โครงการ “ปลูกป่าในใจคนตามศาสตร์พระราชา” เป็นโครงการสนองพระราชดำริด้านการอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลนในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะแนวชายฝั่งบางขุนเทียน ปรับปรุงป่าชายเลนให้มีความสมบูรณ์ เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์ และแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ และร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของกรุงเทพมหานคร

ซึ่งกิจกรรม “เพาะกล้าให้เป็นป่า” ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายบริหารและพนักงานอาสากลุ่มเซ็นทรัล และภาคีเครือข่ายกว่า 250 คน เข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่า บนพื้นที่แปลงปลูกขนาด 13 ไร่ ในระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี เพื่อปลูกกล้าไม้โกงกางจำนวน 10,400 ต้น โดยจะมีการติดตามความต่อเนื่อง ทุก 3 – 6 เดือน ซึ่งนอกจากการลงพื้นที่ปลูกป่าโกงกางแล้ว ยังมีกิจกรรมปั้นเมล็ดพันธุ์ต้นแสม การเพาะต้นกล้า และการเก็บขยะในพื้นที่ป่าชายเลน

ส่วนหนึ่งของความสำเร็จของกิจกรรมนี้ นอกจากคนเบื้องหน้าแล้ว ยังมีคนเบื้องหลังที่น่าสนใจอีกหลายคน วันนี้เราจะมาพูดคุยกับ “คุณอัญชลี อรุณแสง” หรือคุณอ้น หนึ่งในผู้บริหาร บริษัท World iDea จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดงานอีเวนต์ทั่วไป ที่หันมาให้ความสนใจ และให้ความสำคัญงานสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในบทบาทนักบริหารของเธอ ได้ทำงานหลากหลาย จนเมื่อได้เริ่มทำงาน CSR ให้กับหลากหลายหน่วย

วันนี้เราได้มาพูดคุยกับเธอ ผ่านเรื่องราวการอนุรักษ์ผืนป่าชายเลน ของกิจกรรม “เพาะกล้าให้เป็นป่า” ที่เธอมีส่วนในการดูแลดำเนินการ

คุณอ้น - อัญชลี อรุณแสง


"เริ่มงานตรงนี้จากเป็นเด็กฝึกงานในบริษัท เวิลด์ ไอเดีย จำกัด มาตั้งแต่ปี 2552 เริ่มจากการเป็น Staff ทำทุกอย่าง งาน Operation นั่นก็หลังจากเรียนจบปริญญาโท ด้านการตลาดที่นิด้า ปัจจุบันเป็นผู้บริหารในฝ่าย Even

จริง ๆ แล้ว บริษัท เวิลด์ ไอเดีย ในปีนี้ก็จะครบปีที่ 12 แล้ว เพราะเราเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2549 แต่เดิมบริษัทฯ ก็ไม่ได้ทำงานด้าน CSR อย่างเดียวโดยตรง แต่ทำหลากหลายในประเภทของธรุกิจ Even แต่พอเริ่มก้าวเข้ามา (คุณอ้น) ก็โฟกัสที่ธุรกิจ CSR ซึ่ง Even ตัวอื่น บริษัทฯ ก็ยังมีอยู่ มี CSR มีบันเทิง มีหลายอย่าง

ส่วนหนึงที่ทำให้เราปรับเปลี่ยนขอบเขตของธุรกิจ นั้นก็เพราะเราเองก็มีความกังวล เพราะสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปลี่ยน อีกอย่างงาน Even ใคร ๆ ก็ก้าวเข้ามาง่าย แต่เรามีแนวคิดในการทำ เนื่องจากว่าเราอยู่กับมันมาตั้งแต่แรก ๆเราก็ตั้งใจทำทุกอย่าง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เราก็จะรู้ว่าปัญหาคืออะไร สิ่งที่ลูกค้าต้องการคืออะไร พยายามตอบสนองตรงนั้น เราก็เหมือนอยู่กับมัน คือไม่ต้องซีเรียสว่ามันจะตายจากเราไป ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ปัญหาอะไรจะเกิดเราก็แก้ พูดคุยกับลูกค้า เราก็ยังยึดมั่นตรงนี้ตลอด ด้วยสิ่งนี้จึงทำให้เราก้าวข้ามปัญหาความผันแปรของสภาวะเศรษฐกิจมาได้จนถึงปีที่ 12

ในอนาคตเราก็ยังคิดว่า เราจะคงยังอยู่ในธุรกิจ Even นี้ แต่เราก็จะเปลี่ยนธุรกิจไปตามสภาวะสังคมในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้าน Online ด้านการฝึกอบรมที่ให้ Knowledge กับบริษัท เราก็มี Plan จะขยายตรงนั้น แต่เราก็ยังโฟกัส Even ของเราให้ยังคงอยู่ด้วย


