ใครว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะเที่ยวกันเองลำบาก?

เราขอเสนอการเที่ยวสบายๆ แบบฉบับผู้หญิงสามคนที่ขับรถไม่แข็ง ก็ยังขับได้ งบไม่เยอะก็ไปได้ มีเวลา 4 วัน ก็เที่ยวครบจบทั้งคาเฟ่ ทะเลหมอก ชมพระอาทิตย์ตกดินบนยอดเขา รวมถึงดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าริมทุ่งดอกไม้ก็ย่อมได้

ทำงานมาเหนื่อยๆแล้ว ขอไม่ตกระกำลำบากมากไปกว่านี้ ดังนั้น ใครว่าเที่ยวเขาเที่ยวดอยมันยาก โนค่ะ!

ทริปนี้จะไม่ใช่ข้ออ้างของคุณอีกต่อไป!

________________________________

เริ่มต้นทริปกันที่ 'ม่อนเคียงดาว' ดอยเสมอดาว จ.น่าน

ขอบอกเลยว่าแค่ก้าวแรกที่มาถึง ชะนีน้อยสามคนก็ตื่นเต้นกับวิวสุดอลังการงานสร้างของที่พักแห่งนี้แล้วค่ะ เพราะภาพตรงหน้าคือวิวภูเขาสลับไปมาไกลสุดลูกหูลูกตา ตัดกับแสงอาทิตย์ตกยามเย็น มันคือสุดยอดMagic Hourจริงๆ

ม่อนเคียงดาวมีหลายโซนให้เลือกพัก มุมที่พวกเราไปพักเป็นมุมทิศตะวันตก นอกจากจะเห็นขุนเขาสุดลูกหูลูกตา ด้านข้างยังมีโซนดอกไม้หลายชนิดให้ไปถ่ายรูปเล่นด้วยนะ


เราจองที่พักเป็นแบบเต้นท์กระโจมสีขาวน่ารักๆ ราคาตกคนละประมาณ300บาทเท่านั้น



และแน่นอน มาแคมปิ้งกับเพื่อนทั้งทีต้องมีหมูกะทะสิ!

วิวพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าแบบนี้ ใครจะไม่หลงรักละ จริงไหมคะ?



ตื่นมาทานข้าวต้มกับไมโลร้อนๆสำหรับมื้อเช้ากันจ้า เข้ากันกับบรรยากาศยามเช้าสุดๆ


เราแนะนำให้เช่ารถยนต์สำหรับการเดินทางที่นี่ ขนาดพวกเราที่ไม่เคยขับออกต่างจังหวัดเลย ก็ยังขับกันได้สบายๆ เพราะถนนหนทางในเมืองน่านทำไว้ดี แถมยังมีวิวสวยๆตลอดสองฝั่งข้างทางด้วย ที่สำคัญทางไม่สลัลซับซ้อนเลย เปิด GPS ตามทางไป ไม่มีหลงเลยตลอดสี่วันค่า



ระหว่างทางออกจากอุทยานแห่งชาติดอยเสมอดาว ยังมีที่ให้แวะถ่ายรูปเก๋ๆ อย่าง เสาดินนาน้อย ที่ไม่น้อยตามชื่อเลย เพราะที่นี่มันกว้างมาก! แต่ขอเตือนเลยว่าที่นี่ร้อนเหลือเกินจ้ะพี่จ๋า

แต่พอเราได้ลองเดินสำรวจรอบๆ ก็พบว่าที่นี่เป็นหนึ่งในโลเคชั่นถ่ายรูปที่เท่ที่สุดของเมืองน่านเลยก็ว่าได้!



