เดินคนเดียวมันเหงา
บางทีก็อยากมีเขามาเดินข้างๆ
ผ่าม!!!!!!
พอๆๆ มาเดินทางกันดีกว่า
เราเคยคิดนะ ว่าเราจะเดินทางคนเดียวไปได้ไกลสักแค่ไหน ????
การเดินทางครั้งนี้ ต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมา ระยะทางกว่า 1 พันโล จากเมืองหลวงสู่ใต้สุดของประเทศไทย
มันไม่ใช่การเดินทางคนเดียวครั้งแรก
แต่มันเป็นครั้งแรกที่เดินทางคนเดียวด้วยระยะทางไกลขนาดนี้
เอาจริงๆก็ใจหวิวๆเหมือนกันนะ
แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ คือ อ.เบตง จ.ยะลา
สวัสดีค่ะเพื่อนๆเหล่านักเดินทาง เราชื่อแจ๊ค เราเขียนรีวิวไว้หลายเรื่องนะ ไปหาอ่านกันได้ค่ะ
แจ๊คทำเพจบอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง ชื่อเพจ นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
ฝากกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ
โอเค รู้จักเราแล้ว เดินทางกันต่อค่ะ
ช่วงก่อนหน้านี้ เป็นช่วงหยุดวันสงกรานต์ (15-19 April 2018)เราได้เดินทางไปที่จ.นราธิวาส เที่ยวผืนป่าฮาลาบาลา แล้วขึ้นฆูนุงซีลีปัตที่เบตง
แต่ครั้งนั้นไปเป็นหมู่คณะและเวลาจำกัดมีภาระกิจบางอย่างทำให้เราต้องกลับกทม. เรายังเที่ยวไม่หนำใจเลยอ่ะ
หลังจากกลับมาเราก็ยังข้องใจ ว่าปัตตานีเป็นยังไง
เอาจริงๆคือ เราอยากรู้ว่าบ้านเมืองของ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นยังไง คนที่นั่นเขาใช้ชีวิตกันยังไง ถ้าเราไปคนเดียวมันน่ากลัวมั้ย
แล้วฉันจะรอดรึป่าวว๊า มันมีความสงสัยหลายๆอย่าง เอาวะ ลองดู คงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก
กลับมาอยู่กทม.ได้ไม่กี่วัน แจ๊คก็เดินทางสู่ชายแดนใต้อีกครั้ง
ทริปลุยเดี่ยวสามจังหวัดชายแดนใต้ จึงเกิดขึ้น (24-30 April 2018)
พาหนะที่ใช้ในการเดินทางคือ รถไฟ รถสองแถว รถบัส รถตู้ เช่ามอเตอร์ไซค์
จากความสงสัยอยากเห็นว่าปัตตานีเป็นยังไง อยากไปเห็นเมืองปัตตานีค่ะ
เราเลยคิดว่านั่งรถไฟไปปัตตานีแล้วค่อยต่อรถไปยะลา
DAY 1 เริ่มเดินทางจากหัวลำโพงด้วยรถไฟชั้น 3 เวลาของความสนุกเริ่มขึ้นแล้ว
เราได้ที่นั่งฝั่งแดด คือแดดแรงมากจ้า หน้าต่างก็ค้างเอาลงไม่ได้ ไม่มีแรง
ใกล้ๆเราเป็นกลุ่มหนุ่มมุสลิม เขาคุยภาษายาวีกัน ซึ่งเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง
แล้วก็มีหนุ่มคนหนึ่ง จากในกลุ่ม เดินเข้ามาไม่มีคำพูดอะไร
ยื่นมือมาปิดหน้าต่างให้ เราสนทนากันด้วยรอยยิ้ม และคำขอบคุณ
เสน่ห์อีกอย่างของการนั่งรถไฟ คงจะเป็นของกิน
ระหว่างทางจะมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของกันตลอด ไม่ต้องกลัวอดค่ะ
อันนี้ๆๆ กล่องละ 10 บาท ก๋วยเตี๋ยวแห้งลูกชิ้นปลา ของเด็ดเลย อร่อยมากค่ะ
ไก่ทอดหาดใหญ่ต้องโดนค่ะ
ระหว่างทาง
แล้วรถไฟก็พาฉัน
พาหวัง สู่หนทางที่ฉันไม่รู้.....ได้
