก กรุงเทพ วันนี้ผมได้มีโอกาสไปไหว้พระ ล่องเรือ ณ เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ใกล้ๆ กทม นี่เองครับ พร้อมแล้ว ตามมาเลยครับ
การเดินทาง มาวัดสนามเหนือ / เกาะเกร็ด ปากเกร็ด
โดยรถยนต์ จากห้าแยกปากเกร็ดมุ่งหน้าไปจนถึงโลตัสปากเกร็ด จากนั้นให้เลี้ยวเข้าซอยข้างโลตัส ตรงไปตามทางจะพบวัดสนามเหนือตั้งอยู่ทางขวามือ
โดยรถประจำทาง นั่งรถสาย 32, 51, 52, 104, ปอ. 5 และ ปอ. 6 ไปลงท่าน้ำปากเกร็ด แล้วเดินไปวัดสนามเหนือ หรือนั่งสามล้อถีบ แล้วลงเรือข้ามไปเกาะเกร็ด
*** จากอนุสารีย์ฯ*** มีสาย 166 อนุสารีย์-ปากเกร็ด- เมืองทองธานี วิ่งขึ้นทางด่วน ลง ที่ ตลาดปากเกร็ดได้เลยครับ สะดวกมากๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดครับ
ประวัติวัด
วัดสนามเหนือ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์หลังขุดคลองลัดเกร็ด เดิมชื่อ “วัดสนาม” เมื่อพม่าบุกยึดนนทบุรีวัดก็กลายเป็นวัดร้างจนได้ตั้งเป็นวัดใหม่เมื่อ 24 มี.ค.2372 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ 12 เม.ย. 2412
ที่ตั้งวัดสนามเหนือ
เลขที่ 24 ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 19 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
เบอร์โทรติดต่อ 02-9608391
ด้านหลังวัดติดกับแม่น้ำเกาะเกร็ดสามารถโดยสารเรือที่ท่าน้ำวัดสนามเหนือไปยังเกาะเกร็ดได้ทุกวัน ค่าข้ามเรือ 2 บาท เมื่อพร้อมแล้วก็นั่งเรือข้ามฝากมาเลยครับ
เมื่อมองจากฝั่ง วัดสนามเหนือ เราจะเห็นเจดีย์ของวัดปรมัยยิกาวาส บนเกาะเกร็ด ซึ่งเป็สัญลักษณ์ของทางเกาะเกร็ดเลยก็ว่าได้ครับ
ประวัติเกาะเกร็ด
เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2265เรียกว่าคลองลัดเกร็ดน้อยต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึงกลายเป็นเกาะ เกาะเกร็ดมีความเจริญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สังเกตได้ว่าวัดวาอารามต่างๆบนเกาะส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะในสมัยอยุธยา แต่คงจะมาร้างคนเมื่อพม่ามายึดกรุงศรีอยุธยาได้ แต่หลังจากกอบกู้เอกราชได้ พระเจ้าตากสินมหาราชจึงโปรดให้ชาวมอญที่เข้ามามาตั้งถิ่นฐาน
เกาะเกร็ดเกาะกลางน้ำเจ้าพระยา แหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในจังหวัดนนทบุรี รู้จักกันดีในฐานะแหล่งชุมชนคนมอญที่มีชื่อเสียง ในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และประเพณีวัฒนธรรมแบบพื้นบ้านดั้งเดิม ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้เป็นอย่างดี เกาะเกร็ดเป็นสถานที่ ขึ้นชื่อของชุมชนกลุ่มชาวมอญและมีเครื่องปั้นดินเผาชั้นดี เป็นสินค้าประจำของเกาะเกร็ดโดยมีพระเจดีย์มุเตาของวัดปรมัยยิกาวาส เป็นสัญลักษณ์ประจำฝั่งท่าน้ำของเกาะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวบนเกาะเกร็ด ก็จะมีทั้งมาเดินเที่ยว ช้อปปิ้ง หาของอร่อยๆกิน บ้างก็เลือกนั่งเรือชมรอบเกาะ สินค้าที่สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์เด่นของ เกาะเกร็ดคือ เครื่องปั้นดินเผา โอ่ง กระถางเซรามิกรูปร่าง ต่างๆ ในราคาย่อมเยา มีให้เลือกซื้อเลือกหมากมาย เกาะเกร็ดยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่อร่อย เช่น ทอดมันหน่อกะลา ดอกไม้ทอด ข้าวแช่ เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น
