ทริปนี้เริ่มจากน้องในกลุ่มบอกว่าจะไปเที่ยวนครวัด ไอ้เราก็อยากไปอยู่แล้วเลยขอติดสอยห้อยตามไปด้วย ก่ะว่าจะไปเป็นชาวเกาะ ให้คนอื่นพาเที่ยวมั้ง แต่สุดท้าย คนนั้น Cancle คนนี้ติดธุระ คนนี้ป่วย เหตุผลต่างๆนาๆ จนเหลือสมาชิกที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน 8 ชีวิต
ไปๆมาๆ กลายมาเป็นคนจัดการหลายๆอย่างในทริปไปแบบไม่ทันตั้งตัว 555+
สมาชิกพร้อมแล้ว จะรออะไรอยู่ละครับ ก็ตามผมไปเที่ยวกันเลยดีกว่าครับ
สำหรับเพื่อนๆคนไหน ที่ชอบท่องเที่ยว สามารถเข้ามาแบ่งปันข้อมูลกันได้นะครับ ที่เพจ ตะลอนทัวร์ไปกับตาแป๊ะ https://www.facebook.com/TalontourPaikubtapae
หรือเพื่อนๆคนไหนที่เที่ยวคนเดียว ก็แวะมาพูดคุยทักทายกับเพื่อนๆที่ชื่นชอบการเดินทางเหมือนกันได้ที่กรุ๊ปคนเดียวก็เที่ยวได้นะครับ
https://www.facebook.com/groups/1562771927291386/
*** คำเตือน รูปทุกรูปในรีวิวนี้ผ่านการ Process ใน Photoshop มาแล้ว ***
รีวิวที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Life Is A Journey : หลงเสน่ห์สังขละบุรี ..... รถทัวร์ก็ไปถึง http://pantip.com/profile/470949
Life Is A Journey : Somsak Mining (Forest glen) บ้านเล็กในป่าใหญ่ http://pantip.com/topic/34134446
Life Is A Journey : เที่ยวทุ่งดอกกระเจียวกับ รถเมล์ ขสมก. http://pantip.com/topic/33971806
Life Is A Journey : เที่ยวเขาค้อ ภูทับเบิก Low Season http://pantip.com/topic/33842345
Life Is A Journey ตะลุย Seoul : เที่ยวเกาหลีหมดไม่ถึงหมื่น http://pantip.com/topic/33413491
Life Is A Journey ตะลุยเมืองน่าน : ดอยภูคา ดอยเสมอดาว http://pantip.com/topic/33257426
Life Is A Journey ตะลุย ลาว : วังเวียงเมืองแห่งขุนเขาและสายน้ำ http://pantip.com/topic/32892933
Life Is A Journey ตะลุย Singapore http://pantip.com/topic/32800634
Life Is A Journey ตะลุย South-Vietnam : โฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ 4 วัน 3 คืน http://pantip.com/topic/32222671
Life Is A Journey ตะลุยภูเก็ต : เที่ยวชิลล์ ชิลล์ กินจัดเต็ม http://pantip.com/topic/32165353
Life Is A Journey ตะลุยฮ่องกง : ไปแบบไม่มีแผน แล้วแต่คุณแฟนอยากไป http://pantip.com/topic/31920973
Life Is A Journey ตะลุยไต้หวัน Part 1 : ไปต่อเครื่องกับเซบูแบบ ชิลล์ ชิลล์ http://pantip.com/topic/31647362
Life Is A Journey ตะลุยไต้หวัน Part 2 : ไทเป ต้องลองสักครั้งแล้วจะติดใจ http://pantip.com/topic/31672949
Life Is A Journey ตะลุยไต้หวัน Part 3 : แนะนำโรงแรม Inn Cube http://pantip.com/topic/31701738
ลั้ลลา.....ตามประสา @ Singapore http://pantip.com/topic/30001259
Mission @ Chiang Mai ไหว้พระ 9 วัด เสริมสิริมงคลวันเกิดให้ตัวเอง http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11667647/E11667647.html
Mission @ Chiang Mai ตามล่านางพญาเสือโคร่ง http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11697994/E11697994.html
Mission อิ่มอร่อย นอนฝันดี @ Chiang Mai http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11722056/E11722056.html
