หลายๆครั้งเรารู้ว่า เราออกเดินทางเพราะอะไร

และก็มีหลายครั้ง เราไม่รู้ว่า เพราะอะไร เราจึงเลือกสถานที่แห่งนั้นเป็นจุดหมายปลายทาง

หรือจริงๆแล้วมันอาจไม่ต้องมีเหตุผลมากมาย ไม่ต้องนั่งหาคำตอบก่อนไป

เพราะสุดท้าย คำตอบที่ชัดเจนที่สุดจะเกิดขึ้น หลังจากที่เรากลับมาแน่นอน......



ก่อนเดินทางมารู้จักกันมากขึ้น ฝากติดตามการเดินทางของแจ๊คได้ที่เพจค่ะ

เพจเราชื่อ นักเดินทางตัวน้อย

https://www.facebook.com/journeymemories/

ฝากกดไลค์ให้กำลังใจด้วยนะคะ

ขายของเสร็จแล้ว เดินทางต่อได้ เฮะ!!!!

การเดินทางครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่าสำหรับการเดินทางคนเดียวแบบเรา มันดูไกลมาก ไกลที่สุด เท่าที่เราเคยเที่ยวคนเดียว

ต่างประเทศ นอกจากลาว ก็ไม่มีประเทศไหนเลย ที่เราคิดจะไปคนเดียว คงเพราะ เราง่อยเรื่องภาษา

ประเทศจีน ไม่เคยอยู่ในลิส ที่เราอยากไป แต่ก็ตามคำชวนของคนคนหนึ่ง เราจึงตัดสินใจไป ทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลย

จองตั๋วเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายจากที่เคยจะไปด้วยกัน ก็ต้องกลายเป็นต่างคนต่างไป

เฮ้ยเราต้องไปจีนคนเดียวว่ะ จะรอดมั้ยวะ เอาน่า ต้องรอด

เรื่องใหญ่เลยสิ่ที่นี้ เรื่องของใจช้ำๆ ปล่อยผ่านไปเลยค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร

มาเดินทางกันดีกว่า

นี่ล่ะค่ะคือที่มาของการที่เราต้องศึกษา หาข้อมูลหนักมาก เพราะเราไม่รู้ภาษาจีนเลย เราอ่านรีวิวเยอะมาก มากชนิดที่ว่าเหมือนได้ไปมาแล้ว

ดูว่า มีที่ไหนน่าสนใจบ้าง เลือกที่ที่เราชอบ หลายๆรีวิวบอกว่า ไปจีนแบบไม่รู้ภาษาจีน เราก็ใจชื้นล่ะว๊า เราต้องไปได้

จากนั้นก็ศึกษาวิธีเดินทางไปเมืองต่างๆ ทั้งวิธีไปและกลับ

เราวางแผนนะ โอเคเลยล่ะแผนนี้ เพื่อนๆลองเอาไปใช้ได้ค่ะ แต่ของเราจะทำได้ตามแผนนี้รึป่าว ติดตามนะคะ

แผนของเราคือ 28 ธันวาคม 61 ลงเครื่องที่คุณหมิง แล้วนั่งรถไฟนอนไปลี่เจียง

เช้า 29 ธันวาคม 61 รถไฟถึงลี่เจียง นั่งรถเข้าเมืองโบราณ พักแถวๆเมืองโบราณ

หาซื้อทัวร์ one day tripไปภูเขาหิมะมังกรหยก Jade dragon snow mountainและ Blue moon valley

30 ธันวาคม 61 one day tripไปภูเขาหิมะมังกรหยก

31 ธันวาคม 61 เช็คเอ้าท์ สายๆ นั้งรถบัสไปแชงกรีลา(จงเตี้ยน) บ่ายแก่ๆ ถึงแชงกรีลา พักย่านเมืองโบราณ ใกล้ๆวัดต้าฝอ

1 มกราคม 62 เช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยว วัดซงจ้านหลินSongzanlin,Napa hai,ไปขึ้น shika snow mountain

2 มกราคม 62 เช็คเอ้าท์ นั่งรถบัสนอน ไปคุณหมิง

3 มกราคม 62 ตอนเช้ารถบัสจะถึงสถานีรถบัสตะวันตกคุนหมิง เข้าที่พัก แล้วเที่ยวเมืองคุนหมิง

4 มกราคม 62 บินกลับไทย

ทริปนี้ ตั๋วเครื่องบิน ไปและกลับ 5 กว่าบาท เงินที่ใช้ไปที่จีน 1,912 หยวน แลกไปในเลท 1 หยวน = 4.70 บาท

การเดินทางท่องเที่ยวในที่ต่างถิ่น ที่เราไม่คุ้นเคยเลย ตัวหนังสือก็อ่านไม่ออกเลย จะมานั่งรถไป เปิดแผนที่

ถามทาง ลุยๆแบบบ้านเราไม่ได้นะ จะทำแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้ภาษาจีน

