Ep.5
ลุยป่าขึ้นยอดดอย
ตอนจบ
ต่อจากกระทู้ที่แล้วนะครับ ที่มี4ตอน
หายไปทำงานมานานเลย ตอนนี้พอว่างๆ เลยมารวบที่เหลือจนจบเลยครับ
อย่างที่บอกไว้ในหัวข้อคือ เราโชคร้ายนิดหน่อยที่ไปช่วงนั้น ถึงแม้จะหนาวแต่ก็เป็นช่วงที่ฟ้าปิดอยู่สองสามวันเลย
แต่มาแล้วทั้งทีก็ต้องลุยไปให้ถึงน่ะครับ
เริ่มต่อจากที่เราพักกางเต็นท์ ที่อุทยานด้านล่าง พอตื่นเช้ามาก็เตรียมตัวเดินทางไปดอยผ้าห่มปก
โดยไปติดต่อ ที่ทำการ จองคิวรถขึ้นยอดดอย ด้วยการลงชื่อไว้ แล้วรอเพื่อนร่วมทางมาหาร คันนึงก็ประมาณ8คน
ในแคป4หลังกระบะ4 น่ะครับ รถจะมารับขึ้นไปช่วงบ่าย2ครับ ค่ารถตกคนละ 250 บาทครับ รวมไปกลับแล้ว
ระหว่างรอก็เดินไปหาข้าวกิน มีร้านอาหารในอุทยานอยู่หลายร้านให้เลือกครับ ทั้งร้านข้าว ร้านกาแฟ
พออิ่มก็จัดแจงเก็บสัมภาระต่างๆ เตรียมตัวลุยครับ
ไปนั่งรอรถที่ทำการ ก็มีเพื่อนๆที่มาหารรถเต็มคันแล้ว รอแค่เวลานัดน่ะครับ
รถมาก็จัดเก็บของขึ้นรถกัน ผมเลือกนั่งหลังกัน ได้เก็บบรรยากาศหน่อย
ระหว่างเดินทางครับ
ออกถนนใหญ่มาได้นิดนึงก็จะมีทางเข้าไป
การนั่งหลังต้องระวังนะครับ เพราะอาจมีอะไรปลิวมาใส่เราได้
หรือมีกิ่งไม้ห้อยออกมาฟาดเราได้นะครับ อย่างกรุ๊ปผม ก็โดนไป มีกิ่งไม้ต่ำย้อยมา พี่คนขับนึกว่าสูงพ้น ขับผ่านไป ผมเห็นพอดี ตะโกนให้ระวัง ก็หลบกัน
แต่มีคนนึงหลบไม่ทัน ผู้หญิงซะด้วย โดนฟาดที่หน้าผาก ปูดบวมเลย ปริๆเกือบแตก น้ำตานี้ซึมเลย ต้องจอดปฐมพยาบาลกันพักนึงเลยครับ
สักพักก็เดินทางต่อครับ บางช่วงก็คดเคี้ยวถนนยังไม่เสร็จ
สักพักก็มาถึงจุดแวะพัก ชมวิวครับ
หลังจากถ่ายรูปกันเล่นสักพักก็เดินทางกันต่อครับ อีกไม่ไกล
ก็สุดทาง ถึงที่เราจะพักกันคืนนี้
เมื่อไปถึงแล้ว ก็แน่นอนครับ หาที่กางเต้นท์ ก่อนค่ำ
ผมมามุมเงียบๆหน่อยนึงครับ กะจะหลับเต็มที่ เพราะเช้ามืด ตี4ต้องออกเดินเท้า ขึ้นยอดดอย
มาที่นี่ก็เตรียมแบตกล้องชาจมาเต็มที่ แล้วก็กะเก็บไว้ไปถ่ายบนยอดเขา ถ้าโชคดีฟ้าเปิด
แต่หลังจากกางเต้นท์เสร็จ พระอาทิตย์เริ่มจะลง ก็ถ่ายซะหน่อย
หลังจากนนั้นก็เดินไปหาข้าวทานด้านหน้าที่ทำการ ก็พอมีร้านอยู่ร้านนึง เขามาทำขายช่วง เทศกาลน่ะครับ
แล้วก็มีชุดเครื่องนอนให้เช่า จากที่ทำการด้วยเหมือนกัน ขนาดตอนนั้น แค่ ประมาณ10องศา+- ก็หนาวเจ็บเลยครับ
เพราะลมแรง
คืนนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรมากครับ รีบนอนเก็บแรงอย่างเดียว
ตื่นมาจัดการล้างหน้าแปรงฟัน แบบน้ำเย็นๆๆๆๆ เสร็จ ก็ปิ้งมันไว้นิดหน่อย 2-3ลูก
แล้วก็ติดช็อคโกแลต และน้ำเปล่า ใส่กระเป๋ากล้อง
แล้วก็เริ่มออกเดินทาง แวะไปรอน้องอีก2คน ที่นัดกันไว้ แถวเต้นท์ก่อนทางขึ้น ประมาณ ตี4ครึ่ง ก็ออกกันครับ
ใครจะไปต้องมีไฟฉาย นะครับ เพราะป่าจริงๆ มืดมาก
มืดจนผมไม่หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเลย ส่วนมากใช้เวลาเดินทางกัน 2-3 ชม.
