การเดินทางในครั้งนี้พิเศษกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา จะพิเศษ ตื่นตา ตื่นใจขนาดไหน อย่ารอช้า !!

แก๊งเราพร้อมลุยยยยยย. (~ ̄▽ ̄) ♡.


กุฎีจีน l ชุมชนเก่ายังเก๋าอยู่ ❥

ใครจะไปคิดว่าในกรุงเทพฯ ที่มีตึกสูงมากมาย รถก็ติดและยังเต็มไปด้วยความแออัด จะมีชุมชนเล็ก ๆ ที่แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์และความน่าหลงไหลแอบซ่อนอยู่

เรามาออกเดินทางกันเลย 🚖

หลังจากที่เลือกการเดินทาง ว่าเราจะไปโดยรถไฟฟ้า ก้าวขาออกจากห้องไปขึ้นรถตู้หน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่อบีทีเอสไปลงบีทีเอสวงเวียนใหญ่ พอออกจากบีทีเอสก็สามารถต่อวินมอเตอร์ไซค์ไป ' โรงเรียนซานตาครู้ส' ราคาอยู่ที่ประมาณ 40-50 บาท

แต่ถ้าเราสะดวกเดินทางแบบอื่นก็ได้ เพราะที่นี่มีให้เราเลือกเดินทางได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า เรือด่วนเจ้าพระยา หรือจะพารถส่วนตัวมาก็ได้ทั้งนั้นแล้วแต่ แต่แม่สะดวกแบบนี้ หุหุ 🚤

มาเดินทางแบบเรากันต่อ เมื่อนั่งรถพี่วินมาพี่วินพาเลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนซานตาครูซ เราก็เห็นอย่างแรกคือ โบสถ์ซางตาครู้สที่ตั้งเด่นอยู่กลางชุมชน

อย่างแรกขอเกริ่นประวัติคร่าวๆของชุมชนกุฎีจีนกันก่อนนะ

กุฎีจีน หรือ กะดีจีน เป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสที่อพยพมาจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 แต่ปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสเหล่านั้น แทบไม่เหลือเค้าลางของรูปร่างหน้าตาแบบตะวันตกแล้ว ชุมชนนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งธน มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี ที่นี้เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ เป็นแหล่งรวมผู้คนต่างเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ประกอบไปด้วย ชาวไทย จีน อินเดีย และยุโรป ฯลฯ ที่ปรองดองกันมายาวนาน

แต่ก่อนที่เราจะไปเดินชมภายในชุมชนนั้น ด้วยแสงแดดที่ร้อนระอุ แถมท้องร้องประท้วงหิวกระหายอยากอาหารนั้นแล้ว เราจึงคิดว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราชาวเดอะแก๊ง ได้กวาดสายตาไปเห็นร้านนั่งชิวบรรยากาศดีตรงทางเข้าชุมชน รีบไปเดินไปเลยจ้า ร้านนั้นก็คื๊ออออ ..

' ร้านเฮโลนมสด '

ร้านเล็กๆ ที่เปิดโดยคนในชุมชน ตกแต่งน่ารัก ภายในร้านมีไม่กี่โต๊ะ ถ้าอากาศเย็นสบายเราก็สามารถมานั่งตรงเฉลียงทางเดินที่ทางร้านจัดตกแต่งไว้ให้ลูกค้าภายนอกมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ในร้านนี้มีคนทำอาหารแค่2คน กับคุณยายที่น่ารักช่วยกันทำอาหารและเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า มีอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจมากมายแถมราคาโครตถูก เปิดเมนูเจอเมนูขึ้นชื่อก็คือ....

' ขนมจีนแกงไก่คั่ว'

ขนมจีนแกงคั่วไก่ : Thai rice vermicelli served with chicken curry

ราคาจานละ 39 บาทเท่านั้น

ขนมจีนแกงคั่วไก่หรือที่บางคนเรียกว่า ขนมจีนน้ำยาไก่ เป็นอาหารในงานฉลองพระแม่ไถ่ทาส เดเมย์เซเดย์ หรือที่ชาวบ้านคอนเซ็ปชัญเรียกว่า พระแม่ขนมจีน จะนิยมทำกินในงานแต่งงานเท่านั้น เวลาปกติจะไม่ค่อยนิยมทำกินเนื่องจากขั้นตอนและวีถีการทำยุ่งยาก ถือว่าเป็นอาหารที่หาทานยากในปัจจุบัน เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คนที่ทำขนมจีนแกงคั่วไก่ได้จึงเหลือไม่กี่คน ขนมจีนแกงไก่คั่วจึงเป็นอาหารมงคล ดั่งเดิมของชาวโปรตุเกส

