" เชียงตุง เมืองเเห่ง 3 จอม 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตูเวียง"
หมายถึงภูเขา 3 ลูกที่โอบล้อมเมืองเชียงตุงไว้ มีชุมชนดั้งเดิมชาวไทเขินที่ขึ้นต้นด้วยเชียงอยู่ 7 เชียง
มีหนองน้ำหล่อเลี้ยงให้ความอุดมสมบูรณ์อยู่ 7 หนอง (ปัจจุบันเหลือแค่ 1 หนอง คือหนองตุง)
และมีประตูเมืองทั้งหมด 12 ประตู (ปัจจุบันเหลือเพียงประตูป่าแดงที่ยังคงสภาพสมบูรณ์)
..เราคือชาวแม่สายที่น่าจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวเชียงตุงก่อนใคร ๆ เค้าแล้ว...
แต่ก็ไม่รู้ทำไมว่าถึงยังไม่มีโอกาสได้ไปสักที...จนครั้งนี้ญาติทางแม่ที่เชียงตุงกำลังจะมีงานแต่ง
จึงมีโอกาสได้ข้ามแดนไปเที่ยวเชียงตุงซะที..
การไปครั้งนี้เรียกว่า "ไปเรียกน้ำย่อย" ดีกว่าค่ะ...เพราะบางสถานที่ บางมุม เรายังไม่ได้ไป
คิดว่าน่าจะมีการเดินทางไปเชียงตุงเกิดขึ้นอีกสักครั้งแน่นอน.....
...ถ้าไปพม่าโดยไม่ได้ทำวีซ่า จะต้องจ้างไกด์ 1 คน คิดค่าไกด์วันละ 1,000 บาท มันคือกติกาของเค้า
...ถ้าใครงบเยอะยอมจ่ายค่าไกด์เอง ไม่อยากไปกับทัวร์ ก็ติดต่อตรงด่านของพม่าได้เลย
ทางนั้นเค้าสามารถจัดหาไกด์ให้ได้ค่ะ หรือใครสนใจน้องไกด์ที่เราไปด้วยก็แนะนำให้ได้ค่ะ
ชื่อน้องมุก 089-7014245 ที่อยากแนะนำน้องเพราะเห็นน้องดูแลลูกทัวร์ดีมาก ๆ ค่ะ
เอกสารที่ใช้ จะมีสำเนาบัตรประชาชน 2 ใบ รูป 1 นิ้ว 3 ใบ เพื่อจะใ่ช้ทำหนังสือผ่านด่านไปเชียงตุง
ค่าทำหนังสือผ่านด่านคนละ 450 บาท (ไม่แน่ใจว่าจะได้ราคานี้ทุกครั้งไหม)
วันแรก (30 มี.ค.62)
เช้านี้เรารวบรวมบัตรประชาชนของทุกคนไปทำบัตรผ่านแดนชั่วคราวที่อำเภอแม่สาย
พร้อมกับเงินค่าทำเอกสารคนละ 30 บาท และจ่ายค่าด่านตรงพม่าอีก 10 บาท เหมือนปกติ
ส่วนหนังสือผ่านด่านไปเชียงตุงทางไกด์จัดการทำให้เรียบร้อยค่ะ....
เราเดินข้ามแดนไปฝั่งพม่า ท่าขี้เหล็ก เพื่อไปขึ้นรถบัสสำหรับเดินทางไปเชียงตุง
มายืนรอรถบัสหน้าอนุสารีย์บุเรงนอง....
แลกเงินจ๊าดไป 500 บาทไทย ได้มา 23,500 จ๊าด
รถพร้อม >> คนพร้อม ก็ออกเดินทางกันจร้าาาาา.... ระยะเวลาในการเดินทางอยู่ที่ประมาณ 4 ชั่วโมง
ถนนลาดยางจนถึงเชียงตุงเลย...เส้นทางไม่ยากลำบาก เดินทางสะดวก
ทริปของเราที่ไปมีแต่ญาติพี่น้อง..เลยสบาย ๆ จุดแรกที่รถแวะให้เข้าห้องน้ำก้อปั๊ม ปตท.เลยค่ะ
นี่รถบัสที่พวกเราใช้เดินทาง
ประมาณ 2 ชม. ก็ถึงเมืองพยากค่ะ..เที่ยงพอดี ใครจะแวะทานข้าว ลงไปยืดเส้นยืดสายตรงนี้ได้เลย
ลงไปสำรวจผู้คนสักหน่อย...ตรงนี้รถที่แวะพักจะต้องมาล้างรถ เอาน้ำล้างหม้อน้ำ
เลยถามเค้าทำกันทำไมเหรอ เค้าบอกทำให้เครื่องเย็น เป็นบ้านเรานี่กลัวเครื่องน๊อคแน่เลย
จริง ๆ วิวตามข้างทางนี่จะเป็นธรรมชาติมากเลยอ่ะ...
