เวียดนามใต้ (Ho Chi Minh-Dalat-Mui Ne) ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่กลับเป็นฟินและอยากกลับไปอีกมากกว่า!! 6 วัน 5 คืน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดแค่หลักพันเท่านั้น ทริปนี้อู๊ดได้ไปกับเพื่อนทั้งหมด 4 คน
ดาลัท : เป็นเมืองที่อู๊ดชอบมากที่สุดสำหรับการไปในครั้งนี้ เนื่องด้วยเป็นเมืองที่อากาศดีมากค่อนไปทางหนาว และทุกอย่างดูชิวไปหมด อาหารอร่อยแหล่งท่องเที่ยวเยอะมากก อากาศที่นี่ดี ดีจน งง ว่านี่ประเทศเพื่อนบ้านเราจริงหรอเนี่ย
มุยเน่ : เมืองตากอากาศที่มีทะเลทราย อยากเห็นทะเลทรายไปมุยเน่ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงตะวันออกกลาง สบ๊ายยย และก็ยังเป็นเมืองที่ติดทะเลอีกด้วยนะ ก็แวะเวียนไปทานอาหารทะเลสดๆ ที่นี่ได้
โฮจีมินห์ : ร้านค้า ร้านอาหารทุกอย่างเยอะมาก เป็นเมืองที่ของกินเยอะดีจริงๆ บางร้านที่ไทยยังไม่มีด้วยซ้ำ หรือบางร้านที่ไทยเพิ่งเข้า แต่นางแซงเราไปแล้วจ้า เดินดูสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสชิวๆ ได้ที่นี่ อากาศเมืองนี้เหมือนไทยบ้านเรา
ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ 6 วัน 5 คืน (3 เมือง) ระบุคร่าวๆ อย่างละเอียดอ่านต่อไปเลยจ้า
- ค่าซิมเน็ตคนละ 284 บาท Unlimited ใช้ได้ 10 วัน ของ Viettel
- ค่ารถ Night Bus จาก Ho Chi Minh - Dalat คนละ 310 บาท
- ค่ารถจาก Dalat – Muine คนละ 140 บาท
- ค่ารถจาก Muine – Ho Chi Minh คนละ 140 บาท
- ค่ารถจิ้บ Half Day Tour Muine คนละ 195 บาท
- ค่ารถจิ้บพาเข้าไปในทะเลทราย (White Sand Dunes) คนละ 284 บาท
ขอแนะนำเรื่องการแลกเงิน ให้มองหาพวกร้านขายทองเข้าไว้ ร้านพวกนั้นจะให้เรทดีมาก เอาเงินไทย / US ไปแลกได้นะ ได้ราคาดีกว่าแลกที่ไทยไปอีก เท่าที่ไปมาร้านอาหารในดาลัทก็ไม่รับบัตรเครดิตนะ
อู๊ดจะมาเริ่มรีวิวอย่างละเอียดรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทริปนี้กัน
ทริปนี้อู๊ดบินกับสายการบิน Nok Air ไฟลท์ 18.30 น. – 20.00 น. (BKK – Ho Chi Minh) และอู๊ดต้องรีบไปขึ้น Night Bus เพื่อไป ดาลัทกันคืนนั้นเลยซึ่งจองตั๋วไว้เวลา 22.30 น. (รถบัสของ Futa Bus) แต่จริงๆ แล้วดูไว้ว่าจะใช้บริการของ The Sinh Tourist แต่เนื่องจากเที่ยวสุดท้ายของเค้าคือ 22.00 น. อู๊ดกลัวว่าจะไปไม่ทันเลยเปลี่ยนไปใช้บริการ Futa Bus แทนซึ่งมีรอบดึกๆ หลายรอบมากๆ
พอลงจากเครื่องปุ๊ปสิ่งต่อไปคืออู๊ดต้องไปหาซื้อซิม แต่จุดด้านหน้า ตม. ที่ตรวจคนเข้าเมืองนั้นเองง มีเสียงเรียกหาทักทายชาวอู๊ด ซิมการ์ดๆ และด้วยความรีบขี้เกียจเลยเลือกซื้อที่นี่เลย เป็นของค่าย Viettel เป็นเน็ต Unlimited ราคาอยู่ที่ 200,000 ดอง (ตามแพลนเดิมคือตอนออกไปอู๊ดจะไปหาซุ้ม Vinaphone โดยราคาอยู่ที่ 105,000 ดอง ได้ 5 GB)
