Pause to appreciate the beauty around you




สวัสดีค่ะ กลับมาเจอกันอีกแล้ววว :)

อาทิตย์ก่อนไปเที่ยวอำเภอปัว จังหวัดน่านมาค่ะ เป็นจังหวัดที่อยากจะไปมานานมากๆ แล้ว

แต่เพิ่งมีโอกาสและเวลา ต้องมาฮีลตัวเองด้วยภูเขาบ้าง เป็นทริปเอาใจสายธรรมชาติอีกแล้ว

จะเป็นยังไงไปติดตามกันเล้ยยย


ITINERARY

ด้านบนนี้เป็นแพลนคร่าวๆ ค่ะ โดยจะไปแลนด์มาร์กที่คุ้นเคยกันนี่ล่ะ

เราเดินทางคืนวันที่ 29 ก.ย. ค่ะ จะถึงปัวเช้าวันที่ 30 พอดี


TRANSPORTATION

โดยการเดินทางครั้งนี้ตอนแรกตัดสินใจอยู่ค่ะว่าจะบินไปหรือยังไงดี

แต่เช็คแล้วตั๋วเครื่องบินค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ ก็เลยตัดสินใจนั่งรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ค่ะ

จองได้ในเว็บ https://www.sombattour.com เลยค่ะ

ค่าเสียหายไป-กลับ 1,016 บาท เป็นแบบ Star ค่ะ ขึ้นรถที่หมอชิต 2 น้า

ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 11 ชั่วโมงกว่าๆ แต่เป็นรถกลางคืนเลยหลับสบายมากๆ 5555


DAY 1

06.30 แลนดิ้งที่ปัวแล้วว

พอดีพี่ที่ไปด้วยกันเป็นคนน่าน ก็เลยยืมมอเตอร์ไซค์พี่แกนี่ล่ะ ขับเที่ยวทั่วเมืองเลยค่ะ

* ถ้าจะเช่ามอเตอร์ไซค์ มีร้าน สุวัฒนายานยนต์ อยู่ตรงข้ามกับโลตัสปัวค่ะ

วันละ 300 บาท ติดต่อได้ที่ 081-9508121


วัดภูเก็ต – WAT PHUKET

สำหรับจุดหมายแรกก็คือวัดภูเก็ตค่ะ อาจจะงงทำไมถึงชื่อภูเก็ต

ตั้งตามชื่อหมู่บ้านเก็ต ซึ่งอยู่บนเนินเขา เลยเติม 'ภู' เข้าไป ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเลยค่ะ

เปิดกูเกิ้ลแมพแล้วตามมาเลย จะเป็นทางแคบๆ เข้าซอย ขึ้นเขานิดหน่อยค่ะ

สำหรับจุดเด่นของวัดภูเก็ต อย่างที่รู้ๆ กัน วิวทุ่งนา 360 องศาแบบนี้นั่นเองค่าาา

แนะนำให้มาแต่เช้า คนจะไม่ค่อยเยอะมาก

แอบครึ้มๆ หมอกลงนิดหน่อย ไม่ค่อยมีแดดเลย แต่ทุ่งนาเขียวชอุ่มมากกก

ฮักนากาแฟ

มองลงมาด้านล่าง จะเห็นร้านฮักนากาแฟ & ฮักนาไทลื้อตั้งอยู่ค่ะ

สามารถเดินลงบันไดวัด มาจิบกาแฟร้อนยามเช้าสวยๆ ได้


ชมวิวภูเขากับสายหมอกยามเช้า


กาแฟบ้านไทลื้อ – BAN TAI LUE CAFÉ

ขับตามถนน 1081 มาเรื่อยๆ ที่เที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่บนถนนเส้นนี้ค่ะ

