ทริปเดินป่าครั้งแรกของปี จากที่เคยเตรียมกันไว้ว่าผมจะร่วมทริปกับพี่สาวไปม่อนจองกับพี่สาวและชาวคณะ แต่ก่อนไปเพียงไม่กี่วันชวนเจ้าลูกชายหนีฝุ่นจากกรุงเทพพระมหานครไปสู่เมืองหลวงของล้านนา เชียงใหม่ จากที่ลูกชายปฏิเสธมาตลอด คิดว่าคงเข็ดจากการเดินขึ้นภูกระดึงเมื่อสิ้นปีก่อน แจ็กพอตแตกครับ นอกจากจองตั๋วกระชั้นชิดยังเข้าช่วงตรุษจีนพอดี เรียกว่าเงื่อนไขตั๋วเครื่องบินแพงครบทุกประการ
เราตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ ออกเดินทางโดยรถตู้จากเมืองเชียงใหม่ไปยังอำเภออมก๋อย สองข้างทางสวยไหม ไม่ทราบ หลับไปตลอดทาง ตื่นมาก็อมก๋อยแล้ว
หลังจากแวะซื้อเสบียงกันเรียบร้อย เราก็นั่งรถตู้ไปยังจุดขึ้นรถของหมู่บ้าน บรรดาลูกหาบเป็นชาวมูเซอ ผมสังเกตเห็นบางสิ่งชาวมูเซฮทั้งหญิงและชายใส่ลายดอกทุกคน จากนั้นนั่งรถ 4WD ไปเกือบชั่วโมง ลูกหาบก็นั่งไปคันเดียวกับเรานั้นแหละ ในคณะเรามีเด็กคนเดียวคือเจ้าลูกชายผมนี่แหละ เลยได้ไปนั่งหน้า เส้นทางค่อนข้างแคบ รถสวนทางกันไม่ได้ โยกๆกันสนุกดี
เราเริ่มเดินกันไปในวันนี้โชคดีมาก ลมไม่แรง แสงแดดไม่ร้อน เจ้าลูกชายก็เดินไปได้อย่างไม่อนาธรทุกร้อนอะไรนัก เราเดินกันไปเรื่อยๆ เดินไปคุยเรื่องเทพอินเดียไป สนุกๆกันไปตลอดทาง สิ่งหนึ่งทีเราสังเกตระหว่างทางคือลูกหาบที่นี่มีผู้หญิงกับเด็กเยอะเหมือนกัน หากเทียบสัดส่วนกระดึงก็เยอะกว่า เราเดินไปเรื่อยๆ ลูกหาบจะเดินแล้วพักเป็นระยะๆ อาจเป็นเพราะทางค่อนข้างชันอยู่
เมื่อเดินมาถึงแถวๆ "ภูหินช่อ" เกิดเรื่องตื่นเต้นขึ้น เจ้าลูกชายทำโทรศัพท์ตกหาย คราวนี้ละวุ่นเลยเดินขึ้นเดินลงกันหลายรอบ แต่กลัวจะเสียเวลาเกินไปจึงให้ลูกชายกับคุณป้าเดินไปก่อน ขณะที่กำลังเดินวนหานั่นเอง ลูกชายตะโกนมาว่าเจอโทรศัพท์แล้ว โดยสรุปคือมีคนเจอโทรศัพท์ที่ตก พี่หัวหน้ากรุ๊ปท่องเที่ยวเลยเก็บให้ ขณะที่คุณป้าไปบอกลูกหาบ พี่เขายืนอยู่ตรงนั้นพอดีจึงได้โทรศัพท์คืน ลูกชายกับคุณป้าเดินล่วงหน้าไปก่อน ส่วนผมเดินตามหลังไปห่างๆ ผมเดินไปสักพักเดียวเกิดเรื่องตื่นเต้นอีกรอบ ผมตกเขา เกิดจากเดินเหยียบที่ขอบทาง แต่มันไม่ใช่ดิน เป็นใบไม้ล้วนๆ ร่วงทั้งตัว ดีที่เกาะรากไม้ไว้ทัน พี่หัวหน้าคณะคนเดิมอยู่ใกล้ผมพอดี จึงเหนี่ยวรากไม้ให้ผมจับมือขึ้น เรียกว่าช่วยทั้งพ่อและลูกเลย เราเดินจนถึงเนินฮิปหอบ
เราตัดสินใจเดินต่อไปยังลานกางเต็นท์ ได้ลานในสุดลึกมากๆ อ่อ ลืมบอกไปนอกจากเจ้าลูกชายเป็นเด็กคนเดียวของทริป ยังเป็นเด็กคนเดียวของดอยอีกด้วย น่าภูมิใจชะมัด
หลังจากวางของที่เต็นท์กันเสร็จแล้วเราก็ออกมาเก็บภาพกัน มุมที่โดดเด่นคือบริเวณผาหัวสิงห์ ที่นี่ลมค่อนข้างแรงทำให้เรารู้สึกหนาวกันพอสมควรเลย เราค่อยละเมียดถ่ายรูปไปสั่นไปเรื่อยๆ ไม่นานักพอพระอาทิตย์ตกก็กลับไปนอนที่เต็นท์กัน
พระอาทิตย์ตกดินลับเหลี่ยมเขา สวยงามเสมอ โดยเฉพาะที่ม่อนจองสวยมากเลย พระอาทิตย์ดวงกลมโต สีเหมือนไข่แดงค่อยๆหายไปหลังเหลี่ยมเขา
ตอนเช้าฝ่าอากาศอันหนาวเหน็บ ตอนตี4 เราตื่นมาดูดาว หาวเป็นพระอาทิตย์ เราก็ตื่นขึ้นมามองดาว มันเป็นดาวเต็มฟ้าจริงๆ นานมากแล้วที่เราไม่เห็นดาวเต็มตาขนาดนี้ จริงๆคนอื่นเห็นทางช้างเผือกด้วย แต่เราไม่เห็นแฮะ
พระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าดาวค่อยๆหายไป ผาหัวสิงห์ค่อยๆขยายตัวปรากฏบริเวณแสงเปลี่ยนสีแสง ผาหัวสิงห์ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นอย่างชัดเจน สิงห์จริงๆไม่ใช่ช้าง
ฐาปนศักดิ์ ทองสุวรรณ
วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 22.03 น.