แต่ง่อยๆแบบเราต้องมีตัวช่วยค่ะ อินเตอร์เน็ต สำคัญมาก เราซื้อ sim 2 fly ของ AIS ราคา 399 บาท ไปถึงจีน ใส่ซิมนี้ใช้ได้เลย

ไม่ต้องเติมเงินอะไรเพิ่ม ถ้าไปประเทศอื่น ซิมนี้ก็ยังใช้ได้ แต่ต้องเติมเงินเพื่อไม่ให้วันหมด ที่ที่เราไปมีสัญญาณทุกที่ค่ะ

แอ็ปที่เป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดของเราคือ Wechat เพราะคนจีนไม่ใช้ไลน์นะ เราแอด wechatใช้คุยกับคนจีน ทางนู้นพิมพ์จีนมาเรากดแปลในเครื่องเรา

ก็คุยรู้เรื่องค่ะ google map ,Trip.com ใช้จองตั๋วรถไฟ จองที่พักก็ได้ แต่เราถนัดใช้ booking

เอาล่ะ เดินทางกันเลยดีกว่า

DAY 1 เราเดินทางด้วยสายการบิน air asia 28/12/2561 9.15 ต้องตื่นเช้ามากจ้า ทำไงก็ได้ให้ตัวเองถึงดอนเมืองเร็วที่สุด

จะได้ไม่ต้องรีบรนจนเกินไป

ไปถึงสนามบินแล้ว ยังมีเวลากินข้าวก่อนด้วยนะ อิอิ ทำเวลาดี

ได้เวลาก็ไปขึ้นเครื่องกันเลย บนเครื่อง แอร์จะแจกใบตม. พกปากกาไปด้วยนะคะจะได้กรอกได้เลย ไม่เสียเวลา

เราถึงสนามบินฉางสุ่ยคุนหมิง เที่ยงกว่าๆ(เวลาที่คุนหมิงเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงนะ)

ทันทีที่ลงจากเครื่อง เราก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น

เมื่อผ่านตม. แสกนนิ้ว เดินออกมาเรื่อยๆ ผ่านเครื่องแสกนกระเป๋า

เรียบร้อยแล้วก็ออกจากสนามบินได้เลยค่ะ

จุดหมายของเราคือ ไปสถานีรถไฟเพื่อออกตั๋วรถไฟไปลี่เจียงคืนนี้ (เราจองรถไฟล่วงหน้าทาง trip.com)

ให้เดินออกระหว่างทางออก 3-4 ก็จะเจอจุดจำหน่ายตั๋วเลย

เราจะนั่งรถบัส สาย 2 ตอนซื้อ ท่องไปเลย หัวเซอจ้าน(สถานีรถไฟ) พนักงานก็ออกตั๋วให้ราคา 25 หยวน

รถจอดอยู่แถวๆนั้นเลย ถ้าไม่แน่ใจว่าใช่มั้ยก็ส่งตั๋วให้พนง.ดู ถ้าเค้าพยักหน้าหงึกๆก็ใช่เลยถูกคันแล้ว

รถคันที่เรานั่งไปจอดให้ลงในสถานีรถบัสติดกับสถานีรถไฟ

(ท่ารถบัส สาย 2 จอดอยู่หน้าโรงแรม jin jiang อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ มีช่องขายตั๋ว เดินไปก็เห็นเลย อันนี้บอกไว้ สำหรับวันกลับค่ะ )

เมื่อเราลงรถบัสก็เดินไปสถานีรถไฟ ก่อนเข้าสถานีรถไฟจะเจอด่านแสกนกระเป๋าก่อนเลย


เข้าไปแล้วอันดับแรกเราไปออกตั๋วรถไฟก่อน ตอนที่เราจองตั๋วในเว็ป จะมีรหัสสำหรับออกตั๋วค่ะ

นำรหัสไปยื่นพร้อมกับพาสปอตที่ช่องออกตั๋ว

เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ มีเวลาอีกเยอะ ในสถานีรถไฟมีที่ฝากกระเป๋าค่ะ ใบละ 8 หยวน เราสามารถฝากกระเป๋าแล้วไปเดินเที่ยวได้ แผนของเราคือเที่ยวคุนหมิงวันสุดท้าย

วันนี้เลยแค่ออกไปเดินเที่ยว สำรวจ บ้านเมือง 555 เดินไปเรื่อยๆไม่มีจุดหมาย

อยากกินอะไรก็ชี้ๆเอาค่ะ

หาอะไรกินแล้วเดินกลับเข้าสถานีรถไฟ รอเวลาขึ้นรถไฟ

เราจองรอบ 21.00 น.