ต่อมาอู๊ดต้องไปเอาตั๋วพร้อมไปขึ้น Night Bus ที่ฟาร์มงูเหลา พอผ่านจาก ตม. มา ด้านหน้าก็จะมีจุดเรียก Taxi ด้วยความที่ไม่รู้เจ้าไหนดี ไม่ดียังไง เลยใช้บริการตรงนี้เนี่ยแหละ ความพีคคือ... ระหว่างที่อู๊ดกำลังถามราคากันอยู่น้านนน เจ๊พนักงานก็ตอบอู๊ดไปพร้อมกับหยิบปลาหมึกแห้งขึ้นมากัดกินอย่างอร่อย!!!!! มีความช๊อค 5555
ราคาเหมาของ Taxi จากสนามบินไปจุดฟาร์มงูเหลาอยู่ที่คันละ 220,000 ดอง (313 บาท) ราคานี้ต้องยกกระเป๋าขึ้นรถเองนะ เพราะถ้าจะให้เค้ายกให้ มีค่ายกจ้า และมันก็เป็นความจริงเพราะ..... ระหว่างที่พวกเราผู้หญิง 4 คนกำลังทุลักทุเลแบกกระเป๋าขึ้นหลังรถ Taxi เจ้าหน้าที่ผู้ชายก็ไม่ช่วยเหลือใดๆ เพียงแค่ชี้นิ้วสั่งเราจ้า สุดสุดไปเล้ยยยย
อ๊ะมาถึงแล้วฟาร์มงูเหลา ซึ่งจริงๆ จากสนามบินมาแป๊ปเดียวมากๆ ไม่นานเลย อู๊ดก็เข้าไปแลกตั๋ว ตั๋วที่จองผ่านออนไลน์มาก่อนนั้นราคาอยู่ที่ 220,000 ดอง (ข้อดีของการที่จองออนไลน์มาก่อนคือสามารถเลือกที่นั่งได้ อู๊ดเลือกอยู่ชั้นบนด้านหน้า) พอแลกตั๋วเสร็จอู๊ดก็เดินไปยังฝั่งตรงข้าม จะเป็นที่รอรถตู้เพื่อพาเราไปส่งที่จุดจอดรถ Night Bus อีกที
ถ้าระหว่างที่รอใครหิว ยังไม่ได้ทานอะไรมาด้านหน้ามีร้านอาหารริมถนนคนกินเยอะมากน่าจะอร่อย รู้สึกเสียดายมากที่ไม่ได้ลอง กลิ่นหอมมาก น่าจะเป็น
เฝอ ข้าวหมูแดง อะไรประมาณนั้น และก็มีร้านน้ำปั่นด้วย คนกินเยอะมากๆๆ และพอถึงเวลาคนขับก็จะเรียก ก็แค่เอาตั๋วให้เค้าดูแล้วก็ขึ้นรถตู้นั้นไป... เพื่อที่จะไปขึ้นรถ Night Bus ต่อ
พอขึ้น Night Bus แล้วเราก็เตรียมตัวนอนกันได้เลย ส่วนใครที่กลัวว่าจะเมารถ หรือรถเหวี่ยงนั้น ไม่ต้องกลัวเลย เพราะเหวี่ยงแน่นอน 555555 (อู๊ดเลยกินยาแก้เมาไป 2 เม็ดเลยจ้า หลับสบายหายห่วงหรือเพราะหลับง่ายก็ไม่รู้นะ) แต่ความที่เป็นเวียดนามก็บีบแตรตลอดทางจริงๆ นะ
อ่ออ..ใครกลัวที่ว่าจะเหม็นกลิ่นเท้าก็เตรียมผ้าปิดจมูกไปปิดตอนนอนหน่อยก็ดีนะ เพราะตอนที่ขึ้นรถเค้าจะให้เราถอดรองเท้าใส่ถุงไว้หละ ระหว่างทางเค้าบอกว่าจะมีจุดจอดให้เราเข้าห้องน้ำกัน 2 จุด แต่อู๊ดตื่นมาเจอแค่ 1 จุดเองนะ 55555 สงสัยหลับไม่รู้เรื่องมั้ง
พอถึงที่หมายย ดาลัทนั่นเองงง (มาถึงก่อนเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง สงสัยนางขับเร็วมากก) ก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินปลุกแต่ละเตียงเลยจ้าพร้อมกับเปิดเพลง EDM เวียดนามเพื่อให้เราตื่นกัน พอลงจากรถอากาศหนาวเย็นใช้ได้เลย รถมาจอดอยู่ที่จุดจอดรถบัส พอลงมาเท่านั้นหละเคว้งเลย ไปไงต่อ..
