ญี่ปุ่นเหรอ!! เห๊อะ..เห๊อะ..ไม่ได้อยู่ใน list ที่อยากจะไปเท่าไหร่เลย
ฉันเป็นคนไม่ค่อยชอบเมืองที่ศิวิไลซ์เท่าไหร่นัก...ไม่รู้เป็นคนประหลาดหรือป่าว???
เพราะคนส่วนใหญ่เค้าคงชอบเที่ยวประเทศที่เจริญ ทันสมัย เดินทางสะดวกกันทั้งนั้น
.......เอี๊ยดดดดด...รอบนี้ได้ไปโดยไม่ตั้งใจจริง ๆ น๊า ปกติเป็นคนไม่ชอบไปกับทัวร์ด้วย
.......กริ๊ง ๆๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนกำลังวิ่งอยู่ >> แม่โทรมาตามป่าวว๊าาาา
......ลูก แม่มีข่าวดี คนที่จะไปเที่ยวทัวร์กับแม่เค้าไปไม่ได้ เค้าเลยขายทัวร์ถูก ๆ ให้ ลูกจะไปไหม??
......อินี้ ได้ยินราคาปุ๊บ บอกแบบไม่คิดเลย ไปๆๆๆๆๆๆๆๆ คร้า
......งั้นลูกรีบวิ่งกลับมาบ้านเลยนะ มาจัดการเรื่องเลยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเดินทางแล้ว
>>>> และแล้ว speed เกียร์หมาตรูก็มาเลย
23:55 น. บินสู่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชม.
ถึงญี่ปุ่น สนามบินชิโตเซ่ >> ตามเวลาท้องถิ่นก็ประมาณ 8 โมงเช้าวันใหม่พอดี
ไม่อยากจะบอกว่าไม่ได้นอนเลย นั่งแบบทรมาณจริง ๆ เราไม่สามารถนั่งหย่อนขาแล้วหลับได้...
....ถึงสนามบินก็จัดการล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าซักนิด...นิดเดียวจริง ๆ นะ จะได้สดชื่น ;-)
วันแรก
เดินออกประตูมาก็เจอ Doramon รอต้อนรับเลย การ์ตูนวัยเด็กของฉัน
ประเทศนี้เค้าทันสมัยไปซะทุกอย่างจริง ๆ เข้าห้องน้ำในสนามบิน ทำธุระเสร็จ
เฮ้ย!!! กดน้ำตรงไหนเนี่ย...สายตากวาดมองรอบห้องน้ำ เหมือนมองหาลายแทงสมบัติ
โอ้ววววว...แม่เจ้า....ตรูเจอที่กดชักโครกแล้ว นึกว่าจะไม่ได้ออกห้องน้ำซะแล้วเรา 55555
>>> ได้เวลาออกเดินทางสู่ เมือง Noboribetsu เค้าบอกว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยบ่อน้ำแร่
และมีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะฮอกไกโด ที่พักคืนนี้มีออนเซนด้วยแหล่ะ...แต่เราไม่ได้ใช้บริการ :-(
ดันเป็นวันนั้นของผู้หญิง >>>> เซ็งไหมหล่ะ อยากลองสักครั้ง อดเลย
....แต่ก่อนจะไปเที่ยว..ทัวร์เค้าพาแวะทานข้าวก่อน
จำชื่อเรียกไม่ได้แล้วอ่ะ...ทุกอย่างผัด ๆ รวมกันบนกระทะร้อน ทานกันแทบไม่หมด
เห็นรูปอีกรอบก็หิวขึ้นมาเลย
...จากที่นั่งรถมาตามทาง เมืองนี้แทบจะไม่ค่อยเห็นผู้คนเลย
...เรากับแม่ก็สงสัยว่าคนหายไปไหนกันหมด
...รถที่ใช้ในเมืองนี้ก็จะเป็นรถคันเล็ก ๆ บ้านก็เล็ก ๆ เหมือนเราอยู่ในเมืองตุ๊กตา
ทุกอย่างดูเล็กกระทัดรัดไปหมด
>>>สถานที่เที่ยวแห่งแรกของวันนี้คือ จิโกกุดานิ หรือ หุบเขานรก เห็นว่าเป็นฉากหนึ่งใน
ภาพยนตร์แฟนเดย์ หนังไทยของบ้านเรานี่แหล่ะ ที่นี่สามารถเห็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน
ตามธรรมชาติได้ตลอดเวลา ระหว่างที่เดินในนี้จะได้กลิ่นกำมะถันของน้ำแร่ตลอดทาง
ที่นี่เราจะเห็นรูปปั้นยักษ์เต็มเมืองไปหมด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง เชื่อว่าช่วยปกป้องเมืองนี้
>>> หลังจากนั้นไปขึ้น กระเช้าอุสุซัง (Usuzan Ropeway) ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อไปยังบริเวณที่ใกล้
กับยอดภูเขาไฟอุสุ ข้างบนนี้เราจะสามารถมองเห็นวิวอันงดงามได้โดยรอบ
และมองเห็นทะเลสาบโทยะอีกด้วย
...ด้วยการที่ตัวเองเป็นสายวิ่งอยู่แล้ว มันแอบอดไม่ได้กับบรรยากาศแบบนี้
เลยขอวิ่งวนรอบจุดชมวิวนี้สักหน่อย มีแต่คนมองว่าบ้าป่าว???
