สวัสดีค่ะทุกคนนนน
จอร์เจียเป็นจุดหมายปลายทางที่เราอยากไปมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ่านรีวิวทุกวัน หาข้อมูลเมื่อมีเวลาว่าง55555 พูดง่ายๆว่าโฟกัสตลอดเว
เราอยากเที่ยวประเทศที่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เคยเห็นวิวแล้วต้องร้อง โอ้โหหหหหหหหหหหหเลยแหละ
วางแผนมาประมาณ 2-3 ปี.... กว่าเพื่อนร่วมทริปจะพร้อมเอย และตังค์ในกระเป๋าเราจะพร้อมเอย (เอ๊ะ! พร้อมหราาา)5555
เอาเป็นว่าตัดสินใจลุย ก็ต้องไปแล้วค่ะ หุหุ แม้จะมีอุปสรรคขัดขวางหลายอย่าง แต่เมื่อใจมันจะไป อะไรก็ขัดขวางช้านไม่ได้ ท่านพ่อท่านแม่บ่นเอย555 ถามอีกว่าจอร์เจียอยู่ส่วนไหนของโลกเนี่ย เราก็บอกว่าแถวๆเอเชียเนี่ยแหละ5555
อีกทั้งรอบนี้เราเข้ากรุงด้วยรถบัส นี่เริ่มจากรถที่บ้านจู่ๆก็เปิดประตูไม่ได้ จอดขวางรถอีกคัน แล้วก็ใกล้เวลาที่จะขึ้นรถไป กทม เหลืออีกคันที่จะพาเราไปขึ้นรถได้ คือ กระบะคันเก่ามากเว่อร์555 ขับได้ไม่เกิน 80 แต่รอบนี้เราเหยียบถึง 100 รถสั่นกันเลยทีเดียว พอขึ้นรถบัส นั่งไปซักพัก รถบัสยางรั่วจ้า แวะปะยางกันนานเลยทีเดียว ทำให้ถึง กทม มืดค่ำ แลกเงินไม่ทัน ได้วิ่ง 4x100 ไปแลกเงินก่อนที่จะเดินทางกันเลยทีเดียว
เรามาทำความรู้จักประเทศจอร์เจียคร่าวๆกันก่อนนะคะ
***ประเทศจอร์เจีย เป็นจุดตัดของเอเชียและยุโรป ตะวันตกสุดของทวีปเอเชีย เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต มีเมืองหลวงคือ ทบิลิซี มีชายแดนทางเหนือติดกับประเทศรัสเซีย ทางใต้ติดกับประเทศอาร์เมเนีย และตุรกี ตะวันออกติดกับประเทศอาเซอร์ไบจาน (มีเทือกเขาคอเคซัส และทะเลดำ คุ้นหูมั้ย? เราเคยเรียนสังคมตอนมัธยมต้น)
ขอบคุณเเผนที่จาก www.dreamstime.com ค่ะ
***ประเทศจอร์เจีย เป็นประเทศที่คนไทยไม่ต้องใช้วีซ่า แค่ถือ passport แล้วเดินเข้าไปเก๋ๆ พร้อมด้วยหมุนตัวเหมือน Miss Universe เบาๆ จิกตาพร้อมยิ้มสวยๆ ใส่ ตม. ก็อยู่ได้นานถึง 365 วันเลยจ้าาาาาาาาาาาาาา (แต่รุ่นพี่เราดันไปตัดผมก่อนจะเดินทาง เค้าว่าหน้าไม่เหมือนกับ passport ตม.ถามหลายคำถามมาก จนต้องแสดง passport อีกเล่มแหนะ)
***ค่าครองชีพ พอๆกับกรุงเทพเลยค่ะ เราไปไม่ได้กินแบบยาจกนะ อิ่มพุงกางทุกมื้อ
***เรียกได้ว่าสุดขอบเอเชียและยุโรป สถาปัตยกรรมก็สวยงาม
***มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นประเทศกลุ่มแรกๆ ของโลกที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโทด็อกซ์ (ประเทศแรกคือ ประเทศอาร์เมเนีย)
***ประเทศจอร์เจียมีภาษาเป็นของตัวเอง
***ใครชอบชีสเหมือนเรานี่ มาถูกที่แล้วค่ะ แต่ทานบ่อยก็ไม่ไหวนะคะ หุหุ
***ประเทศจอร์เจียเป็นประเทศที่มีแอลกอฮอล์ถูก ราคาไวน์งี้คิดเป็นเงินไทยหลักร้อยอ่ะคิดดู ใครสายแอลต้องลองมาค่ะ เราไม่ใช่สายแอลกอฮอล์ แต่มาถึงถิ่นก็ต้องลองมั่ง หุหุ
***ห้องน้ำตามห้าง หรือร้านอาหาร ถือว่าสะอาด แต่ออกนอกเมืองต้องทำใจ ทำใจ แล้วก็ทำใจกับสภาพห้องน้ำนะคะ...