พอเราขึ้นไปตรงชานชลาด้านบน เปิดประตูไป เราจะพบกับ ประชาสัมพันธ์ และจะมีป้าย LED บอกว่าขนวนของเราต้องไปขึ้นที่ชานชลาไหน

มีที่นั่งรอและมีร้านขายของมากมายเลยค่ะ มีตู้คาราโอเกะด้วยยยยยย ใครรอรถนาน เบื่อๆไปนั่งร้องเพลงได้ค่ะ

ใช้ชีวิตอยู่ในนี้เพื่อรอเวลาได้สบายๆเลย

ทุกที่จะมีน้ำอุ่นให้กดค่ะ แม้แต่บนรถเมบางสาย ยังมีเลย เกือบทุกคนจะพกกระติกน้ำเก็บความร้อน

เพราะที่นี่หนาว ร่างกายต้องการน้ำอุ่น มันสำคัญมากจริงๆนะ

ได้เวลาเราก็ไปรอหน้าประตู เพื่อไปขึ้นรถไฟค่ะ


นี่หน้าตารถไฟนอนแบบhard sleeper มี3ชั้น สูงมากจ้า เราได้ชั้นกลาง จองในเว็ป มันไม่มีให้เลือก ได้ชั้นไหนก็เอา

DAY 2 "เหลาผิงไผลี่เจียง เหลาผิงไผลี่เจียง" เราตื่นขึ้น เพราะเสียงนี้ เป็นเสียงเจ้าหน้าที่เดินประกาศ

อาจจะแปลว่าใกล้ถึงแล้ว มั้ง 5555 ใครรู้บอกที แต่ไม่ได้ลงตรงนี้นะ

บนรถไฟนอนหลับสบายมาก จุดนี้รถไฟจอดแบบนานๆ จอดให้นอนหรือให้เตรียมตัวหรือยังไงไม่ทราบค่ะ

แล้วรถออกจากตรงนี้ รถแล่นประมาณชั่วโมงนึงก็จะถึงแล้วค่ะ เวลาเดินทางแบบที่เราไม่รู้ว่าต้องลงจุดไหน มันถึงหรือยัง เราจะใช้วิธีเปิด google map จะได้รู้ว่า อ่อ ถึงแล้วต้องลงแล้ว

เราถึงสถานีรถไฟลี่เจียง เวลา 5.50

จุดหมายต่อไปคือ เมืองเก่าลี่เจียง รถสาย 4 จะผ่านเมืองเก่า เรารอให้สว่าง แล้วค่อยเดินทาง

มืดๆกลัวจะงงค่ะ

นั่งที่ป้ายรถเม สักพัก ฝนตกจ้าาาา หนาวมากตอนนั้น จากการที่นั่งตรงป้ายรถเมนาน สังเกตุได้ว่า

หน้าสถานีรถไฟมีป้ายรถเม 2 ป้าย อยู่ไม่ไกลกัน ถ้าเราหันหลังให้สถานีรถไฟ

ป้ายที่อยู่ขวามือ จะจอดรถ สาย 4 สาย 16 สาย 18 เห็นรับคนตอนเช้ามืด ไปเมืองเก่า แล้วตอนสายๆก็ขับมาจอด ไม่เห็นรับคน

ไม่รู้ว่าเรียกว่ารถอะไร แต่ค่าโดยสาร 2 หยวน ขึ้นไปจะเจอกล่องหยอดเงิน และป้ายนี้ รถอีกแบบจะไม่เข้านะ

ป้ายที่อยู่ซ้ายมือก็จะมีรถสาย 4 ผ่านเหมือนกัน แต่เป็นรถคนละแบบ เหมือนวิ่งไกลกว่าและรถคันนี้จะเข้าป้ายนี้ป้ายเดียว

ค่ารถ 1 หยวน ขึ้นไปจะเจอกล่องหยอดเงิน เพื่อความชัวร์เราพูดว่า กู่เฉิงโค่ว (เมืองเก่า) คนขับพยักหน้า โอเคใช่แล้ว

เมื่อลงรถที่เมืองเก่า เราก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นอีกครั้ง พร้อมทั้งฝนปรอยๆ นาทีนั้นต้องการที่ที่อบอุ่น

ยังเช้าอยู่ ร้านกาแฟก็ไม่มีเปิดเลย เราเปิด map เพื่อจะไปที่พัก ในใจก็คิดว่า ยังเช้าอยู่จะเช็คอินได้มั้ย

และก็ยังมองหาร้านนั่งอยู่ หันไปเห็น KFC จ้า วิ่งเข้าใส่เลย ในร้านอุ่นมาก ช่วยชีวิตเราไว้ได้ ฝนก็ยังตกอยู่นะ



ประมาณเที่ยง เราออกจากร้าน เดินถ่ายภาพใกล้ๆแถวนั้น

รู้สึกเมื่อยแล้วก็เดินไปที่พักค่ะ เราพัก Lijiang Flower Theme Hostel จองผ่าน booking

ตอนจองจะใช้บัตรเคดิต แต่ยังไม่ตัดยอดนะ แค่สำรองวงเงิน เราต้องไปจ่ายเงินหยวนตอนเข้าพักเลย