Review.....Hongkong & Macau 3 Day http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10717123/E10717123.html
Mini Review : Paepaemaru และผองเพื่อนใจดีพากันไปเลี้ยงอาหารและแจงของให้น้องๆที่เมืองกาญ http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9051258/E9051258.html
Review........P@i Alone......7-9 Feb 2010 Part 1 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8876649/E8876649.html
Review........P@i Alone......7-9 Feb 2010 Part 2 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8876707/E8876707.html
Review........P@i Alone......7-9 Feb 2010 Part 3 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8876740/E8876740.html
Review.........บินเดี่ยวเที่ยว Singapore part 1 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8696164/E8696164.html
Review.........บินเดี่ยวเที่ยว Singapore part 2 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8698434/E8698434.html
Review.........บินเดี่ยวเที่ยว Singapore part 3 http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8698495/E8698495.html
Review : บางแสนวันธรรมดา......กับบรรยากาศเหงาๆ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/09/E8326569/E8326569.html
Review.....ดองเค็ม อุทยานแห่งชาติรามคำแหง (เขาหลวง) http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/09/E8273478/E8273478.html
<<<<<Mini Reviw >>>> 100 บาทก็เที่ยวได้ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2009/07/E8097889/E8097889.html สำหรับทริปนี้เรานัดกันที่หมอชิต เช้ามืดวันเสาร์ที่ 20 กพ. เวลา 03.30 น.
เราเลือกไปกับรถทัวร์ของบริษัทแอร์อรัญพัฒนารอบ 03.30 น. ไปลงที่ ตลาดโรงเกลือ
ค่าตั๋วรถทัวร์คนละ 209 บาท
รถทัวร์ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงก็มาถึงตลาดโรงเกลือ หลังจากที่ลงรถแล้วเราก็เดินไปที่ด่านซึ่งห่างจากตลาดโรงเกลือนิดเดียว
ช่วงเช้าที่ด่าน คนเยอะพอสมควร แต่ใช้เวลาไม่นานเราก็ผ่านด่าน ข้ามชายแดนไทยมาอยู่ชายแดนกัมพูชาได้อย่างรวดเร็ว
ที่หน้าด่านของกัมพูชา มีเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะนั่งอยู่คอยเรียกนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเขียนใบขาเข้า เพื่อนๆผมเดินผ่านไปเรียบร้อยหมดแล้ว ผมดันโดน จนท.เรียกให้มาเขียนใบขาเข้า ด้วยความซื้อของตัวเองเลยไปเรียกเพื่อนกลับมาให้ จนท.กรอกใบขาเข้าให้ที่โต๊ะ
สุดท้ายเจอค่ากรอกเอกสารของ จนท.ตรงนี้ไปคนละ 20 บาท *** ถ้าใครที่ไม่อยากเสีย 20 บาท ให้เดินผ่านไปเลยนะครับ แล้วค่อยไปเอาใบขาเข้า ตรง ตม.มากรอกเอง ***
หลังจากที่ผ่าน ตม.ปอยเปต ออกมาแล้ว ถ้าใครที่ไม่ได้นัดรถให้มารับ สามารถขึ้นรถบัสไป บขส.ได้นะครับ แต่ผมไปกันเยอะ ขี้เกียจเสียเวลานั่งรถบัส เลยเดินไปหา TAXI เหมาไปเสียมราฐเลย ถ้าใครจะเหมา TAXI ให้เดินไปแถววงเวียนครับ รับรองเดี่ญว TAXI จะมารุมคุณเอง จำไว้อย่างหนึ่งนะครับ ไม่ว่าคันแรกจะบอกราคาคุณมาเท่าไหร่ อย่าพึ่งรีบตอบตกลง จงต่อราคาก่อน ตอนผมไปเจอเปิดราคามาที่ 1500 ต่อคัน ก็ต่อกันจนลงมาที่คันละ 1200 TAXI ใช้ระยะเวลาเดินทางจากปอยเปต ไปเสียมราฐ ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่คันที่ผมนั่งไประหว่างทางมีแวะเติมแก๊ซด้วย
