ทริปนี้เราเที่ยวกันยาวๆแบบขาเดี้ยงกันไปเลย 3 เมืองของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีจังหวัดวากายาม่า (Wakayama)
นาโกย่า(Nagoya) และ โอซาก้า(Osaka) ทริปนี้ใช้ระยะเวลา 22 สิงหาคม – 28 สิงหาคม 2561 เดินทาง 6 วัน 4 คืน
เราเดินทางโดยสายการบิน Airasia X Flight XJ612 จากสนามบินดอนเมืองเวลา 00.55น. ถึงสนามบินนานาชาติคันไซ 08.40น.

-----

ก่อนที่เราจะเดินทางมาญี่ปุ่นนั้น เราได้ซื้อตั๋ว JR Osaka – Nagoya Area Pass สำหรับ 5 วัน

และ Pocket Wifi สามารถซื้อผ่านแอป Klook ได้เลย

3y866jqscp6k


22/08/61

หลังจากมาถึงสนามบินนานาชาติคันไซ จังหวัดโอซาก้า(Osaka) แล้วเรามองหาบูธ Ninja Wifi เพื่อรับ Pocket Wifi และมองหาห้องแลกตั๋ว JR Ticket office เพื่อนำตั๋ว Japan Rail Pass ที่ได้มาจากไทยไปแลกเป็นตั๋วสำหรับการเดินทาง 5 วันระหว่าง

โอซาก้า(Osaka) – นาโกย่า(Nagoya)

zt2wf2w1s5tj


เมื่อได้ตั๋วสำหรับการเดินทางมาแล้ว หน้าตาก็จะเป็นแบบที่เห็นนี่แหละจ้า

ytplmie9pesd


ได้ตั๋วแล้วเราก็เดินทางไป Wakayama กัน โดยใช้เวลาจาก Osaka Station เพียง 30 นาที ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่ Wakayama Station และนั่งรถไฟไปลงที่เมือง Kada เราจะไปสถานที่แรกก่อนเลย คือ Awashima – Jinja Shrine (ศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา) ใช้เวลาแค่ 25 นาทีถึง Kada Station ** จาก Wakayama มา Kada ต้องซื้อตั๋วแยก เพราะเป็นเส้นทางนอกเหนือจาก Pass ที่เราซื้อ **

(ค่าตั๋วรถไฟคนละ 330เยน)

rrb5rw2357al


มาถึง Kada Station แล้วเราเดินเท้าไปที่ Awashima Shrine กันต่อเลยจ้า ญี่ปุ่นถ้าร้อนก็ร้อนแบบสุดๆจริงๆ เราเดินไปศาลเจ้านี่คือแบบเหงื่อไหลเป็นน้ำเลยอ่ะ

s7y8beyktr84


ใช้เวลาเดินจากสถานีมาถึงศาลเจ้าประมาณ 20 นาทีโดยประมาณ แต่เป็น 20 นาทีแบบเหงื่อชุ่มเลย ฮ่าๆๆ

o5kfgzyxhxf2


Awashima Shrine หรือศาลเจ้าอาวาชิมา จินจา เป็นศาลเจ้าที่รู้จักกันสำหรับการขอพร ขอลูก ขอให้คลอดง่ายสำหรับผู้หญิง และเป็นสถานที่กำเนิดของเทศกาลตุ๊กตา คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้านี้คือสรวงสวรรค์ของเหล่าตุ๊กตา สังเกตจะมีตุ๊กตาทั่วทั้งศาล และยังมีบริจาคตุ๊กตาที่ยังไม่ต้องการแล้วอีกด้วย ใครอยากขอพรเรื่องลูก เรื่องมีบุตรยาก ลองมาขอพรที่ศาลนี้กันได้นะ

znmamyym8dxx
recgief5018l

wc9eps5ue6p4

7kce7zo927cn
4bwmwrdwraik


อยู่ที่ศาลเจ้ากันได้สักพักนึง ก็กลับมาเอากระเป๋าที่ Wakayama Station และนั่งรถไฟมาที่ Kii-Katsuura Station เข้าที่พัก Oyado Hana

em2vultstn6w


23/08/61

วันนี้เราตั้งใจจะไป Kumanonachi Taisha Shrine (ศาลเจ้าคุมะโนะนะชิไทฉะ) แต่มีพายุไต้ฝุ่นเข้าทำให้รถไฟ JR หยุดให้บริการ

ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นช่วงที่เราต้องเดินทางไป Iseshi Station ทำให้อดไป Kumanonachi Taisha Shrine เลยตัดสินใจออกจาก

Kii-Katsuura Station มาถึง Iseshi Station ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.โดยประมาณ มาถึงก็เอากระเป๋าเดินทางไปฝากไว้ที่พักก่อนเลย

เราเข้าพักกันที่ Senco Inn Ise-Ekimae

tu36rro0tdsi


บรรยากาศระหว่างนั่งรถไฟ Iseshi Station

n50e3qq7q3i2
aat00dfazh16
aoywxc811zz3


หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่พักเรียบร้อยเราไม่รอช้า ไปกันต่อที่ Geku mae (ศาลเจ้าอิเสะชั้นนอก) ใช้เวลาเดินเท้าจากที่พักประมาณ 10 นาที ก่อนเข้าศาลต้องล้างมือก่อนเข้าให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งทุกๆศาลเจ้า เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก หรือสิ่งที่ไม่ดีก่อนเข้าศาลเจ้า เป็นประเพณีของที่ญี่ปุ่น

f1hkulige3az
rhqrjyy6scbk


ศาลเจ้าที่นี่มีความเกี่ยวข้องกันกับที่ Ise Grand Shrine (ศาลเจ้าอิเสะชั้นใน) ที่เรากำลังจะไปต่อจากนี้ศาลเจ้านี้ ซึ่งเป็นศาลเจ้าในศาสนาชินโต ได้ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ถือเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้

55s84ipl44o3
k7df0ui0jbgq
3jnyvnq6kq99
ucbicbnxt52t
q48b62ar8x3z


อยู่ที่ศาลเจ้านี้ได้สักพัก เราต้องหลบพายุไต้ฝุ่นเข้าที่พักกันอีกรอบ คือแอบนอยด์นะวันนึงตั้งใจจะไปให้ได้หลายๆที่ แต่กลับต้องเลื่อน และยกเลิกบางสถานที่ไป เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจเอาซะเล้ย ก่อนเข้าที่พักเราไปซื้ออาหารมาตุนไว้ที่ห้อง ขอบอกว่าร่มที่ญี่ปุ่นดีจริง ต้านแรงลมได้ดีจริงๆ ไม่หักด้วยนะเออ ฮ่าๆๆ ซื้อมาราคา 550เยนเอง

eg9phh2hmdbf


24/08/61

วันที่สาม วันนี้ก็ยังคงมีพายุอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่า 2 วันที่แล้ว ก็ยังถือว่าเที่ยวได้อยู่ ฮ่าๆๆ

วันนี้เราจะไป Futamiokitama Shrine (ศาลเจ้าฟูทามิ โอกิทามะ) เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ขึ้นจาก Iseshi Station ท่าที่ 10 สามารถซื้อตั๋ว 1 Day Pass ได้ที่ Iseshieki Information Centre หรือศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใน Iseshi Station ได้เลยจ้า

in5j7zaoi9eb


ขึ้นรถมาแล้ว รถจะมาจอดที่ท่าหน้า Ise Grand Shrine (ศาลเจ้าอิเสะชั้นใน) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าเมื่อวานที่เราไปเมื่อวานนั่นเอง ถ้าจะไป Futamiokitama Shrine ต้องมาเปลี่ยนรถกันที่นี่ ขึ้นรถท่าที่ 1 เลย ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีก็ถึง