แว่วหวูดรถไฟ มีกำลังใจแว่วลอยตามลม
DAY 2 รถไฟเที่ยบชานชลา ที่สถานีปัตตานี
ลงจากรถไฟ เพลียกับการเดินทาง ขอดึงสตินิดนึงแล้วเดินออกจากสถานีรถไฟ
เราใช้วิธีนั่งรถสองแถวเพื่อเดินทางเข้าเมือง
คิดอะไรไม่ออก ไปมัสยิดกลางก็แล้วกัน ขอตั้งหลักก่อนนะ
หาอะไรกิน แล้วค่อยหาที่พัก
อร่อย มาม่าต้มยำทะเล
หลังจากเดินสำรวจเมือง เมืองนี้เงียบๆนะ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสดี
ไม่น่ากลัวเลยค่ะ
ด่านตรวจ ทหาร ตำรวจก็เยอะเหมือนกับยะลาและนราธิวาส
แต่ที่เที่ยวของปัตตานี ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งปลูกสร้าง วัด มัสยิด ศาลเจ้า ไม่ใช่แนวเราสักเท่าไร เราจะเล่าถึงที่นี่สั้นๆละกันเนาะ
ไหนๆมาแล้วเราตั้งใจไปไหว้เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว คนบาปไง ไปไม่ทัน ศาลเจ้าปิดก่อน โถ่วววววว
กลางคืนเดินไปถ่ายภาพมัสยิดกลางอีกครั้ง
การเดินทางไปในที่ที่รถสาธารณะไม่ผ่านนี่ลำบาก ปัตตานีไม่มีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์
เราแทบจะไม่ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนเลย เดินสำรวจเมืองอย่างเดียว กลางคืนฝนก็ตกหนัก
คืนนี้มีคอนเสิร์ตคาราบาวด้วยแหละ บรรยากาศคืนนี้เลยคึกคักเป็นพิเศษ แต่เราพักดีกว่า
สำหรับปัตตานีก็ประมาณนี้ค่ะ
DAY 3 เช้านี้เราจะเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ จ.ยะลา
เราเดินทางโดย นั่งรถบัส ยืนรอฝั่งตรงข้ามมัสยิดกลาง รอนานมากค่ะกว่ารถจะมา
นี่ๆๆๆๆ คันนี้แหละที่เราจะขึ้น
ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงกับ15นาที เราก็เดินทางถึงยะลา ลงรถบัสแล้วนั่งตุ๊กๆไปคิวรถตู้ ยะลา-เบตง
ระหว่างทางไปเบตงฝนก็เทลงมาอีกรอบ
ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงรถตู้ก็เดินทางถึงอำเภอเบตง
เราไม่ได้จองที่พักไว้ ไม่รู้จะไปลงตรงไหน ตั้งหลักกลางเมืองละกันค่ะ บอกรถตู้ว่าลงแถวๆหอนาฬิกา หาอะไรกินแล้วหาที่พัก
สุดท้ายเราได้ที่พัก ที่นี่ค่ะ โฟโต้ โฮสเทล เบตง ที่นี่เป็นที่พักแบบโฮสเทลที่เดียวในเบตง อยู่ใจกลางเมือง ใกล้หอนาฬิกา
ตอนนั้นที่ได้พูดคุย ที่นี่เปิดให้พักมาได้ไม่นานค่ะ เจ้าของชื่อพี่ฟก พี่เค้าถ่ายภาพสวยค่ะ
เรียกว่าเป็นช่างภาพของเบตงเลยก็ได้
ใครเคยเข้าเว็ป โอเคเบตง คงได้เห็นผลงานของพี่เค้าค่ะ
ที่พักรีโนเวทใหม่จากบ้านที่พี่เค้าอยู่ตั้งแต่เด็ก ดูมีความเป็นมา
บรรยากาศจะสบายๆ มีมุมให้นั่งเล่น เย็นๆ ค่ำๆ มานั่งคุยกัน เหมือนไปบ้านเพื่อนยังไงยังงั้น ที่สำคัญ สะอาดสะอ้าน
มีน้ำเปล่าให้ กาแฟ ไมโล ขนม บริการตัวเองในครัวได้เลยค่ะ ห้องเป็นแบบเตียง 2 ชั้น มีแบบ 4 เตียง 6 เตียง
ราคาเตียงละ 380 บาท ใครไปกันหลายๆคนจะเหมาทั้งห้อง ก็ราคาพิเศษค่ะ ห้อง 4 เตียงน่าจะอยู่ราวๆ 1,200 จำไม่ได้ละ