นี่ ที่พักของเรา

ไม่ได้อยู่ในเมืองเก่านะ แต่ข้ามถนนก็เป็นเมืองเก่าแล้ว

เราพักแบบห้องคนเดียว 2 คืน ราคา 122 หยวน x 4.7 ก็จะได้เป็นเงินไทย 573.40 โคตรถูก

ตกคืนละ 2 ร้อยกว่าบาทโดยรวมโอเคนะคะ เสียอย่างเดียว ห้องไม่อุ่น เป้าหมายวันนี้คือ ไปสระมังกรดำ

และซื้อone day trip เพื่อไปJade dragon snow mountainและ Blue moon valley ในวันพรุ่งนี้

เก็บของเสร็จเรียบร้อย ไปเดินเล่นกันค่ะ เมืองเก่าใหญ่มากเดินไปแบบงๆๆ

ตรอกซอกซอยเยอะมาก วันที่สองเดินๆไปก็หลงกลับที่พักไม่ถูก5555

บรรยากาศเมืองเก่าตอนกลางวันค่ะ

คุณลงเดินมา พยัคหน้าให้ถ่ายรูป 5555


ที่นี่มีร้านขายกลองเยอะมาก ทุกร้าน สาวจีนจะนั่งตีกลองเข้ากับจังหวะเพลงที่เปิด เพราะดีค่ะ

เราเปิด map เดินเรื่อยๆ จะไปเจอทางเข้าด้านหน้า ที่มีกังหันวิดน้ำอันใหญ่ สัญลักษณ์ของที่นี่เลย

เดินออกจากเมืองเก่า ตามทางไปจะเจออนุสาวรีย์ เหมา เจ๋อตุง

และแล้วเราก็มาถึง ค่ะ สระมังกรดำ อยู่ในสวนสาธารณะ ยู้วฉวน(Yuquan) ห่างจากเมืองเก่า ราวๆ 1 กิโลเมตร เสียค่าเข้า 80 หยวนนะคะ

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา มาชมภาพกันเลยค่ะ มุมนี้ เป็นมุมขายเลยค่ะ




ฉากหลังเป็นเขามังกรหยก สวยงามมากๆค่ะ

ถ่ายไปถ่ายมาก็มุมเดิม 5555 ก็มันสวยอ่า

หลังจากแสงเริ่มหมด ได้เวลากลับแล้ว เดี๋ยวร้านขายทัวร์จะปิดซะก่อน

กังหันยักษ์ ยามค่ำคืน

เดินๆไปเจอร้านนี้ค่ะ อย่าถามพิกัดนะ เราเองก็งงๆทาง

ตกลงปรงใจ กับร้านนี้ ที่ราคา 400 หยวน เป็นการซื้อทัวร์ที่ใช้เวลานานมาก เราแอด Wechat คุยกัน

ราคานี้ รวมรับส่งถึงที่พัก อาหารกลางวัน เสื้อกันหนาว อ็อกซิเจน

ตอนเที่ยว Blue moon valley ถ้าจะขึ้นรถกอล์ฟก็จ่ายเพิ่มที่หน้างานเลย ราคา 50หยวน (ขึ้นรถเถอะค่ะ เดินไกล)

DAY 3 รถมารับ 7 โมงเช้า ยังมืดอยุ่เลยค่ะ ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้น 8โมงกว่าๆ

ไม่นานเราก็ถึง อุทยาน นี่คือรถของเราค่ะ มีด้วยกัน 7 คน คนจีน 6 เราคนไทยคนเดียว

กลุ่มคนจีนเลยช่วยกันดูแลเรา คุยกันผ่าน Wechat เช่นเคยจ้า

อาหมวยกับอาตี๋คู่นึง จะคอยบอกเรา เวลาที่ เปลี่ยนรถ เดี๋ยวจะไปไหน ต้องทำอะไรต่อ น่ารักมากๆ


ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนนะคะ แล้วไกด์ก็จะพาไปขึ้นรถบัสสีเขียวๆอุทยานเพื่อไปเที่ยวจุดแรกกัน

จุดแรกที่เราจะไปเที่ยวกันคือ Blue moon valley หรือ ทะเลสาบไป่สุยเหอ นั่นเอง เรานั่งรถกอล์ฟกันค่ะ ตั๋ว 50 หยวน

ตั๋วค่ะ

เข้าแถว เดินตามๆเขาไปค่ะ ไม่นาน รถก็มาจอดที่จุดแรก เราจะเดินไปเรื่อย ถ้าจุดไหนมีรถ เราก็ขึ้นได้ค่ะ หรือจะเดินไปเรื่อยก็ได้

มีดูภาพกันเลยค่ะ

น้ำใสมากกกกกก กรี๊ดดดดดด



เกิดมาไม่เคยเห็นจริงๆค่ะ เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ

สวยทุกมุม


เดินไปเก็บภาพไปเรื่อยๆ


ได้เวลาขึ้นรถกลับแล้วค่ะ เดินไปจนสุดเลย ก็จะเจอจุดขึ้นรถค่ะ

รถจะขึ้นมาส่งเราที่เดิม จุดต่อไปคือ ไปทานกลางวันค่ะ ขึ้นรถบัสไป มื้อกลางวันจะเป็นหม้อไฟ และข้าวสวย