มาถึงอีกร้านกาแฟชื่อดังของอำเภอปัว กาแฟบ้านไทลื้อนั่นเองค่ะ

ลงมาเดินเล่น ซึมซับบรรยากาศท้องนาสีเขียวฉ่ำๆ ดูข้าวที่เพิ่งออกรวง

โอบล้อมด้วยภูเขา ฮือ ฟิน

ตกแต่งด้วยสไตล์ไทลื้อผสมล้านนาค่ะ

เติมคาเฟอีนเข้าร่างกายกันหน่อย

ส่วนตรงนี้เป็นผ้าทอของร้านลำดวนผ้าทอที่ตั้งอยู่ด้านหน้าร้านกาแฟไทลื้อค่ะ


ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ – BAAN HUANAM MUSHROOM FARM

ในเส้นทาง 1081 นี้ฟาร์มเห็ดจะอยู่ไกลสุด ขับตามกูเกิ้ลแมพมาอีกเช่นเคย

ต้องไต่เขากันนิดหน่อยนะคะ แต่มาถึงแล้วชื่นใจมากกับสีเขียววว

เจอร้านขายของที่ระลึกกันก่อนเลย แว้บเข้าไปซื้อโปสการ์ดน่ารักๆ มา

บรรยากาศดีมากๆ มีความตะวันตกเล็กน้อยไม่รู้ทำไม 5555

โต๊ะฝั่งในร้านเต็มเลยได้มานั่งฝั่ง outdoor ล้อมรอบด้วยป่าไผ่ บรรยากาศดีมากกก

ว่าแล้วก็สั่งเมนูในตำนานมาชิมกัน พิซซ่าเห็ด (150 บาท) นั่นเองง

มียำเห็ดสามสหาย (90 บาท) ด้วยค่ะ

พิซซ่าเป็นแบบบางกรอบ อร่อยกรุบแบบไม่ต้องใส่ซอสก็อร่อยแล้วอะ

แถมชีสยืดๆ พอๆ กับเห็ดเข็มทองที่ยืดๆ ฟินมากค่า

กินเสร็จแล้วก็ไปเดินย่อยชมวิวนิดนึง ด้านบนนี้ก็เห็นวิวทุ่งนากว้างไกลมากๆ

มีชิงช้าให้มานั่งถ่ายรูปด้วยล่ะตัวเอง

วันนี้เมฆหนาหมอกลงหนักมาก ไม่มีโอกาสให้เห็นฟ้าใสๆ เลย 5555

ทางเราไม่ได้เดินลงไปตรงวังศิลาแลงนะฮะ


COCOA VALLEY

ย้อนกลับมาเที่ยวฝั่งในเมืองก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอินที่พัก

เลยแวะมาที่โกโก้วัลเล่ย์รีสอร์ท เพราะได้ยินมาว่ามีโกโก้เข้มข้นให้ลองชิม

แถมร้านยังน่ารักมากๆ ด้วย

ร้านตกแต่งน่ารัก มองเห็นวิวภูเขาาา

สั่งมาลองกัน 2 แก้วค่ะ (ถามตัวเองดูว่าวันนี้โดนน้ำหวานไปกี่แก้วแล้ว... 5555)

อันแรกเป็นโกโก้ร้อน + มาร์ชเมลโลว์

ส่วนอันนี้เป็นโกโก้เย็นค่ะ เข้มสะใจมากๆ หอมสุดๆ

สวรรค์ของคนรักช็อกโกแลตชัดๆ


บ้านสวนในฝันโฮมสเตย์

HOMESTAY – FARMSTAY

มาถึงไฮไลท์ของเราในทริปนี้ โฮมสเตย์กึ่งฟาร์มสเตย์ที่ให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุดๆ

เรียกได้ว่าได้สัมผัสวิถีชาว local เต็มๆ เลยค่ะ โดยที่พักจะตั้งอยู่ก่อนถึงกาแฟบ้านไทลื้อ