ชื่อห้องจะตั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวในเบตง เช่น ฆูนุงซีลีปัต,อัยเยอร์เวง อะไรประมานนี้ อ่อ ลืมบอก ที่นี่ wifi แรง
มีบริการพาเที่ยวด้วยค่ะ มาน้อยๆคนเดียว 2คน พี่เค้าจัด จอยกรุ๊ปให้ ไม่ต้องกังวลค่ะ
facebook : Foto Hostel โฟโต้โฮสเทล เบตง โทร 087-8155906(พี่ฟก)หรือ 080-5659145(พี่กานต์)
เราติดต่อเช่ามอไซค์จากพี่ฟกเพื่อขี่ไปอัยเยอร์เวงในตอนเช้ามืด
ได้ที่พักได้รถแล้วเดี๋ยวเย็นๆเราจะพาไปเก็บภาพเมืองเบตง
ที่นี่จะมีสนามกีฬาที่ช่วงเย็น คนเบตงจะไปออกกำลังกายกัน
รถทีมงานของ LABANOON พรุ่งนี้มีคอนเสิร์ตค่ะ แหม มาถูกจังหวะเลยเรา
DAY 4 เราตื่นกี่โมงจำไม่ได้ แต่ขี่มอไซค์ไปกม. 32 ตอนเช้ามืด จุดชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวงรถถึงค่ะ สบายๆ
ถึงอัยเยอร์เวง 06.15 น. นายเฮงทักมาถามว่าถึงยัง 555 (เขาคือเฮงแมนยูไกค์นำเที่ยวฆูนุงซีลีปัตนั่นเองค่ะ)
คือเฮงบอกตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะพากลุ่มพี่ๆวงลาบานูนขึ้นไปเที่ยวอัยเยอร์เวงเช้านี้
คือแบบ อยู่กทม.ไม่เจอกันนะ ดันมาเจอกันแบบพิเศษสุดๆบนเขา ดินแดนใต้สุดของประเทศไทย
พี่ๆน่ารักมากๆค่ะเดี๋ยวคืนนี้ตามไปๆเชียร์หน้าขอบเวทีเลย
มาดูความสวยงามของทะเลหมอกกันค่ะ
มองไปทางไหนก็สวย
อลังกาล
รูปเยอะมาก
บางทีเราก็ไม่มีอะไรจะพูด แค่เราจะบอกว่าอัยเยอร์เวงสวยมาก
ชมวิวจุดข้างบนจนหนำใจแล้ว ได้เวลาไปจุดอื่นแล้วค่ะ ขี่มอเตอร์ไซค์ลงมาอีกจุด อยู่ข้างล่าง
ตรงนี้สามารถกางเต็นท์ได้ มีอาหารเช้าขาย มีร้านขายของฝาก
8 โมงกว่าๆ เราขี่มอไซค์ลงจากอัยเยอร์เวง หาที่ถ่ายรูปไปเรื่อยๆค่ะ
แวะไปเติมน้ำมันแถวกม.29 เจอสะพานนี้ สีสันสวยดี จอดถ่ายรูปสิค่ะ
หิวแล้วค่ะ เป้าหมายต่อไปคือร้านก๋วยเตี๋ยวกะลา อานาเซีย ซึ่งเป็นจุดนัดพบเวลาที่นักท่องเที่ยวจะขึ้นฆูนุงซีลีปัต
ตั้งใจจะมากินเมนูนี้ แซ่ปเวอร์
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อค่ะ
เราจะขี่มอเตอร์ไชค์ไปอุโมงค์ปิยะมิตร แต่เราจะผ่านบ่อน้ำพุร้อน
แลดูเงียบๆ หรืออาจเพราะไม่ใช่วันหยุด อ่ออ รู้ละ หน้าร้อน คนคงไม่มาแช่น้ำร้อน55555
ควรมาเที่ยวหน้าหนาวนะคะ
อยู่ริมถนนเลค่ะ หาง่ายมากๆ
ด้านหลังมีรีสอร์ทด้วยค่ะ
บรรยากาศด้านใน ร่มรื่นดีค่ะ มีที่ให้นั่งพักผ่อน
ไปต่อค่ะ วิวระหว่างทางสวยมากค่ะ
ขี่ไปสักพัก เราก็ถึงทางเข้าบ้านปิยะมิตรแล้วค่ะ เห็นทางเข้าแล้ว แบบ รู้สึกถึงความเก่าแก่เลยค่ะ
ก่อนถึงอุโมงค์ปิยะมิตร เราจะเจอตรงนี้ก่อน เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ อาจจะเป็นจุดชมวิวรึป่าว
ขึ้นไปชมวิมุมสูงได้ค่ะ
****ประวัติของอุโมงค์ปิยะมิตร
อุโมงค์ปิยะมิตร ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านปิยะมิตร 1 ตำบลตะเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
