ทริปนี้เริ่มจาก ได้เจอคนโพสจัดทริปทัวร์เวียดนามใต้ในราคาประทับใจ รวมตลอดทริป 4500 บาท ไม่รวม ทริปไกด์/คนขับรถ รวม 200 บาท ไม่รวมตั๋วเดินทางและค่าอาหารหากินเองอิสระทั้งหมด 8 มื้อ ...

วันแรก

ออกเดินทางด้วยสายการบิน Nokair เที่ยวบินเดิมกำหนดการจะต้องถึงเวียดนามตอน 19.45 แต่ด้วยเหตุอันใด..ใยชอบกล มีอีเมล์แจ้งจากสายการบินก่อนเดินทางว่าไส้เลื่อน! ..เอ้ย ไฟท์เลื่อน เป็นถึงเวียดนาม 20.45 (T T) น้ำตาไหลเบาๆ อาบแก้มน้อยๆ ..........

เมื่อถึงเวียดนามแล้วก่อนจะออกไปตะลุย ก็เข้าที่พักเก้บข้าวของล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วไปหาไรกินกัน ที่ถนนคนเดิน ใจกลางเมืองโฮจิมินทร์หรือไซ่ง่อนเดิม อารมณ์ข้าวสารบ้านเรา แต่ที่นี้มีจุดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ นักดื่ม นักเที่ยวทั้งหลาย ที่นั่งประจำร้านทั้งสองฝั่งถนน นั้งหันหน้าเข้าหากัน...นานี่... นั่งจิบเบียร์และมองหน้าคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม...Epicสไตล์เวียดนามใต้จริงๆ

"ถนนคนเดิน BUIVIEN"

วันที่ 2

ตื่นแต่เช้ากินข้าว อาบน้ำแล้วเสร็จ ออกไปชมแลนด์มาคเด่น ๆ ในเมืองโฮจิมินทร์ซิตี้ หลักๆ 3 จุด ก็จะมีโบสถ์ สถาปัตยกรรมแบบยุโรป ซึ่งอยู่ในระหว่างปรับปรุง และหากใครจะเข้าไปชมด้านในห้ามใส่ขาสั้น แขนกุด นุ่งสั้นเป็นอันขาด

ตรงข้ามโขสถ์ข้ามถนนมาจะเป็น "อาคารศูนย์กลางไปรษณีย์" ที่โอ่งโถงใหญ่และสวยงานสไตล์ยุโรป เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00 น.

และปิดท้ายก่อนออกเดินทาง ไปจากโฮจิมินทร์ ซิตี้ ก็คือ "อนุสาวรีย์จตุรัสลุงโฮ" นั้นเอง

ตกบ่าย 2 โมง คณะทัวร์ ก็ได้เดินทางมาถึงเมือง มุยเน่ อันเป็นจุดหมายที่ 4 ของเราในวันนี้ สถานที่แรกที่ไปกันอันขึ้นชื่อว่า "สายธารนางฟ้า"

หลังจากเดินกลับมาที่จุดขึ้นรถ แนะนำน้ำอ้อยสไตล์เวียดนาม หวานอมเปรี้ยว ดื่มละสดชื่นมาก แก้วละ 10,000 VND เท่านั้นเอง

ก่อนจะไปจุดหมายต่อไป จุดที่ 5 ไกด์ก็เห็นว่ายังพอมีเวลาก่อนไปเที่ยวจุดสุดท้ายของวันนี้ ซึ่งระหว่างทางผ่านคณะทัวร์ก็ได้จอดแวะให้ชมและสัมผัส "วิถีชีวิตของชาวประมงแห่งมุยเน่" ซึ่งเป็นเมืองที่อาหารทะเลสด ๆ และราคาถูก ส่วนจุดพ้อยที่นี้คือ เรือกระด้ง เป็นกระด้งกลม ๆ ที่ชาวเลเค้าพายออกไปหาปลากันจริง ๆ

เล่นใส่กะละมัง วางพื้นชิว ๆ ไม่เกรงใจราคากุ้งมังกรในเมืองไทยกันเลย ....

