Trip Krabi D Day ดีทุกวัน ทุกวันดี๊ดี By ช้างชมพูออนทัวร์
สวัสดีค่ะ มาพบกันอีกแล้วในทริปทะเลลั้ลลาค่ะ คราวนี้ช้างชมพูจะพาไปเที่ยวทะเลกระบี่ครั้งแรกของช้างชมพูค่ะ ไปไง มาไง ตามช้างชมพูมาเลยค๊า……….
วันแรก มาเริ่มที่การเดินทางกันก่อนนะคะ สายการบินที่สะดวกสบายขอเลือก Thai Smile ค่ะ บริการดีตลอดทางเลยค่ะ
ขนมเครื่อง ดื่มเสริฟให้ทุกที่นั่ง
นั่งชมวิวริมหน้าต่างเพลินๆ เผลอแปปเดียว ก็ถึงแล้ว
ลงจากเครื่อง รับกระเป๋าเดินทาง แล้วก็เดินมาที่อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่
ทริปนี้ช้างชมพูไม่ได้เช่ารถ เพราะมีรถ รับ-ส่ง สนามบินกับทางโรงแรม The Pelican Residence & Suites Krabi เราสามารถแจ้งวันเวลาเพื่อทางโรงแรมจะได้ทำการจองคิวไว้ให้เราล่วงหน้าค่ะ สะดวกสบายปลอดภัยและทำให้คนที่ไม่เคยมาเที่ยวกระบี่อย่างช้างชมพูรู้สึกอุ่นใจมากๆ เลย
เริ่มทริปเล็กๆ ของวันแรกด้วยการไหว้พระขอพรเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดถ้ำเสือคู่บ้านคู่เมือง จังหวัดกระบี่ กันเป็นที่แรก เนื่องจากใกล้สนามบินกระบี่ วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักดีในจังหวัดกระบี่ และจังหวัดใกล้เคียงรวมทั้งชาวต่างชาติ
วัดถ้ำเสือเป็นสถานที่ให้ปฏิบัติธรรมด้วย และมีลักษณะเป็น สวนป่า เป็นโพรงถ้ำ มีเพลิงผาและแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำงู ถ้ำเต่า ถ้ำมือเสือ ไฮไลท์ของที่นี้จะเป็นการเดินขึ้นบันได 1,237 ขั้น เพื่อไปไหว้พระบนยอดภูเขา และชมวิวได้ 360 องศาเลย แต่ช้างชมพูไม่ได้ขึ้นไปนะคะ เพราะช่วงเวลาที่ช้างชมพูไปถึงก็ประมาณ บ่ายสามโมงนิดแล้ว หากขึ้นไปกว่าจะถึง กว่าจะใช้เวลาลงมาคงมืดค่ำ เวลาไม่ทันค่ะ เลยได้แต่ไปไหว้พระในถ้ำค่ะ สามารถทำบุญถวายสังฆทานได้ตรงจุดนี้เลยค่ะ
ไหว้พระแล้วก็เดินชมรอบๆ บริเวณวัดค่ะ ช่วงที่ช้างชมพูไปวัดกำลังมีการก่อสร้างหอระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ค่ะ ใหญ่อลังการมากๆ ไปชมกันค่ะ
ระวังเจ้าจ๋อมาแย่งอาหาร หรือของจากมือกันด้วย
กว่าจะถึงจุดหมาย ขาแข้งคงสั่นไม่มีแรงแน่นอนค่ะ ถ้าต้องการขึ้นไป แนะนำให้มาตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะต้อใช้เวลาเยอะหน่อย
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชอบขอพรเจ้าแม่กวนอิม
ขอทดสอบเดินขึ้นระยะสั้นๆ ค่ะ
ขึ้นมายังไม่ถึงไหนเลยขาสั่นซะแล้วค่ะ ถ้ำที่นี่ก็ต้องเดินขึ้นลงๆ ถ้ามีแรงเดินไหวแนะนำให้เดินกันนะคะ
ลงไปชมบรรยากาศกันต่อดีกว่าค่ะ
ไม่รอช้าก่อนแสงของวันนี้จะหมด ไปต่อกันที่ "ลานปูดำ" แลนด์มาร์คยอดฮิตทีทุกคนต้องมาเช็คอินลงโซเชียลกัน