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหมอกควันบังตาพอดี..ระหว่างทางก็จะเจอป่าที่ไหม้เกรียมเรียบร้อยแล้ว
บางจุดก็ยังคงเจอไฟป่าอยู่บ้าง...วิวข้างทางเลยจะขะมุกขะมัวดูแล้วไม่สดชื่นเลย
ถ้าจะดีต้องมาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว เราว่าคงจะสวยมากเลย
....รถวิ่งไปอีกประมาณ 2 ชม. ก็จะถึงจุดพักรถอีกจุดก็คือ หมู่บ้านปางควาย
เป็นจุดแวะสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่เมืองเชียงตุง ตรงนี้ก็มีห้องน้ำไว้บริการฟรีนะค่ะ...
มีของฝาก ของขาย จากตรงนี้อีกสักพักเราก็จะเข้าสู่เมืองเชียงตุงกันแล้ว
เข้าเขตเชียงตุงแล้ววววววววว......
มุ่งหน้าไปที่พักกันก่อนค่ะ...พวกเราพักกันที่โรงแรมสามยอด เค้าคิดคืน 500/ 1 คน
ที่เชียงตุงจะมีไฟใช้เป็นเวลา...ไฟฟ้าจะเริ่มปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึงประมาณ 5 โมงเย็น
ส่วนกลางคืนไฟจะเริ่มปิดประมาณเที่ยงคืน เปิดใช้อีกทีประมาณตี 5
สถานที่ต้องใช้ไฟตลอดก็จะมีเครื่องปั่นไฟไว้...น้ำมันคงจะขายดีมากเลย
แต่เห็นน้องไกด์บอกว่าปีหน้าจะมีไฟใช้ 24 ชม.แล้วน๊าาาา.....
เมื่ออยู่ในห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็ออกมาเดินเล่นกันดีกว่า
ตลาดเช้า..จะเริ่มเปิดประมาณ 6 โมงเช้า เที่ยง ๆ ตลาดก็ปิดแล้วจร้า
สุสานเจ้าฟ้า ซึ่งเป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าที่เคยปกครองเชียงตุง
ประตูเมืองที่เหลืออยู่แห่งเดียว "ประตูป่าแดง"
วันที่ 2 (31 มี.ค.62)
เช้านี้เรารีบตื่นแต่เช้าเพื่ออยากไปเดินเที่ยวตลาดเช้าของที่นี่...
ตลาดเช้าตรงนี้เปรียบเป็นห้างสรรพสินค้าได้เลย เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเชียงตุง มีสินค้าหลากหลาย
เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว ฯลฯ
ที่เห็นแปลกใจอย่างหนึ่งคือ ที่นี่ใช้กะละมังสังกะสีที่เราใช้ซักผ้ามาใช้ทอดแทนกระทะ
ขนมชื่ออะไรไม่รู้ ถามคนขายแล้วแต่ป้าเค้าบอกจำชื่อไม่ได้ 5555555
เลยอุดหนุนไป 200 จ๊าด จะเป็นแป้งสอดใส่ด้วยถั่วเหลืองนึ่งบด โรยด้วยมะพร้าว อร่อยนะ
ช่วงนี้ใกล้จะเข้าเทศกาลสงกรานต์แล้ว..จะมีตุงเล็ก ๆ มาวางขาย
มองแล้วก็เหมือนประเพณีทางเหนือบ้านเราเลย ยกเว้นหม้อดินที่วางอยู่ทางเหนือไม่มีแบบนี้
เรา : ป้าจ้าว..หม้อนี้เอาไปยะอะหยังอ่ะจ้าว..เอาใส่กระดูกไปลอยน้ำก๊า?