อากาศมันร้อนมาก แนะนำเลย "น้ำบ๊วย" สักแก้วให้ชื่นใจ จากคุณป้า ๆ แถวนั้นละ

หลังจากนั้นไปจบทริปของวันนี้ด้วยการนั่งชิวๆ ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ "ทะเลทรายแดง"

วันที่ 3

ตื่นแต่เช้าตี 5 ออกเดินทางจากที่พักไปลุยทะเลทรายขาว ด้วยการนั่งรถจี๊บขึ้นไปบนจุดยอดของเนินทะเลทรายเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ซึ่งอุณหภูมิก็เย็น ๆ สบาย ๆ ไม่หนาวเกินไป

เหล่าบรรดารถจี๊ปที่พานักท่องเที่ยวขึ้นมาบนยอดเนิน และรอรับนักท่องเที่ยวกลับ แต่หากใครอยากจะเสียวกว่าการนั่งรถจี๊ปหล่อ ๆ ให้เลือกนั่งรถ ATV ขึ้นมาจะมันมากก เพราะตอนขากลับรถ ATV จะพาเราขับลงเนินที่ดิ่งลงไปอย่างด้านล่าง เอาเป็นว่าโหดมันฮาสุด ๆ

จบแล้วมุยเน่ เดินทางต่อไปยังเมืองดาลัท เมืองปลายทางสุดชิค ที่อากาสเย็นสบายตลอดทั้งวัน กลางคืนก็จะเย็นๆ 15 องศา โดยคณะทัวร์ได้ออกเดินทางจากมุยเน่ ไปจนถึงเมืองดาลัท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ถึงดาลัคตอนประมาณบ่ายโมง

ในเมืองดาลัทวันนี้ เริ่มแรกก็ไปเที่ยวกันที่ "บ้านบ้า ๆ บอ ๆ" ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวและที่พักที่เก๋ไก๋ และคลูมาก ๆ แห่งหนึ่งในเมืองดาลัท เป็นการออกแบบที่พักให้มีความเป็นเขาวงกต วกวนไปมา ๆ ทะลุบ้านนู้นโผล่ไปบ้านนี่ เดิน ๆ ไปเอ๊ะทำไมหลง.. แต่ไม่ต้องกังวลเดี่ยวก็เจอทางออก...

ดูทางเดินสิ เสียวมาก ทางเดินแคบและสูง ได้ความเสียวและสนุกเกินจินตนาการไปอีกแบบ

จบท้ายวันนี้ ด้วยเอกลักษณ์ดอกไม้ประจำชาติเวียดนาม ดอก Atiso หรือดอกบัว นั้นเอง ซึ่งที่ดาลัทนี่จะมีชาขึ้นชื่อของดีประจำดาลัคคือ Atiso Tea ของดีที่ห้ามพลาดพอๆ กับกาแฟเวียดนาม ซึ่งใจกลางเมืองดาลัทนั้นจะมีสิ่งก่อสร้างแลนด์มาคสุดเก๋ไก๋ โดยอาคารนี้จะมีทั้งหมด 3 ชั้น ข้างในจะเปิดบริการเป็นร้านคาเฟ่ ชื่อว่า "DOHA Cafe" ชั้นแรกเป็นส่วนของเค้าเตอร์บริการสั่งเครื่องดื่มและอาหาร ชั้น 2 - 3 เป็นโซนนั่งรับประทาน

จบวันไปกับวันที่ 4 นี้

วันที่ 4

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการไปชมและถ่ายภาพเก๋ที่ สวนดอกไฮเดนเยีย ด้วยจากดาลัทเป็นเมืองที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปีทำให้ที่นี่สามารถปลูกดอกไฮเดนเยียได้ช่อใหญ่ มีความสวยสวด อลังการมากก