ต่อจากตรงนี้เค้าพาไปชมหมีสีน้ำตาล...แต่โดยส่วนตัวเราไม่ชอบเลยอ่ะ เห็นแล้วมันเศร้า
เลยขอผ่านจุดนี้
>>ที่พักเราคืนนี้ในห้องคือมันเป็นบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นมาก ๆ
พอเข้าไปในห้องปุ๊บ คิดถึงเรื่องโดเรม่อนเลย...
บอกแม่ว่า "แม่ ๆๆๆ นี่ไงห้องนอนโนบีตะ กับ โดเรม่อน แล้วโดเรม่อนก็นอนตรงนี้นะ" 555
เมืองนี้เป็นเมืองเงียบ ๆ เล็ก ๆ ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน..
ออกไปเดินรับบรรยากาศ ข้างนอกหนาวมาก ลมก็แรง
คืนนี้ทั้งแม่ ทั้งลูก หลับแบบไม่รู้เรื่องเลย ZzzZz
วันที่ 2
วิวริมทะเลสาบโทยะ
>> เช้านี้เราเดินทางสู่เมืองโอตารุ (Otaru) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
ตามข้างทางต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีให้เห็นบ้างแล้ว... ถ้าเป็นบ้านเราก็คงเปลี่ยนสีเป็นใบไม้แห้งสีน้ำตาลไหม้
รถบัสพาพวกเราจอดแวะเข้าห้องน้ำกลางทาง..ตรงนี้วิวสวยใช้ได้เลย
>>>สักพักเราก็เดินทางถึงเมืองโอตารุ เมืองเล็ก ๆ แต่ที่นี้เริ่มเห็นผู้คนมากขึ้
ส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวซะมากกว่า ...
ตรงนี้เขาพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี...เราแว๊บเข้าไปแป๊บเดียว ไม่ชอบ
เลยเดินไปที่คลองโอตารุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ อดีตเป็นคลองที่เกิดจากการถมทะเลเพื่อใช้
เป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้า ภายหลังเลิกใช้และถมคลองเหลือแค่นิดเดียว
ตรงนี้จะมองเห็น หอนาฬิกาไอน้ำ อยู่ด้านหน้าอาคาร
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี
ร้านนี้ขนมอร่อยมาก...ถ้ามาอย่าลืมแวะนะ
นี่แหล่ะค่ะ...คลองโอตารุ สัญลักษณ์ของเมืองนี้
เมื่อก่อนเป็นโกดังเก็บสินค้า ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นร้านค้าหมดแล้ว
ในที่สุดก็เดินทางถึงเมืองซัปโปโร เสียที อาคารสูงตะหง่าน เราสังเกตุว่าการวางผังเมืองของเค้า
เป็นระบบระเบียบมาก ถ้าแบ๊คแพ็คมานี้เดินเที่ยวได้สบาย ไม่หลงเลย...
สีสันของอาคารไม่ฉูดฉาด และมีแค่รูปทรงสี่เหลี่ยม ผู้คนแต่งตัวสีทึม ๆ
อิป้า...แอบแฝงถ่ายกับเด็กนักเรียนสักหน่อย
เย็นวันนี้เราได้ไปเดินเที่ยวถนนคนเดิน TANUKIKOJI ย่านช็อปปิ้งเดินทะลวงกันไปถึง 7 บล็อกเลย
น่าจะมีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ซึ่งแต่ละบล็อกจะมีหลังคาเชื่อมต่อกันสุดสาย..