ที่มาของลานปูดำ มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ อนุสาวรีย์ปูดำ ตั้งอยู่ที่ท่าเรือขนาบน้ำ เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองกระบี่ เพราะสามารถมองเห็น เขาขนาบน้ำ ภูเขาสองลูกที่มีความโดดเด่น ริมแม่น้ำกระบี่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกระบี่ด้วย
ถ่ายรูปเช็ดอินเรียกยอดไลท์กันพอแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารเย็นกันค่ะ มื้อนี้อยู่ในแพคเกจของทางโรงแรม แต่ทางโรงแรมพามาส่งและรอรับกลับไปโรงแรมเท่านั้นนะคะค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารช้างชมพูชำระเองค่ะ ร้านอาหารนี้ขึ้นชื่อและดังมาก บางวันถ้าไม่จองไว้ล่วงหน้า ต้องรอคิวหรืออาจจะไม่มีเมนูที่ขึ้นชื่อเหลือค่ะ ร้านนี้ชื่อว่า “ร้านเรือนไม้” ช้างชมพูชอบบรรยากาศและการตกแต่งมาก เพราะใช้วัสดุจากธรรมชาติ สร้างสรรค์ให้เป็นเรือนไม้ตามชื่อร้านจริงๆ บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ นาข้าว บ่อน้ำ และการประตับประดาด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ร้านเรือนไว้จะเปิดเป็นเวลาค่ะ ช่วงแรกคือ 9.00-14.00 น. และ 16.00 – 20.00 น.
พื้นที่สีเขียวร้อยเปอร์เซ็นต์ สบายตาสบายใจจริงๆ
ห้องน้ำก็ตกแต่งสวยไม่ทิ้งความเป็นเรือนไม้ค่ะ
เมนูที่ช้างชมพูสั่งมาก็จะเลือกเป็นเมนูยอดฮิตขายดีของร้านเรือนไม้ค่ะ เมนูแกงกะทิ เนื้อปูใบชะพลู ราคาจานละ 350 บาท ที่ถือเป็นเมนูชิกเนเจอร์ของร้านเรือนไม้เลย เพราะเนื้อปูกลบใบชะพลูซะจนมองแทบไม่เห็นเลยค่ะ
ผัดสะตอกุ้ง ราคาจานละ 250 บาท เมนูนี้ช้างชมพูชอบมากเป็นพิเศษค่ะ เพราะเพิ่งเปิดใจลองกินสะตอครั้งแรก ไม่คิดว่าจะอร่อยมากขนาดนี้ รสชาติถูกปากจนอยากจะสั่งเพิ่มอีกหลายจานเลยค่ะ
และอีกเมนูยอดฮิตค่ะ น้ำพริกกุ้งเสียบ ราคาชุดละ 150 บาท อาหารพื้นบ้านของชาวใต้ มาร้านนี้ต้องไม่พลาดค่ะ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงเป็นผักสด
และเมนูแก้เผ็ด ผัดผักเหมียงใส่ไข่ และ ผัดผักกูด เมนูจานละ 150 บาท ค่ะ
ทานอาหารคาวแล้ว ทีนี้ก็มาต่อกันที่อาหารหวาน กับบรรยากาศร้านชิคๆ กันบ้างค่ะ ร้านนี้ชื่อ Hub Coffee การตกแต่งร้านจะออกแบบจากทรงภูเขาไสไทย ด้านบริเวณด้านหลังร้าน ใครอยากจะนั่งจิบชา กาแฟ ทานขนมเค้ก ถ่ายรูป หรือจะสโลว์ไลฟ์ ก็ตามสบายเลยค่ะ แต่ค่าเครื่องดื่มและขนมเราต้องจ่ายเองนะคะ ไม่รวมค่าทริปค่ะ
ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินทางต่อไปที่โรงแรมที่ช้างชมพูจองไว้ค่ะ ชื่อโรงแรม The Pelican Resident & Suites Krabi จองเป็นห้องวิวทะเลค่ะ
มาถึงโรงแรมก็ทำการ Check in เข้าห้องพักค่ะ ส่วนของ Lobby ตกแต่งค่อนข้างโปรงค่ะ ไม่รู้สึกอัด พนักงานต้อนดีมากน่ารักทุกคน ยิ้มทักทายตลอดที่เจอกัน
บรรยากาศริมสระว่ายน้ำยามราตรีช่างโรแมนติกจริงๆ เลยค่ะ
Globe Restaurant บริเวณนี้จะเป็นจุดทานอาหารเช้า และเป็นพื้นที่ร้านอาหารของทางโรงแรม
มาถึงห้องพักกันแล้วค่ะ Surprise มากค่ะ ช้างคู่บนเตียงนอน เหมือนรู้เลยมาช้างชมพูจะมาพัก เอ๊ะ...นี่มันเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจคะ ^^
เตียงกว้างและนุ่มมากเลย พื้นที่ในห้อง แยกเป็นสัดส่วนดีค่ะ ภายในห้องเข้ามาจะเป็นห้องนั่งเลยและห้องครัว กั้นห้องนอนแยก ภายในห้องนอนจะมีห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า สะดวกดีค่ะ
วันที่สอง เป็น One Day Trip ไปทัวร์เกาะกระบี่ค่ะ ใครมาเที่ยวทะเลกระบี่ต้องไปเกาะค่ะ หลักๆ ก็เป็นทะเลแหวกที่เป็นจุดเช็คอินยอดฮิต และเป็น Unseen Thailand ของจังหวัดกระบี่ค่ะ
ก่อนไปเตรียมของอุปกรณ์ลงเล่นน้ำไปด้วย ทั้งกล้องกันน้ำ กระเป๋ากันน้ำ ที่สำคัญชุดว่ายน้ำค่ะวันนี้จะมีรถมารับที่โรงแรมเวลา 8.30 น. ค่ะ ก่อนไปก็ลงไปทานอาหารเช้าที่ Globe Restaurant ก่อน ตามช้างชมพูไปทัวร์ของกินกัน มีเมนูอาหารอะไรบ้างมาดูกันเลย
มีขนมสำหรับเด็กๆ ด้วยนะ
ทานอาหารแล้วแล้ว ระหว่างที่รอรถมารับ ช้างชมพูก็ไปเดินเล่นถ่ายรูป ชมบรรยากาศโดยรวมทั่วไป ของโรงแรมค่ะ อากาศที่นี่มีความสดชื่นดีค่ะเพราะใกล้ทะเล ใกล้ภูเขา บริเวณโรงแรมก็มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ริมสระน้ำมีต้นไม้ล้อมรอบ ทำให้น่าอยู่ เหมาะแก่การพักผ่อนที่สุด
มีโซนสำหรับบริการแขกที่เข้าพัก เช่น ห้องอ่านหนังสือ คอมพิวเตอร์ ของเล่นเด็ก ฟิตเนส ติดกับห้องอาหารด้วยค่ะ
ได้เวลารถมารับไปส่งที่ท่าเรือแล้ว มาถึงก็ลงชื่อรับสายรัดข้อมือ ทริปนี้มีประกันภัยให้เรียบร้อยแล้วนะคะ เรือที่จะไปเที่ยวเกาะช้างชมพูไปเรือสปีดโบ๊ทของนางแอ่นค่ะ เพราะว่าอยากลองนั่งดูและได้ทำเวลาในการเที่ยวด้วยค่ะ โปรแกรมท่องเที่ยว ทัวร์ 4 เกาะ วันนี้คือ หาดถ้ำพระนาง เกาะไก่ เกาะทับ(ทะเลแหวก) เกาะปอดะ เป็นเกาะ ใน ไฮไลท์แหล่งท่องเทียวทางทะเลของกระบี่
ที่แรกที่จะไปคือ หาดถ้ำพระนาง มองไกลๆ จะมองเห็นเกาะคล้ายรูปปั้นเต่า เดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของ พระนางอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็นปากโพรงถ้ำ มีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้า สวยงาม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาขอพร หากสมหวังก็จะซื้อไม้แกะสลัก หรือ ประรัดขิก มาแก้บน และยังมีศาลตา ศาลยายด้วย
บริเวณนี้นำใสมาก สามารถลงเล่นน้ำได้ คลื่นก็ไม่แรงมากค่ะ
ศาลพระนาง ที่เต็มไปด้วยไม่แกะสลัก หรือ ประรัดขิก ที่มีขนาดและสีสันแตกต่างกันไป