ได้เวลาเช็คอินแล้วว

ส่วนนี่พี่จันเพ็ญเป็นเจ้าของที่พักที่นี่ค่ะ พี่เขาจะดูแลเราตลอดการพักที่นี่

รวมถึงจัดการทุกอย่างในโฮมสเตย์นี้ร่วมกับคุณพ่อ

บรรยากาศรอบๆ ก็จะเขียวๆ เต็มไปด้วยดอกไม้ต้นไม้

ด้านหน้าที่พักจะเป็นแปลงผักกับสวนที่ปลูกไว้กินเองค่ะ

พี่เขาบอกว่าตอนแรกกะว่าจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่เอง บวกกับปลูกผักปลูกดอกไม้

แต่ไปๆ มาๆ ก็ได้บ้านเพิ่มมาอีก 2 หลัง ตกแต่งสวยๆ จนเป็นโฮมสเตย์

ที่ให้คนมาพักได้สัมผัสถึงวิถีชาวสวนท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ค่ะ


Welcome drink เป็นน้ำเสาวรสคั้นสดๆ จากสวน

มาเป็นขวดแบบนี้ มีทั้งแบบหวานกับหวานน้อยให้เลือกเลยค่ะ เฟรชมาก!

สำหรับบ้านพักมีทั้งหมด 3 ประเภทค่ะ

1. บ้านดอกมะลิ (Dokmali) 2. บ้านดอกแก้ว (Dokkeaw) 3. บ้านพุทธรักษา (Phuttaraksa)

สองบ้านแรกราคา 1,500 บาทต่อคืน ส่วนบ้านพุทธรักษาสอบถามราคาได้กับทางพี่จันเพ็ญค่ะ

เนื่องจากมี 3 หลังเลยทำให้เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากๆ


บ้านดอกมะลิ – BAN DOKMALI

ในคืนนี้เราพักที่บ้านดอกมะลิค่ะ เป็นบ้านฝาไม้ไผ่สาน เตียงเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง

ด้านในจะตกแต่งด้วยผ้าพื้นเมือง มี facilities ต่างๆ ครบค่ะ

กาน้ำร้อน ไดร์เป่าผม สลิปเปอร์ ปลั๊กพ่วง มีของว่างเป็นกล้วยสดๆ จากสวนและกล้วยตากค่ะ

มีมุ้งกันยุงไม่พอ มีเครื่องไล่ยุงให้ด้วยค่ะ double protection สุด 5555

ในห้องน้ำก็จะเป็นแบบปูนเปลือยแบบนี้ค่ะ

มีกิมมิกก็คือ สามารถเปิดประตูบานเฟี้ยมออกมาชมวิวได้ด้วย!

ด้านหน้าห้องก็สามารถนั่งๆ นอนๆ จิบชา ฟังเสียงธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดเลย

บ้านดอกแก้ว – BAN DOKKEAW

ส่วนหลังนี้ บ้านดอกแก้วจะเป็นบ้านฝาไม้ไผ่สานเช่นกันค่ะ แต่เตียงจะเป็นเตียงคู่

อุปกรณ์ต่างๆ มีให้เหมือนกันเลย ต่างกันที่เตียงกับการตกแต่งห้องน้ำค่ะ

ห้องนี้จะโมเดิร์นกว่านิดนึง


วิวมองออกมาก็จะเห็นภูเขาแบบนี้เลย


บ้านพุทธรักษา – BAN PHUTTHARAKSA

มาถึงหลังสุดท้าย เป็นบ้านไม้สไตล์ไทลื้อ เหมาะสำหรับคนที่มาเป็นครอบครัวหรือแก๊งเพื่อนค่ะ

มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ

ห้องน้ำมีทั้งแบบ shower กับตุ่มตักอาบแบบสมัยก่อนเลย คิดถึง

แถมระเบียงให้ชมวิวภูเขาเต็มๆ ไปเลย ได้สองต่อทั้งดูดาว กับทั้งดูพระอาทิตย์ขึ้น



เทศกาลโลกของกว่าง

หลังจากงีบสบายๆ ที่ห้องในช่วงบ่าย พี่จันเพ็ญก็ชวนไปเที่ยวงานกว่างค่ะ

หรือเรียกเต็มๆ ว่าเทศกาลโลกของกว่าง ในอำเภอปัวนี่ล่ะ วันนี้มีแห่ขบวนเปิดงานพอดี

โดยในงานจะมีการแห่หุ่นกว่าง ประกวดกว่าง ประลองกว่าง (กว่างก็คือน้องด้วงนี่ล่ะค่ะ)