ไม่มีประตูบ้าง เศษซากอารยธรรมมีมายาวนานบ้างทิ้งให้ดูต่างหน้าบ้าง ไม่มีที่ล็อคบ้าง เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว55555
*** สรุปค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่ากิน หรือค่าเดินทาง
สายการบิน Air Astana 20,165 + ค่าที่พัก ค่ากิน หรือค่าเดินทาง 10,240 ( 320 US $) + ค่าประกันการเดินทาง 266 บาท
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก็หมดประมาณ 30,ุ671 บาท
*** ของเรารวมของจิปาถะ ของฝากก็ หมดไม่ถึง 35,000 บาท ราคานี้ได้วิวหลักล้านมากกกกก
*** ค่าเงินตอนเราไป 1 GEL หรือ Lari = 11.58 บาท (12 บาทแระกันเนอะคิดง่ายดี)
***เราจองที่พักผ่าน Booking.com แล้วไปจ่ายหน้างานค่ะ
***ส่วนตั๋วเครื่องบิน เราดูจาก Skyscanner จากนั้นค่อยไปจองผ่านเว็บไซต์ของสายการบินโดยตรงค่ะ
***********************************************************************************************************
ทริปนี้บอกเลยว่า โหด มันส์ ฮา สุดๆ
เอาเป็นว่าเรามาลุยกันเลยค่ะ!!!!!!
ทริปนี้เรามีเพื่อนรุ่นพี่ร่วมทริปอีก 2 คน รวมกับเราก็ 3 คน และจากการที่มีเพื่อนร่วมทริปทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆถูกลง ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่ากิน หรือค่าเดินทาง ที่สำคัญมีคนคอยปรึกษาด้วยนะคะ
แผนการเดินทางของเราประมาณนี้ค่ะ วันไหนเพลียร่างก็ปรับแผน ยืดหยุ่นกันไปค่ะ
เราเดินทางช่วง 21 เมษายน - 29 เมษายน ถึงไทย เช้า 30 เมษายน ค่ะ
Day 1 Heading to Tbilisi นอนที่ Tbilisi
Day 2 Tbilisi นอนรถไฟ
Day 3 Zugdidi & Mestia นอนที่ Mestia
Day 4 Mestia & Ushguli นอนรถไฟ
Day 5 Tbilisi & Kazbegi นอนที่ Kazbegi
Day 6 Ananuri & Gudauri นอนที่ Tbilisi
Day 7 Mtskheta, Jvari, The Chronicle of Georgia นอนที่ Tbilisi (ตอนแรกจะไปประเทศอาร์เม-
เนียแต่ร่างกายเหนื่อยๆกัน เลยเปลี่ยนแผน อยู่ slow life ที่ Tbilisi จ้า)
Day 8 Tbilisi นอนที่ Tbilisi
Day 9 Going back to Thailand
Day 10 Arrive BKK
เราใช้บริการสายการบิน Air Astana สายการบินของประเทศคาซัคสถาน เราสอยมาได้ในราคา 20,165 บาท จริงๆมีราคาถูกกว่านี้นะคะ อาจจะคนละเวลากัน หรืออาจจะ transit นานกว่า (ถ้า Gulf Air จะ transit ที่ประเทศบาเรนห์ ฟรีวีซ่าสำหรับคนไทยค่ะ)