เติมแก๊ซกันแบบนี้เลยอ่ะ เห็นตอนแรกใจหายแว๊บเลยครับ
TAXI คันที่ผมนั่งมาบอกเลยว่าดีมากๆอ่ะครับ พูดภาษาไทยไม่ได้ อังกฤษก็ได้เป็นคำๆ แต่ระหว่างเดินทางขยันชวนคุยมากๆ ชวนแวะกินข้าวระหว่างทาง แต่พอเราบอกอยากจะไปกินพร้อมเพื่อนอีกคันที่โรงแรม ก็ไม่เซ้าซี้อะไรเรา ขับรถมาส่งเราจนถึงโรงแรม
ทริปนี้ผมจองโรงแรม The Villa Sok San Square ไว้ผ่าน Booking.com
ด้านหน้าของโรงแรมจะเป็นร้านอาหาร
ด้านหน้าร้านตั้งป้ายบอกโปรโมชั่นของทางร้าน สั่งอาหาร 1 อย่าง ฟรีซอฟดริ้งหรือเบียร์ 1 แก้ว
ทริปนี้พวกเราก็ไม่ไปเดินหาข้าวที่อื่นกินกันเลยครับ ฝากท้องที่โรงแรมแทบจะทุกมื้อเลย เพราะราคาอาหารโซนนี้ราคาพอๆกันหมด 3-4 USD แต่ที่โรงแรมฟรีน้ำ ร้านอื่นไม่ฟรีน้ำ ประหยัดได้อีกมื้อละ 1 USD เรามาถึงกันตอนเที่ยงตรง เลยก่ะว่าจะไปฝากกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวกันก่อนค่อยกลับมาเช็คอินนตอน 14.00 ตามเวลาที่ระบุไว้ในใบจอง แต่โชคดีที่ตอนเราไปถึงมีห้องว่าง 4 ห้องพอดี ก็เลยได้เช็คอินเข้าห้องกันตั้งแต่เที่ยง
มี Welcome Drink เป็นน้ำมะม่วงให้ดื่มแก้ร้อนจากการเดินทาง
เช็คอินเรียบร้อยก็จัดการปากท้องกันก่อนเลยครับ มื้อแรกที่เวียดนามแกงกระหรี่ไก่
หลังจากหม่ำกันอิ่มเรียบร้อยก็ได้เวลาเดินดูโรงแรม
บริเวณ Lobby
ที่โรงแรมมีบริการรถพาเที่ยว มีทั้งตุ๊กตุ๊ก รถTaxi รถตู้
พวกเราก็เลยจัดการเช่ารถตู้ของโรงแรมพาเที่ยวไว้เลยก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อนรอเวลารถตู้มารับ ภายในห้องพัก
เป็นห้องเตียงแฝด
มี TV มีตู้เย็น
มีไดร์เป่าผม กระติกน้ำร้อน ชากาแฟ น้ำดื่ม 2 ขวด (มาเติมให้ทุกวัน)
ในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่แก้เมื่อย ผมนอนแช่ทุกวันที่อยู่โรงแรมเลย
ที่โรแรมมีสระน้ำให้ว่ายน้ำเล่นแก้ร้อนด้วย แต่เสียดายที่ไม่รู้ล่วงหน้าเลยไม่ได้เตรียมชุดไปเล่นน้ำด้วย
เวลา 16.00 น. ได้เวลาเริ่มออกเที่ยว รถตู้มารับตรงเวลาเป๊ะ
สิ่งแรกที่เราต้องทำคือไปซื้อ Pass สำหรับเที่ยวปราสาทต่างๆ
One-day pass จะเริ่มขายให้ตอน 17.00 น. ของทุกวัน
Options of Pass
- One-day pass : 20 $
- Three-day pass: 40$ (เที่ยว 3 วันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องติดกัน แต่ต้องภายในช่วง 1 สัปดาห์ )
- One-week pass: 60$ ( เที่ยว 7 วันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องติดกัน แต่ต้องภายในช่วง 1 เดือน )
ได้ One-day pass มาแล้ว
One-day pass สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 17.00 น. ของวันที่ซื้อ ถึงช่วงเย็นของวันที่ระบุในพาส One-day pass พร้อมแล้วก็เริ่มเทเี่ยวกันได้เลย
ที่แรกเราไป Phnom Bakheng
จากจุดจอดรถเราต้องเดินขึ้นเขาไปประมาณ 10-15 นาที ก็จะถึงตัวปราสาท
*** คำเตือน หนุ่มๆสาวๆ ที่ชอบนุ่งสั้น ขึ้นไม่ได้นะจ๊ะ ต้องซื้อผ้ามานุ่งให้ยาวเกินเข่าถึงจะขึ้นไปได้นะ *** นักท่องเที่ยวมากมาย มาด้วยจุดประสงค์เดียวกันครับ คือมาดูพระอาทิตย์ตกที่ Phnom Bakheng
ดูเวลา ดูท้องฟ้าแล้ว ถ้ายังต่อแถวต่อ น่าจะไม่ได้เที่ยวที่ Phnom Bakheng แน่ๆ พวกผมกก้เลยเลือกที่จะยอมเดินออกจากแถวที่จะขึ้นไปบนปราสาท เพื่อออกมาเดินเที่ยวรอบๆตัวปราสาท Phnom Bakheng แทน