เป็นอุโมงค์ที่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรืออดีตกลุ่มโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้นเป็นฐานของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เขต 2
เมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง การสร้างใช้กำลังคน 40 - 50 คน
ขุดเข้าไปในภูเขา และใช้เวลาเพียง 3 เดือน จึงแล้วเสร็จ อุโมงค์มีความกว้าง 50-60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร
สามารถจุคนได้เกือบ 200 คน มีทางเข้าออกทั้งหมด 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง ภายในมีสถานีวิทยุของ จคม. ห้องนอน ห้องเก็บเสบียง มีซอกมีมุมให้เลี้ยวลัดเลาะ ด้านบนเป็นป่ารกมีต้นไม้ใหญ่มากมายปกคลุม ยากแก่การค้นหาและถูกค้นพบโดยทหารฝ่ายรัฐบาล
ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เปิดบริการให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 - 16.30 น. การท่องเที่ยวอุโมงค์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
มีการติดตั้งไฟฟ้าตลอดแนวอุโมงค์ อากาศภายในเย็นสบายไม่อึดอัด บริเวณทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ และมีแอ่งน้ำที่ไหลมาจากภูเขา ด้านนอกอุโมงค์ซึ่งเคยเป็นลานฝึกทหารจัดให้มีนิทรรศการแสดงภาพและเรื่องราวประวัติศาสตร์
รวมถึงวิถีการดำเนินชีวิตในป่า
ที่มา วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มาที่นี่มีร้านค้าขายของฝาก ขายน้ำขายผลไม้ด้วยค่ะ
ซื้อตั๋วแล้ว เดี๋ยวเราจะพาไปดูค่ะ
ทางเดินร่มรื่นดี แต่เดินคนเดียวก็จะหลอนๆหน่อย
ระหว่างทางเราก็จะเจอ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เตา ราวตากผ้า
เตาสำหรับทำอาหาร
ในพิธภัณท์จะแสดงข้าวของเครื่องใช้ แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมของคนที่อยู่ที่นี่
เรียกได้ว่ามีอุปกรณ์ทุกอย่างครบค่ะ
ออกจากพิพิธภัณฑ์เราจะเดินลงอุโมงค์ค่ะ
เดินไปในอุโมงค์ รู้สึกว่าเย็นมากค่ะ
เดินออกจากอุโมงค์จะเจอต้นไม้ใหญ่
แล้วก็เดินตามทางจะมาเจอทางออก ทางออกก็อยู่แถวๆทางที่เราเข้ามานั่นแหละค่ะ
จะเจอร้านขายของ มีที่ให้นั่งพัก ได้เวลาอันสมควรเราจะพาไปเที่ยวกันต่อ
ถ้าเลยไปตามทางอีก 7 กิโล จะเป็นโครงการไม้เมืองหนาว แต่แจ๊คไม่ได้ไปนะคะ
แจ๊คกลับเข้าเบตงแล้วเลยไปถ่ายภาพที่ป้ายใต้สุดสยาม ชายแดนไทย-มาเลเซีย
นี่ๆๆๆๆๆ ถึงแล้วชายแดน
ใต้สุดสยามฉันมาถึงแล้วนะ
เราสามารถข้ามฝั่งไปทางมาเลเซียเพื่อไปซื้อของร้าน Duty free ได้ค่ะ ไม่ต้องทำเอกสารอะไร
ใช้ได้ทั้งเงินไทยและเงินมาเล
ไม่รู้จะซื้ออะไร ซื้อแต่ช็อคโกแล็ต นี่แหละเหตุผลที่น้ำหนักขึ้นช่วงเมษา
กลับจากชายแดน เขาที่พัก เดี๋ยวคืนนี้เราจะพาไปเก็บภาพคอนเสิร์ตลาบานูนค่ะ
ได้บัตรแล้ว เข้างานเลยค่ะ