10.15 น. เราออกเดินทางจากสุรรณภูมิ ที่นั่ง 2-3-2 ค่ะ อยากบอกว่า สายการบินนี้บริการดีเลยแหละ หนัง เพลง เกม ก็มีครบครัน เสิร์ฟเครื่องดื่มบ่อยมาก มี travel kit ให้ อาหารก็อร่อยนะ ก่อนถึงคาซัคสถานก็เสิร์ฟ เครื่องดื่มพร้อมกับพายไส้เสาวรสร้อนๆอีกค่ะ
น่านฟ้าก่อนถึงเมืองอัลมัลตี้ ประเทศคาซัคสถาน ทำให้การนั่งเครื่องนานๆ ไม่น่าเบื่อเลย วิวด้านนอกอลังการมากกก
อากาศหนาวมากจนมีเกร็ดน้ำแข็งเกาะที่หน้าต่างเครื่องบินค่ะ
16.25 น แวะ transit ที่เมือง Almalty ประเทศคาซัคสถาน รอเครื่องเป็นเวลา 3.05 ชม. สนามบินค่อนข้างเล็ก ผู้คนเยอะแยะ ช่วงการรอนี่ ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เลย เป็น 3 ชม ที่ทรมานมากกกก ที่สนามบิน กลิ่นบุหรี่จะฉุนมากๆนะคะ ใครอยากหนีกลิ่น ให้ขึ้นไปชั้น 2 นะคะกลิ่นจะบางเบาลงบ้าง
19.30 น. ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องเพื่อเหินฟ้าไปประเทศจอร์เจีย แต่จะเป็นเครื่องลำเล็กค่ะ ที่นั่ง 2-2 แต่ปีกใหญ่ค่ะ บินสูงเหมือนกัน อาหาร เครื่องดื่มมีเสิร์ฟปกติ เพียงแค่ไม่มีจอทีวีดู นั่งไปซักพักตอนนั้นเครื่องสั่น มีคนรีบวิ่งมานั่งเพื่อรัดเข็มขัด ตอนนั้นเราแบบหลับตา หัวใจเต้นแรงมาก ท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ นะโมตัสสะ อะระหังสัมมา มาทุกบทสวดเลย555...พร้อมอธิษฐานว่าลูกช้างต้องการไปเที่ยว และกลับมาเขียนรีวิวให้คนได้อ่านกัน ขอให้ปลอดภัยด้วยเถิด เป็นเอามากมั้ยเรา ซักพัก เครื่องก็บินปกติ ใจเรานี่อยากถึงจอร์เจียไวๆ
Travel Kit มีทุกที่นั่ง
มื้อเย็นก็มา
21.40 น. เราก็มาถึงเมืองทลิบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย พอเครื่องลงอย่างปลอดภัยปุ๊บ คนทั้งลำตบมือกันเกรียวกราวเลยจ้าาาาา คาดว่าเป็นวัฒนธรรมคล้าย ๆ ทางรัสเซีย
พอถึงสนามบิน เรานี่รีบพากันเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อแจ้งไปทางบ้านว่าถึงโดยปลอดภัยแล้ว ชีวิตติดโซเชียลนี่ลำบากจริงๆ 555 แต่แจ้งไปก็ไม่มีคนตอบเพราะ เวลาที่จอร์เจียช้ากว่าไทย 3 ชม.ค่ะพอรับกระเป๋าเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่พวกเราทำคือ การแลกเงิน และการซื้อซิมมือถือ
ในขณะที่ยืนเลือกกันนั้นก็มีคนดูเฟรนด์ลี่มาแนะนำจ้า ว่าใช้เนตของ Magti นะเป็นของจอร์เจีย ส่วน Beeline เป็นของรัสเซีย (เราใช้ Magti คลื่นดีจริง ไกลขนาดไหนคลื่นก็ถึง แต่ ใช้ไปประมาณสามวันเนตหมดซะงั้น ) เราซื้อซิมไปราคาที่ 32 GEL คือจริงๆซื้อที่ห้างราคาถูกกว่านี้เยอะ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยคนเฟรนด์ลี่คนนั้นก็ชวนขึ้นแท็กซี่เค้า