สำหรับใครที่อยากจะขึ้นไปรอดูพระอาทิตย์ตกบน Phnom Bakheng แนะนำว่าให้มาเร็วๆครับ เพราะบนปราสาทมีการจำกัดจำนวนผู้ที่จะขึ้นไปข้างบน ถ้าไม่มีคนลงมาก็ไม่ปล่อยคนใหม่ขึ้นไปแทน
พระอาทิตย์ตกที่ Phnom Bakheng
เกร็ดความรู้ :
เขาพนมบาเค็ง (phnom bakheng) เป็นเทวสถานที่สร้างตามลัทธิไศวนิกาย เมื่อราว พ.ศ. 1450 ตั้งอยู่บนเขาลูกเล็กที่มีความสูงประมาณ 70 เมตร มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า ปราสาทยโศธระปุระคือใช้ชื่อของพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ต่อมาเรียกว่า พนมบาเค็งตามลักษณะของต้นบาเค็งที่มีอยู่มากในบริเวณภูเขานี้ เขาพนมบาเค็งหรือวนัมกันตาล เป็นภูเขาใจกลางเมืองยโสธรปุระซึ่งเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ และเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ตัวปราสาทพนมบาเค็งจำลองลักษณะมาจากปราสาทบากอง มีสถาปัตยกรรมคล้ายกัน รูปทรงแบบปิรามิด ที่ตัวระเบียงแต่ละชั้นมีปราสาทเล็กๆ 4 มุม ภายในปรางค์ประธานมีศิวลึงค์ตั้งอยู่ตั้งแต่ พ.ศ.1450 ในปีที่เริ่มสร้างปราสาท ในขณะที่การก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปจาก พ.ศ. 1450-1471 นานถึง 21 ปี หลังจากนั้นอีก 40 ปีในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมปราสาทนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก พระพุทธรูปที่เห็นในปรางค์ประธานนั้น มีการอัญเชิญพระพุทธรูปขนาดใหญ่ขึ้นไปประดิษฐานบนแท่นหินทรายแทนศิวลึงค์เมื่อ พ.ศ. 2059 และจุดเด่นจุดหนึ่งที่น่าสนใจของเขาพนมบาเค็งนี้คือ เป็นจุดชมวิวที่สวยงามซึ่งสามารถเห็นปราสาทนครวัด และบรรยากาศยามเย็นที่มีพระอาทิตย์ตกเป็นภาพที่สวยงามที่นักท่องเที่ยวนิยมกันเป็นอย่างมาก กลับไปหม่ำมื้อค่ำที่โรงแรม ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
หม่ำเสร็จแล้วก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นกันที่ PUB Street
ตอนเช้าเรานัดรถตู้ไว้ตี 5 เพื่อไปนครวัด ไปถึงนักท่องเที่ยวก็มากันเต็มไปหมดแล้วมุมสวยๆที่เห็นตามรูปไม่ต้องหวังกันละครับงานนี้ มีตรงไหนว่างให้เสียบก็เข้าไปก่อนเลยตอนนี้
เพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่มารอพระอาทิตย์ยามเช้าที่ Angkor Wat
แต่จนแล้วจนรอดพระอาทิตย์ก็ไม่ออกมาให้เห็น สงสัยว่าคนจะเยอะมากพระอาทิตยน์เลยอายไม่ออกมาให้เห็น รอจนฟ้าสว่างก็ไม่เห็นเลยเปลี่ยนมุมเตรียมไปถ่ายรูปในตัว Angkor Wat แทน
แต่อยู่ๆพระอาทิตย์ก้โผล่ ออกมาให้เห็น
วิ่งซิครับ มุมมหาชน ก่อนที่พระอาทิตย์จะหายไปอีกครั้ง
เกร็ดความรู้ :
