ไผว่าอีสานแล้ง สิจูงแขนเพิ่นไปเบิ่ง น้ำของไหลอยู่จ้นๆ มันสิแล้งบ่อนจั่งได๋"
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าอีสานตอนบนมีที่เที่ยวอะไรบ้าง จะเชื่อมั้ยว่า
-มีหินที่รูปร่างคล้ายปลาวาฬขนาดใหญ่
-มีสะพานไม้ที่ยื่นออกมาจกหินรอบเขาเล็กๆที่ด้านบนเป็นที่ปฏิบัติธรรม
-มีน้ำตกที่ที่ต้องร่องเรือเข้าไปและที่สำคัญมีสไลเดอร์ธรรมชาติ ที่เล่นแต่ละทีกางเกงต้องขาดตูด
-มีสะดื้อแม่น้ำโขงที่ลึกที่สุด
-มีวิวต้นยางพาราที่สวยมาก และคุณเชื่อมั้ยว่าที่กล่าวมานั้นคือจังหวัด "บึงกาฬ"
วันนี้ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่อันซีนของประเทศไทย ผมมั่นใจเลยว่ายังมีอีกหลายคนแน่ที่ไม่รู้จักว่า บึงกาฬ มีที่เที่ยวอะไรบ้าง แต่คุณเชื่อมั้ยครับ จังหวัดนี้ถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆแต่ด้วยความที่มีวิถีชีวิตที่ยังเป็นพื้นเมืองอยู่นั้นทำให้ที่นี่มีเสน่ห์ในตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้มันน่าเที่ยวโดยไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม ยิ่งตัวผมแล้วเป็นคนจังหวัดหนองคายซึ้งคุ้นเคยกับบึงกาฬดีเพราะเมื่อก่อนก็เคยเป็นจังหวัดเดียวกันกับ จังทำให้พอรู้ข้อมูลมาพอสมควร แต่ๆๆๆๆไม่เคยเที่ยวแบบจริงจังสักที ครั้งนี้ ก็เลยจะพาไปเที่ยวสถานที่หลักๆของที่นี่กันครับไปดุกันว่า ที่นี่มีอะไรเด็ดๆบ้าง
เราเริ่มต้นกันจากเมืองบึงกาฬ มุ่งหน้าสู่ภูทอก ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กหลักชื่อดังของบึงกาฬเลยครับ
ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคิรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้าง บรรไดเวียนไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มบอกเลยว่ามหัศจรรย์ใจผมมาก ผมทึ้งตั้งเเต่เด็กยันโตเลยละ
ภูทอกด้านในมีหลายหลายมุมให้เราเที่ยวชมมากครับ ด้วยความคลาสสิกของหินสีส้มตัดกับต้นไม่สีเขียว จึงทำให้มันสวยสะดุดตามาก
มาที่ชั้น 5ครับชั้นที่ผมบอกเลยว่าสวยมาก ด้านหลังนั้นคือภูทอกใหญ่ ซึ่งยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยว ถือว่าเป็นชั้นที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้นะ เพราะบนชั้นนี้จะมีทั้งศาลาขนาดใหญ่ พระพุทธรูป กุฏิพระ และเป็นที่เก็บสังขารของพระอาจารย์จวน และที่สำคัญคือสะพานหินธรรมชาติทอดสู่พุทธวิหารที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ปัจจุบันมีสะพานไม้เชื่อมต่อระหว่างสะพานหินกับพุทธวิหาร มองออกไปจะ และสามารถมองเห็นบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นที่ 6 ได้อย่างชัดเจน
หลังจากเดินเสร็จเราต้องไปต่อกันที่น้ำตกครับ
บึงกาฬมีน้ำตกหลักที่ห้ามพลาดอยู่ 3 น้ำตกด้วยกันครับ คือ 1 น้ำตกถ้ำพระ
น้ำตกถ้ำพระ สไลเดอร์ธรรมชาติ
น้ำตกถ้ำพระ หรือน้ำตกถ้ำพระภูวัว ตั้งอยู่บริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 3 ชั้น ที่ไหลอยู่บนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เนื่องจากน้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในป่าจึงจำเป็นต้องจอดรถไว้ที่ท่าเรือ แล้วนั่งเรือรับจ้างของชาวบ้านเข้าไปที่ตัวน้ำตกจากนั้นเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร แต่ทุกคนเชื่อมั้ยครับว่าที่นี่สวยมาก
ช่วย ก.ค- ปลาย ต.ค น้ำจะเยอะมากครับ
ไปต่อกันที่น้ำตกเจ็ดสีครับ อีกหนึ่งน้ำตกที่ใกล้ภูทอก ซึ่งสวยมากครับ ว่ากันว่า น้ำตกแห่งนี้ช่วงปลายฝนจะมีแสงกระทบจากแสงแดดเป็นสีรุ้ง เลยชื่อว่า น้ำตกเจ็ดสี