อร่อยมากค่ะ

พริกอร่อย

หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จเราจะไปขึ้น ภูเขาหิมะมังกรหยกกันค่ะ

นั่งรถบัสจากร้านอาหารไปที่ตึกอะไรไม่ทราบค่ะ ตรงนี้ไกด์จะแจกตั๋ว เราก็เดินๆเข้าตึกไป ผ่านการตรวจแล้วก็ไปนั่งรอคิว จากนั้นเดินๆๆๆๆ ตามๆกันไป ขึ้นรถบัสอีกรอบเพื่อไปรอคิวขึ้นกระเช้า

ยืนต่อคิวนานมากค่ะ คนมาเที่ยวกันเยอะ และแล้วก็ถึงคิวของเราค่ะ พร้อมแล้วก็ขึ้นกระเช้ากันเลยจ้า


ถึงแล้วค่ะเราต้องเดินขึ้นไปตามบันไดค่ะ

เดินไปพักไป

มองไปทางไหนก็สวย ทำให้เราอดใจไม่ได้ที่จะกดชัตเตอร์

ภาพเยอะมาก เพราะสวย ถูกใจมากๆ

นี่ไง ชาวจีน ที่ดูแลเรา น่ารักที่สุด


เดินต่อค่ะ

ถ้าหายใจไม่ทันก็ใช้อ็อกซิเจนค่ะ

และแล้วเราก็เดินกันถึงข้างบนค่ะ

เก็บภาพรัวๆๆๆๆ


ถ่ายภาพกันจนหนำใจ เราก็พากันเดินลงเพื่อต่อคิวขึ้นเคเบิ้ลคาร์กลับลงข้างล่าง

เจอเลขอุณหภูมิเข้าไปตกใจเลย -7.9 โอ้วววววววว

หลังจากลงเคเบิลคาร์เราก็ขึ้นรถบัส เพื่อไปขึ้นรถของทัวร์กลับที่พักโดยสวัสดิภาพค่ะ

รู้สึกเพลียมากค่ะวันนี้ ออกไปเดินเล่น หาของกิน แล้วเข้าที่พัก นอนยาวเลย พรุ่งนี้เราจะเช็คเอาท์

และเดินทางต่อไปยังดินแดนทิเบต เมืองจงเตี้ยน หรือแชงกรีลานี่เองค่ะ

DAY 4 เช้านี้เราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม แล้วเดินทางไปแชงกรีลา

เราจะไปขึ้นรถที่สถานีรถบัส เปิดใน google map มันไม่ถึงโล เราเลยเดินไปค่ะ

เช้านี้รีบๆค่ะ เพราะตื่นสาย

เดินไม่นานเราก็ถึงสถานีรถบัส

หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ

เข้าไปซื้อตั๋วกันเลย ยื่นพาสปอตแล้วบอกว่าไปไหน

ได้ตั๋วมา ราคา 68 หยวน ดูเวลา ได้รอบ 11.00น. ตายๆๆๆๆๆใกล้เวลาแล้ว วิ่งเลยดิ่ ซื้ออะไรกินก็ไม่ทันแล้ว

แสกนกระเป๋าแล้วไปรอขึ้นรถ

แล้วก็แบบ งงๆ ขึ้นรถคันไหนก็ไม่รู้ ถามๆคนแถวนั้นดู โดยการยื่นตั๋วให้ เขาก็ชี้ๆให้ขึ้นรถ

ขึ้นรถแล้วจ้าาาาาา วันนี้คนบนรถไม่เยอะ คนจีนนั่งกันเรียบร้อยไม่มีใครเสียงดัง 5555


รถแล่นไปชั่วโมงครึ่ง ก็จะแวะจุพักรถ ให้เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมซื้อของกินเล็กๆน้อยๆ จอดกี่นาที จำไม้ได้ แต่นานอยู่ค่ะ แจ๊คไม่ได้เข้าห้องน้ำตรงนี้ ไม่รู้ว่าสภาพเป็นไง

เดินทางกันต่อค่ะ

วิวข้างทางสวยจริง ๆ อย่าหลับนะคะ



เป็นภูมิประเทศที่เราไม่เคยเห็น

ขณะอยู่ในรถ เรามีความรู้สึกว่า ที่นี่ต้องหนาวมากๆแน่นอน สังเกตุจาก สีขาวตามพื้น มีคือหิมะ และน้ำแข็ง

คือมาทริปนี้ เราตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เจอเลย มันสวยแปลกตาไง ชอบอ่ะ

ประมาณ บ่าย 3 รถก็เดินทางถึงสถานีรถบัส แชงกรีลา

เราจองที่พักที่เมืองเก่าไว้ ผ่านทาง booking เช่นเคย วิธีเดินทางไปเมืองเก่า

ให้เดินข้ามถนน ไปขึ้นรถเมสาย 1 ป้ายที่ใกล้ที่สุด จะอยู่หน้าสถานีรถบัสเลย ราคา 1 หยวน หยอดในกล่องเหมือนเดิม ใครจะไปเที่ยว อย่าลืมแลกแบงค์ 1 หยวนไปด้วยนะ เอาไว้ขึ้นรถเม