ขอบคุณพี่ฟก ที่พาไปถ่ายภาพหน้าเวที อิอิ
อินกับหลายๆเพลงเลย พอดีช่วงนั้นเฮิร์ท
จบคืนนี้อย่างฟินเลยค่ะ
DAY 5 เช้านี้ เรา check out ออกจากโฮสเทล จริงๆคือจะกลับกทม.ละ
แต่เมื่อวานตอนเย็นเราเจอกับโกไข่ผู้รอบรู้ทุกสิ่งอย่างในเบตง บ้านแกอยู่หลังตลาด
คุยไปคุยมา วันนี้โกไข่จะพาเที่ยว
วันนี้นั่งมอไซค์ไปหมู่บ้านจุฬาภรณ์ ๑๐ แล้วก็แวะดูสนามบินที่กำลังก่อสร้าง
หมู่บ้านจุฬาภรณ์ ๑๐ เป็นหมู่บ้านหมู่ร่วมพัฒนาชาติไทย ที่มีบรรยากาศเย็นตลอดปี มีต้นไม้ใหญ่ที่สุดในภาคใต้, น้ำตกในบริเวณ
,ที่พักตากอากาศ ,หมอฝังเข็มรักษาโรค ,สมุนไพร,อาหารจีนและติดป่าบาลา-ฮาลา เหมาะแก่การท่องเที่ยวและเข้าค่ายอย่างยิ่งค่ะ
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์บ้านจุฬาภรณ์พันา 10 เป็นศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประวิติศาสตร์
โดยภายในอาคารจัดแสดงรูปภาพ ประวัติความเป็นมา และอุปกรณ์ครุภัณฑ์ที่ใช้ในอดีต
แต่ด้านในไม่ให้ถ่ายภาพค่ะ
มีรีสอร์ทด้วยค่ะ
จริงๆจะไปดูต้นไม้ยักษ์ที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์ ๑๐ แต่วันนั้นคนถือกุญแจไม่อยู่เลยไม่ได้เห็น
ขากลับแวะโครงการก่อสร้างสนามบินค่ะ
ตรงนี้ค่ะ อนาคตคือสนามบินเบตง
วันนี้เราเที่ยวแค่นี้ค่ะ ร้อนและเพลียมาก สุดท้าย บอกพี่ฟกว่า คืนนี้นอนเบตงอีกคืน สรุปว่ากลับไปนอนโอสเทลอีกคืน ไม่กลับกทม.สักทีนะ
กิจกรรมยายามเย็นในเมืองเบตงก็ไม่มีอะไรค่ะ หาของกิน เดินถ่ายภาพมุมนู้นมุมนี้ไปเรื่อย
โรตีจ้าวอร่อยขายแถวๆตู้ไปรณีย์ยักษ์
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไป-มาก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 268 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร ผิวจราจรคู่ กว้าง 7 เมตร
ทางเท้าเดินกว้างข้างละ 1 เมตร ความเร็วรถสามารถวิ่งได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไก่เบตง
หอนาฬิกายามค่ำคืน
ร้านในตำนาน
****หมายเหตุ เรามีร้านอาหาร อีก 3 ร้านที่จะแนะนำ เป็นร้านที่เราไปกินตอนที่ไปเบตงรอบแรก
ร้านที่ 1 เซ้งติ่มซำ บอกเลยว่าเด็ด
ร้านที่ 2 ชื่อร้านต้าเหยิน มาถึงแล้วต้องมาชิมค่ะ ไก่เบตง
ร้านที่ 3 ร้านโกช้าง
อร่อยทุกอย่าง
ร้านนี้ก็เด็ดค่ะอร่อยทุกอย่าง ไปเบตง ต้องไปโดนค่ะ จบแล้วสำหรับรีวิวร้านอาหาร
แต่การเดินทางยังไม่จบนะ
DAY 6 เช้านี้เราจะกลับกทม.แล้วนะ กลับจริงๆแล้ว 5555
สำหรับการเดินทาง กลับ เราจะนั่งรถตู้ไปลงยะลา แล้วนั่งรถไฟกลับกทม. ซื้อตั๋วรถตู้ แล้วไปหาอะไรกิน
หาร้านขายโปสการ์ดก็ไม่มี เลยถามพี่ฟก สุดท้ายก็มีที่บ้านพี่เค้านั่นแหละ เดินกลับไปอีกจ้า
ได้โปสการ์ดมา 1 อัน พร้อมกับขนมหัวเราะ ขอบคุณคร๊าาาา
ส่งที่ตู้ไปรษณียักษ์ได้เลยค่ะ
วันนี้ฟ้าสวย
กลับมานั่งรอรถที่คิวรถตู้ พี่ฟกทักมา แจ๊คลืมของจ้า กลับไปเอาของ