วิธีเข้าเมืองมี 2 วิธี คือ บัส หมายเลข 37 และแท็กซี่ ซึ่งเราเลือกวิธีนี้กันเพราะกว่าจะไปถึงบ้านพักอีก พอเราพยายามถามค่าแท็กซี่ก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าดูมิเตอร์ที่รถเอา แท็กซี่เบนซ์คันนั้นก็ไปส่งเราถึงบ้านพัก แต่เค้าจะเอาราคาสูงมาก 240 GEL ซึ่งเรานั่งมาประมาณแค่ 20 นาทีเอง พอกำลังคุยเรื่องราคา ป้ากับยายเจ้าของบ้านใจดีออกมาต้อนรับเราช่วงห้าทุ่มกว่าๆ เราเลยบอกว่าให้คุยราคากะแท็กซี่ให้หน่อย ป้าเจ้าของบ้านพอคุยปุ๊บ ตาโตปั๊บ เถียงราคาให้พวกเรา (นี่เดาจากบริบทนะ555) เถียงไปเถียงมา พวกเรายอมจ่ายในราคา 80 GEL (ถือว่าสูงนะ เพราะค่าที่พักพวกเราก็แค่ 90 GEL เอง ) อย่าไว้ใจแท็กซี่นะคะท่านผู้ชม555 พวกเราก็พยายามปลอบใจกันอยู่ 2-3 วันว่าเอาน่าหารกันสามคนก็ตกคนละ 25 เอง(หราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา)
เอาเป็นว่าถ้าขึ้น แท็กซี่ที่จอดหน้าสนามบินแบบนี้จะปลอดภัยกว่า แล้วต้องถามราคาให้ชัดเจนนะคะ ถ้าเราไม่โอเคกับราคาก็ต่อรองได้ค่ะ
คืนนั้นพวกเราเหน็ดเหนื่อยกันพอสมควร ที่พักน่าอยู่ สะอาดเลยแหละ ที่พักชื่อว่า Anzori House 90 GEL (1,043 บาท)
พอตอนเช้าก็ตื่นมาด้วยความสดชื่น อาบน้ำแต่งตัว ถ่ายรูปหน้าบ้านซะหน่อยยย
เอิ่ม...ไม่หน่อยแล้วมั้ง555
ป้าบอกป้าจะไปทำงาน จะอยู่บ้านแค่ยาย แต่ยายพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ป้าบอกยายชวนไปดื่มกาแฟบนบ้าน
จริงๆที่พักที่เราจอง ไม่มีอาหารเช้า แต่คุณยายเตรียมกาแฟ แอปเปิ้ล พีชเชื่อมไว้รอต้อนรับเรา
ชงกาแฟแบบนี้พิถีพิถันมากค่ะ
เราไม่ใช่คอกาแฟนะ แต่กลิ่นกาแฟเข้มๆ ไม่ขมเลย อร่อยเลยแหละ
ก่อนป้าไปทำงานป้ายังบอกอีกว่า ถ้าจะไปสถานีรถไฟด้วยแท็กซี่ ราคาต้องอยู่ระหว่าง 10-15 GEL นะ น่ารักที่สุดดดห่วงว่าพวกเราจะโดนโกง
วันนี้อากาศก็หนาว ฝนตกปรอยๆ ต้อนรับพวกเรา นี่วิวบนบ้านค่ะ วันอื่นเราจะเจอแดดมั้ยน้า ลุ้นกันทุกวัน
Cable car ผ่านหลังคาบ้านด้วย
ที่พักที่นี่เราจองไว้วันสุดท้ายด้วยก่อนกลับไทย อบอุ่นเหมือนอยู่กับญาติๆ ยายเอ็นดูเรามาก เรียกเราเข้าไปดูห้องนอน ในบ้านด้วย
พอทัองอิ่มกันแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวไปทำความรู้จักกับทบิลิซีเมืองหลวงของจอร์เจียกัน ซึ่งจุดหมายแรกของเราคือ พยายามหาทางไปซื้อตั๋วรถไฟนอน เพื่อที่จะเดินทางคืนนี้ และมุ่งหน้าย้ายถิ่นฐานไปเมือง Mestia
ก่อนออกจากบ้านเราก็เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยพร้อมเช็คเอาท์ แต่ฝากกระเป๋าไว้บ้านคุณยายด้านบน