นครวัด (angkor wat) เป็นศาสนสถานตั้งอยู่ในเมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสิกรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติ และเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร ปราสาทนครวัดได้เริ่มสร้างในกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อบูชาแด่พระวิษณุหรือ พระนารายณ์ ในปี พ.ศ. 1720 ชาวจามได้บุกรุกขอม ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองนครหลวง หรือ เสียมราฐ ในปัจจุบัน หลังจากนั้น พระองค์จึงสร้างเมืองนครธม และ ปราสาทบายน ห่างจากปราสาทนครวัดไปทางเหนือ เพื่อเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของชาวขอม ในปี ค.ศ. 1586 (พ.ศ. 2129) ได้มีนักบวชจากโปรตุเกส นามว่า อันโตนิโอ ดา มักดาเลนา เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้ไปเยือนปราสาทนครวัด แต่ที่จะถือว่าเป็นการเปิดประตูให้แก่ปราสาทนครวัดนั้น คือการค้นพบของ อองรี มูโอต์ นักสะสมแมลงและนักสำรวจชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้วมาปราสาทนครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคสิ้นสุดของราชอาณาจักรขะแมร์ โดยมีหินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก
ออกจาก angkor wat เราก็ไปกันต่อที่ นครธม
นครธม (Angkor Thom)
นครธม (Angkor Thom) เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือประตูทางเข้านครธมด้านใต้จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้ จะเป็นแถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก 3 ด้าน
ปราสาทบายน (Prasat Bayon)
ปราสาทบายน (Prasat Bayon) สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และเป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาทที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆ เป็นเพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ล้วนแล้วแต่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ที่สืบทอดมากกว่า 415 ปี ซึ่งลักษณะของ ปรางค์ปราสาทบายนทั้ง 54 ปรางค์นั้น จะถูกสลักเป็นภาพพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผันพระพักตร์ออกไปทั้งสี่ทิศ เพื่อสอดส่องดูแลความทุกข์สุขของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ให้อยู่เย็นเป็นสุข รอยยิ้มที่นี้เรียกว่ายิ้มแบบบายนเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ใบหน้าเหล่านั้นหากนับรวมกัน 54 ปรางค์ปราสาทปรางค์ปราสาทละ 4 หน้า จะมีรวมถึง 216 หน้า แต่ปัจจุบันได้สึกกร่อนพังทลายลงไปหลายหน้าแล้ว ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างไปตากปราสาทเขมรอื่นๆทำให้เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาสัมผัสเมือได้มาเยือนประเทษกัมพูชา
ปราสาทบาปวน เป็นปราสาทขอมที่อยู่กลุ่มปราสาทนครวัด สร้างขึ้นในยุคพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 (พ.ศ. 1550-1600) ตั้งอยู่ในเมืองยโสธรปุระ ทางด้านทิศใต้ของปราสาทนครวัดประมาณ 30 กิโลเมตร
ปราสาทบาปวนมีลักษณะเป็นรูปทรงพีระมิด มีฐานเป็นชั้น ๆ ส่วนบนสุด เป็นปราสาทประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ลักษณะของตัวปราสาทประธานมียอดเรียวแหลม คล้ายกับปราสาทพนมรุ้ง มีระเบียงคตถึงสามชั้นที่เชื่อมต่อกันได้ตลอด โคปุระขนาดใหญ่สุด อยู่ทางด้านทิศตะวันออก เครื่องบนของโคปุระ ทำด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ซึ่งผุผังไปตามกาลเวลา โดยมีร่องรอยของการเจาะคานไว้บนหน้าบัวของโคปุระ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ทองคำ สัญลักษณ์แทนพระศิวะ แต่ได้สูญหายไปนานแล้ว ปราสาทบาปวนจัดได้ว่าเป็นต้นแบบของศิลปะแบบบาปวนโดยแท้จริง และเป็นศิลปะร่วมแบบเขมรของปราสาทในประเทศไทยหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งลักษณะเด่นของศิลปะสมัยนี้ ได้แก่ ภาพสลักเล่าเรื่องทำเป็นช่องเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันลงมาในแนวดิ่ง แต่ในสมัยที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเข้ามาแทนที่ในศาสนาพราหมณ์ ปราสาทบาปวนถูกรื้อลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อนำไปสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังปราสาท ร่องรอยต่าง ๆ ถูกโกลนเพื่อให้เข้ากับลักษณะของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ทำการรื้อและสำรวจทำหมายเลขกันใหม่ จนกระทั่งมาถึงยุคเขมรแดง เอกสารแผนผังการจัดทำการบูรณะปราสาทบาปวนถูกเผาทำลายจนราบเรียบ
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2538 ปราสาทบาปวนได้ถูกบูรณะอีกครั้งโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาลฝรั่งเศส จนแล้วเสร็จและมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 และได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในกลุ่มปราสาทนครวัด
ปราสาทตาพรหม (Prasat Ta Prohm)
ปราสาทตาพรหม (Prasat Ta Prohm) เป็นปราสาทที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างถวายให้กับ พระมารดา เชื่อกันว่า ปราสาทตาพรหมนั้นเป็นอารามหลวงในยุคนั้นด้วยส่วนคำว่า ตาพรหม นั้นน่าจะมาจากชื่อของผู้เฝ้าปราสาท ในช่วงที่คณะสำรวจ ชาวฝรั่งเศสเข้ามาถึงตัวปราสาทนี้จุดเด่นสำคัญของปราสาทตาพรหม คือรากไม้ของต้นสะปง(ไทยเรียกสมพงษ์)ซึ่งขึ้นครอบคลุมปราสาททั่วบริเวณ บางต้นมีอายุถึง 300 ปี จนได้รับการคัดเลือกเป็น ฉากสำคัญของภาพยนตร์เรื่อง Tumb Raider นอกจากนี้แล้ว ยังมีภาพสลักรูป เสต๊กโกซอร์ส ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ชนิดหนึ่งภายในปราสาทตาพรหมอีกด้วย
เที่ยวปราสาทเสร็จก็กลับโรงแรมไปหม่ำข้าว Amok Fish
คืนสุดท้ายที่เสียมราฐ ออกไปเดินหาของกินที่ PUB Street
ลองกินหมี่ผัดข้างทาง
หน้าตา OK รสชาติอร่อยดี
หม่ำเสร็จก็กลับห้องไปนอนพักผ่อน วันสุดท้ายไม่มีแผนเที่ยวก็ตื่นสายหม่ำข้าวเช้านั่งรถกลับเมืองไทย แวะช็อปปิ้งตรงเกลือ
สำหรับรีวิวนี้ผมขอจบไว้แค่นี้นะครับ ....... สำหรับการเดินทางครั้งใหม่ของผมจะเป็นที่ไหน เมื่อไหร่นั้นรอติดตามกันได้ใน Pantip ได้เลยครับ
สำหรับเพื่อนๆคนไหน ที่ชอบท่องเที่ยว สามารถเข้ามาแบ่งปันข้อมูลกันได้นะครับ ที่เพจ ตะลอนทัวร์ไปกับตาแป๊ะ https://www.facebook.com/TalontourPaikubtapae
หรือเพื่อนๆคนไหนที่เที่ยวคนเดียว ก็แวะมาพูดคุยทักทายกับเพื่อนๆที่ชื่นชอบการเดินทางเหมือนกันได้ที่กรุ๊ปคนเดียวก็เที่ยวได้นะครับ
https://www.facebook.com/groups/1562771927291386
สำหรับทุกคนที่เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนะครับ ......ឃើញអ្នក នៅពេលក្រោយ។ แถมให้ครับ....สรุปค่าใช้จ่ายของทริปนี้
This is My World
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.05 น.