น้ำตกเจ็ดสีม่านน้ำจะใหญ่มากครับ
อีกหนึ่งน้ำตกครับ นั่นคือน้ำตกตาดวิมานทิพย์ ความพิเศษของน้ำตกแห่งนี้คือ จะมีน้ำแค่ช่วงฝนตก เอาง่ายๆคือ ก่อนวันที่จะไปถ้าฝนตก นั่นแหละ คือมีน้ำ แต่ๆๆๆ มันสวยมากครับทุกคน ผมชอบนพ ต้องเดินผ่านน้ำผ่านป่าขึ้นไปเรื่อยๆ มีประมาณ 5 ชั้น
ระหว่างทางที่เขาไปจะเห็นภูลังกาแบบเต็มลูกเลย ช่วงฤดูฝน หมอกนี่ลอยๆเลยครับ
ไปต่อกันเลยดีกว่าครับ ที่หินสามวาฬ ภูสิงห์ แลนด์มาร์กใหม่ที่กำลังฮิตมาก สามารถขึ้นไปเก็บแสงเช้าและเย็นได้เลยครับ
หินสามวาฬ หนึ่งในจุดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของภูสิงห์ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ในพื้นที่ของภูสิงห์ บึงกาฬถือว่าเป็นจังหวัดที่มีภูเขาที่เต็มไปด้วยกลุ่มของก้อนหินรูปทรงต่างรูปทรงแปลกตา แต่ดันไปสะดุดตาของนักท่องเที่ยวทั่วไป และหินสามวาฬ ที่มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก ความพิเศษของหินสามวาฬอยู่ตรงที่ เมื่อมองดูจากระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน ยิ่งบินโดรนถ่ายภาพมุมสูงยิ่งจะเห็นได้ชัด ผมขอบอกเลยว่าสวยมาก
หินสามวาฬ หนึ่งในจุดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของภูสิงห์ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ในพื้นที่ของภูสิงห์เอง เต็มไปด้วยกลุ่มของก้อนหินรูปทรงต่าง ๆ หน้าผา และถ้ำ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ เกิดเป็นความสวยงามที่ชวนให้สะกดสายตานักท่องเที่ยวทั่วไป รวมถึงหินสามวาฬ ที่มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก ความพิเศษของหินสามวาฬอยู่ตรงที่ เมื่อมองดูจากระยะไกล หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน
บอกเลยว่าสวยมากครับ
มาบึงกาฬหลายคนจะกังวลเรื่องที่พักมาก ผมขอให้ทุกคนลืมความรู้สึกนั้นไปได้เลยครับ วันนี้ผมมีที่นอนริมโขงมาแนะนำครับ นั่นคือ บ้านพักริมดอยรีสอร์ท อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ครับ เป็นที่พักที่รุ่มรื่นมาก มากไปกว่านั้นคือที่พักติดริมแม่น้ำโขงเราสามารถมองวิวภูเขาและสายน้ำโขงได้อย่างชัดเจน ที่พักถูกมากด้วยครับ มีหลากหลายราคามาก เริ่มต้นที่ 450 บาท บอกเลยว่า ต้องโดนใจทุกคนแน่นอน
สำรองที่พักได้ที่ 0819543762
ที่เด่นไปกว่านั้นครับ ที่นี่มีห้องประชุมสามารถจัดงานเลี้ยงได้ด้วยนะ ใครจะมาสัมนาหายห่วงเลยครับ บรรยาดีๆรอคุณอยู่
บรรยากาศที่พักจะเต็มไปด้วยต้นไม้
บ้านเป็นแบบส่วนตัวแยกเป็นหลังๆ มีทั้งเดี่ยวและบ้านแฝด
ห้องกว้างขวางหายห่วงครับ ตกแต่งเป็นบ้านไม้แบบคลาสสิก
ผมว่าจุดเด่นของที่พักตรงนี้คือความสะอาดและบรรยากาศที่โคดชิลครับ
จากนั้นเช้าอีกวันมุ่งหน้ากลับครับ แวะชิลๆที่ร้านกาแฟสักร้านมาที่นี่เลยครับ ติดริมโขงตัวเมืองบึงกาฬ
จะกลับเลยก็ไม่ได้ถ้าไม่ได้แวะสะดือแม่น้ำโขง นั่นคือวัดอาฮงครับ วิวสวยๆช่วงฤดูแล้งจะเห็นโขดหินเรียงรายเต็มไปหมด
สิ้นสุดการเดินทางในทริปนี้ เป็นยังไงบ้างครับ บึงกาฬอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคอีสานที่ไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยครับว่าจะมีสถานที่อันซีนสวยๆแบบนี้ซ่อนอยู่ มากันนะครับ ลองมาเที่ยวบึงกาฬกันดู และวคุณจะหลงรักแน่นอน เมืองบึงกาฬ เมืองอารยธรรม
เที่ยวจนวันลาหมด
วันพฤหัสที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.00 น.