ที่พักเราอยู่บนเขา ใกล้ๆสถานที่ท่องเที่ยวเลย เดินลงมาพร้อมฝนปรอยๆ เดินลัดเลาะจากที่พักไปเรื่อยๆ
จนถึง freedom square
เจอทางลอด ผนังก็จะอาร์ตๆหน่อย
เจอห้าง ก็ต้องเดินห้าง ทำความรู้จักกับห้างหน่อยยยย
ข้างนอกก็ฝนตกปรอยๆ จากนั้นก็เดินมองหาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
ซึ่งอยู่ใกล้ห้างด้านซ้าย สถานี Liberty square นั่นเอง
เมื่อเจอเราก็ซื้อบัตร บัตรนี้ซื้อบัตรเดียว ราคา 2 GEL ใช้ตื๊ดได้หลายคนเลย คนขายบัตรแนะนำว่า ซื้อใบเดียวก็ได้ แล้วเราก็เติมเงินในบัตรเพิ่มอีก
บันไดเลื่อนลึกมาก ลึกจนเราแอบกลัวจะตก
ภายใน สถานี Liberty square
เมื่อได้บัตรเรา 3 คนก็มุ่งหน้าไปที่ สถานี Station Square รถไฟฟ้าใต้ดินที่นี่ขับซิ่งพอสมควร บอกเลยว่าทุกพาหนะ ขับซิ่งเฟี้ยวฟ้าวกันหมด555
ปล.อย่าหลงเดินผ่านตลาดหน้าสถานีนี้เชียวหละ คือคนขาย ขายแบบจู่โจมมาก555 รุ่นพี่เราโดนจู่โจมขายของจนแทบจะบ้า555
เมื่อถึงสถานีนี้ก็ถามคุณตำรวจว่าสถานีรถไฟอยู่ไหน แกก็ชี้ไปตึกที่อยู่ข้างๆด้านซ้าย
ตึกนี้มีห้างเสื้อผ้าด้านล่าง ส่วนจำหน่ายตั๋วรถไฟอยู่ชั้น 2 ชั้น 3 ก็เป็นศูนย์อาหารค่ะ
ที่จำหน่ายตั๋วก็มีที่กดบัตรคิว
พอถึงคิวเราก็บอกคนขายตั๋วว่าจะไปที่ไหน เจ้าหน้าที่ขอดู passport ของคนที่จองตั๋ว
เราเลือกไป Zugdidi เลือกเวลากลางคืน First class เต็ม เลยได้ เลือก 2nd class ราคา 23 GEL (276 บาท)ส่วน First class นั้นราคา 24 GEL ( 288 บาท)
เราเลือกจองเวลากลับไว้เลย ตอนแรกจะจอง First class แต่ห้องหนึ่งมีแค่ 2 เตียง เรามี 3 คน ก็เลยเลือกจอง 2nd class ซึ่งมี 4 เตียง ตั๋วกลับ ราคาเดียวกับ First class เลย 24 GEL
ปล.จริงๆ เราจองตั๋วรถไฟออนไลน์ได้นะคะ ลองเช็คดูได้นะคะ หรืออีกวิธีคือนั่งเครื่องบินลำเล็ก(มาก)ไป Mestia ซึ่งเราไม่กล้าพอ555 บอกเลยว่าไม่แกร่งพอ^^แต่ประหยัดเวลามากค่ะแค่ 1 ชั่วโมงเอง
พอได้ตั๋วไว้ครอบครองแล้วก็อุ่นใจ เวลารถไฟออกก็ 21.45 น. เวลาเหลือเฟือเลยเดินไปดูชานชาลาที่จะต้องมาขึ้นเย็นนี้ซะหน่อย ข้างๆตึกที่ซื้อตั๋วนั่นแหละ
จากนั้นพวกเราเลยหาไรทานแถวนั้น ชั้น 3 ศูนย์อาหารนั่นเองค่ะ อยากได้ไรชี้เลยยยยยยค่ะ
มื้อนี้อิ่มเลยยยยถูกอีกกก
เมื่อทานเสร็จก็นั่ง Metro กลับไปที่สถานี Liberty square จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปเรื่อย
หุ่นไม้ทหาร เหมือนคนจนหลอนเลย
ช่วงที่เราถ่ายรูปอยู่แถวๆกำแพง ตรอกซอกซอย จู่ๆ มีผู้ชายคนนึงวิ่งตรงมาหาเรา ในใจเราตอนนั้นคิดว่าโดนปล้นแน่ๆ แต่เมื่อเค้าวิ่งมาประชิดตัว