เมื่อมาถึงฝั่งเกาะเกร็ดจะมี โต๊ะขายตั๋วเรือชมรอบเกาะเกร็ดครับ
อันดับแรกไปไหว้พระกันก่อนครับ วัดแรกคือ วัดปรมัยยิกาวาส
ที่ท่าเรือหน้าวัดจะพบปราสาทไม้ห้ายอด ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งเหม (โลงศพมอญ) ของอดีตเจ้าอาวาส ตั้งตระหง่านอยู่ ส่วนพระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากอิตาลี ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่กระนั้น พระองค์ยังรักษาธรรมเนียมเดิม โดยรับสั่งให้ที่นี่ริเริ่มการสวดเป็นภาษามอญ และปัจจุบัน ที่นี่เป็นวัดเดียวที่ยังเก็บรักษา พระไตรปิฏกภาษามอญไว้ พระประธานในพระอุโบสถนั้นเป็นพระปางมารวิชัย ฝีพระหัตถ์ของพระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ผู้ที่สร้างพระสยามเทวาธิราช รัชกาลที่ 5 ทรงยกย่องว่าพระประธานองค์นี้งามด้วยฝีพระพักตร์ดูมีชีวิตชีวาเหมือนคนจริงด้านหลัง พระอุโบสถ มีพระมหารามัญเจดีย์ จำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองของพม่า
พระเจดีย์มุเตา วัดปรมัยยิกาวาส
ตั้งอยู่บริเวณหัวแหลมของเกาะเกร็ด เป็นเจดีย์ทรงรามัญสีขาว มีผ้าแดงผูกบนยอดเจดีย์ ซึ่งกล่าวกันว่าผ้าแดง คือ สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของวัฒนธรรมรามัญ เป็นศิลปะแบบมอญแท้คือ พระเจดีย์ทรงมอญแท้เป็นพระเจดีย์จำลองมาจากหงสาวดี ก่อนที่จะถูกพม่าแต่งเติมจนทำให้พระเจดีย์มุเตาองค์เดิมที่เมืองหงสาวดีกลายเป็นเจดีย์ทรงมอญผสมพม่าในปัจจุบัน พระเจดีย์มุเตา วัดปรมัยยิกาวาสเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน ฐานแปดเหลี่ยมย่อมุม ยอดเจดีย์มีฉัตรทรงเครื่อง 5 ชั้น อย่างมอญ สูง 1 วา ตั้งอยู่หัวมุมเกาะเกร็ด ทางราชการโดยกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปี 2478 พระเจดีย์มุเตาสร้างโดยชาวมอญที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ปลายกรุงศรีอยุธยา อายุราว 300 ปี ภายในบรรจุพระธาตุเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยเชื้อสายมอญ เดิมเป็นเจดีย์ที่สร้างตั้งตรง ต่อมาน้ำเซาะตลิ่งพัง จึงทำให้เจดีย์ทรุดตัวและเอียงลงเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2434 ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้สร้างเขื่อนไม้และเขื่อนปูน แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ได้รับงบประมาณจากกรมการศาสนาและได้มีผู้มีจิตศรัทธา ได้ซ่อมแซมเขื่อนคอนกรีตถาวร ปัจจุบันได้เสริมความแข็งแรงและยึดฐานไว้อย่างแน่นหนา กรมศิลปากรอนุญาตให้ซ่อมตัวพระเจดีย์เชิงอนุรักษ์ในสภาพเอียงไว้ พระเจดีย์มุเตาหรือเรียกกันว่าเจดีย์เอียงองค์นี้ จึงเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ที่เผยแพร่ไปทั่วโลก
เดินถัดไปจะเห็นอนุสาวรีย์เลยเดินไปสักการะ รัชกาลที่5 ก่อนเดินทางชมจุดอื่นๆต่อครับ
ระหว่างทางก็จะมีของขายเยอะไปหมดครับ ที่ขึ้นชื่อคือ ทอดมัน หน่อกะลา ครับ ใครอยากชิมรสชาตินี้ต้องมาที่นี้เลยครับ ไม่มีขายที่อื่นครับ
ก่อนออกจากบริเวณวัด ก็แวะชมพิพิธภัณฑ์ หอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผากันก่อนครับ เข้าฟรี