ออกจากสถานีรถบัส อาการแรกที่เราเป็นคือ เจ็บคอ น้ำมูกไหล คืออากาศเย็นมาก

มาที่นี่ นอกจากภาษาจีนที่เรางงงวย ยังไม่พอ ยังมีภาษาทิเบตมาสร้างความงงไปอีก


เราก็งงเช่นเคยว่ามันถึงหรือยังว๊า เปิด google mapเพื่อนยากเช่นเคย

สุดท้ายเราพบว่า ป้ายเมืองก่าคือป้ายสุดท้าย5555 ตื่นเต้นอยู่ตั้งนาน

ถึงแล้วจ้า ภาพบรรยากาศ บ้านเมือง แถวทางเข้าเมืองเก่าค่ะ

ตึกรามบ้านช่อง ผู้คนที่นี่ มีเอกลักษณ์ มีมนต์ขลังอะไรบางอย่างที่ทำให้เราชอบ

และคิดว่า อยากอยู่ต่อ จากเดิมที่จองที่พักไว้ 2 คืน อยากอยู่ต่ออีกสักคืน


ที่นี่มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าด้วยนะ ตรงนี้อยู่ตรงหัวมุม ใกล้ๆป้ายรถเมที่เราลงเลยค่ะ

มอเตอร์ไซค์ที่นี่เป็นแบบใช้ไฟฟ้า แล้วแบบว่าเสียงเงียบมาก เดินบนถนนระวังมอเตอร์ไซค์ชนด้วยนะคะ

เดินตรงเข้าไปเลย ข้างหน้าเราคือเมืองเก่า



เมืองเก่าบรรยากาศเงียบมาก ที่ลี่เจียงคึกครื้นกว่าเยอะค่ะ

ภาระกิจต่อไป ตามหาที่พัก เราจองที่พัก ชื่อ shanggri-La A Gong Hui Yang Homestay

2 คืน ราคา 174 หยวน

เราเดินหาที่พัก ตามที่ใน booking ปักหมุดไว้


เดินหาเท่าไรก็หาไม่เจอ เดินไปเดินมาอยู่นานเลย แถวๆนั้นมีคุณยายชาวทิเบตนั่งตากแดดอยู่ คงเห็นเราเดินไปเดินมาหลายรอบ ดูน่าสงสาร เลยเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เราไม่ต้องใช้คำพูดอะไรเลย

ใช้ภาษากาย และโทรศัพที่เปิดแผนที่ในมือ เป็นอันเข้าใจกันว่า เรากำลังหาที่พัก ตามที่อยู่นี้ คุณยายอ่านถนน

ปรากฏว่า ใน booking ปักหมุดไม่ตรงจ้าาาาา


คุณยายชี้ทางให้ แต่ก็กลัวว่าเราจะหลงอีก เลยเดินออกมาส่ง ตรงปากซอย คือใจดีมากๆ

ไม่งั้นเราหาไม่เจอแน่นอน กราบคุณยายเลย ช่วยชีวิตเราแท้ๆ

หน้าที่พัก ป้ายไม่ตรงกับชื่อในเว็ป เขียนสั้นกว่า ตอนแรกก็เดินเลยเหมือนกันนะ

นี่ค่ะที่พักเรา




ดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวห้องไม่อุ่น


ที่นี่หนาวมากกกกกกกก หนาวแค่ไหนดูหน้าห้องค่ะ น้ำแข็งค่ะ

เจอที่พักแล้ว เดี๋ยวออกไปเดินสำรวจเมือง วัดต้าฝอ อยู่ที่เมืองเก่านี้ค่ะ สามารถเดินไปได้

แต่เราขึ้นพรุ่งนี้ เพราะเหลือวันนี้เวลาน้อยละ

ปกติแล้วคนที่นี่จะเต้นรำรอบกองไฟกัน

เย็นนี้มีงานปีใหม่ หลังจากงานเลี้ยงอาหารเย็นทุกคนออกมาเต้นกัน ดูสนุกมากๆ


คนที่นี่เต้นรำกันอย่างสนุกสนาน แต่ตอนนี้กลับไม่ แฮปปี้ เอ็นดิ้ง สำหรับเรา เพราะที่นี่โคตรหนาว

เราต้องรีบพาตัวเอง เข้าที่พักเพราะเริ่มรู้สึกว่ามีไข้ ในห้องพักก็หนาว อุ่นเฉพาะบนที่นอน