เดินไปอีกหน่อยจะมี Taxi จอดกันเยอะหลายคัน และด้วยความที่ง่วง ตาปรืออ งงๆ ไม่ได้เช็คว่าโรงแรมอยู่ห่างจากจุดนั้นไกลแค่ไหน Taxi จึงบอกราคาเราแบบเหมา ไม่ยอมกดมิเตอร์จ้า นางเหมาที่ 70,000 ดอง (100 บาท) ต่อแล้วต่ออีกก็ไม่ให้ เราก็เออๆ ก็ได้ก็เห็นว่ามันมืดหรอกนะ พอรถออกยังไม่ทันจะกระพริบตาเกิน 10 ทีเลย ถึงแล้วจ้า.... มองบนรัวๆๆๆๆ (คือคิดว่าถ้ากดมิเตอร์มาไม่น่าเกิน 20,000 ดองอะ เอออก็ดีย์)
ที่ดาลัทอู๊ดพักที่โรงแรม The Luxe Hotel Dalat ซึ่งคือห้องดีงามมากๆๆๆๆ ใหม่มากด้วย เพราะว่าเพิ่งเปิดได้ไม่นานนี้ แนะนำให้มานอนที่นี่ ดีจริง และข้างโรงแรมก็มีเฝอป้า อร่อยมากอะ เดินไปเจอแบบ งงๆ เพราะหิวมากแล้ว
อาหารมื้อแรกของเวียดนามเฝอป้าข้างโรงแรมที่อู๊ดพัก อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกก คือฟินดีงาม ใครได้ไปขอให้ไปลอง เป็นร้าน Local มากๆ
พอถึงที่โรงแรมก็ติดต่อเรื่องเช่ามอเตอร์ไซค์กันเลย เช่าทั้งหมด 2 คัน ราคาไม่แพง ค่าเช่า 2 วัน 2 คันทั้งหมด 300,000 ดอง (426 บาท)
แต่ต้องไปหาเติมน้ำมันเอานะ เพราะเค้าจะให้น้ำมันมาแบบปริ่มๆ พอให้เราขี่ไปปั้มได้
ขี่ออกจากโรงแรมไปหาปั้มน้ำมันเติมก่อน ซึ่งปั้มก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก ถามอากู๋ได้เลย
แต่ขอแนะนำว่าไม่ต้องเติมเต็มถังนะ ซักครึ่งถังก็พอ อู๊ดเผลอเติมเต็มถังไป น้ำมันแทบไม่ลดเลย 2 วันอะ ราคาน้ำมันเต็มถัง 70,000 ดอง (100 บาท)
ตอนไปถึงปั้มถึงกับตกใจ มอไซค์เยอะมาก แล้วเด็กปั้มก็ลากสายไปหามอไซค์แต่ละคันๆ 555555
ที่แรกของวันเริ่มที่ไปน้ำตก Datanla พอไปถึงจะมีให้เลือกว่า จะเดินลงไปที่น้ำตก หรือว่าจะนั่ง Roller Coaster ลงไป ราคาไป-กลับ อยู่ที่คนละ 150,000 ดอง (213 บาท) แนะนำมากให้เล่น เพราะสนุกมากก
พอเราลงมาถึงจุดน้ำตกก็จะมีจุดขายรูปที่แอบถ่ายเราตอนเล่น Roller Coaster ลงมา มี 2 จุดนะ เตรียมยิ้มกันให้พร้อมหละ รูปก็จะอยู่ที่ราคา 60,000 ดองต่อ 1 ใบ (85 บาท) ถ้าเราซื้อรุปกับเค้า เค้าจะส่งไฟล์รูปเข้าอีเมล์ให้เราด้วย แต่รูปนี่มาเป็นพรืดดดเลยนะ มาของทุกคนที่ซื้อรูปในวันนั้นอะ 55555 งง มาก