คืนที่สองขอแอบนอกใจน่าน มาแวะเที่ยวที่ภูลังกา จ.พะเยา กันค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองน่านประมาณ 3ชม. โดยเราได้จองบ้านพักไว้ที่ 'ภูลังการีสอร์ท' ในราคาตกคนละ 200บาทเท่านั้น! บ้านหนึ่งหลังจะมีทั้งห้องน้ำในตัว และมุมระเบียงส่วนตัวที่มองเห็นวิวภูลังกาได้จากห้องพักเลยทีเดียว

ขอบอกว่าที่นี่คู่ควรกับคำว่า " ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้าน" จริงๆค่ะ


กิจกรรมยามเย็นของการมาภูลังกา คือการขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกที่ ดอยภูนมและภูเทวดา หากใครสนใจสามารถแจ้งที่พักเพื่อเหมารถกะบะของภูลังการีสอร์ทไปได้เลยค่ะ

หากถามว่าทำไมพวกเราถึงเดินทางข้ามจังหวัดกันมาถึงที่นี่ ก็จะบอกว่ามันคุ้มค่ากับการเดินทางมากจริงๆ เพราะที่นี่ยังไม่แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยว ป่าไม้ธรรมชาติก็ยังสมบูรณ์มากๆ และการันตีเลยว่าวิวด้านบนสวยไม่แพ้ดอยอื่นๆ แน่นอน

พวกเราใช้เวลาเดินขึ้นไปเพียงครึ่งชั่วโมงก็พบกับแสงอาทิตย์ตอนเย็นเปลี่ยนทุ่งหญ้าบนยอดเขาเป็นสีส้มอร่ามทั่วทั้งเขาจริงๆ ได้เห็นวิวแบบนี้ก็หายเหนื่อยจากการเดินขึ้นเขาเป็นปลิดทิ้งเลยย



สำหรับสาวๆ ที่ไม่ขอขึ้นดอย อยากจิบกาแฟสวยๆ ถ่ายรูปกับวิวอลังการงานสร้าง จังหวัดพะเยายังมีคาเฟ่ชื่อดังที่หากไม่ได้ไป ก็เหมือนมาไม่ถึงพะเยาอย่าง 'Magic Mountain Cafe'

เราขอแนะนำให้ไปช่วงเช้าๆ ทานอาหารเช้าอร่อยๆ ห้อยขาชมวิวทะเลหมอกที่ปกคลุมภูลังกา รับรองว่าทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจกับบรรยากาศ และได้รูปกลับบ้านเต็มอิ่มแน่นอนค่า



ในคืนสุดท้ายพวกเราเปลี่ยนบรรยากาศหนาวๆบนยอดดอย มาตามหาหมอกละมุน ที่ 'อุ่นไอมาง' กันค่ะ

หากให้บรรยายถึงที่พักที่นี่ อยากให้ลองนึกถึงภาพ 'บ้านพักริมธารน้ำ กับหมอกจางๆลอยฟุ้งอยู่ทั่วทั้งหุบเขา' โอ้โห.. ฟังดูเป็นภาพในนิยายรักโรแมนติกสุดๆไปเลยค่ะซิส

แต่เชื่อไหม "อุ่นไอมาง” สามารถเป็นนิยามของที่พักแบบนั้นได้จริงๆ!

ห้องที่เราจองเป็นบ้านพักสำหรับ2คนที่กว้างขวางมากๆ มีห้องน้ำส่วนตัวที่กั้นไว้เป็นสัดเป็นส่วน และยังมีมุมระเบียงด้านนอกไว้นั่งชมวิวธารน้ำ ที่ด้านหลังเป็นหุบเขาเขียวขจี และด้วยความที่บ้านพักติดริมน้ำทำให้อากาศในห้องเย็นแบบไม่ต้องพึ่งแอร์เลยสักนิด นอนฟังเสียงน้ำท่ามกลางธรรมชาติฟินๆ กันไปเลย

นอกจากจะมีบ้านพักแล้ว ที่นี่ก็มีที่พักแบบเต็นท์ริมน้ำเก๋ๆด้วยเช่นกันนะ ขอบอกเลยว่า บรรยากาศโรแมนติกมากกก โดยเฉพาะช่วงเวลาเช้า จะมีน้องหมอกลอยฟุ้งมาเยือนถึงหน้าเต็นท์เลยทีเดียว