5dhvkk5mvbd4


Futamiokitama Shrine หรือศาลเจ้าฟูทามิ โอกิทามะ เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพ Sarutahiko on Okami ซึ่งเป็น 1 ใน 6 มหาเทพของญี่ปุ่น ความพิเศษของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือ Meoto Iwa ลักษณะเป็นหินสองก้อนที่มีขนาดเล็กและใหญ่ต่างกัน เปรียบเหมือนชายและหญิง ด้านบนของหินมีเชือกคล้องระหว่างกันไว้ นี่ที่โด่งดังในเรื่องความรัก มีชาวญี่ปุ่นหลายคู่เดินทางมาที่นี่เพื่อสักการะ อธิษฐานขอพรให้ชีวิตคู่สมหวัง และมีความสุข

uvtifpn6izx1
hi6mv8a1nmnl
7edb9cezhiky
satkn8pg7ixy


สังเกตบริเวณโดยรอบของศาลเจ้าจะเต็มไปด้วยรูปปั้นกบ เชื่อกันว่าเป็นสัตว์ประจำกายของเทพ Sarutahiko on Okami และทุกๆ 3 ปีที่ศาลเจ้านี้จะมีงานใหญ่จัดขึ้นเพื่อทำพิธีการเปลี่ยนเชือกที่คล้องอยู่ระหว่างหินทั้งสองนั้น (ตอนที่เราไปเชือกขาด! อดเก็บภาพสวยๆมาให้ชมกันไปอีก เศร้าแปป)

5mzyv9dd620l
kcymz7a3fxwv
0fhfvkktgiru


ใกล้กับ Futamiokitama Shrine จะมี ISE Sea Paradise เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ใกล้ๆกับท่ารถ ระหว่างเดินกลับมีการแสดงของวอลรัสหรือสิงโตทะเลพอดี เราเลยแวะดูกันก่อนกลับ จริงๆเราก็ไม่เคยเห็นการแสดงของสิงโตทะเลนะ มันก็ดูน่ารักดี ถ้ามีเด็กๆมาเที่ยวในทริปด้วย แนะนำเลยนะสำหรับที่นี่เหมาะกับเด็กๆมาก

qpklxnivbo3x
fgui08nzupft
tt4oargiopy0
7tajijslrj9p


หลังจากนั่งรถกลับมาจาก ISE Sea Paradise แล้วเราไปต่อกันที่ Ise Grand Shrine (ศาลเจ้าอิเสะชั้นใน) ศาลเจ้าที่นี่มีชื่อเสียงมากสำหรับประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าศาลเจ้าอิเสะนั้นเป็นที่สถิตของเทพเจ้าพระอาทิตย์ และมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับราชวงศ์ญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วย ใครได้มาต้องได้มาสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิตนะ

alndu96v93ni
g7e1496uqucq
611wokkj9g6s
ofpb4asq18hw
p2g8hls587ic
ntwdzg7m080l
ywty3lhtk7vh


เที่ยวกันเสร็จเข้าที่พักเอากระเป๋า ก็ต้องออกเดินทางไปต่อที่เมือง Nagoya จังหวัด Aichi โดยนั่งรถไฟจาก Iseshi Station ไปลงที่ Nagoya Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ที่ Nagoya เราพักที่ Apa Hotel Nagoya Sakae

0q96cx96zovz


25/08/61

วันที่สี่ เราจะไปที่ Nagoya Castle (ปราสาทนาโกย่า) สถานีที่ใกล้ที่พักเราที่สุดคือ Sakae Station นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่ Shiyakusho Station ออกทางประตู 7 เดินไปอีกประมาณ 5 นาทีก็จะเจอปราสาทนาโกย่าเลย (ค่าเข้าปราสาทคนละ 500เยน)

ioe9b88bmuee


เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้วจะมีจุดแสตมป์บัตร สังเกตหมึกแสตมป์จะเป็นสีใส เมื่อเอาไฟฉายส่องแล้วจะเรืองแสงขึ้นมา

7ueuj6j77f1c


เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับกลุ่มเต้น เป็นเทศกาลการแข่งขันเต้นประจำปีของเมืองนาโกย่า จะขึ้นทุกๆปี ปีละครั้ง ซึ่งเรามาตรงกับเทศกาลนี้พอดีเลย

lbx9gikeymh7
rp8ekqvmqghp
41tgb0193k1n


Nagoya Castle (ปราสาทนาโกย่า) สร้างขี้นโดยโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ ในปี ค.ศ.1612 แต่ถูกเพลิงไหม้จนเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ.1959 ตัวปราสาทถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนาโกย่ารวมถึงรูปสลักปลาหัวเสือทองคำเรียกว่า “Kinshachi (คินชะจิ)” ที่อยู่บนปราสาทซึ่งเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัยของปราสาท

dx2yfe8wgx6z
4hv7x5rrx5ct
49bncs63bqiu
kbj88wxu6tlj


ภายในบริเวณปราสาทจะมี Hommaru palace เหมือนเป็นบ้านพักสำหรับผู้มาเยี่ยมเยือนของราชวงศ์สมัยนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นปราสาทแห่งแรกที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมบัติของชาติ ทุกๆห้องจะตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผนังปกคลุมด้วยทองคำ และภาพเขียนที่สวยงาม คือมันสวยจริงๆนะ ต้องไปเห็นกับตาตัวเองอ่ะ

od988a1txcuy
7z0r0ipxm0g9
1yae5zel3uf2
lhk3a2k6gjny
kv2evqk5l1wr


จะมีมุมห้องนึง ถ้ามองออกมาจะเห็นยอดปราสาทนาโกย่า

o98nc9yokc3n


หลังจากเดินชมปราสาทนาโกย่าเรียบร้อยแล้ว เราไปต่อกันที่ Nittaiji Temple (วัดนิตไตจิ)

ขึ้นรถไฟจาก Shiyakusho Station กลับไปที่ Sakae Station และเปลี่ยนเป็นสาย Higashiyama Station ไปลงที่ Kakuozan Station ออกทางประตู 1 เดินไปอีกประมาณ 10 นาที

l52nzv7usuek


Nittaiji Temple (วัดมิตไตจิ) สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2447 ในสมัยรัชกาลที่ 5 จุดเริ่มต้นของการสร้างวัดนี้เพราะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้เพื่อเป็นมิ่งขวัญชาวพุทธในญี่ปุ่นปี พ.ศ.2443 นอกจากนี้ยังได้พระราชทานพระพุทธรุปสำริดอายุกว่าพันปีให้ด้วย หลังจากได้รับพระราชทานของสำคัญถึงสองอย่าง ทางญี่ปุ่นจึงได้สร้างวัดขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขึ้นในเมืองนาโกย่า และตั้งชื่อวัดนี้ว่า “Nittaiji” ซึ่งคำว่า ‘Ni’ มาจากคำว่า Nihon (Japan) ‘Tai’ มาจากคำว่า Thailand และ ‘Ji’ แปลว่า Temple หรือวัด นั่นเอง

6ry6ipg3u7qj
rjep4fskwyk6
3lrr1te0f5wv
x9wz5gdaot0l


ด้านซ้ายของภาพจะเป็นพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

y5mqf3kyhy9h


ชมวัดเสร็จเราก็กลับที่พัก เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายเดิม ค่ำๆไปกันที่ Oasis 21 หาอาหารทานกันที่นั่น

ก่อนที่จะขึ้นไปบนดาดฟ้าของ Oasis 21 (ค่าเข้าดาดฟ้าคนละ 500เยน)

v5xdrff0ijzr
3dr4zehscjlp
cv2mqx7tfayn
vl4w6bnys7we


26/08/61

วันที่ห้าของการเที่ยววว เราไปที่ Atsuta Shrine (ศาลเจ้าอัตสึตะ) ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน Sakae Station

ไปลงที่สถานี Jingunishi Station ออกทางประตู 2 เดินไปอีกประมาณ 5 นาที

wpua5ht8j9m3


Atsuta Shrine หรือศาลเจ้าอัตสึตะ ชื่อเสียงของศาลเจ้าแห่งนี้ ได้ถูกกล่าวขานว่าที่นี่ คือ ศาลเจ้าที่มาขอพรแล้วได้รับชัยชนะ เนื่องจากในสมัยก่อนอดีตเจ้าเมืองเคยมาขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ให้ชนะในการทำศึกแล้วก็ได้ชัยกลับมาตามที่ขอ ชาวญี่ปุ่นจึงนิยมมาที่ศาลเจ้านี้เพื่อสักการะเทพเจ้า ขอพรให้ตนเอาชนะศัตรู คู่แข่ง หรืออุปสรรคของตนเอง

m8fo01xp1qzh
af9xs39zw5aa
u99iv8lifpx9
zrxopy5z9l30
pcxeb5qgonz0
leveq405eju1
mygyuoghohh0
o7g41zaki1ad