โบถส์ไก่ (DalatCathedral) โบสถ์ใหญ่ที่สุดของเมือง ที่เรียกว่าโบสถ์ไก่ก็เพราะว่ามีรูปปั้นไก่อยู่บนยอดไม้กางเขน แต่ตอนที่อู๊ดไปค่อนข้างย้อนแสง และกล้องเก็บภาพได้ไม่ครบ แต่สีโบถส์สวย ละมุนมาก ไม่มีค่าเข้านะ
Up Café ไปนั่งพักชิวๆ จิบกาแฟกัน ร้านตกแต่งน่ารัก วิวดี อู๊ดลองสั่ง โยเกิร์ตเสาวรสมะม่วงมากิน อร่อยมากกกก โยเกิร์ตคือดีมากกกก ใครมาดาลัทต้องกินโยเกิร์ตและนมนะ ขอแนะนำ เพราะดังมากที่เมืองนี้
Crazy House เป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมแปลกๆ โดยคนสร้างคือ มาดาม Hang Nga ลูกสาวของอดีตรองประธานาธิบดี Ho chi minh ที่ยิ่งสร้างก็ยิ่งแปลก
สำหรับอู๊ดคิดว่าเฉยๆ กับที่นี่ เข้าๆ ไปถ่ายๆ แล้วก็กลับออกมา ค่าเข้าคนละ 50,000 ดอง (71 บาท)
Coi Xay Gio ตึกสีเหลืองที่อยู่กลางตลาดดาลัท ร้านนี้ขายพวกขนมปัง Bunh Mi ที่อู๊ดอดชิม เพราะไปแล้วหมด ขนาดไปตอนประมาณ 11 โมงนะ หมดแล้วอะ เร็วมากกกกก
หิวแล้ว ได้เวลาหาอะไรกินร้านที่อู๊ดเลือกคือ "The Chalet Dalat" ซึ่งเป็นร้านที่อยู่ตรงข้ามกับ Crazy House อยากแนะนำว่าปอเปี๊ยะเวียดนามอร่อยมาก
คือต้องสั่งนะถ้าไปอะ
ส่วนขนมหวานอันนี้ได้ฟรีหละ เค้าบอกว่าวันนั้นเป้นวัน Women's day ของเวียดนามละอู๊ดไปกับเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน เลยได้กินฟรี
Domanie De Marie Church โบถส์สีชมพูละมุนอีกแล้ว คือถ่ายรูปออกมาได้สวยจริงๆ ไม่เสีนค่าเข้าจ้า
Doha Café ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาป Xuan Huong ในดาลัท เป็นจุดที่รวมวัยรุ่นเวียดนาม ทุกคนจะมาทำกิจกรรมต่างๆ กันที่นี่
Dalat Night Market เป็นตลาดที่มีทั้งตลาดสด เสื้อผ้า ของใช้ รวมทุกอย่างอยู่ที่นี่
ไม่พลาดที่จะชิม แพนเค้กเวียดนามที่เค้าร่ำลือกันว่าอร่อย และก็สมคำร่ำลือมาก ห้ามพลาด!!!