และนี่คือมื้อเย็นของเรา ขอเรียกว่า 'อาหารฝีมือคุณแม่'ที่แท้ทรู โดยเฉพาะเมนูไก่ทอดมะแขว่น กับน้ำพริกหนุ่มแซ่บๆ ทานพร้อมกับผักสดๆ แบบเติมได้ไม่อั้น! ฉะนั้นใครที่มาพักที่นี่ อย่าลืมเก็บท้องไว้มาทานมื้อเย็นกันด้วยนะ


หลังจากเดินทางมาหลายวัน
วันสุดท้าย ขอจัดอะไรเบาๆ ชิลๆ กับการตามล่าคาเฟ่ชื่อดังของจังหวัดน่านสักหน่อย

เริ่มกันที่ร้าน 'กาแฟบ้านไทลื้อ' ร้านกาแฟสุดฮอตของเมืองปัว ที่ถือเป็นอีกแลนด์มาร์คของจังหวัดน่านเลยทีเดียว ด้วยมุมสะพานผ้าไทกลางทุ่งดอกไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ ห้อมล้อมไปด้วยวิวทุ่งนาและภูเขา ทำให้ร้านกาแฟที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมากกกก

นอกจากมุมถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่ยังติดกับร้านขายผ้าไหมไทยให้ได้เลือกซื้ออย่างจุใจ หรือถ้าเริ่มจะหิวกันแล้ว ที่นี่ก็มีร้านข้าวซอยเรือนไม้สไตล์ชาวเหนือ ไว้ให้นั่งกินไปชมวิวทุ่งดอกไม้จากมุมสูงไป ก็ฟินไม่เบานะคะ


เมื่อชมวิวเต็มอิ่มกับร้านกาแฟสไตล์เอกลักษณ์ของน่านกันแล้ว เรามาเปลี่ยนบรรยากาศกันกับคาเฟ่ฮิปๆ ในตัวเมืองน่านอย่าง 'Workboxes' กันต่อ

ขอบอกเลยว่าคาเฟ่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศ แต่รสชาติเครื่องดื่มและขนมก็คือดีจริงๆไม่จกตาอีกต่างหาก ส่วนเรื่องถ่ายรูปไม่ต้องพูดถึง ยืนถ่ายหน้าร้านก็ได้อารมณ์ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ยังไงก็ต้องได้สักรูปกลับบ้านอย่างแน่นอน


การเดินทางของทริปนี้ก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว พวกเราก็ไม่ลืมที่จะมาไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัย
ที่ 'วัดภูมินทร์' ซึ่งเป็นวัดที่มีภาพเขียนกระซิบรักชื่อดังอย่าง 'ปู่ม่านย่าม่าน' ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเมืองน่าน หากใครไม่ได้มาชมเหมือนมาไม่ถึงน่านเลยนะ!

ขอปิดท้ายทริปด้วยการชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าใต้ซุ้มลีลาวดี ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่านกันค่ะ สามารถเดินเล่นชิลๆ มาจากวัดภูมินทร์มาได้เลย ถือเป็นการปิดทริปวันสุดท้ายที่ทั้งอิ่มพุง อิ่มบุญ และอิ่มใจมากจริงๆ


และแล้วการเดินทางครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง เป็น 3 คืน 4 วันกับเงินสี่พันกว่าๆ ที่คุ้มมากกกกกจริงๆ
หากใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ หวังว่าการเดินทางของพวกเรา จะสร้างแรงบันดาลใจให้อยากออกไปเที่ยวมากขึ้นนะคะ หากไม่รู้ว่าทริปหน้าจะไปไหน...

ทริปหน้า ทริปน่าน นะ :)




ความคิดเห็น