สวัสดีครับ Review มาหลายบทความ ไม่มีบทความไหนตื่นเต้นเท่าอันนี้ เพราะมัน Exclusive จริงๆละ


มาแนะนำกันก่อน โมโกจู เป็นยอดเขาอยู่ทางทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์มีความสูง 1,964 เมตร ตัวอุทยานอยู่จังหวัดกำแพงเพชรแต่เจ้าหินเรือใบพระเอกของเราเหมือนจะอยู่นครสวรรค์นะเออ แต่พูดรวมๆไปเลยละกัน "กำแพงเพชร" 555+

.. ติดตามการเดินทางของหมีและสาวฮิปด้วยน๊า : https://www.facebook.com/หมีผู้กล้ากับสาวฮิปสเตอร์-851057495011109/

** รูปภาพประกอบจากหลายคนนะครับ ตามเครดิต


***------Episode of Topic------**


- ทำไมต้อง "โมโกจู"

- คุณสมบัติของคนที่มาและไม่ควรมาเหยียบที่นี่

- สมาชิกทีมผู้พิชิต Trip14 Group 2

- การจองทริปโมโกจู

- การเตรียมตัว

- แคมป์ช่วงต่างๆที่มีการหยุดพัก

- การเดินทางยาว 5 วัน 4 คืน

- ค่าใช้จ่าย

- ประมวลภาพสวยประจำทริป

ช่วงการเดิน แม่กระสา --> แม่เรวา ไม่จัดว่าโหดนะครับ ทางแค่ไกลแค่นั้นเอง (ประมาณ 4 กิโลเมตร) เดินกันลิ้นห้อยละครับ เมื่อไหร่จะถึง


18.00น. โดยประมาณ Check-Point จุดที่ 2 "แคมป์แม่เรวา" คืนแรกเราจะนอนกันที่นี่ครับ บริเวณที่พักมีลำธารให้อาบน้ำ มีห้องน้ำที่ต้องตักน้ำไปใช้เอง มีพื้นที่ดีๆให้กางเตนท์ ถือว่าพักสบายสุดในทริปนี้ ผมจะไม่กล่าวอะไรยาวเนอะ ใช้ชีวิตกันไปสนุกสนานครับ


อาหารมื้อแรกของวัน ทีมงานพ่อครัวแม่ครัวทำมาให้ ไม่อยากบอกว่าอร่อยมาก อร่อยกว่าอาหารข้างนอกอีก หรือว่าเราหิว!


กู๊ดไนท์ วันแรกของทริป



วันที่สองของการเดินทาง 14/02/2559 (วันวาเลนไทน์)

ระดับความยากของการเดินทาง 8.5/10

แคมป์แม่เรวา ---> แคมป์คลอง1 ---> แคมป์คลอง2

ตื่นเช้าอาบน้ำขัดขี้ไคล กินข้าว ปล่อยหนักและเบาให้พร้อม วันนี้จะเป็นวันที่นับว่าโหดสุดในทริป เราจะเดินทางจากแคมป์แม่เรวาไป แคมป์คลอง2 ปกติจากแคมป์แม่เรวา เราสามารถแวะไปน้ำตกเรวาได้ครับ ระยะทางไปกลับ 8กิโลเมตรโดยประมาณ แต่สืบมาช่วงที่ผมไปน้ำไม่มี เลยตัดสินใจจะแวะกันตอนกลับครับ


แนะนำให้ทำการ Manage สิ่งของที่จะพาไปให้ดี อาจจะพักส่วนนึงไว้ที่แคมป์นี้ โดยแวะมาเก็บของตอนเดินทางกลับครับ

วันนี้ระยะทางโดยประมาณจะอยู่ที่ 8กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นทางชันตลอดทุกเมตรทุกเซนติเมตร(แอบเวอร์) โดยจุดเติมน้ำจะมีแค่ 1จุดระหว่างทาง แนะนำให้เติมน้ำไปให้พอดีครับ ใครกินน้ำเยอะก็พกขวดใหญ่ไปซักขวด ขวดเล็กเต็มๆซักขวดก็ว่าไป พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน

สายแข็งที่ว่าแน่ๆก็ยังพักชาร์จพลังงาน แต่จริงๆพวกเราเดินกันไม่เร่ง เหนื่อยก็พักครับเน้นเรื่อยๆมากกว่า (เทพเขาวัง VS เทพเขาหลวง)