บรรยากาศก็จะคล้ายๆ กับงานวัด มีเครื่องเล่นต่างๆ ชิงช้าสวรรค์ ปาลูกโป่ง ปาลูกดอก ฯลฯ

คิดถึงวัยเด็กเลยยย

แวะกินเครปสายรุ้ง



DAY 2

รีบตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่ะ พี่จันเพ็ญบอกว่าเลยจากที่พักไปนิดนึง

จะมีทางเข้าทุ่งนาให้ไปปั่นจักรยานเล่นชมวิวได้ ก็เลยไปตั้งต้นตรงนั้นล่ะ

ที่ที่พักมีจักรยานให้ยืมไปปั่นได้นะคะ


ทะเลหมอกกกกกกกกกก

ทุ่งนาเขียวฉ่ำๆ กับข้าวที่เพิ่งออกรวง


ตูบน้อย

ดูจากท่าทีแล้วไม่น่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ หมอกลงหนักมาก เมฆเยอะมาก 5555

กลับมานั่งดูวิวภูเขาเพลินๆ ที่ระเบียงบ้าน

หรือจากหน้าห้องพักก็เห็นหมอกเช่นกัน

BREAKFAST

ไก่ขันต้อนรับเรากลับมา พร้อมกับฟ้าที่สว่างแล้ว ลงมากินข้าวเช้ากันค่ะ

ด้านล่างของที่พักจะเป็นครัว+ห้องอาหารแบบนี้

หน้าตาของอาหารเช้าวันนี้~

ประกอบไปด้วยสลัดผัก ซึ่งผักนี่คือสดๆ จากฟาร์ม ออแกนิคสุดๆ ไปเลยค่า

ขนมปังมีทั้งแบบธรรมดากับโฮลวีท ต่อด้วยไข่กะทะ อันนี้ไม่ออแกนิค แต่อร่อยมาก 5555555

ตามมาด้วยอะโวคาโดปั่น ซึ่งปลูกเองในสวนเช่นกันค่ะ หอมๆ นวลๆ มาก

จบด้วยชาญี่ปุ่นร้อนๆ

พี่จันเพ็ญผู้ดูแลอาหารเช้าของเราในวันนี้

นอกจากที่นี่จะปลูกผักกินเองแล้ว ยังทำสบู่อะโวคาโดด้วยค่ะ เป็นแบบออแกนิคอีกเช่นเคย

เรียกได้ว่า อะโวคาโดนี่เป็นของดีเมืองน่านเลยค่ะ ที่เห็นในภาพจะเป็นพันธุ์แฮส เป็นลูกกลมๆ ใหญ่ๆ

พี่จันเพ็ญ คุณพ่อ และน้องหมา squad

ใครรักหมาบอกเลยว่ามีน้องๆ 2 ตัวคอยป่วนอยู่ตลอด เย้

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่ดูแลพวกเราในการมาพักครั้งนี้ จะต้องกลับมาเยี่ยมแน่นอน

บรรยากาศสงบ มี soundtrack เป็นเสียงของต้นไม้ใบหญ้า สัตว์ต่างๆ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์

การที่ได้เอาตัวเองมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เป็นประสบการณ์ที่ยังไงก็ต้องมาสัมผัส

สัก 1 ครั้งต่อเดือนจริงๆ ค่ะ ฮีลใจมากๆ


* ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของบ้านสวนในฝันได้ในเพจนี้เลยค่ะ

https://www.facebook.com/บ้านสวนในฝัน-โฮมสเตย์-ปัว...