เตรียมเงินไปช็อปกันเยอะ ๆ นะค่ะ...เรานี่เสียดายไปยืนมองรองเท้า โหย ถูกครึ่ง ๆ กับบ้านเรา
ค่ำคืนนี้ปิดท้ายกันด้วยบุพเฟ่ต์ปิ้ง ย่าง ขาปูยักษ์ เสียดายเวลามีน้อย แค่แกะขาปูกินก็จะหมดเวลาแล้ว
วันที่ 3
เช้านี้มาเสริมความเป็นสิริมงคลด้วยการไปเคารพศาลเจ้าฮอกไกโดกัน
ก่อนเข้าศาลเจ้า ทุกๆที่ในญี่ปุ่นนั้น จะมีบ่อน้ำสำหรับล้างมือ เพื่อชำระร่างกายให้สะอาด
ทางไกด์แนะนำว่า มีวิธีการล้างมือดังนี้
- ให้หยิบกระบวยตักน้ำขึ้นมาด้วยมือขวา
- ใช้กระบวยตักน้ำขึ้นมาล้างมือซ้ายก่อนแต่อย่าเทน้ำหมดนะค่ะให้เหลืออยู่พอสมควร
- จากนั้นเปลี่ยนมาจับกระบวยด้วยมือซ้าย แล้วใช้น้ำล้างมือขวา อย่าให้หมดอีกเช่นกัน
- เปลี่ยนมาจับกระบวยด้วยมือขวา เทน้ำใส่มือซ้ายเพื่อเอามาล้างปาก
- ล้างมือซ้ายอีกครั้ง
- ยกกระบวยตั้งขึ้น ใช้น้ำส่วนที่เหลือล้างด้ามกระบวย ถือเป็นอันเสร็จ
บ่อน้ำสำหรับล้างมือ
เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ ก็จะเจอกับกล่องไม้สำหรับโยนเหรียญ ที่นี้เราจะมาขอพรกัน
แต่คนญี่ปุ่นก็จะมีขั้นตอนในการขอพรเหมือนกันค่ะ
- โยนเหรียญลงไปในกล่องบริจาค ส่วนใหญ่เป็นเหรียญ 5 เยน
- โค้งสองครั้ง
- ตบมือสองครั้ง แล้วพนมมือขอพร
- โค้งอีกหนึ่งครั้ง เป็นอันเสร็จ
หลังจากนี้เดินทางไปโรงงานช็อคโกแลตกันอิชิยะ (Ishiya) ต่อค่ะ
ช็อคโกแลตที่นี่อร่อยมากจริง ๆ ค่ะ
ข้าง ๆ โรงงานช็อคโกแลต เราเห็นมีสนามซ้อมบอล เลยชะเง้อไปดู
เฮ้ย!! นี่มันสนามซ้อมบอลของทีมที่ เจ ชนาธิป อยู่นี่นา
เดินทางกันต่อ..ไปชมพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปและน่าจะถูกใจคอเบียร์แน่นอน..เพราะข้างในมีให้นั่งดื่มเบียร์กันแบบซิลล์มากเลย..
ได้เดินแค่แป๊บเดียวเองอ๊ะ..วันนี้เลยกลับไปเหยียบซ้ำอีกรอบคนเดียว... เดินเพลินเลย..
เข้าร้านโน้น ออกร้านนี้...เดินเล่นตามถนนหนทางดูอาคารบ้านเรือน ยามค่ำคืนแสงสีตามอาคารอลังมาก
เดิน ๆ ไปเห็นมีทางเดินลงใต้ดิน...พอลงไปรู้สึกตื่นตามาก ผู้คนเมืองนี้ลงมาอยู่ใต้ดินกันเยอะเลย
รู้สึกว่าคนข้างล่างนี้เยอะกว่าข้างบนอีก...ข้างล่างนี้จะเป็นทางไปสถานีรถไฟใต้ดิน
และมีเส้นทางที่สามารถเดินไปตามที่ต่าง ๆ เหตุที่เค้าลงมาอยู่ข้างล่างกันเยอะก็น่าจะเพราะ
อากาศข้างล่างนี้อุ่น ไม่ต้องเจอฝนด้วย...ใต้ดินมีร้านค้าหลากหลายเช่นกัน
เราก็เดินไปเรื่อย ๆ จนขึ้นไปโผล่ที่ TV Tower
.....เดินเล่นชั้นใต้ดินจนหนำใจแล้ว หิวแล้วสิเรา...ขึ้นไปที่ถนนคนเดิน เราหมายตาราเม็งไว้ร้านหนึ่งแล้ว
...อยากชิมว่าน้ำซุปต้นตำรับจะอร่อยขนาดไหน...
...เดินเข้าร้านไป เจ้ย!! เค้าให้กดสั่งอาหาร ทำไม่เป็นค่ะ เรียกพนักงานมาทำให้อย่างเดียวเลย
ก็มีแต่ภาษาญี่ปุ่นอ่ะ...
....แต่บอกเลยราเม็งที่นี่อร่อยมากกกกกกก นี่แค่นึกถึงก็อยากกินอีกแล้ว ขนาดเราสั่งชามเล็กแล้วนะ
ยังมาถ้วยเบ้อเริ่ม...แต่ก็ทานหมดอยู่นะ...ขณะที่กำลังนั่งกินอยู่ มีวัยรุ่นเข้ามานั่งทานข้าง ๆ
เราเหลือบมอง โห้ววว...พี่แกสั่งชามบิ๊กเลย
เช้าวันสุดท้ายเตรียมตัวออกเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว...วันนี้อากาศที่นี่เย็นเบา ๆ 6 องศา
....ไว้มีโอกาสคงได้กลับมาเที่ยว ฮอกไกโด อีกครั้ง....
...รอบนี้ไปกับทัวร์ เลยไม่รู้เส้นทางการเดินทาง...
....รอบนี้ไปกับทัวร์ เลยไม่รู้ว่าแต่ละที่มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่...
...รอบนี้ไปกับทัวร์ แต่ละที่เลยได้เที่ยวแบบจำกัดเวลา...
คนเหนือจวนแอ่ว
วันพฤหัสที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 16.14 น.