ใกล้กับศาลเจ้าจะมี Shirotori Garden ซึ่งห่างกันไม่มากนักสามารถเดินไปได้ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ใครได้มาเที่ยวที่ Atsuta Shrine แล้วก็ลองแวะมา Shirotori Garden กันดูนะ เพราะเป็นที่เที่ยวที่ใกล้ๆกันเลย ที่นี่นับได้ว่าเป็นสวนที่ได้รับบรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่นแบบเต็มๆ บรรยากาศตอนที่เราไปมันดีนะ สวนสวย ร่มรื่น แต่เราคิดว่าเราร้อนอ่ะ อยู่ได้ไม่นานเราก็กลับ ฮ่าๆๆๆ จริงๆเหมาะมาตอนช่วงเย็นๆมากกว่า แต่ตอนที่เรามามันเป็นช่วงบ่ายๆพอดี เลยร้อน (ค่าเข้าสวนคนละ 300เยน)

o181nymq4qg7
ldkp8cwpdcf7
j1vt60y5keug
8pdbg3mu7ypf
cmnh6c6lrzoj
5b5npe8pm347


ที่สุดท้ายของวันนี้คือ Osu Kannon (วัดโอสึคันนง) ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจาก Jingunishi Station และเปลี่ยนสายที่ Kamimaezu Station ไปลงที่ Osu Kannon Station ออกทางประตู 2 เดินไปอีกประมาณ 3 นาทีเท่านั้นเอง

5kzr5hfgr5xr


ข้อมูลที่ได้มาวัดนี้มีสั้นๆ เป็นวัดพระพุทธ ตัววัดดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1333 ที่จังหวัดโอวาริ เนื่องจากเดิมวัดถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง โชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ ได้ย้ายที่ตั้งของวัดมาไว้ที่เมืองนาโกย่า ในปี ค.ศ.1612 จบ สั้นจริงๆ เดินดูรอบๆแล้วไม่ต่างจากทั่วไป เราก็ไม่รู้ว่าวัดมีขอพรเรื่องใด เพราะไม่มีข้อมูลใดๆเลย

7w8lwuhpfz4g
dc9561iik0nl
eicf51ynxke6
m4pe32k2kkuo


ตรงด้านข้างของ Osu Kannon ยังมี Osu Kannon Dori ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งชื่อดังของเมืองนาโกย่าด้วย ที่เป็นแหล่งรวมร้านค้ามากมาย มี ร้านขนม ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านของมือสอง ที่นี่เหมาะสำหรับนักช้อปเลย มีพันหมดพัน มีหมื่นหมดหมื่น เรียกว่าโซนละลายทรัพย์เลยล่ะ

aib57l5z85yc
cl0dsriigue2


อยู่เมืองนาโกย่าจนพอใจแล้ว เราเดินทางกลับไปเมืองโอซาก้ากันต่อ โดยขึ้นรถไฟจาก Nagoya Station

ลงที่ Osaka Station ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. และนั่งต่อไปลง Tamatsukuri Station เพื่อเข้าที่พัก ใครที่มีกระเป๋าเดินทางล้อลากใบใหญ่ๆ แนะนำให้ลิฟท์ขึ้นลงนะ ไม่งั้นแบกกระเป๋าหลังหักแน่นวล และคืนนี้เราพักที่ Sun Village Tamatsukuri (ค่าตั๋วค่ารถไฟ JR Tokaido Line คนละ 3,350เยน)

gqkxipz04g7l


26/08/61

วันที่หก วันสุดท้ายเราจะไปแอบเด็กกันที่ Universal Studio Japan กันเด้ออออ เรา check out

ออกจากที่พักกันแต่เช้า นั่งจาก Tamatsukuri Station ไปลงที่ Nishikujo Station เพื่อฝากกระเป๋า