เมื่อได้ลิ้มลอง รู้สึกเลยว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ แต่ก็อร่อยดี ถ้าใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมมาแวะชิมขนมจีนแกงคั่วไก่สักครั้งนึง รับรองเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หรือสามารถโทรไปสั่งได้ที่ 02-472-5231 , 086-7729693

เมื่ออิ่มท้องแล้ว ก็พร้อมลุย !!!!! 🏃‍♀️

จากตรงร้านไฮโลนมสดเดินไปนิดเดียว ก็จะเจอทางเข้าเล็กๆที่เขียนว่า กุฎีจีนซอย 4 แต่ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าตรงนี้คือทางเข้าชุมชน เพราะมันเป็นแค่ซอยเล็กๆ คุณป้าใจดีคนนึงอาสานำทางเราเข้าไปในชุมชน (แต่เราชาวเดอะแก๊งลืมถามชื่อคุณป้า) *^◎^*

ขอแช๊ะ..รูปคุณป้าใจดีเป็นที่ระทึกหน่อยค้า 📸

คุณป้าใจดีพาเดินเข้ามาในซอย ' กุฎีจีน 4 '

ลักษณะภายในชุมชนจะเป็นบ้านที่ติด ๆ กันจะมีซอยเล็ก ๆ เชื่อมระหว่างกัน

เดินลัดเลาะไปตามซอยเล็กๆ ก็พบกับร้านขนมท้องถิ่นของชุมชน เดินมาจากไกลๆ กลิ่นขนมก็ลอยมาเตะจมูก โครตอยากลองกิน (~o ̄▽ ̄)

ร้านขนมนี้เป็นร้านที่อยู่ในชุมชนชื่อว่า ' ร้านธนูสิงห์ '

ภายในร้านมีเครื่องดื่มขายด้วย พี่ใจดี๊ใจดี

สาวเสิร์ฟน้ำแสนสวย

ร้านนี้ได้ทำขนมขึ้นชื่อของชุมชนขายคือ ' ขนมฝรั่งกุฎีจีน'

เป็นขนมลูกผสมระหว่างจีนกับฝรั่ง ตัวขนมเป็นตำรับของโปตุเกส และหนาของขนมเป็นจีน มีลักษณะเด่นตรงที่ใช้วัตถุดิบอย่างดีมาทำขนม คือมีแป้ง ไข่ และน้ำตาล เพียงแค่ 3 อย่างนี้ตีให้ส่วนผสมเข้ากันจนขึ้นฟู โรยด้วยลูกเกด ลูกพลับ ฟักเชื่อม และน้ำตาลทราย แล้วนำไปเทใส่แม่พิมพ์แล้วอบจนขนมสุก


ขอแช๊ะรูปกับชาวเดอะแก๊งของเราคู่กับขนมสักหน่อย ห้าๆ

หลังจากที่ได้ชิมขนมที่ร้านธนูสิงห์เรียบร้อยแล้ว เราและชาวเดอะแก๊งก็เดินตามซอกซอยเล็กๆไป ระหว่างสองข้างทางบ้านเรือนภายในชุมชนได้ตกแต่งสีสันสดใส น่ารัก มีมุมถ่ายรูปให้ถ่ายเพียบ

เดินมาอีกไม่ไกลก็จะมาเจอกับ 'พิพิธภัณฑ์กุฎีจีน'

พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมความเป็นมาของชุมชนชาวสยามและโปรตุเกส ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงปัจจุบัน และเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียนม ประเพณี ภาษา ศาสนา และรากเหง้าของชาวชุมชนกุฎีจีน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดสร้างโดยเจ้าของบ้านที่เป็นชาวชุมชนกุฎีจีนดั้งเดิม โดยสร้างจากทุนส่วนตัว พร้อมเปิดให้เข้าชมฟรีในวันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 9.30 -18.00น.