ในปัจจุบันที่คนเราหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แล้วเราก็คิดว่าถ้าสิ่งแวดล้อมดี ทุกอย่างก็จะดี เราก็เลยมาโฟกัสด้านนี้ แล้วเราก็มองว่ามันเป็นสิ่งที่ให้คุณค้ากับสังคมมากที่สุด เป็นคนที่ชอบงานทางด้านสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนตัวชอบธรรมชาติ เวลาทำงานมันจะเครียด แล้วเวลาไป (ทำกิจกรรม) เหมือนกับได้ไปหาสิ่งแวดล้อม หาธรรมชาติเรารู้สึกว่ามันผ่อนคลายจริง ๆ ก็เลยรู้สึกว่า เวลาได้ทำอะไรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ปลูกป่า เก็บขยะ ปลูกปะการัง เราก็เลยรักที่จะทำอะไรด้านนี้

อย่างงานปลูกป่าชายเลน สนุกมาก ได้ลงพื่นที่จริงและได้เห็นว่า จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลายอย่างที่เรามองข้าม จริง ๆ มันสำคัญกับประเทศ กับกรุงเทพ ฯ พอลงไปทำแล้วมันดี เป็นงานสนุก และมีส่วนร่วมทั้งในเรื่องของชุมชนและสิ่งแวดล้อม มันอาจจะเหนื่อยนะตอนแรก แต่พอเราลงไปทำแล้วมันมีคุณค่า แล้วสิ่งเหล่านั้นมันอาจจะใช้เวลานาน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือเรามองเห็นว่ามันต้องดีแน่นอน


ส่วนงานด้านสังคมสงเคราะห์ อาจจะเป็นแนวทางในระยะยาวที่เราจะทำต่อไป ต่อจากการพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพราะว่าต้องดูว่าเราจะออกมาในแนวด้านไหนมากกว่า

อย่างที่ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า ธุรกิจด้าน CSR ค่อนข้างอิ่มตัว และเราเอง ยังต้องอยู่ในวงการ หมายถึงว่า จากยุคสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เราจึงต้องหา Line ธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้แตก Line ธุรกิจไปในเรื่องของการฝึกอบรม การให้ Knowledgeกับบริษัทต่าง ๆ หรือผู้ที่สนใจเข้ามาฝึกอบรมกับเรา เราก็จะมีการวางแผน และมีคอร์สต่าง ๆ ให้ รวมทั้งเปิด Online Marketing อยู่ ซึ่งก็มีการวางแผนไปจนถึงปลายปีถัดไป (2562) แล้ว เพราะเรามีความพร้อมตรงนี้ค่อนข้างเยอะ -ในความคิดของเรา ถ้ามันลงตัวก็จะเป็นแนวทางในการดำเนินงานทางธรุกิจ ที่เป็นแง่คิดแนวบวกที่ทำให้ธุรกิจก้าวต่อไป

การปลูกป่าชายเลน

ปัจจุบัน ชายฝั่งทะเลของกรุงเทพมหานครประสบปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งที่อยู่ในเขตบางขุนเทียน ทางด้านฝั่งอ่าวไทย เนื่องจากกระแสคลื่นและกระแสน้ำที่มีความรุนแรง ซึ่งได้กัดเซาะแนวชายฝั่งเดิมหายไปตลอดความยาวรวมกว่า 5.2 กิโลเมตร ทำให้ที่ดินเดิมของชายฝั่งกรุงเทพฯ ถูกกัดเซาะหายไปกว่า 3,000 ไร่ ประชาชนที่เคยอยู่อาศัยในพื้นที่นั้นต้องอพยพหนีน้ำทะเลเข้ามาถึง 2 กิโลเมตรจากหลักเขตกรุงเทพฯ เดิม ซึ่งปัญหาเรื่องน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยเป็นปัญหาหนักและใหญ่มาก ที่ผ่านมาประเทศไทยสูญเสียที่ดินจากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไปแล้วมากกว่า 1 แสนไร่ คิดเป็นมูลค่าราคาที่ดินประมาณ 1 แสนล้านบาท เหตุการณ์นี้ได้ก่อความเสียหายแก่ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนอันเป็นแหล่งอาหาร และอนุบาลของสัตว์น้ำ ซึ่งในพื้นที่ป่าชายเลนนั้นมีสัตว์อาศัยอยู่มากถึง 74 ชนิด

หากป่าชายเลนหายไป สัตว์เหล่านี้ก็จะหายไปหมดด้วย ส่งผลทั้งต่อสภาพพื้นที่และก่อปัญหาต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ทำให้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี โครงการ “ปลูกป่าในใจคนตามศาสตร์พระราชา” จะช่วยแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน เพื่อฟื้นฟูและบำรุงรักษาทะเลกรุงเทพฯ ให้คงอยู่ต่อไป

ความคิดเห็น