รอบนี้พี่ฟกขี่มอไซค์มาส่ง เลยได้แวะถ่ายรูปกับแมวตัวใหญ่ อิอิ
คราวนี้น้องไปจริงๆแล้วนะ 5555
กลับมาที่คิวรถตู้ รอรถตู้อีกสักพักพี่คนขายตั๋วบอก รถจะมาช้านะ น้องไปทันรถไฟมั้ย
ไม่ทันจ้า พี่เค้าเลยคืนเงินให้ แล้วให้เราไปนั่งรถแท็กซี่เบ๊นซ์
ถึงสถานีรถไป ฝนตกหนักมาก พายุเข้าพอดีค่ะ แต่โชคดีของเราที่เราเที่ยวเสร็จแล้ว
บ๊ายบายยะลา
รถไฟโล่งมาก
DAY 7 เช้านี้จากใต้สุดสู่เมืองหลวง หมดเวลาสนุกแล้วสิ่นะ
วิวตอนเช้า น่าจะแถวๆประจวบ
สำหรับวันกลับนี้แจ๊คลงรถไฟที่สถานีบางซื่อ แล้วกลับที่พักโดยสวัสดิภาพ
*****รีวิวภาคพิเศษ*****
มาถึงตรงนี้แจ๊คยังเล่าเรื่องไม่จบนะ
ต่อไปเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ของเบตง
นั่นก็คือฆูนุงซีลีปัต การเที่ยวที่นี่ทำได้ 2 แบบ คือพักเมืองเบตงแล้วขึ้นตอนเช้า แต่คุณต้องตื่นเช้ามาก
แบบที่ 2 คือนอนที่แคมป์ฆูนุงซีลีปัต แล้วขึ้นยอดตอนเช้า เราว่าแบบนี้ดีกว่า
จะพาไปชมทะเลหมอก 360 องศา ฆูนุงซีลีปัต อ.เบตง จ.ยะลา ภาพวันที่ 16 เมษายน 2561 หน้าร้อนค่ะ แต่หมอกแน่นมาก
จุดนัดพบอยู่ที่ กม.28 ขึ้นรถจิ้ปในตำนานขึ้นรถนั่งโยกไปโยกมา หลบกิ่งไม้ซ้ายขวา
สักพักนึงก็ถึงจุดเริ่มเดินค่ะ เดิน เดิน เดิน แล้วก็เดิน
ยุงในสวนยางดุมาก เราแพ้ยุง แขนเป็นผื่นขึ้น ตกใจมากจ้า
ไม่นานก็ถึงลานกางเต๊นท์ -จากลานกางเต๊นท์
เดินอีกนิดก็ถึงยอดเขา การไปพิชิต ยอดฆูนุงซีลีปัต ก็ประมาณนี้ค่ะ สวยแค่ไหน
ลังกาลยังไง ไปดูภาพกันเลยค่ะ
ภาพก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
ทะเลหมอก 360 องศา
ที่นี่ทำให้หัวใจเราพองโต
มองไปทางไหนก็สวย
จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้น่ากลัวแบบที่หลายๆคนคิดนะคะ คนที่นี่ใจดีมีน้ำใจ อยากให้ลองมาสัมผัสดู
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
081-0938549 เฮง(แมนยู) 082-2656900 ซู 093-7605619 พี่ตู๋ 087-2911264 หมอซู
มาดูภาพกันต่อ
เวลาประมาณ7 โมงกว่าๆ แดดเริ่มไล่เรา ได้เวลาอันสมควร เราจะเดินลงเขากันแล้วค่ะ
มานั่งพักตรงจุดกางเต้นท์แป๊ปปปปนึงแล้วเราก็เดินลงเขาเพื่อขึ้นรถกลับไปที่ถนนใหญ่
นี่ค่ะรถจี๊ปในตำนานที่พาเราขึ้นมา
ถ้าจะให้แนะนำโปรแกรมเที่ยว เบตงก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ ต้องมีเวลาเยอะสักหน่อย
DAY 1 ออกเดินทางโดยรถไฟ
DAY 2 ถึงสถานีรถไฟยะลา แล้วขึ้นรถตู้ไปเบตง ยังไม่ต้องเข้าเมืองเบตงให้ลงกม.28 นัดกับเฮงขึ้นฆูนุงซีลีปัต นอนฆูนุงซีลีปัต 1 คืน
DAY 3 เช้าขึ้นยอดฆูนุงซีลีปัต ชมวิว ถ่ายภาพ ลงจากเขาแล้วเข้าเมืองเบตง
เข้าที่พักแล้วออกเที่ยวเมืองเบตงและรอบนอก นอนเมืองเบตง 1 คืน
DAY 4 เช้ามืดขึ้นชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง กลับเข้าเมือง หาอะไรทาน นั่งรถไปสถานีรถไฟยะลาแล้วขึ้นรถไฟกลับกทม.