ต่อมาไป Hydrangea Garden ทุ่งดอกไม้ไฮเดรนเยียร์ คือดีมากก อากาศดี ทุ่งดอกไม้สวย ถ่ายรูปออกมาคือดีย์ ราคาเข้าอยู่ที่ 21,000 ดอง (20 บาท) ใครมาแล้วไม่ไปนี่พลาดนะ บอกเลย
ระหว่างทางแวะไปพักชิวๆ ที่ Sunny Cafe ซักหน่อย จิบกาแฟสไตล์เวียดนาม ค่อยดริปๆๆ ลงมา นานมากกกก กว่าจะได้กิน 55555
Dalat Railway Station สถานีรถไฟเก่าที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูวินเทจดี อันนี้เราเสียเงิน 2 จุด คือค่าเข้า คนละ 5,000 ดอง (7 บาท) และค่าจอดมอเตอร์ไซค์ คันละ (5 บาท)
ลืมบอกไปว่า แทบจะทุกที่จะต้องมาค่าจอด ค่าฝากมอไซค์นะ ตกคันละ 3 บาท มั่ง 7 บาทมั่ง แล้วแต่ที่
มื้อเย็นของวันนี้อู๊ดเลือกทานที่ร้าน "Biang Bistro" รสชาติไม่ค่อยโดนเท่าไหร่ แต่ร้านโอเค บรรยากาศดี อาหารออกเเนว Vegan ชีวจิตมากๆ มื้อนี้อยู่ที่ราคา 865,000 ดอง (1,229 บาท ต่อ 4 คน)
ปิดท้ายวันที่ Secret Garden ซึ่งมัน Secret ลึกลับสมชื่อมากๆ ขี่ขึ้นเขาอย่างกับไปดอยอินทนนท์ และทางเข้าไปเป็นก้อนหินใหญ่ๆ ซึ่งขี่ลำบากมากๆ ขอแนะนำว่าให้เช่ารถ Taxi มาจะดีกว่า ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที ค่าเข้าอยู่ที่คนละ 50,000 ดอง (71บาท)
วันนี้เราจะไปมุยเน่กัน โดยได้จองรถบัสที่จะนั่งจาก ดาลัดไปมุยเน่ไว้แล้ว ค่ารถอยู่ที่คนละ 99,000 ดอง (140 บาท) รถนั่งสบาย หลับสบายมาก ก็ได้เวลากินยาแก้เมารถกันอีกรอบ เพราะเป็นทางลงจากเขาค่อนข้างมีทางเลี้ยวเยอะมาก ใครกลัวเวียนหัวต้องกินยานะ
อ้อ เรานั่งของ The Sinh Tourist โดยไปซื้อทุกอย่างที่ออฟฟิศที่ดาลัทเลย
พอถึงมุยเน่อู๊ดก็เข้าที่พักเลย ที่พักอู๊ดจองไว้ชื่อว่า MuiNe Sport Hotel ไม่ได้ถ่ายรูปมาอะ ลืมมมม
ตรงปากซอยโรงแรมจะมีร้านอาหารนานาชาติอยู่นะ เป็นอารมณ์ร้านอาหาร+ศูนย์อาหาร
เวลา 14.00 น. จะมีรถ Jeep ที่เราจองเป็น Half Day Tour มารับเราถึงที่โรงแรม ซึ่งเค้าจะพาเราไป 4 ที่ด้วยกันคือ Fairy Stream, Fishing Village, White Sand Dunes, Red Sand Dunes ราคาอยู่ที่คนละ 137,250 ดอง (195 บาท)
จุดแรก Fairy Stream คนขับที่พาอู๊ดมาก็พยายามย้ำแล้วนะว่า ค่าเข้า 15,000 ดองต่อคนนะ เราก็เคๆๆ แต่พอไปถึงปากทางเข้าที่จะลง ก็จะมีคนใส่ชุดคล้ายๆ ยาม เจ้าหน้าที่นั่งอยู่ที่ปากทางเข้า พร้อมทั้งบอกว่าให้เราจ่ายกันคนละ 5,000 ดอง แต่พอดีอู๊ดเหลือบไปเห็นป้ายว่า ค่าฝากรองเท้า 5,000 ดอง ก็เลยจะไม่เอา นางก็ยึกยัก ตะคอกจ้า ไม่ให้เราเข้าไป สุดท้ายเราก็เลยต้องฝากรองเท้ากับนางโดยจ่ายไปคนละ 5,000 ดอง (7 บาท) พอเดินไปแปปนึงก็ถึงทางเข้าของจริงละ คนละ 15,000 ดอง (21 บาท)