มีคุณลุงกำลังปั้นขึ้นรูปให้ดูด้วยครับ จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ ครับ ไป วัดเสาธงทอง
ทางเข้าจะมีเขียนใว้ว่าเป็น โอท๊อป ของ จัุงหวัดนนทบุรีด้วยครับ
ระหว่างทางก็มีของกินเยอะมากๆครับ
ข้าวหมาก หากินยากแล้วคร้บ
ร้านขายพระพุทธรูปก็มีครับ
ร้านขนมหวานก้มากมายคร้บ
ทำเป็นชั้นเล็กๆ น่ากินจริงๆ
วันนี้มาทำบุญปล่อยปลา และกบครับ
ได้เวลาปล่อยปลาแล้ว
ในที่สุดมามาถึง วัดเสาธงทองแล้วคร้บ
เป็นวัดเก่า เดิมชื่อ "วัดสวนหมาก" นอกจากเป็นที่ตั้งโรงเรียนประถมแห่งแรกของอำเภอปากเกร็ดแล้ว ด้านหลังโบสถ์ยังประดิษฐาน เจดีย์ที่สูงที่สุดของอำเภอปากเกร็ดด้วย พระเจดีย์เป็นศิลปะอยุธยาย่อมุมไม้สิบสอง มีเจดีย์องค์เล็กเป็นบริวารโดยรอบอีก 2 ชั้น ส่วนด้านข้างโบสถ์มีเจดีย์องค์ใหญ่อีก 2 องค์ องค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงลังกา อีกองค์หนึ่งเป็นเจดีย์ทรงมะเฟืองภายใน โบสถ์มีลายเพดานสวยงามมาก เขียนลายทองกรวยเชิงอย่างงดงาม พระประธานเป็นพระปางมารวิชัยปูนปั้นขนาดใหญ่ คนมอญ เรียกวัดนี้ว่า “เพี๊ยะอาล๊าต” หน้าโบสถ์มีเจดีย์ขนาดย่อมสององค์ รูปทรงคล้ายมะเฟือง ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมสิบสอง ประดับลายปูนปั้น
มาไหว้พระกันครับ
ที่นี้มีร้านเช่าจักรยานด้วยครับ
ไหว้พระในวิหารต่อครับ
จากนั้นผมก็เดินกลับไปที่บ้าน เครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่มครับ
มีรางวัลการันตีมากมายครับ เข้าชมฟรีครับ
คุณลุงสาธิตวิธีการปั้นขึ้นรูปให้ดูครับ
ได้มีโอกาสชมเตาเผาโบราณด้วยครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินกลับมาที่จุดขึ้นเรือครั้งแรกครับ ตั๋วจะเป็นแบบนี้นะครับ
เตรียมลงเรือครับ
ลงเรือมาแล้วคร้บ
บรรยากาศรอบๆเกาะเกร็ด
วิวดีมากๆครับ
มาจอดที่จุดแรกแล้วครับ จุดทำผ้าบาติก
แผนที่รอบเกาะครับ
จากนั้นก็ไป จุดที่สองเลยครับ
วัดแสงสิริธรรม หรือชื่อเดิมว่า "วัดขวิด" สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2327 เป็นวัดเก่า ที่เริ่มสร้างหลังจากการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ได้เพียง 2 ปี ภายในพระอุโบสถเก่า เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธศรีโรจนชัย หรือที่ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย กับ หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัยสมัยอยุธยา สำหรับ หลวงพ่อดำ องค์นี้ เคยถูกขโมยอุ้มหามไปถึง 3 ครั้ง แต่ก็มีอันเป็นไปเกิดขึ้นแก่หัวขโมย จนทำให้สามารถอัญเชิญกลับคืนมาได้ทั้ง 3 ครั้ง
จุดสุดท้ายแวะมา บ้านขนมหวาน แวะซื้อของฝากก่อนกลับ กทม ครับ
หมดแล้วสำหรับวันนี้ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
ขอขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ กด like share Comment ด้านล่างได้เลยครับ
กดติดตามต่อได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/GolfytheJourney/
Instagram : https://www.instagram.com/golfythejourney/
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCnqCI_fF3OPdFUSLR...
Readme : https://th.readme.me/id/Golfythejourney
Golfy The Journey
วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 13.10 น.