ศาลตาศาลยาย ก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากศาลพระนาง
นอกจากนี้ที่หาดถ้ำพระนาง ยังมีกิจกรรมให้ปีนหน้าผาด้วย
หรือจะพายเรือคายัคก็มีนะคะ
นั่งเรือมาต่อกันที่เกาะไก่ค่ะ แต่เนื่องจากเกาะไก่นักท่องเที่ยวหนาแน่น ไกด์เลยพามาดำน้ำจุดใกล้ๆ เกาะไก่ค่ะ บริเวณนี้น้ำใสปลาเยอะมากค่ะ
เหมือนภาพวาดเลยค่ะ สวยงามมาก
มาต่อกันที่เกาะที่สามไฮไลท์ที่สุดของทริป คือทะเลแหวกค่ะ น้ำใส ทรายขาว มากเลยค่ะ ทะเลแหวกถูกขนานนามให้เป็น Unseen Thailand มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะมีความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในช่วงน้ำลดที่พัดพาเอาเม็ดทรายมาบรรจบกันไว้ ณ จุดนี้จนทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่ เรียกว่า“ทะเลแหวก” ขึ้น จนทำให้เห็นส่วนของสันทรายขาวละเอียดทอดตัวเป็นแนวยาวเชื่อมต่อถึงกัน ได้ระหว่างเกาะ 3 เกาะคือ เกาะไก่ เกาะหม้อ และ เกาะทับ และแนวสันทรายนี้จะค่อยๆจมหายไปใต้ผืนน้ำเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาน้ำขึ้นของแต่ละวันด้วยค่ะ
มาต่อกันที่เกาะสุดท้ายของทริปค่ะ ชื่อเกาะปอดะ เกาะนี้มีบริเวณกว้างมาก ด้านหน้าเกาะมีหาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลใสถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง นักท่องเที่ยว นิยม แวะ ขึ้นเกาะเพื่อไปพักผ่อนเดินเล่น ชาดหาดและเล่นน้ำ ถึงแม้เกาะนี้จะเป็นเกาะเอกชนแต่เป็นเอกชนใจดีไม่เก็บค่าธรรมเนียมค่าขึ้นเกาะ นอกจากจะแวะพักแล้วเกาะนี้จะเป็นจุดที่เป็นจุดที่ให้บริการอาหารกลางวันของทัวร์ แต่เป็นอาหารที่ไม่ได้ปรุงร้อนๆ นะคะ เป็นการจัดเตรียมของทัวร์ค่ะ เมนูอาหารก็จะมีประมาณ 3 อย่าง รสชาติไม่จัดจ้านเนื่องจากต้องเผื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยค่ะ
ทานอาหารอิ่มแล้วก็ลงเล่นน้ำกันค่ะ ทางไกด์ให้เวลาเล่นน้ำจนได้เวลากลับฝั่งค่ะ มีรถไปส่งถึงที่โรงแรมเหมือนเดิมค่ะ เมื่อมาถึงโรงแรมก่อนไปอาบน้ำ ช้างชมพูก็ล้างตัวและลงเล่นน้ำในสระต่อค่ะ ไหนๆ ก็ใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว เล่นน้ำให้ตัวเปื่อยไปเลยค่ะ ^^
หลังจาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลาหัวค่ำช้างชมพูได้ลงไปเดินเล่นที่ชายหาดหน้าโรงแรมค่ะ บริเวณนี้จะมีร้านอาหารตกแต่งน่ารักๆ ริมทะเล ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ ไปเดินไปนั่งฟังเพลง ฟังเสียงคลื่นเบาๆ ก็เพลินดี ได้ผ่อนคลายด้วย
วันที่สาม กับกิจกรรม One day trip ที่ทางโรงแรมนำเสนอ วันนี้ถือว่าสุดยอดของความสุขเลยค่ะ เพราะได้เที่ยว ได้กินแบบจุใจเลย ไปดูกันเลยดีกว่า ว่าช้างชมพูไปทำอะไรมาบ้างค่ะ