แต่ระวังจุดนี้ไว้ด้วยนะ มีคนไทยกลุ่มนึงโดนไป ระหว่างที่เรากำลังเดินลุยน้ำเข้าไปอยู่นั้น จะมีชาวเวียดนามมาทำเนียนๆ คุยกับเรา แนะนำเรา พอตอนที่จะกลับนางก็จะเรียกเงิน รู้สึกกลุ่มนั้นจะโดนไถไป 30,000 ดอง บอกว่าเป็นค่าไกด์ -*
จุดที่ 2 Fishing Village จุดนี้อู๊ดบอกคนขับว่าขอแวะแปปเดียวแค่ถ่าย 2 รูป เพราะไม่เห็นว่าจะมีอะไร เอาเวลาไปที่ทะเลทรายเยอะๆ ดีกว่า
จุดที่ 3 White Sand dunes ทะเลทรายสีขาว พอลงไปใครที่จะเดินขึ้นไปเองก็ได้นะ แต่ขอบอกว่าจะเหนื่อยมากก อู๊ดอยากนั่งรถ Jeep ขึ้นไปก็เลยเสียค่ารถที่ 800,000 ดอง (1,136 บาท) ใครมาที่นี่ผมเราจะเป็น Wet look ไม่รู้ตัว 5555
จุดที่ 4 Red Sand Dunes จุดสุดท้ายของวันนี้แล้ว ทะเลทรายที่เป็นสีแดงจริงๆ ก็สวยดีนะ ไม่เสียค่าเข้า
เช้าต่อมาเรานั่งรถบัสต่อกันเลยจากมุยเน่ไปโฮจีมินห์ ซึ่งจองไว้อีกแล้วเช่นกัน ค่ารถอยู่ที่คนละ 99,000 ดอง (140 บาท) บีบแตรตลอดทางจ้า แทบนอนไม่หลับ แต่ก็หลับนะ อิอิ
ที่โฮจิมินห์อู๊ดพักที่ Zoolut Stay 271 ซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดเบนถั่น
แวะกินข้าวกันร้านแรกในโฮจิมินห์ขอเลือกร้านนี้ Nha Hang Ngon เป็นร้านอันดับ 1 จากหลากหลายเว็บไซต์ เพราะอาหารอร่อย มีเมนูให้เลือกทานหลากหลาย แต่ละอย่างก็ได้กลิ่นอายความเป็นไซง่อนแท้ๆ ร้านหาไม่ยาก ถามอากู๋ได้เลย แหนมเนืองที่นี่ไม่มีการแช่แป้งในน้ำให้นะ แล้วแหนมมาเป็นแหนมจริงๆ ค่ะ แต่อร่อยนะร้านนี้ ดีมากๆ ค่าเสียหายมื้อนี้อยู่ที่ 766,000 ดอง (1,088 บาท)
อิ่มแล้ว ก็เดินกันต่อค่ะ... ไปโบถส์ Notre Dame กัน ทุกอย่างหลังจากนี้จะอยู่ใกล้กันหมดนะ ช่วงที่ไปทางโบถส์ก็ได้ปิดซ่อมจ้า
เดินมาฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น Saigon Post Office ที่นี่ถือได้ว่าเป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล อู๊ดก็เลยถือโอกาสส่ง Post Card กลับไทยซักหน่อย