DAY 5 ถึงกทม.โดยสวัสดิภาพ
แต่ถ้าจะเก็บหมดทั้ง 3 จังหวัด ต้องหลายวันมากๆ ถ้ามีเวลาไม่มากเก็บทีละจังหวัดก็ได้อยู่ค่ะ
อย่างที่บอกคือแจ๊คเดินทางไปทาง 2 ครั้ง ครั้งแรกมาหลายคน เก็บที่เที่ยวในนราธิวาส ซึ่งแจ๊คจะแนะนำใน part ต่อไปค่ะ
ต่อค่ะ part นี้ ตามสัญญา เรามาแนะนำที่เที่ยวในนราธิวาส แต่ละที่ที่เราได้ไป บอกเลยว่าชอบมากๆ
เราจะบอกเล่าผ่านภาพถ่ายและตัวอักษรต่อไปนี้ค่ะ
แนะนำการเดินทาง เผื่อเพื่อนๆอยากเที่ยวแบบต่อเนื่องหลายจังหวัด
จากบขส.สุไหงโกลก มีรถตู้ไปยะลา หรืออยากเที่ยวหาดใญ่ก็มีรถตู้ค่ะ
โปรแกรมทั้งหมดในนราธิวาส ถ้าไม่มีรถส่วนตัว ต้องเที่ยวโดยการเหมารถค่ะ ซึ่งโปรแกรมของเราบังซัมเป็นคนติดต่อให้
และส่งไกค์ผู้น่ารักมาดูแลเรา ฟิตกับฟิตรอ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเดินทางการเลยค่ะ
ที่แรกเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน อยู่ริมถนนเลย
หมอกแบบนี้ก็สวยดีนะ
มองไปเห็นป่ามาเลเซีย เราใช้เวลาตรงนี้ไม่นานค่ะ
จุดต่อไปคือไปส่องนกเงือกรอแล้วรออีก เราได้เจอ 1 ตัวก็ฟินแล้วค่ะ
สวยเลย ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูที่นกจะออกมาเยอะค่ะ
โพรงเล็กๆนั่นคือรังของนกเงือกค่ะ
เดินทางกันต่อเลยจ้า
สถานที่ต่อไปนะคะคือภูศาลา อ.สุคิริน เราเรียกที่นี่ว่าดินแดนแห่งความสุข
ภูศาลาอยู่ที่บ้านโต๊ะโม๊ะ อ.สุคิริน
ว๊าวมากขอบอก สำหรับการเดินไปนั้น เดินเท้าระยะทางประมาณ 900 เมตร ทางชันหน่อยๆ
นำทางโดยชาวบ้าน
จุดบนสุด เป็นจุดกางเต้นท์ บริการเช่าเต้นท์ราคา 300 บาท หากนำเต้นท์มาเองคิดราคา100บาท
มีอุปกรณ์ทำอาหารให้ยืม ล้างและเก็บให้เรียบร้อยด้วยนะคะ มีห้องน้ำ สามารถอาบน้ำได้ แต่ไม่มีไฟฟ้าค่ะ
เหมือนเป็นวัดเก่าค่ะ
กลางคืนดูดาว ตอนเช้าชมหมอก
นี่เดือนเมษายนค่ะ
วิวด้านหน้าที่เรากางเต๊นท์คือวิวพระอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอกยามเช้า
หมอกอลังกาลมาก
ขนาดหน้าร้อน เดือนเมษา หมอกยังมาต้อนรับเราขนาดนี้ ประทับใจมากค่ะ
เราเชื่อว่าสถานที่ดีๆ ทำให้มีกำลังใจ
ลงจากภูศาลา ไปเข้าป่าตามหาต้นกะพงยักษ์ ใหญ่ อลังกาลมาก
-ชมอุโมงค์เหมืองแร่ทองคำ
สถานที่ต่อไปคือล่องแก่งบ้านยาเด๊ะ พบกับไกด์การิมผู้รอบรู้ ถามอะไรตอบได้ทุกอย่าง คือตอบทุกอย่าง