เราว่าอยู่ยากละที่นี่ จากที่ชอบ และอยากอยู่ต่อ กลายเป็นอยากกลับแล้ว

อุณหภูมิ วันแรกนี้ไม่ได้แค็ปหน้าจอไว้ ลืมแล้วค่ะว่ากี่องศา

เดี๋ยวเราจะเอาของวันต่อไปให้ดูค่ะ ว่าเราเจออุณหภูมิเท่าไร

มันเป็นความพังอย่างเดียวที่เราเจอในทริปนี้เลย

คืนนี้จบแค่นี้ค่ะ มาดูอาการอีกวันว่าเราจะเป็นยังไง

DAY 5 ต้อนรับปีใหม่ด้วยร่างกายพังๆ

ภาระกิจวันนี้ อันดับแรกคือไปซื้อตั๋วรถบัสไปคุณหมิง จริงๆตั้งใจจะซื้อ วันที่เดินทางมาถึง แต่ก็ลืม แหะๆ

วิธีเดินทางไปสถานีรถบัส นั่งรถเมสาย 1 ตรงป้ายที่เราลงตอนวันที่เรามานั่นแหละค่ะ รถจะวิ่งวน ก่อนขึ้น บอกคนขับว่า bus station

โอ้ววววว คนขับงง เอาไงดี เลยเอารูปถ่ายให้ดู คนขับพยัคหน้า ใช่แล้วววว ไปได้

พอขึ้นไป คนขับถามว่า อเมริกันหรืออิงแลนด์ เราตอบไทกั๋ว

คนขับรีบบอก สวัสดีครับ 55555

เออออ ดีใจจังเจอคนพูดไทยได้ ถึงจะพูดได้คำเดียวก็เหอะ

ได้ตั๋วรถบัส ราคา 223 หยวน รถออก 18.00 น.

หลังจากนั้นหาอะไรกินแล้วกลับไปที่เมืองเก่า สภาพร่างกายวันนี้ เรารู้สึกแย่มาก เจ็บคอมากๆ มีไข้

และนี่ก็คืออุณหภูมิวันนี้ ด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ปกติแค่แอร์หรือพัดลมเป่าหน้าเราก็เจ็บคอแล้ว นี่อากาศเย็นแบบติดลบ ให้ตายเหอะ

มีแดดตรงไหน เราเดินเข้าหาเลย แผนที่เตรียมมา ต้องพับเก็บ ที่เที่ยวเราหายไป

แต่เพื่อนๆศึกษาการเดินทางได้นะคะ โปรแกรมเหลือเพียงวัดต้าฝอ

บริเวณลานหน้าวัดค่ะ



ใช้พลังเฮือกสุดท้ายเดินไปวัดต้าฝอ ตรงทางเดินขึ้นจะมีที่ให้นั่งพัก ตรงไหนที่มีแดด

เรานั่งนานมาก เหนื่อยด้วย ปกติเเราเป็นคนเหนื่อยง่ายอยู่แล้ว ที่นี่อากาศเบาบาง

ทำให้เหนื่อยง่ายกว่าเดิมไปอี๊ก นั่งนานก็จะหลับ เพราะกินยา โอ้ยยยยยยชีวิต

พอเดินขึ้นไปถึงข้างบน ไหว้พระแล้วขอพร ปกติจะขอนู่นนี่นั่น เพ้อเจ้อ

วันนั้นขอข้อเดียว ขอให้สุขภาพแข็งแรงหายเป็นปกติ อารมณ์ตอนนั้นคือรำคาญสิ่งที่ตัวเองเป็นมาก

แบบตรูไม่เอาอะไรแล้วตอนนี้

นี่แหละที่เขาบอกว่าการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสิรฐ มันจริงที่สุด

วิวจากบนวัดต้าฝอ

มองไปจะเห็นเมืองแชงกรีลา

ไหว้พระเสร็จ เดินเที่ยวอีกหน่อย ก็กลับเข้าที่พักเลยค่ะ เข้าที่พักก็หนาวอีก ต้องซุกตัวอยู่ในที่นอน

ตอนนั้นคิดไว้เลยว่า ต้องกลับมา.ในช่วงที่ไม่หนาวขนาดนี้

เพราะจริงๆเราชอบที่นี่นะ ถ้าตัดเรื่องอุณหภูมิติดลบไปอ่ะ 5555

DAY 6 วันนี้อากาศเย็นกว่าเดิมไปอีก เราไม่รู้สึกว่าอาการดีขึ้นเลย เพราะวันนี้ -12 ค่ะ

ทริปนี้เราเตรียมเสื้อผ้ามาดี อุ่นจนร้อนเลยล่ะ แต่เตรียมถุงมือมาไม่ดี ไม่สามารถทนกับอากาศติดลบได้