เอาขี้เสือมาฝากครับ - -"


หน้าตาบ่งบอกว่าไม่ไหวแล้ว

เวลาเดินจะแบ่งออกเป็นสองสามกลุ่มแล้วแต่ระดับฝีเท้าของแต่ละคน ไม่ต้องฝืนนะครับ เดินไหวก็เกาะกลุ่มแรกไป ถ้าเรื่อยๆพักเอาสบายๆก็อยู่กลางๆ ถ้าเดินไม่ไหวจริงๆก็อาจจะรั้งท้ายหน่อย จะมีพี่เจ้าหน้าที่เค้าปิดท้ายให้เราครับ


จุดนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตั้งกล้องดักเสือไว้ เลยเอาภาพมาฝากกันครับ


13.00น. แคมป์คลอง1 คิดดูซิออกมาตั้งแต่ 8-9โมงเช้า พึ่งถึงแคมป์ 1 ซึ่งเป็นจุดเติมน้ำตอนบ่าย ทางเดินนี่คือชันล้วนๆนะครับ มากกว่า 45องศาตลอดเส้นทาง และส่วนใหญ่น่าจะมากกว่า 60 องศาซะด้วย


สิ่งล้ำค่าที่สุดคือการเติมน้ำจากลำธาร จุดนี้จะเป็นจุดเดียว (ระหว่างแม่เรวาไปคลองสอง) ที่จะเติมน้ำได้ครับ กรองน้ำกันสดๆครับ อยากจะบอกว่าน้ำใสและเย็นมากจริงๆ สุดยอดธรรมชาติ สรรสร้าง พวกผมกินข้าวเติมน้ำกันที่นี่ครับ

หลังจากพักผ่อนกันแล้ว จุดนี้เราก็สามารถฝากของบางอย่างไว้ได้ครับ เราอาจจะเอาชุดใส่กลับแอบเอาไว้แคมป์นี้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องแบกมันขึ้นเขาไปอีกไกลครับ เมื่อพร้อมสำหรับ Everything ก็เดินกันต่อ แค่ทางเริ่มเดินก็นะ... บ๊ายบายจุดพักใจ


ทางเดินก็เหมือนเดิม เหมือนจะชันกว่าเดิมด้วยซ้ำ มีจุดที่เดินยากๆก็จะเป็นพวกดินขรุยลื่นมากๆครับพวกผมเรียกมันว่า "เขตกลับจุดเซฟ" พวกเคยเล่นเกมส์ หรือวัยๆคนรุ่น 90 น่าจะเข้าใจคำนี้ 555+

ไม่ลงไรเยอะนะ เพราะมันก็เป็นป่าชัน และพวกผมก็หยุดพักกันเรื่อยๆ (กลุ่มกระผมเดินกลางๆเนอะ 555)


16.40น. โดยประมาณ "แคมป์คลองสอง" เย้ววว!! พวกผมมาถึงแคมป์คลองสองตอนเย็น กลุ่มแรกที่เดินเร็วเค้าถึงตั้งแต่บ่ายสอง ไอพวกฟิตจัด 555+ แต่มาถึงหลังก็ดีครับ คนมาถึงก่อนก็จัดแคมป์ กางกราวด์ชีทไปเรียบร้อย ไปเรามาถึงก็จัดแจงของตัวเองไปแค่นั้น ชิ๊ววว

มาถึงจุดนี้ได้ ก็เกินครึ่งทางมาไกลแล้วครับ หินเรือใบอยู่ข้างหน้าห่างไป 4กิโลเมตร(โดยประมาณ) โดยมีแคมป์1 & แคมป์2 กั้นระหว่างเรา พวกผมตัดสินใจไม่ขึ้นในวันนี้ครับ เพราะอีกกลุ่มของทริปที่ 14 เค้ามาแค่ 4 วัน เลยให้เค้าขึ้นไปดูดดื่มเพียงกลุ่มเดียวไปครับ ส่วนกลุ่มของผมจะขึ้นวันรุ่งขึ้นช่วงตี 4ครับ


คลองสองจะเป็นจุดสุดท้ายก่อนถึงยอดโมโกจู ที่จะมีน้ำให้ใช้งาน ใช้ล้างจาน ทำอาหาร ใช้ดื่ม ดังนั้นแทบจะเป็นขุนทรัพย์จุดสุดท้ายเลยละครับ