เดินเข้ามาภายในก็เจอมุมสบายๆ ไว้นั่งจิบเครื่องดื่มชิวๆ


ภายในร้านก็จะมีของที่ระลึกของชุมชน มีทั้งเสื้อ แก้ว กระเป๋า อีกมากมาย แต่พี่เค้าบอกว่าเสื้อจะขายดีสุด

เมื่อเดินไปชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ก็จะเจอกับประวัติศาสตร์มากมายของชุมชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้าขาย การร่วมรบ และการตั้งรกราก

วันนี้เราโชคดีมีพี่ๆ วิทยากรมาบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ให้เราฟัง

ประวัติศาสตร์ของ ' ท้าวทองกีบม้า'

เดินมาชั้น 3 มีการรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ ของชาวชุนชนกุฎีจีนและชาวโปรตุเกตสมัยอดีต

บรรยากาศภายในโปร่งสบาย มีลมเย็นผ่านตลอด

รูปภาพของชาวกุฎีจีนที่เข้ามาตั้งรกรากเป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ถัดจากพิพิธภัณฑ์ก็จะเป็น ' ร้านอาหารบ้านสกุลทอง'

บ้านไม้หลังเล็กๆ ที่อยู่อาศัยกันมานานกว่าห้ารุ่นได้รับการปรับปรุงให้คงเอกลักษณ์ดั้งเดิม และเปิดเป็นร้านอาหารและของหวานชาววังสำรับโปรตุเกส โดยใช้ความรักในการทำอาหารผสมผสานกับสูตรของบรรพบุรุษของเจ้าของร้านที่ทำงานในวัง ให้บริการเมนูอาหารหายากที่หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่เสียด๊ายที่เราไม่ได้เข้าไปชิมอาหาร ใครสนใจจะมาชมอาหารหรือลองทำอาหารสามารถดูรายละเอียดได้ที่ Facebook : อาหารบ้านสกุลทอง


เมื่อเราเดินออกมาจากซอยเล็กๆ เราก็มาพบกับ ' โบสถ์ซางตาครูซ '

ศาสนสถานสำคัญที่ยืนหยัดอยู่คู่ชุมชมกุฎีจีนมายาวนานกว่า 100 ปี คำว่า “ซางตาครูซ” เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า “กางเขนศักดิ์สิทธิ์” ตัวอาคารของโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกและเรเนอซองซ์ มีลักษณะดดดเด่นคือหอระฆังทรงแปดเหลี่ยมประดับด้วยไม้กางเขนบนยอด ตัวอาคารก่ออิฐประดับลายปูนปั้น ส่วนล่างเป็นห้องโถงประกอบด้วยซุ้มโค้งที่สอดรับกัน ตกแต่งด้วยกระจกสีที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากพระคัมภีร์


ก่อนที่เราจะกลับเราได้แวะ 'ศาลเจ้าเกียนอังเกง'

ศาลเจ้าเกียนอันเกง นับเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี มีอายุมากกว่าร้อยปี ภายในศาลเจ้าประกอบด้วยสิ่งของล้ำค่าที่ได้รับการอนุรักษ์ทั้ง ไม้เครื่องแกะสลักที่มีความประณีตและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่ง ภาพจิตรกรรมฝาผนัง และภายนอกศาลเจ้าที่มุงด้วยกระเบื้องโค้งตามแบบจีนแท้

ผู้คนนิยมแวะมาไหว้พระกันที่นี้เยอะแยะมากมาย


สุดท้ายนี้ เราอยากจะบอกว่าถึงแม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 200 ปี ชุมชนกุฎีจีนยังคงความเก๋า ความเป็นเอกลักษณ์ของวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนเอาไว้ เป็นความสงบสุขของผู้คนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา ผู้คนรักใคร่ สามัคคีกัน ที่นี้ไม่มีควาวุ่นวายแม้จะอยู่ใจกลางเมืองหลวง และมีอารยธรรมและอัตลักษณ์ดั้งเดิมที่ยังคงไว้ให้คนรุ่นใหม่ได้มาสัมผัส

'หากคุณต้องการความสงบไม่วุ่นวาย และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ ชุมชนนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ด้วยตัวคุณเองได้'

วิดีโอนำเสนอ ' ชุมชนกุฎีจีน'


สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับชุมชน

คุณปิ่นทอง วงศ์สกุล : โทร 086-1055547 (ผู้นำชุมชน)


ก่อนกลับขอแช๊ะอีกรูปจ้ะ กลางแดดนี่แหร่ะ ทะลุ 100 องศา


ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก : travel.mthai.com











ความคิดเห็น