จุดที่ 2 ไปต่อกันที่สถานีรถไฟเก่าแก่ของเวียดนาม เป็น "สถานีรถไฟดาลัท" ที่สร้างในยุคที่เวียดนามตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษโดยชาวฝรั่งเศษ เป็นสถานีที่มีความขลังและสวยงามในสไตล์ยุโรปมาก


จากนั่งเดินทางต่อไปเพื่อเข้าชมวัดพุทธ ในเมืองดาลัทที่สร้างอยู่บนยอดเขา และมีพระแก้วมรกตองค์จำลองประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ด้วย

การเดินทางด้วยการนั่ง "กระเช้าไฟฟ้า" ไปลงที่วัดเลยจ้า

นั่งกระเช้าประมาณ 15 นาทีก็ถึง "วัด Trum lam" หรือชื่อว่า "วัดเจดีย์มังกร" แล้วจ้า

ลงจากวัดมาเราก็ไปนั่งรถราง "roller coaster" เพื่อลงไปชมน้ำตกดาตาลัน กัน ตรงนี้ระวังให้ดีตอนขาขึ้น-ขาลง จะมีกล่องถ่ายรูปเราอยู่ จะเป็นกล่องที่ขาว ๆ ถ้าเห็นก่อนแล้ว ก็เตรียมแอ็ทท่าเก๋ๆ รอได้เลย และหากถูกใจภาพก็ลงไปเลือกรูปได้ทั้ง ขาขึ้น-และขาลง ใบละ 100,000 VDN ให้ไปเห็บเป็นความประทับใจ

"roller coaster" ขาลงแนะนำให้นั่ง 1 คน/คัน และไม่ต้องแตะเบรคจะมันมากบอกเลย


น้ำตก "datanla" สวยใส สไลดเด่อร์

เล่นสนุกเสร็จ หิว ๆ ๆๆ ๆ ไปหาอะไรกินที่ "Walkingstree ณ เมืองดาลัท" กันต่อ


หอยๆๆๆ ที่นี้คือดีอร่อย สด และราคาถูกมากกกกกก

หอยนางรม ตกตัวละ 30 บาทเองงงงงง 30 บาท ...นานี่..... จัดไปหนักๆ โลด


ปิ้ง ๆ ไม้เสียบ ก็ดีงาม ไม้ละ 15 บาท เดินกินฟิน ๆ กันไป

ส่วนอันนี้ คืออะไรไม่รู้ แต่แนะนำเลยอร่อย อารมณืข้าวเหนียวหมูฝอยบ้านเรา แต่น้ำซอสถั่วเหลืองคือดีย์.....

ปิดท้ายด้วยทริปนี้ด้วยร้านคาเฟ่ สุดคลาสสิคประจำเมืองดาลัท กับ "An Cafe"


วันที่ 5

นั่งรถยาว ๆ จากดาลัท กลับไปโฮจิมินทร์ซิตี้ถึงประมาณบ่าย 3 โมง และก็แวะช้อปปิ้งยาว ๆ จนไปเตรียมขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ ตอน 4 ทุ่ม ด้วยสายการบินเจ้าเดิม nokair ที่ขากลับก็โดยโรคไส้เลื่อน เรทไปอีก 1 ชม. แบบน่าใจหาย

สรุป

- 10,000 VDN ประมาณ 14-15 บาท ไทย คิดง่าย ๆ

- ทริปนี้ค่าใช้จ่ายประมาณ 9,800 บาท แบ่งได้เป็น

1. ค่าทัวร์ 4,500

2. ค่าทริปไกด์และคนขับรถ 250 บาท

3. ค่ากิน+ดื่ม+ช้อป 2,500 บาท

4. ค่าตั๋วเครื่องบิน 2,500 บาท

- ดาลัท ดีงาม แนะนำไปซ้ำๆ ได้

- นกแอร์ระวังโดนโรคไส้เลื่อน

ติดตามได้อีกช่องทาง

ได้ที่ https://www.facebook.com/teawdowjai

ความคิดเห็น