กู๊ดไนท์ วันที่สองของทริปและวันวาเลนไทน์ที่เหนื่อยที่สุดในโลก



วันที่สามของการเดินทาง 15/02/2559 แรกพบสบตา หินเรือใบแห่งยอดดอยโมโกจู

04.00น. เสียงปลุกระงมทั่วแคมป์ ถึงเวลาที่รอคอยแล้ว เราจะถือไฟฉาย หยิบหม้อสนาม แก๊สกระป๋อง กล้องถ่ายรูป เพื่อเดินขึ้นยอดดอยโมโกจูกรูไปมาแล้ววววว เก็บบรรยากาศมาเผื่อนิดนึง


เดินไม่เห็นอะไรเลย จริงๆค่อนข้างอันตรายช่วงจุดขึ้นถึงสันเขา เพราะสองข้างทางเป็นเหวลึกครับ แต่พวกเราก็ไปกันจนถึง


05.30น. โดยประมาณ กับแรกพบสบตา = ='

อากาศข้างบนจัดว่าหนาวและลมแรงมากครับ ถ้าไม่มีอะไรทำนี่เรียกได้ว่านั่งนิ่ง หรือกอดกันกลมเลยทีเดียว


เมื่อแดดเริ่มมาแสงก็บรรเจิด จึงได้ภาพมาเพิ่มขึ้น ><" สวยจริงๆมันฟินสุดๆเลยล่ะครับ


และนี่คือเจ้าหินเรือใบที่รักจร้า 555+


พวกผมเสพบรรยากาศอยู่ที่นั่นจนถึงประมาณสิบโมงครับ


แล้วก็เดินทางกลับ ระหว่างทางก็มีมุมสวยๆ มุมเสียวๆให้เก็บภาพตามเคย ทางเดินเป็นสันเขาด้านบนตามนี้


แชะภาพกันไปครับ สายบ้ากล้อง อิอิ


หลังจากอิ่มแล้วพวกผมลงมาย้ายของจากแคมป์คลองสอง ขึ้นไปแคมป์2 ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้หินเรือใบที่สุด (ห่างไม่เกิน 1กิโลเมตร)และนอนที่แคมป์ 2 กัน 1คืนครับ


ประมาณ 4 โมงเย็นเราก็เดินขึ้นยอดเขาโมโกจูอีกครั้งจากแคมป์สองครับ ตามไปดูกันภาพสวยพรึบๆ

เย็นวันที่สามเราก็เสพบรรยากาศบนยอดเขาแบบชิคๆ แดดร้อนเอาเรื่อง แต่เราก็ได้ภาพสวยไปประดับบารมี

เดินไม่นานก็ถึงยอดเขา เสพบรรยากาศกันต่อ


ว่าวกับหินเรือใบ

ทริปผมเราเอาว่าวมาชักบนหินเรือใบด้วย 555+

ดูๆไป มันก็ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ บรึ๋ยยย


! บนหินเรือใบ


(ภาพขวาล่าง มีใส่กางเกงบอลนะครับ >"<)


18.50น. แดดร่มลมตก พอตะวันลับขอบฟ้า เราก็เดินทางลงเขาครับ คืนนี้เรานอนกัน แคมป์2 และเรานอนกันแบบปลาทูครับ นอนชิดติดกันรักกันปานจะแหกวานดม(แอบไม่สุภาพ) เอาภาพมาฝากครับ 555+ ส่วนตัวชอบนะสนุกมาก แม้จะนอนแบบหันนอนตรงไม่ได้ก็เถอะ เพราะชิดกันเกิ๊นน!!

รักกันๆ แล้วก็นอนหลับ
กู๊ดไนท์ วันที่สามของทริปอิ่มใจเลย เอิ่มแต่นอนชิดกันไปนะ


วันที่สี่ของการเดินทาง 16/02/2559 บอกลายอดดอยกลับสู่ความสูงระดับน้ำทะเล



04.00น. เราตื่นกันเช้าเพื่อไปเก็บภาพทางช้างเผือก แต่ก็มีบางคนไม่ตื่นสงสัยไม่ไหวแล้วก็เดินเหมือนเดิม เพื่อเสพอากาศเช้ากัน จริงๆอากาศข้างบนมันเย็นมากๆ น่าจะ 10องศาต้นๆ แบบลมพัดแรงครับ


สวยละเซ่ มือกล้องกลุ่มผมเทพครับ (ให้เครดิตนิดนึง)