เช้านี้ต้องรีบตื่นและเร่งเตรียมความพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของจำเป็น เช่น เสื้อผ้าเล่นน้ำ ผ้าเช็ดตัว กล้อง กระเป๋าใส่ของถ้ากันน้ำด้วยก็จะดีค่ะ ก่อนลงไปทานอาหารเช้า ช้างชมพูได้ขออนุญาติทางเจ้าหน้าที่ ขึ้นไปชมห้องพักมุมที่ดีที่สุดของโรงแรม The Pelican Resident & Suites Krabi เป็นวิวห้องพักแบบ Pool Ocean View เพราะอยากดูวิวสวยๆ เผื่อโอกาสหน้าจะได้มาพักห้องมุมนี้ ชมวิวทะเล พร้อมกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ห้องนี้เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือกลุ่มเพื่อนค่ะ เพราะเป็นห้องใหญ่ มี 2 ห้องนอน เนื่องจากคราวนี้ช้างชมพูจองห้องนี้ไม่ทัน น่าเสียดายมากๆ เลยค่ะ ดูวิวและบรรยากาศสิคะ ถือว่าพลาดอย่างแรงเลย
ห้องนอนแรกกว้างมากเลยค่ะ มองออกไปจะเห็นวิวทะเล และสระว่ายน้ำ ว๊าววว! สุดๆ
ห้องที่สอง เป็นเตียงใหญ่ แต่จะไม่เห็นวิวทะเล แต่สามารถมองเห็นวิวสระน้ำและสวนของทางโรงแรมค่ะ
ในส่วนของห้องนั่งเล่นค่อนข้างกว้างและโปร่งดีค่ะ มีโซฟา ทีวี โต๊ะรับประทานอาหาร หรือถ้าต้องการทำอาหารเอง ห้องนี้ก็เหมาะมากค่ะ เพราะมีครัวพร้อมอุปกรณ์ที่ทางโรงแรมได้เตรียมไว้ให้ และแยกเป็นสัดส่วนค่ะ
หลังจากชมห้องพักจนพอใจแล้ว ก็ลงไปทานอาหารเช้าที่ Globe Restaurant เป็นชื่อของห้องอาหารของโรงแรมค่ะ
ต้องทำเวลานิดนึงค่ะ เพราะต้องเดินทางเร็วหน่อย เนื่องจากระยะทางแต่ละที่ค่อนข้างไกลค่ะ เมื่อทานอาหารเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่รถโรงแรมมารับเวลา 8.30 น. ค่ะ
ที่แรกที่ทางโรงแรมจัดทริปไว้ให้ก็จะเป็นไหว้พระที่ พุทธสถานและพระมหาธาตุเจดีย์ วัดมหาธาตุวชิรมงคล หรือ วัดบางโทง ซึ่งวัดนี้เป็นวัดสร้างใหม่ที่มีความสวยงาม อลังการ สถาปัตยกรรมงดงามที่สุดแห่งหนึ่งเลย วัดนี้ตั้งอยู่ที่ ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พระมหาเจดีย์นี้ สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 องค์เจดีย์มีความสูงอยู่ที่ 45 เมตร ไปชมความสวยงามกันเลยค่ะ
สถาปัตยกรรมของพระมหาเจดีย์นี้ จะมีศิลปะคล้ายกับพุทธคยาในประเทศอินเดียเลย ด้วยรูปทรง ลวดลาย ต่างๆ จะค่อนข้างคล้ายกัน ให้ความสวยงามและสะท้อนถึงต้นกำเนิดของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ช่วงที่เดินชมรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ
สามารถไปกราบสักการะขอพรหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านข้างของพระมหาเจดีย์
ก่อนกลับก็อย่าลืมไหว้ขอพร องค์จตุคามรามเทพกันด้วยนะคะ
เดินชมเหนื่อยๆ เมื่อยๆ ร้อนๆ ก็สามารถเข้าไปนั่งพัก ที่ร้าน 5.00 Coffee เพื่อดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ดับร้อนหรือแก้กระหายน้ำได้นะคะ เพราะคาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ตรงประตูทางเข้า-ออก ของวัดค่ะ
