Chef's Table เสิร์ฟอาหารเมือง (จากประยุกต์สู่ต้นตำรับ) การบอกเล่าเรื่องราวของอาหารเหนือด้วยวิธีใหม่ โดยจะมีเมนูชนเผ่าอยู่หลายเมนู โดยฝีมือเชฟก้อง
หลังจากไปเชียงรายมาคราวก่อนก็เจอข้อมูลร้านนี้คือไม่รับ walk in ต้องจองก่อนล่วงหน้าเท่านั้น เลยเริ่มทำการวางทริปใหม่เพื่อขึ้นไปกินร้านนี้โดยเฉพาะเลย ว่าแล้วพอได้วันคราวๆก็เริ่มจองร้านอาหารก่อนเลย แล้วก็จองตั๋วเครื่องบิน โดยเมนูของวันที่ไปกินคือประกอบไปด้วย 3 sections เมนู 1-5 จะเป็นเมนูที่เอามาทำใหม่หรือประยุกต์ใหม่ ส่วน 6 จะเอาเมนูที่เสริฟแล้วมาให้ทานใหม่เป็นแบบต้นตำรับ ซึ่งทางร้านได้แจ้งมาตอนแรกว่าจะได้กินเมนูเดิมอีกรอบหนึ่งเราก็งงว่าทำไมให้เมนูเดิมอีกหรอทำไมล่ะ เดี๋ยวเราจะได้รู้กันจากรีวิวนี้แหละครับ
บรรยากาศหน้าร้านมีที่จอดรถเยอะมากประตูบานใหญ่พร้อมเปิดรับลูกค้าในวันนี้
อันนี้เป็นป้ายหน้าร้านที่ต้องสังเกตหน่อยเพราะสีจะกลืนเข้ากับกำแพงมาก
เข้ามาด้านในจะมีที่นั่งสองแบบคือหน้าเคาน์เตอร์และโต๊ะด้านหลัง บนโต๊ะตกแต่งสวยงาม romantic นิดนึง
umeshu สองชนิด น้ำตาลอ้อย กับ น้ำตาลกรวด ราคาแก้วละ 150 บาท จะดื่มก่อนหรือหลังก็ได้แล้วแต่คนชอบ
อันนี้เป็น Passiong Fruit and Mango Juice ออกหวานมากไปหน่อย
อันนี้คือต้องโดนสดชื่อสุด 5 Harbs Fizzy Drink
สามารถดูขั้นตอนการจัดแต่งจานได้อย่างใกล้ชิดมาก โดยอาหารจะเริ่มเสริฟให้ทานพร้อมกันหมด
เริ่มต้นเมนูแรกจากเผ่าลีซูซึ่งอาศัยอยู่ที่เชียงรายเท่านั้น ล่าพริก ด้านนอกทำจากไข่ ด้านบนเป็นผักที่ใช้ทำไส้ทั้งหมดโดยวิธีทานใช้กดช้อนลงไปด้านในเป็นลิคอตต้า คือทานแบบแห้งๆทานกับไข่ที่ม้วนอยู่จะกรอบๆทานสนุกดี พริกจะไม่เผ็ดมาก
น้ำพริกเม็ดมะม่วง ด้านในเป็นกระเทียมกับเนื้อหมูสับ โดยปั่นแล้วนำไปใส่ด้านในด้านนอกจะเป็นตัวพริกทอดด้านนอกมีเกร็ดขนมปังเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสสัมผัสของเมนูนี้ รสชาติมีความเผ็ดระดับนึง
แอ๊ปปลา ตัวนี้ใช้ปลาที่ให้ทานแต่กล้วย เนื้อปลาจึงมีกลิ่นน้อยมากและสะอาดมาก รมควันกับใบตองแห้ง กินกับพริกแกงเบชาเมลซอส แล้วก็นำเสนอเรื่องเสียงเข้ามาด้วยโดยเวลาแกะจะมีเสียงเลยเสริฟแผ่นทวิวเปล่ามาเพื่อให้เกิดเสียงด้วย จานนี้คือตัวซอสอร่อยมากปลาก็ดีมาก
