ต่อจากตอนที่หนึ่งหลังจากออกจาก Ba na Hill เราก็เช่ารถมายังฮอยอัน… เมืองมรดกโลกที่ยังมีชีวิต …รักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการนั่งรถแท็กซี่มาเข้าพักที่ River suites Hoi An… โดยผมจะพักที่นี่เป็นเวลาสองคืน …เพื่อใช้เวลาดื่มดำอยู่กับเม่องเก่านี้สองวันสองคืนเต็มเต็ม …อยากจะเที่ยว ผมอยากจะเที่ยวโดยไม่มีการเร่งรีบ ด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ลัดเลาะไปยังในเมืองเก่าและนอกเมืองส่วนต่างๆให้ทั่ว
ผมใช้เวลาในช่วงบ่ายวันแรกกับการเดินรอบรอบแม่น้ำ Thu bon อันเป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองและเมืองเก่าก็อยู่รอบรอบแม่น้ำนี้
เดินไปจนใกล้ค่ำ ก็แวะทานอาหารเย็นบริเวณร้านข้างทาง ราคาอาหารก็ไม่แตกต่างจากบ้านเรามากนัก
รอจนเวลาย่ำค่ำแสงแห่งความสวยงามของเมืองเก่าก็เริ่มปรากฏขึ้น
และก็มาถึงจุดไฮไลท์ของเมืองที่พลาดไม่ได้ Japanese covered bridge อันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง ฮอยอัน
จากนั้นก็กลับเข้าที่พัก…
วันรุ่งขึ้นผมขี่จักรยานยนต์ออกมาแต่เช้าเพื่อมาเก็บแสงเช้าของฮอยอัน
หลังจากเก็บภาพจนพอใจก็ขี่มอเตอร์ไซค์มานั่งกินกาแฟในย่านเมืองเก่า Faifo coffee หลายคนบอกว่าถ้ามาแล้ว…ไม่มากินที่นี่…เหมือนกับมาไม่ถึงฮอยอัน
ได้กาแฟเมล็ดพร้อมเครื่องชง ไปหลายชุด
ทานกาแฟพร้อมอาหารเช้าเสร็จก็มีพลังเดินเก็บรูปกันต่อไป ในย่านเมืองเก่า
เดินจนถึงเวลาเที่ยงทานอาหารเที่ยงเสร็จ มีอีกหนึ่งกิจกรรมที่มาแล้วไม่ควรพลาด … คือการไปดูและนั่งเรือกระด้งดู…โชว์ที่เรียกว่า coconut
… ระยะทางห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง ( สามารถถามหาตำแหน่งจากพนักงานโรงแรมได้ )
พอไปถึงจุดหมายเราก็จะได้ขึ้นเรือกระด้ง ลำละละสองคน ตกคนละประมาณสี่ร้อยบาท ใช้เวลาอยู่บนเรือประมาณ 1 ชั่วโมง เค้าจะพาเราออกแม่น้ำใหญ่ เพื่อไปดูโชว์การควงเรือกระด้ง
ช่วงเย็นก็กลับมาเดินเล่นในเมืองเก่ากันต่อ…ในบรรยากาศเดิมๆแบบเมื่อวาน …
ขอลัดคิวไปวันต่อมาเลยนะครับเป็นวันที่จะเดินทางเข้าสู่ดานัง…ด้วยแท็กซี่คันเดิมที่ผมนัดเอาไว้ตั้ ตั้งแต่วันที่มาส่ง
ก่อนถึงเมืองดานัง 3 กิโลเมตร ผมให้แท็กซี่แวะที่ชายหาด my son เก็บภาพกันเล็กน้อย
พอเข้าถึงตัวเมืองช่วงบ่ายบ่ายก็เช็กอินเช่าจักรยานยนต์. ในราคา 250 บาทต่อวันไม่รวมน้ำมัน เตรียมตัวออกเที่ยวต่อ
สถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากสะพานDragon bridgeและบริเวณรอบๆ
และที่จริงการมาดานังในครั้งนี้ก็ไม่ได้มาเพื่อการท่องเที่ยวมากนัก…ผมเตรียมตัวมาเพื่อจะต่อเครื่องกลับประเทศไทยเท่านั้น
ตระเวนเก็บภาพจนพอใจก็กลับมานอนพักที่โรงแรม ซึ่งติดริมแม่น้ำสามารถมองเห็นวิวสะพานได้ชัดเจน
นอนเล่น รอจนค่ำก็ออกมาเก็บภาพแสงค่ำจากหน้าและบนดาดฟ้าโรงแรมต่อ
จากนั้นก็ขี่จักรยานยนต์ไปยังสะพานด้านตรงข้ามเพื่อถ่ายภาพสะพานตอนกลางคืน
นักท่องเที่ยวมากมายมารอกันล้นหลาม เพราะตอนสามทุ่มของวันศุกร์ และเสาร์ จะมีการโชว์ไฟและมังกรพ่นน้ำ
โชว์ไฟและการพ่นน้ำเสร็จ ทีนี้แหละครับต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ…รถเยอะมาก บีบแตรกันอุตลุด
แต่ผมพบว่า แม้รถมอเตอร์ไซต์จะเยอะในเวียดนาม แต่การขับขี่ไม่ยากอย่างที่คิด ทุกคนขับขี่กันอย่างช้าๆการบีบแตรก็เพื่อแสดงตัวตนว่าอยู่ตรงไหนไม่ได้เป็นการบีบแตรเพื่อไล่คนอื่น
ขับขี่มอเตอร์ไซค์สนุกดีครับถ้ามีโอกาสผมก็คงกลับมาขับขี่ในเวียดนามอีกครั้ง
…จบการรีวิวอย่างย่อๆ พอให้ได้อารมณ์นะครับ…ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะรู้
ขับรถกับพี่หมอไม่ง้อทัวร์
วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 13.31 น.