สิ่งที่เค้าทำคือ ยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่กับเรา เราก็อึ้ง อึ้ง แล้วก็อึ้งซิคะ555 ได้รูป 3-4 รูป เค้าก็วิ่งจากไป55
โอ๊ย!!! เดินมาขอถ่ายดีๆก็ได้ ช้านนนนหัวใจจะวาย.......ที่สำคัญรูปที่เค้าได้ หน้าเราคงเอ๋อมากมาย555
มุมนี้คนเยอะมากกกก กว่าจะถ่ายได้
เจอคาสิโน
จากนั้นก็เจอ the Bridge of Peace ข้ามสะพาน ใช้เวลาที่สวนสาธารณะสักพักใหญ่ๆ
เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง
ดอกไม้สวยๆทั้งนั้น
สดชื่นนน
หอมด้วย
อยากจะ Hipster มั่ง555
จากนั้นพอเริ่มเย็นเรานั่ง cable car ขึ้นไป Narikala fortress ช่วงเวลานั้นฝนยังตกปรอยๆ อากาศเย็นจับใจ
ราคาเที่ยวละ 2.5 GEL ใช้บัตรเดียวกันกับที่ตื๊ดรถไฟฟ้าใต้ดินได้เลยค่ะ
เป็น cable car ที่ขับซิ่งมาก555 เสียว
พอถึงก็ร้อง Wow! เลยค่ะ ถ้าแดดออกคงถ่ายรูปสวยกว่านี้ ไม่เป็นไร รอมาเก็บตกวันหลังแระกัน
จากนั้นเดินไปที่รูปปั้น Mother of Georgia ฝั่งซ้ายถือแก้วไวน์ หมายถึงหากคุณมาเยือนอย่างมิตรเราพร้อมจะยื่นไวน์ให้ดื่มด้วยไมตรีจิต แต่ถ้าหากคุณมาอย่างศัตรูมือขวาถือดาบก็พร้อมจะฟาดฟัน
เราใช้เวลาบนนั้นเพื่อชมวิวของเมืองทบิลิซีนานพอสมควร ฝนก็ปรอยๆ เย็นสุดๆ
ภาพนี้รุ่นพี่เราถ่ายเองค่ะ ส่วนเราน่ะหรอ นั่งหอบแฮ่กๆ ไม่ยอมปีนขึ้นไปชมวิว555
เราใช้เวลาเดินชมวิวเมือง ทบิลิซีนานพอสมควร ก็ได้เวลาลงไปหาอะไรทานเล็กๆน้อยๆ ตอนแรกเราว่าจะทานร้านนี้ แต่คนเยอะมาก เลยเดินออกมาหน้าร้าน
มีคนแนะนำให้ไปทานอีกร้าน คงได้เปอร์เซ็นต์แหละ ซึ่งร้านแต่งหรูมาก และเงียบมากกกเราสั่ง Kebab ไก่
9 GEL ซึ่งไม่ได้หิวไรมาก กินชิ้นเดียวก็อิ่ม
พอได้เวลาพวกเราก็เดินหาซื้อเสบียงที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไว้ทานตอนขึ้นรถไฟ
จากนั้นรุ่นพี่เราหิว เลยแวะที่ Dunkin donuts ซึ่งมีที่นั่ง แต่งร้านน่ารักนะจ๊ะ มีอาหารด้วย
ทานเสร็จแล้วก็เดินหาแท็กซี่แถวนั้นต่อรองราคาได้ 15 GEL เลยให้เค้าขับพาไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่บ้านพัก
ป้ากับยายใจดี ให้แอปเปิ้ลมาทานระหว่างเดินทางโดยรถไฟ
นั่งรอเวลาขึ้นรถไฟ นั่งไปนั่งมาก็ง่วง
ผู้คนรอเดินทางอุ่นหนาฝาคั่ง
พอได้เวลาพวกเราก็เดินลากกระเป๋าไปที่รถไฟ เจ้าหน้าที่ขอดู passport ของคนที่จองตั๋ว แต่ไม่เปิดดูข้างในนะ555
เราเริ่มปวดฉี่ กะว่าจะเข้าห้องน้ำในรถไฟแต่ถ้ารถไฟไม่เคลื่อนขบวน ห้องน้ำก็ไม่เปิดนะจ๊ะ
สภาพห้อง มีหมอน และเบาะ แต่เราไม่ได้ใช้กันเพราะดูเก่าๆและมีฝุ่น ผ้าห่มไม่มีให้นะจ๊ะ ดีที่ใส่เสื้อโค้ทหนา
เสบียงพร้อม