ต่อมาเราจะไปหาลุงโฮ ตรงศาลาว่าการกัน ตรงนี้จะเป็นจัตุรัสที่ใหญ่และกว้างมาก คนเวียดนามก็นิยมมาเดินเล่นแถวนี้เหมือนกัน บริเวณรอบจัตุรัสก็จะมีร้านต่างๆ เยอะมาก ทั้งแบรนด์เนมและไม่ใช่ และยังมีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์อยู่ ด้านหลังจะเป็นศาลาว่าการ ซึ่งมีสไตล์ฝรั่งเศส โดยรวมแล้วมันสวยมาก ถ้าถ่ายจากด้านหน้าของประธานาธิบดีก็จะได้วิวแบบสวยงามตามสไตล์ฝรั่งเศส แต่ถ้าถ่ายจากด้านหลังรูปปั้น ก็จะเป็นตึกเรียงรายและ ตอนนี้ จุดตรงนี้กำลังสร้างรถไฟฟ้าอยู่ด้วย ใครที่จะไปในอนาคตจะได้นั่งรถไฟฟ้ากันแน่นอน
แต่ ณ วันที่อู๊ดไปปปป ลุงโฮอยู่ไหนนนนนนนน ในดอกบัวนี่เองง -*-
ฝนกำลังจะตก เลยแว๊บเข้าไปในตึกนี้ซะหน่อย ซึ่งมีทั้งคาเฟ่ ร้านค้ามากมาย
ข้างล่างตึกจะมีลุงนั่งวาดรูปอยู่
แวะไปกินกาแฟร้านนึงชื่อร้าน Gong ตกแต่งแนวสงคราม ทหารเวียดนาม เลยจัดกาแฟดังของร้านไปคือ กาแฟปั่นมะพร้าว เอออร่อย หอมมะพร้าวดีนะ
เดินมาจากตรงลุงโฮตรงมาเรื่อยๆ ซักพักก็จะเป็น The café Apartment ตั้งอยู่ที่ Nguyen Hue Street ตรงนี้จะเป็นถนนคนเดินในช่วงเย็นด้วย เรียกว่า Ho Chi Minh Walking Street และถ้าใครจะขึ้นไปด้านบนโดยลิฟท์ จะต้องเสียเงินค่าขึ้นลิฟท์เด้อออ
ฝากท้องกันที่ร้านเฝอ 2000 เป็นร้านเฝอชื่อดังของโฮจิมินห์ ที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน ก็เคยแวะมาทานที่นี่ด้วย รสชาติเฝอเวียดนามแท้ๆ เลย
ชานม The Alley ที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ ที่โฮจีมินห์เค้ามีหลายสาขามากๆๆ ค่ะ
ตลาดเบนถั่น Ben Thanh Market ตลาดนี้ขายของเยอะมาก มีความเก่าแก่ตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ในปีค.ศ.1870 ฝรั่งเศสบูรณะตลาดแห่งนี้ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของไซ่ง่อน สไตล์ยุโรป มีความเป็นโมเดิร์นอย่างที่เห็น โดยเอกลักษณ์คือ ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ มีนาฬิกาอยู่ด้านบน ภายในมีสินค้าหลากหลายชนิด เช่น สินค้า ของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า กาแฟ อาหารสด อาหารแห้ง ซึ่งราคาถือว่าถูกกว่าที่อื่นๆ ที่ขายกัน โดยเฉพาะสนามบิน (ขายแพงมาก) ทุกอย่างที่นี่ต่อราคาได้เยอะมากกกกกก บางอย่างนี่เกินครึ่งอะ แอบตกใจ ใครที่จะไปอีก อู๊ดขอฝากซื้อเม็ดบัวอบแห้งหน่อยนะ 555555
ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ >> www.facebook.com/aoodaround
Aood Around
วันพฤหัสที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เวลา 08.48 น.