หลังจากที่เดินชมมหาธาตุเจดีย์จนทั่วแล้ว ได้เวลาไปต่อกับที่บ้านชาวประมง หรือ ตลาดชมเล บ้านบางพัฒน์ ตั้งอยู่ที่ ต.บางเตย อ.เมือง จ.พังงา ไม่ต้องตกใจค่ะ ถ้ามาพักที่โรงแรม The Pelican Krabi ทางโรงแรมจะมีทริปพิเศษให้อเมซิ่งค่ะ ได้เที่ยวสถานที่ใหม่ๆ ได้ทานอาหารอร่อยๆ ได้รับการบริการที่ดี ที่สำคัญพนักงานที่นี่น่ารัก ใจดีทุกคนเลยค่ะ ช้างชมพูประทับใจมากเลยค่ะ
ตามมาดูกันเลยค่ะ ว่าชุมชนแห่งนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง บ้านบางพัฒน์ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีทั้งสินค้า OTop ธนาคารปู ร้านอาหารทะเล บรรยากาศและวิวทะเลที่ทำให้คุณทานอาหารได้เพลินๆ เต็มอรรถรสเลยค่ะ
ชุมชนนี้เป็นหมู่บ้านที่ยื่นออกไปในทะเล โดยมีสะพานทอดยาวเชื่อมระหว่างฝั่งและตัวชุมชน บ้านบางพัฒน์เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ทำการประมงมายาวนานมากแล้ว และได้มีการพัฒนาเป็นแห่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และให้ความรู้ เช่น ธนาคารปูบ้านบางพัฒน์ ธนาคารที่ไม่ต้องการเงินฝาก มีแต่น้ำใจของชาวชุมชนที่ต้องการให้ชาวประมง มีดอกเบี้ยเป็นปูตัวใหญ่ๆในอนาคต จุดเริ่มต้นของธนาคารปูเริ่ม เมื่อชาวบ้านชุมชนบางพัฒน์ ไม่สามารถหาปูได้เหมือนเมื่อก่อนจึงช่วยกันคิดและหาทางแก้ไข โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน มาพัฒนาและปรับปรุงให้เข้ากับยุค ธนาคารปูจึงเป็นชื่อและความร่วมมือร่วมใจของชุมชนชาวบางพัฒน์ โดยเมื่อชาวบ้านจับปูไข่ได้ ก็นำมาบริจาคใส่ลงกระชัง เพื่อที่จะให้ปูสามารถออกไข่และเติบโตได้ในอนาคต ใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน เมื่อปูสลัดไข่แล้วเรียบร้อย ชาวบ้านก็นำปูไปขาย และนำเงินมาบำรุงชุมชน ธนาคารปูเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2551มีการพัฒนาจนได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบระดับประเทศ เป็นการอนุรักษ์สินทรัพย์ทางทะเลแบบยั่งยืนชาวบ้านบางพัฒน์ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ไทยมุสลิม มีประชากรเพียง 76 ครัวเรือนเท่านั้นค่ะ
บ้านบางพัฒน์เป็นหมู่บ้านชาวประมงเชิงอนุรักษ์ติดทะเล มีป่าโกงกางที่ยังคงสภาพสมบูรณ์เกือบ 100%
และมีโฮมสเตย์พร้อมกับกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา เช่น การพาไปเที่ยวชมเขาตะปู ถ้ำลอด ชมความงามตอนพระอาทิตย์ตกน้ำ พายเรือแคนู และเรียนรู้วิถีชีวิตกับชุมชนในหมู่บ้าน วิถีชีวิตชุมชน เป็นไปด้วยความเรียบง่ายเป็นกันเอง ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ทั้งหมดจะเป็นชาวมุสลิม 100% นอกจากนี้ยังมีมัสยิดประจำชุมชนด้วยค่ะ