พอรถไฟเริ่มออกขบวน กินบ้าง คุยบ้าง เราก็เริ่มง่วงกันเพราะดึกแล้ว เลยพากันปิดไฟนอน รู้สึกว่านอนนานเหลือเกิน พอดูนาฬิกาก็แค่เที่ยงคืนเอง ตอนนั้นเลยตัดสินใจเดินไปห้องน้ำ ซึ่งอยู่ติดกับห้องเราเอง
พอเราเปิดประตูเข้าไป กลิ่นนี่ฉุนมาก แล้วก็เจอกับเศษซากอารยธรรม เราทำใจไม่ได้5555 เลยกลับมาห้อง ข่มตาลงนอน ( ห้ามเลียนแบบนะคะ เดี๋ยวเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเอา)
เวลาอันทรมานช่างยาวนานเหลือเกิน หลับไปแล้ว ก็ตื่นมาพบว่า ยังไม่ถึงที่หมายซักที ความหวังของเราคือเข้าห้องน้ำที่สถานีรถไฟซึ่งมโนไว้ว่า คงจะพอๆกับห้องน้ำตาม บขส ที่บ้านเรา
รถไฟก็จอดบ่อยเหลือเกิน ทรมานที่สุด จริงๆใกล้ถึงที่หมายแล้วนะ แต่เค้าจอดเพื่อจะเข้าชานชาลาให้ตรงเวลา
พอ 6.05 น. รถไฟก็จอดที่ชานชาลา สถานีรถไฟ Zugdidi
เรา 3 คนก็เก็บกระเป๋าสัมภาระ ลากลงรถไฟ
ตัวอาคารสถานีรถไฟเล็กๆ เราเดินเข้าไปก็มีน้องหมามากมายมาต้อนรับ ด้วยการเห่า เราเองก็กลัวว่าน้องจะกัด แต่มีป้าใจดีมาบอกเราว่า เดินไปเลย (เดาจากท่าทาง)พร้อมไล่น้องหมาออกให้
เราเดินทะลุออกมา ใจมองหาแต่ห้องน้ำ แต่พอดีเจอคนเอเชีย 2 คนเลยทักทายกัน ปรากฏว่า เป็นคนไทย 1 คน และคนฮ่องกง 1 คน
เรามีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือ Mestia เลยตัดสินใจ แชร์แท็กซี่กันไปรวม 5 คน ได้ในราคา 120 GEL ตกคนละ 24 GEL เมื่อขนของขึ้นรถแล้ว เราก็ถามหาห้องน้ำทันที
ห้องน้ำออกมาจากตัวอาคาร ทางด้านขวา เราวิ่งไปด้วยความหวัง......วิ่งไป วิ่งไป....แต่เมื่อเห็นห้องน้ำเราถึงกับเข่าทรุด5555
โอ๊ยยย ทรมานใจข้ายิ่งนัก
เราเดินวนรอบนึงคิดว่าเอาไงดี เลยตัดสินใจเข้าไป เปิดไฟฉาย ส่องไปทีละห้อง เจอแต่เศษซากอารยธรรมอันเก่าแก่หลายพันปี5555 เลยให้รุ่นพี่ผู้หญิงดูต้นทางให้ กลั้นใจใช้ห้องน้ำที่ไม่มีเศษซากอารยธรรม
นี่เหมือนห้องน้ำซอมบี้เลยก็ว่าได้ ซักพักพี่เราก็เรียกว่ามีคนมา โอ๊ย ชีวิตช้านนนน ประตูก็ไม่มี
ต่อไปนะ ทนๆใช้ห้องน้ำในรถไฟเลย อย่างน้อยก็มีประตู
จากเหตุการณ์นี้ เราต้อง สตรวองงงงแล้วกับห้องน้ำ555
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราทั้ง 5 ก็มุ่งหน้าสู่เมือง Mestia
รอติดตามใน Ep.2 ตอน Mestia.... แต่วิวไม่เพลียนะจ๊ะ
พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เพิ่มเติมที่ เพจ Facebook : Be Cool by Kru Gib ได้เลยค่ะ ตามลิงค์นี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/becoolbykrugib/
ส่วนนี่เป็นวิดีโอภาพสวยๆ บางส่วนค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=mdGTqJ5IPJc
Be Cool by Gib
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 23.28 น.