สองเช้าในสองวันของกลุ่มผม แสงไม่เหมือนกันเลย และท้องฟ้าใสมากนับเป็นโชคดีที่สุดเลยครับ


หลังจากเต็มอิ่มกับมัน พวกผมก็บอกลาหินเรือใบ แล้วเดินทางกลับลงมาเก็บของครับ

ขาลงไม่มีอะไรต้องคิดมาก ลงเรื่อยๆกลับทางเดิม ฮรี่ๆ ผ่อนคลายๆ

** แนะนำรองเท้าปลายเปิดนะครับ ป้องกันเล็บเราจะเสียหาย ** ขาลงเท้าเราจะบอบช้ำมากพอสมควรอดทนไว้นะครับ เอาร่องรอยมาฝากกันนิดนึงครับ


เนินกลับจุดเซฟในตำนาน ที่กล่าวไว้ตอนขามาครับ



พวกผมเดินถึงแม่เรวาประมาณบ่ายโมงบ่ายสอง พักนอนเล่นริมลำธาร ทำความสะอาดฝ่าเท้าที่บอบช้ำ กรองน้ำเพิ่มแล้วเดินยาวไปแม่กระสาเลย

ถ้าคุณเดินกลับแล้วถึงสะพานไม้ไผ่ นั่นก็แสดงว่าคุณกำลังจะถึงแม่กระสาแล้วววว!! ความสุขสบายรออยู่ ทันทีที่ถึง พี่ป้ายสายแข็งของเราเตรียมน้ำแป๊ปซี่เย็นๆไว้รอน้องๆสุดยอดจริงๆ ดูอาการครับ



คืนที่4 พวกผมนอนกันที่แม่กระสานะครับ เล่นน้ำฟินๆกันแล้วนอนพักกันบนแคร่ไม้ครับ เสพธรรมชาติดี คืนสุดท้ายเราก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน เป็นคืนที่ฟินที่สุด



กู๊ดไนท์ วันที่สี่ของทริปอิ่มใจมากกว่าคืนก่อนอีก



วันที่ห้าของการเดินทาง 17/02/2559 กลับเข้าเมือง
หลังจากนอนแคร์ไม้กันสบายๆ วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลาต้องเดินเท้ากลับ 16กิโลเมตรเพื่อเข้าอุทยานปิดฉากการเดินทาง 5 วัน4คืนของเรา เช้าๆก็นั่งรอบกองไฟ จิบกาแฟ จิบชาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่

ทางเดินกลับก็เหมือนเดินนั่นแหละ ดินแดงขึ้นๆลงๆ ว่างๆเลยจัดพร๊อบถ่ายรูปแม่มซะเลย 555+


เดินกันชิคๆชิวๆครับ ถึงอุทยานประมาณบ่ายสองก็แยกย้ายจัดการตัวเอง มีทั้งอาหารตามสั่ง น้ำอัดลม น้ำหวาน ห้องน้ำเย็นสบายๆให้อาบ เฮ้ออ ปิดทริปอย่างสมบูรณ์แบบ


----- ค่าใช้จ่าย-----


ประเด็นนี้บอกไว้คร่าวนะครับ อยู่ที่ประมาณ 3,000บาทนะครับ รวมทุกสิ่งอย่าง อาทิเช่น

1. อาหารตลอดการอยู่ป่า 5 วันนะครับ หลายมื้อด้วยกัน

2. ค่าเหมารถจากกรุงเทพมาอุทยานแห่งชาติแม่วงก์

3. รวมค่าจองทริปค่าเข้าอุทยานทุกสิ่งอย่างแล้วครับ

** อาจจะมีเกินกว่านี้บ้างแล้วแต่กรุ๊ป แล้วแต่ของส่วนตัวครับ


The Best of Picture ------

1. วิวสวยๆงาม

2. พันธุ์ไม้ต่างๆที่พบในทริปครับ



END OF EPISODE



ขอขอบคุณสมาชิก trip14 Group 2 ที่น่ารักทุกคนไว้ ณ.ทีนี้ด้วยนะครับ


** หากมีสิ่งใดบกพร่องในรีวิวฉบับนี้ขออภัยไว้ ณ.ทีนี้ด้วยครับ

ติดตามการเดินทางของหมีและสาวฮิปด้วยน๊า : https://www.facebook.com/หมีผู้กล้ากับสาวฮิปสเตอร์-851057495011109/

ความคิดเห็น