ทั้งนี้ ยังจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านในการออกไปจับปลา กุ้ง หอย ด้วยเรือขนาดเล็ก ซึ่งหาได้จากท้องทะเลสด ๆ ใหม่ ๆ โดยจะมีทั้ง กุ้งแชบ๊วย ปลากะพงทอดน้ำปลา กั้งทอดกระเทียม หอยชักตีน ปูม้าตัวใหญ่ ๆ ไว้คอยบริการค่ะ สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และหากใครต้องการซื้อของฝากที่นี่ก็มีให้เลือกซื้อเป็นจำนวนมาก เช่น ปลาเค็มตากแห้ง ปลาแดดเดียว ปลาหมึก กุ้งเสียบ กะปิ ที่ชาวชุมชนทำกันเอง อร่อยไร้สารเคมีเจือปน และราคาไม่แพง แถมยังเป็นการช่วยอุดหนุนสินค้าของชุมชนให้มีรายได้อีกทางหนึ่งด้วยนะคะ
มาดูเมนูอาหารทะเลสดๆ ที่ช้างชมพูสั่งมาทานกันค่ะ แต่ละเมนูน่าทานมากๆ แต่การตกแต่งอาจจะดูธรรมดา ไม่ได้สวยงามเท่าร้านอาหารทะเลตามร้านหรูๆ ทั่วไปนะคะ
หอยนางรม สดๆ
ปลากระพงทอดน้ำปลา
กั้งตัวใหญ่ เนื้อแน่น ทอดกระเทียม
ใช้เวลาในการทานอาหารและดื่มด่ำกับบรรยากาศพอสมควรแล้ว ก็ไม่รอช้าค่ะ เพราะยังเหลือโปรแกรมสุดท้ายที่ชวนตื่นเต้นกัน คือการพายเรือคายัคที่คลองน้ำใส หรือที่เรียกกันว่าคลองรูดค่ะ
การพายเรือครั้งนี้ช้างชมพูให้ไกด์พายให้ค่ะ เนื่องจากมีตอไม้และโขดหินค่อนข้างเยอะ เกรงว่าจะพายไม่รอดค่ะ หรือถ้าต้องการพายไปเอง ก็จะมีจุดให้สังเกตคือลูกบอลสีขาว ที่มีไว้ตลอดทาง แต่โขดหินกับตอไม้ที่บอกเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกิจกรรมนี้ค่ะ เพราะทำให้พื้นน้ำดูสวยมากค่ะ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เคยจะทำเป็นเขื่อนจึงปล่อยน้ำลงพื้นที่ป่า ทำให้มีต้นไม้ยืนต้นตาย แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ตาย
ใต้น้ำก็จะมีสาหร่ายและตะใคร่น้ำหนาแน่นมาก มีทั้งปลาตัวเล็กและตัวใหญ่ ค่อนข้างเยอะ
ตอไม้ที่แห้งตายและโขดหินจะมีกล้วยไม้ป่าขึ้นสวยงามตลอดทาง
ยิ่งพายเรือเข้าไป ทางจะยิ่งแคบ คดเขียวเต็มไปด้วยต้นไม้ ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากๆ ค่ะ
จุดจอดเรือสำหรับลงเล่นน้ำ น้ำใสและเย็นมากจนมองเห็นพื้นล่าง
พายไปเรื่อยๆ จนไปสุดที่แหล่งกำเนิดน้ำ หรือตาน้ำที่พุดขึ้นมาตลอดเวลา นอกจากนี้ที่น่าตื่นเต้นคือจะมีฟองอากาศเป็นกลุ่มๆ ที่บอกบอกว่าคือทรายเดือด หรือทรายผุด พอฟองอากาศกระทบกับแสงอาทิตย์สะท้อนกับผิวน้ำ จะมีแสงระยิบระยับสวยงามมาก ช้างชมพูดูอยู่นานเลย ชอบเป็นพิเศษเพราะไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ
นอกจากนี้ไกด์ยังบอกอีกว่าบริเวณตาน้ำ มีความลึกมาก และยังมีคล้ายๆ ถ้ำเล็กๆ อยู่ใต้น้ำด้วย แต่ยังไม่มีใครกล้าว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำ มีแค่ดำลงไปถึงแค่ปากถ้ำเท่านั้น และปัจจุบันบริเวณนี้ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำแล้ว แต่จะมีจุดให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน้ำ ช่วงทางเข้าก่อนถึงจุดที่มีตาน้ำค่ะ
มีปลาลายเสือแหวกว่ายอยู่เต็มไปหมด
และแล้วก็มาถึงช่วงที่ช้างชมพูรอคอยค่ะ เพราะเป็นจุดที่ให้ลงเล่นน้ำได้ ไม่รอช้าค่ะ รีบลงเล่นเลย น้ำใสมาก เย็นชื่นใจสุดๆ ค่ะ ไกด์บอกว่าที่นี่เรียกว่าคลองน้ำใส คือน้ำใสจริงๆ เขียวมรกต ฟินมากจนไม่อยากจะกลับเลยค่ะ
เล่นน้ำอยู่สักพักก็ได้เวลาที่ต้องกลับโรงแรมแล้วค่ะ ทางโรงแรมพาขึ้นรถมาส่งโดยสวัสดีภาพที่โรงแรมค่ะ แต่เนื่องจากใช้พลังเล่นน้ำเยอะ ช้างชมพูเริ่มจะหิวค่ะ รู้สึกขี้เกียจไม่อยากออกไปหาอาหารทานข้างนอกและไม่อยากเดินไปที่ Globe Restaurant จึงโทรสั่งอาหารให้พนักงานมาเสิร์ฟที่ห้องค่ะ (สะดวกสบายระดับ 10) อาบน้ำเรียบร้อย พนักงานก็ได้นำอาหารมาเสิร์ฟพอดี เมนูทุกจานได้ตกแต่งอย่างสวยงาม รสชาติอาหารอร่อยใช้ได้เลยค่ะ เมนูที่สั่งมาทานก็จะเป็น ข้าวผัดสัปปะรด ที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่ มีแขกสั่งเยอะที่สุด เมนูที่เหลือก็จะเป็น แกงเขียวหวานไก่ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สปาเก็ตตี้เบคอนผัดพริกแห้ง และเครื่องดื่มเป็นมะพร้าวปั่นและค็อกเทลผลไม้ปั่นชื่นใจไปอีก
และแล้วก็จบไปหนึ่งวัน สำหรับกิจกรรม One Day Trip ของช้างชมพูที่เป็นทริปพิเศษจากทางโรมแรม The Pelican Resident & Suites Krabi ค่ะ
//////////////////////////////////////////////
กิจกรรม One Day Trip ทั้ง 3 วันนี้ เป็นทริปที่ประทับใจที่สุดกับการมาเที่ยวกระบี่ครั้งแรกของช้างชมพูค่ะ สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการให้บริการของทางโรงแรมในการจัดทริปทัวร์ตามสถานที่ต่างๆ ได้ประทับใจและตื่นเต้นที่สุดเลย ถ้ามีโอกาสมาเที่ยวกระบี่อีก ช้างชมพูต้องมาพักโรงแรมนี้อีกแน่นอนค่ะ แต่คราวหน้าจะขอจองห้องใหญ่ เพื่อมากับครอบครัวค่ะ เพราะนอกจากห้องจะกว้างแล้ว ยังได้ชมวิวทะเลยามยามและยามราตรีด้วยค่ะ ถ้าใครมีแผนที่จะมาเที่ยวกระบี่ ช้างชมพูแนะนำให้มาพักที่โรงแรมนี้ และซื้อทริปกับทางโรงแรม The Pelican Resident & Suites Krabi นะคะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง มีแต่คุ้มกับคุ้มแน่นอนค่ะ
////////////////////////////////////
สอบถามข้อมูลหรือจองห้องพักได้ที่นี่เลยค่ะ
Website : thepelicankrabi.com
Email : [email protected]
Tel : +66(0)75 817 000
ช้างชมพูออนทัวร์
วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 02.10 น.