น้ำพริกจิ้นหมู ซึ่งมาจากคนยองหรือไทยลื้อ จานนี้เอาหมูไปซูวี แล้วใช้พริกชี้ฟ้าแดงคล้ายน้ำพริกอ่อง โดยทำซอสพริกมะละกอซึ่งไม่มีสารคงรูป ทานคู่กับหมั่นโถ ซัลซ่า ซอสเกรวี่ โดยทานรวมกันโดยมีซอสมะละกอทำหน้าที่เหมือนเขื่อนกั้นซอสด้านในไม่ให้ออกมา เป็นการจัดแบบใช้เลเยอร์ของซอสเพื่อให้ได้รูปร่างสวยงาม รสชาติจะงงๆปนๆกันรสชาติอร่อยแบบรวมอธิบายไม่ถูกเหมือนกันต้องลอง แต่ที่แน่ๆคือหมูนุ่มมากเวอร์
แกงมะเขือใส่ไก่ หรือ แกงฟักหม่น โดยเป็นเมนูที่มีความเชื่อว่าฟักจะดูดซับสิ่งที่ดีและไม่ดีในฟัก ส่วนไก่ซูวีมานุ่มมาก เวลาทานบีบมะนาวนิดนึงบนไก่ ฝักหม่นกับขนมปังกรอบ โดยจะมีตัวซอสที่เชฟมาใส่ให้ทีหลัง ทำให้มันเข้ากันมากอร่อยจนกินหมดในพริบตาเดียวเลย แทบจะเลียจานเลย อยากขอเติมจานนี้มาก
โดยในจานที่ 6 นั้นจะนำเอาอาหารที่เสริฟไปแล้วทั้งหมดมาเสริฟใสรูปแบบขันโตกแบบดั้งเดิม ทานพร้อมข้าวเหนียว จานนี้เดิมได้ทุกอย่างแต่ที่ผมว่ามันเจ๋งมากๆเลยคือตัวผักต้มที่หวานกรอบอร่อยทุกชนิดเลย โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยทานผักรวมถึงตัว มะเขือที่ไม่ทานเลยแต่วันนี้ผมกินไปสี่ลูก บวกกับผักชนิดอื่นๆอีกคือเข้าใจเลยว่าวัตถุดิบที่ดีจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีตามมาด้วย จานจะให้ทานด้วยมือนะครับมีถ้วยกับผ้าไว้ล้างมือให้พร้อม
ล่าพริก เมื่อเทียบกับจานแรกคนละเรื่องเลยเรื่องความอร่อยแต่ก็รู้ว่ามาจากจานนี้
น้ำพริกเม็ดมะม่วง
แอ๊ปปลา อันนี้รสชาติ ใกล้เคียงมากสุด
น้ำพริกจิ้นหมู
แกงมะเขือใส่ไก่ หรือ แกงฟักหม่น
จานของหวาน ขนมต้มแดง เสริฟพร้อมซอเบทน้ำมะพร้าวอ่อนกับเกลือ ตัวแป้งข้าวเหนียว น้ำกะทิ งาขี้ม่อน จานนี้จะแนวหวานมากหน่อยได้ตัวงาเพิ่มรสสัมผัสให้อาหารได้
ราคาคนละ 1500บาท รวม soft drink ต่าง ๆ ฟรี
การบริการที่ร้านคือดีมาก ดูเป็นกันเองไม่มีข้อผิดพลาดเวลาบริการเลย
ถ้าชอบรีวิวแบบนี้ก็สามารถให้กำลังผมโดยไปไลค์กันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/Whereveego หรือจะไปดูรีวิวอื่นๆหรือไปพูดคุยกันก็ได้นะครับ เพจ whereveego (where และ go ภาษาอังกฤษ ส่วน vee เป็นชื่อคนนะครับ) ขอบคุณครับ
whereveego
วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.05 น.