และต่อจาก Nishikujo Station ไปลงที่ Universal-City Station

ergfkwpd3bq3


และตั๋วสำหรับเข้า Universal Studio Japan + บัตร Express Pass4 (สำหรับเข้าเล่นโดยไม่ต้องต่อคิวจำนวน 4 เครื่องเล่น) ก็ซื้อผ่านแอป Klook ก่อนมาญี่ปุ่นเช่นกัน ถ้าใครจองผ่านโทรศัพท์มือถือสามารถให้พนักงานยิงบาร์โค้ดผ่านมือถือได้เลย ไม่จำเป็นต้องปริ้นใส่กระดาษมา หรือใครต้องการแบบไหนก็ตามสะดวกนะจ๊ะ หน้าตาของตั๋วที่ซื้อจะเป็นแบบนี้

uesrdtrirvt5


เข้ามาก็จะเจอลูกโลกสัญลักษณ์ของ Universal ก่อนเลย แวะถ่ายรูปซะหน่อยย

29ik4f8t8vbu


ก่อนผ่านเข้าไปด้านใน ก็เอาตั๋วที่เราซื้อผ่านแอป Klook ยืนให้พนักงานยิงบาร์โค้ดเลย

791am4sns2eu


บรรยากาศด้านใน Univaesal Studio Japan

sp22gaigz8a9
117cg2prosvg
emisszeq9cw1
ziph02au5eor
aiujyykc4ny8
54hhg01dj88h
4qt8vyuolznj
fwjpcbrmr50d
zlkobmfav6pe


ถึงเวลาหมดสนุกแล้ว เราไปรับกระเป๋าที่ Nishikujo Station และนั่งจาก Nishikujo Station ไปลง

JR Namda Stationเพื่อไปแลกตั๋วรถไฟ Nankai Line Airport Express ที่ซื้อจากทางแอป Klook สามารถไปแลกได้ที่ศูนย์ให้บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว Japan Holiday อาคาร OCAT สถานี JR Namda จากนั้นนั่งจาก NAMBA Station มาลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ

mza6okfz6kk2
0awbluy54w6h
jh19q81z6frb


เราเดินทางกลับโดยสายการบิน Airasia X Flight XJ611 จากสนามนานาชาติคันไซเวลา 23.55น.

ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 03.50น.

wawcbigny1l8


การเดินทางในญี่ปุ่นโดยรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารควรเผื่อเวลา และเช็ครอบรถทุกครั้ง เพราะในแต่ละรอบ แต่ละเวลา รถจะไปต่างสถานที่กันอาจจะทำให้หลงได้ และสิ่งสำคัญควรเช็คพยากรณ์อากาศก่อนเดินทางด้วยนะ ถ้าไม่รอบคอบอาจจะทำให้เสียเวลาและเป็นอุปสรรคสำหรับการเที่ยวของเราได้

ขอบคุณท่านที่ติดตามอ่านจนจบทริปนะ ไม่ได้ถ่ายที่พักไว้ให้ดูเลย ซอรี่นะ
เราคิดว่าข้อมูลทั้งหมดที่มีนี้คงนำไปใช้ประโยชน์ได้กับหลายๆคนนะ ถ้าผิดพลาดอะไรไป
ต้องกราบขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ


____________________

รายละเอียด
สถานที่ท่องเที่ยว

- Wakayama : Awashima – Jinja Shrine , Ise Grand Shrine , Futamiokitama Shrine , ISE Sea Paradise

- Nagoya : Nagoya Castle , Nittaiji Temple , Oasis 21 , Atsuta Shrine , Shirotori Garden , Osu Kannon

- Osaka : Universal Studio Japan

ตั๋วต่างๆ (จองผ่าน Klook ทั้งหมด)

- ตั๋ว JR Osaka - Nagoya 'Ise - Kumano - Wakayama Area Pass สำหรับ 5 วัน (3,302฿)

- ตั๋วรถไฟ Nankai Line Airport Express - สถานีนัมบะ - สนามบินคันไซ (335฿)

- บัตรเข้า Universal Studio Japan 1 Day (2,279฿)

- บัตร Express Pass 4 - Universal Studio Japan (3,280฿)

- Pocket Wifi (7วัน 1,603฿)

ที่พัก (จองผ่าน Booking.com ทั้งหมด)

- Oyado Hana (1คืน 2,696฿)

- Sanco Inn Ise - Ekimae (1คืน 2,770฿)

- APA Hotel Nagoya Sakae (2คืน 6,089฿)

- Sun Village Tamatsukuri (1คืน 585฿)

____________________

สวัสดีครับ

HangOut : ออกเที่ยว

ความคิดเห็น