อีกอย่างคือ ปกติถ้าเราเป็นคนที่เจ็บคอง่ายมาก พัดลม หรือแอร์เป่าก็เจ็บคอแล้ว

สิ่งสำคัญสำหรับเราคือผ้าปิดหน้า เราใช้ผ้าบัฟ ที่ปิดหน้ากันแดดตอนเดินป่า

คือมันบางไป ป้องกันอากาศเย็นไม่ได้

ถ้าเพื่อนๆจะไปช่วงหน้าหนาว เตรียมตัวไปให้ดีนะคะ

เช็คเอ้าท์แล้วไปหาที่อุ่นๆนั่ง รอเวลาไปสถานีรถบัส

การเดินทางก็เหมือนเดิมค่ะ นั่งรถเมสาย 1 ไปสถานีรถบัส

ได้เวลาก็ขึ้นรถค่ะ รถเป็นรถบัสแบบนอน มีสองชั้น

กลิ่นไม่ค่อยดี นอนไม่สบาย หรือเพราะไม่สบายก็ไม่รู้นะ เจ็บคอกลืนน้ำลายก็ยาก พาลรำคาญทุกสิ่งอย่างรอบตัวไปเลย เออ แต่จริงๆมันนอนไม่สบายจริงแหละถ้าคนตัวสูง ขนาดเราสูง 158 ขายังติดเลย

เอาจริงๆรถไฟสบายกว่า


รถบัสจะจอดตอนมืดๆ ให้เข้าห้องน้ำ ซื้อขนม ของกิน

และจะจอดอีกที ตีอะไรไม่รู้ 555 ลืม แต่จะจอดนานมาก ให้นอน เรียกว่า service area

รถจะมาจอดพักที่นี่ เป็นจุดใหญ่เลย มีมินิมาร์ท ร้านข้าว ห้องน้ำ

รถออกจากตรงนี้ก็จะวิ่งยาวถึงสถานีรถบัสตะวันตก ที่คุณหมิง

ตอนจองที่พัก ที่คุนหมิง เราเลือกที่ใกล้สถานีรถไฟเป็นหลัก

เพราะมันก็จะใกล้คิวรถบัสสาย 2 ด้วย(ที่เราต้องนั่งไปสนามบิน)

แต่ๆๆๆๆ ลงรถมาตอนเช้ามืด งงดิ่ เฮ้ยยยย มันไม่ได้จอดที่สถานีรถบัสที่ใกล้สถานีรถไฟ

เอาแล้วววว ไปไงล่ะ นับว่าแต้มบุญยังมี Google map ช่วยชีวิต

มันมีสายรถเมบอกด้วย แถมบอกจุดที่เป็นป้ายรถแต่ละจุด แล้วรถก็วิ่งตามนั้นเลย

ไม่เคยใช้แบบนี้ เพิ่งรู้เลยค่ะ 55555

สรุปๆๆๆๆ เราต้องเดินออกมาจาก สถานี แล้วเดินไปทางขวา ขึ้นรถเมสาย 80 หยอดเงิน 1 หยวน ไปลงสถานีรถไฟค่ะ

พอลงรถเราก็เดินไปที่พักค่ะ จากที่เราป่วย อยู่ในห้องเย็นๆ เรารู้สึกว่าทรมารมากๆ

เราเลยเลือกที่พักแบบดีๆ เราต้องการฮีตเตอร์ เชื่อว่าราคานี้น่าจะมีมาตรฐานที่ดี

เราพักที่ Hanting Hotel Kunming ราคา 1 คืน 180 หยวน แผนที่ใน booking ปักหมุดไว้ตรงเป๊ะ

แต่ไปยืนหน้าโรงแรมแล้วต้องเปิดรูปกับตัวหนังสือจีนออกมาเทียบ เพราะหน้าโรงแรม มีแต่ภาษาจีนจ้าาาาา

แจ้งกับทางโรงแรมว่าขอเข้าตอน 10 โมง ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ


มาดูห้องกันค่ะ

ห้องอุ่น อีตเตอร์ทำงานปกติ ดีใจน้ำตาจะไหล 5555

หลังจากเข้าที่พัก แน่นอนว่าเก็บแผนที่ว่าจะเดินเที่ยวในเมือง

นอนพักก่อนเลยค่ะ เมื่อคืนนอนมาในรถ ไม่หลับเลย

ช่วงบ่ายๆ ออกไปเดินหาอะไรกิน กลับเข้าห้อง กินยานอนยาวเลยค่ะ

ที่คุนหมิงอากาศไม่ถึงติดลบแต่ก็หนาวค่ะ


บรยากาศ แถวๆโรงแรม


วันรุ่งขึ้น เช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรม เดินไปหน้าโรงแรมจินเจียง

ขึ้นรถบัสสาย 2 เพื่อไปสนามบินค่ะ

เดินทางถึงกทม.โดยสวัสดิภาพ

ทริปนี้ได้เดินทางไปทุกเมืองที่วางแผนไว้ แต่โปรแกรมเที่ยวหายไป 2 เมือง คือ แชงกรีลา กับคุนหมิง

ตั้งใจจะกลับไปซ่อม ในช่วงที่อุณหภูมิไม่ต่ำจนเกินไป 5555

เอาจริงๆแค่ภูเขาหิมะมังกรหยกที่ลี่เจียงก็ฟินแล้วค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นแรงบรรดาลใจให้ใครสักคนออกเดินทาง

แล้วพบกันใหม่ค่ะ


แจ๊ค:นักเดินทางตัวน้อย

https://www.facebook.com/journeymemories

ความคิดเห็น