ออกมาเดินเล่นที่ท้องนาอีกรอบ


คุณป้าหันมาเตือนว่า อย่าเดินไปไกลมากนะ หลังจากนี้เป็นป่าแล้ว


แอบฝากกระเป๋าไว้กับที่พัก แล้วออกมาแว้นมอเตอร์ไซค์ไปดอยภูคากันค่ะ

จุดมุ่งหมายจริงๆ คืออยากไปดูว่าถนนลอยฟ้าที่เค้าบอกว่าวิวอลังการนี่เป็นยังไง 5555


ถนนลอยฟ้า (1256)

ด้วยเวลาอันจำกัดเราเลยไม่ได้ไปเส้น 1081 แต่เลือกมาเส้น 1256 แทนค่ะ

เห็นเค้าบอกกันว่ามันก็ลอยฟ้าทั้งสองฝั่ง และจริงๆ สามารถขับวน loop ได้ด้วย

ฟ้ามันครึ้มๆ ใจบ่ค่อยดีเล้ยย

มาถึงแล้ว (รึเปล่า...) 555555

วิวสวยมากกกกก แม้วันนี้จะฟ้าไม่ใส แต่ได้เห็นสีเขียวของภูเขาแล้วชื่นใจ

เชื่อก็ได้ว่ามาถูกแล้ว แต่ไว้รอบหน้าจะลองไปเส้น 1081 นะ


ขับขึ้นไปจุดชมวิวดอยภูคากันค่ะ

พอเริ่มกลางๆ ทางหมอกเริ่มลงละ

จุดชมวิว 1715

มาถึงแล้ววว ตามป้ายจุดชมวิวมาเรื่อยๆ แบบลุ้นๆ ว่าเมื่อไหร่จะถึง เพราะหมอกลงหนามาก

วิวดีงาม เห็นภูเขาไปถึงโน่น ถ้ามาตอนเช้าน่าจะได้เห็นทะเลหมอกเต็มๆ ค่ะ

สวยแบบไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย

รู้งี้หาเวลามาน่านตั้งนานแล้ววว <3

บ๊ายบายดอยภูคา ถนนลอยฟ้า ไว้จะกลับมาใหม่

ขาลงมาจากดอยภูคาคือฝนตกหนักมาก ดีนะเตรียมเสื้อกันฝนไปก่อน

อย่าลืมเช็คสภาพอากาศและเตรียมพร้อมไว้เสมอนะคะ ขับขี่บนภูเขาอันตรายนิดนึง


คาเฟ่ เดอ ปัว – CAFÉ DE PUA

เช็คอินแลนด์มาร์กสุดท้ายก่อนกลับ กับร้านที่ใครๆ ก็พูดถึง คาเฟ่ เดอ ปัวค่ะ

ร้านตกแต่งน่ารักๆ อบอุ่น

ซึ่งวันนี้ไม่มีคนเลย เพราะฝนตก 5555

เติมพลังหลังจากขับรถขึ้นดอยกันค่ะ

สปาเกตตี้ไส้อั่วผัดพริกแห้ง อร่อยเผ็ดๆ นัวๆ เข้ากันอย่างประหลาด ตัดด้วยชามะนาว

เสียดายค่ะไม่ได้กินของหวานด้วยเพราะค่อนข้างอิ่มละ 5555

บรรยากาศครึ้มๆ ฝนตก

หลังจากกินข้าวเสร็จก็แวะไปเอากระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้านค่ะ


เรียกได้ว่าเป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืนที่ฟื้นฟูจิตใจได้ดีมาก

สำหรับคนที่รักธรรมชาติ อ.ปัว จ.น่าน นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆ ในการมาพักผ่อน

โอบล้อมด้วยทุ่งนา ภูเขา ทะเลหมอก ยังไงก็ต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้เลยค่ะ :)


แล้วเจอกันทริปหน้าน้า


ติดตามทริปอื่นๆ และรูปเพิ่มเติมได้ที่

FB http://www.facebook.com/agirlgoesthere

Instagram: @agirlgoesthere

Blog http://www.agirlgoesthere.com


Patcharaporn Sutasininon

A girl goes there.

 วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.20 น.

ความคิดเห็น