ระยะทางประมาณ 4 กม. มีทางชันมากๆ อยู่ 3-4 ช่วง ช่วงยาวๆเชียวนะครับ
ใครไม่ถนัดเดินเขา ขอแนะนำให้เดินไปพักไปครับ
ยิ่งช่วงชื้นๆ อากาศเบาบาง จะเหนื่อยง่ายขึ้นครับ
อันนี้ถ่ายตอนลงครับ เพราะตอนขึ้นมืดมาก
เดินมาจากจุดเริ่มต้น เจอป้ายนี้ก็เตรียมแรงไว้เลยครับ ชันแน่
เดินไปกลางทางก็กินช็อคโกแลตที่พกมาเพิ่มแรงได้เรื่อยๆครับ
วันนั้นกลุมผมก็เดินกันไป พักกันไป ประมาณหกโมงนิดๆก็ถึงครับ ผู้หญิงแต่ละคนในกลุ่ม สู้จนมาถึงในเวลาน้อยๆได้เชียว
มาถึงยอดดอยจนได้ แต่... อย่างที่บอกครับ
ฟ้าปิด
วันนั้นก็คนเยอะเกือบเต็ม ยอดเขาเชียวครับ
ก้นั่งกินมันเผาที่พกมารอพระอาทิตย์ไปครับ อากาศข้างบนนี่สดชื่นสุดๆ จริงครับ หมอกวิ่งชนตัวเราตลอดเวลา
นั่งรอเป็นชั่วโมงก็เห็นท่าทางว่าฟ้าปิดยาว ไม่เห็นพระอาทิตย์แน่ๆแล้ว
เลยเริ่มเดินหาถ่ายอะไรไปเรื่อยเปื่อย ดีกว่าเดินกลับปล่าวๆครับครับ
ถ่ายมาเกือบชั่วโมงหมอกที่วิ่งชนพวกเราก็ยังไม่หมดเลยครับ
ก็ได้เวลาลงจากยอดเขาล่ะครับ
ที่เห็นด้านข้างๆ อย่าเผลอเดินไปเชียวครับ เป็นเหวลึงลงไปเชียว
อันนี้อยู่ใกล้กันยังมองแทบไม่เห็นกันเลย
ตอนเดินลง ป่าที่ฟุ้งไปด้วยหมอก กับอากาศที่หนาวยะเยือก นี่ได้บรรยากาศที่หาได้ยากเลยครับ
ระหว่างทางเจอกับเฟริน เผือก สวยดีครับ ไม่ค่อยได้เห็นในป่านี้
แล้วก็เดินมาถึงด้านล่างครับ
จุดกางเต็นท์ ที่สูงที่สุดในประเทศไทย
เก็บเต็นท์ รอรถลุงมารับแล้วลงข้างล่างครับ จบทริปไปอีกแบบ อีกบรรยากาศนึงไปครับ
สัญญาครับว่าจะมาใหม่ เก็บความสวยงานในช่วงฟ้าเปิด ในครั้งต่อไปครับ
ขอบคุณทุกๆท่านทีเข้ามาชม หรือติดตามกันนะครับ
Page: https://www.facebook.com/ThaiTripper/
ThaiTripper
วันพฤหัสที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.24 น.