แต่ก็หลอกเราอยู่หลายครั้ง หลังๆเริ่มไม่ค่อยไว้ใจละ 5555 มันเป็นมุกของเค้าล่ะค่ะ จริงๆบังน่าร๊ากกกกก
เราจะพาไปล่องแก่งลำน้ำยาเด๊ะ สู่แม่น้ำสายบุรี โหนเชือก โดดน้ำ คว่ำเรือ ดูธรรรมชาติระหว่างทาง
ที่พักแบบกระท่อมค่ะ
ข้าวห่อที่นี่จะห่อเป็นทรงสามเหลี่ยม
คอนเซ็ปเดิมกลางคืนดูดาว เช้าชมหมอก ที่นี่ค่ะ นาบันได โฮมสเตย์
ตอนเช้ามีหมอกเบาๆให้ดูกันด้วยนะ
เชื่อมั้ย บรรยากาศแบบนี้ อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ นาขั้นบันได
ป่าไม้เขียวขจี นี่เดือนเมษานะคะ แต่สดชื่นมาก เอาเป็นว่า ตกหลุมรักที่นี่แล้ว
บรรยากาศดีมากๆ
เขามีเพจด้วยนะคะ ชื่อเพจ นาบันได โฮมสเตย์ บ้านยาเด๊ะ ตำบลมาโมง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์นี้ค่ะ 0639151768 มีบริการ ล่องแก่ง ที่พัก ลานกางเต๊นท์
การเดินทางมันเยียวยาจิตใจเราได้มาก ใครจะเชื่อว่าที่นี่ภาคใต้ แถมอยู่ในสามจังหวัดชายแดน
แต่ที่นี่มีแต่ความสงบ รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์
หน้าร้อน อย่างเดือนเมษา ป่ายังเขียว ได้ดูหมอกทุกวัน ผู้คนที่นี่เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส
ทักทายผู้มาเยือน มีน้ำใจ อาหารการกินก็ราคามิตรภาพ ที่สำคัญที่นี่เป็นของชุมชนคนท้องถิ่น
รายได้เข้าชุมชนด้วยนะ
อีกหนึ่งสถานที่ ถ้าใครมาสุไหงโกลกจะต้องไปกราบไหว้ สักการะขอพร นั่นก็คือ ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะค่ะ
เดิมทีเจ้าแม่โต๊ะโมะ อยู่ที่บ้านโต๊ะโมะ อ.สุคิริน แต่ภายหลัง ชาวบ้านได้อันเชิญมาประดิษฐานที่ อ.สุไหงโกลก
จบแล้วจริงๆค่ะ รีวิวสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง ดินแดนแห่งนี้ ยังมีพื้นที่แห่งความสุขและรอยยิ้ม
แค่เปิดใจ ภาษา ศาสนา ไม่ใช่เส้นแบ่ง เพราะทุกคนคือเพื่อนกัน ขอบคุณทุกๆมิตรภาพที่เราได้รับ
ยินดีที่รู้จักทุกๆคน ยินดีที่ทุกๆมาอยู่ในเรื่องราวของเรา
"คุ้มค่าที่สุด ก็มิตรภาพนี่แหละ" การิมกล่าว
ประสบการณ์ไม่มีขาย อยากได้ต้องเดินทาง
สักวันเธออาจมาอยู่ในเรื่องราวของเรา
แจ๊ค นักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
นักเดินทางตัวน้อย
วันพฤหัสที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.18 น.