ป้า : (หัวเราะ) บ่ใช่...เปิ้นเอาใส่น้ำ แล้วก็ใส่พวกเศษผม เศษเล็บ แล้วเอาไปลอยน้ำ
เรา : อ๋อ กะจ้าว (หัวเราะตลกตัวเอง) อั้นก็เหมือนประเพณีลอยกระทงเลยเนาะจ้าว
...เดินเล่นสักพักเราก็เดินกลับที่พัก เพราะเดี๋ยวมีโปรแกรมไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ
...จุดหมายแรกของพวกเราคือ ดอยเหมย เห็นใครเค้าบอกว่าความสูงพอ ๆ กับดอยตุงบ้านฉัน
แต่เราว่ามันสูงกว่านะเพราะมีความสูงถึง 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ดอยเหมย มีความหมายที่ตรงตัวเลย คำว่า "ดอย" แปลว่า "ภูเขา" "เหมย" แปลว่า "น้ำค้าง"
แต่ช่วงที่เราไป ทั้งร้อน ทั้งแล้ง แถมไฟป่าอีกด้วย..เลยไม่ได้สัมผัสความหนาวของยอดดอย
ถนนขึ้นดอยเหมย เป็นทางลาดยางเส้นเล็ก ๆ พอสำหรับรถคันเดียว
ถ้ารถสวนทางกันมาก็ลงไปตรงทางลูกรังก็แล้วกันนะ....
...หลังจากไหว้พระเสร็จ พวกเราก็ไปสะพานสายรุ้ง (ไม่รู้ว่าใช่ชื่อนี้ป่าว เราเรียกเพราะเห็นมันเป็นสีสัน)
แล้วป้า ๆ น้า ๆ เราก็ลงไปช๊อปปิ้งตลาดบนดอยเหมย ซื้อไวน์กลับกันคนละขวดสองขวด...
บนดอยเหมยยังมีสิ่งปลูกสร้างสมัยที่อังกฤษมาล่าอาณานิคม
นั่นคือบ้านพักและออฟฟิตของนายทหารอังกฤษ
.....ไปต่อกันที่น้ำตกเชียงตุง
...เชียงตุงซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งวัด...ดังนั้นเราก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเที่ยววัดสำคัญกัน
...วัดแรกที่เราไปคือ "วัดมหาเมี๊ยะมุณี" ซึ่งเป็นวัดพระอารามห
พระมหาเมี๊ยะมุณีที่นี่....จำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์
วัดถัดมาคือ วัดหัวข่วง..เป็นวัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงตุง
วันนี้เราจบกันที่วัดสุดท้าย คือ วัดพระธาตุจอมคำ จะมองเห็นองค์เจดีย์สีทองที่สวยเด่นมาก
ยิ่งยามค่ำคืนเราไปเดินที่หนองตุง จะเห็นไฟสาดแสงไปที่พระธาตุจนเหลืองอร่าม
....ตอนเย็นเรากลับไปเดินเล่นในเมืองอีกรอบ...
ขณะที่กำลังเดินอยู่เห็นสาวเชียงตุงในชุดผ้าถุงสีเขียว มองแล้วงามจับสายตา
เช้าวันที่สาม (1 เม.ย.62)
เช้าวันนี้พวกเราต้องเตรียมไปงานแต่งกัน งานเช้าก็จะมีขบวนแห่ เพื่อไปสู่ขอเจ้าสาว....
ตอนเย็นมีกินเลี้ยงเย็นอีกรอบหนึ่ง....
ตามป้ายเค้าเขียนบอกไว้ว่า "แขกจากแดนไกล" อ่านไม่ออกหรอกค่ะ แต่ถามคนที่นั่น...
ขอแต่งชุดแนวนี้สักหน่อยจะได้เข้ากับบรรยากาศบ้านเค้า...
เจ้าบ่าวคือลูกชายของน้าเราเองค่ะ...ถาม ๆ ดูน้องเค้าไปพบรักกับเจ้าสาวที่อังกฤษ
เจ้าสาวก็เป็นสาวพม่าเหมือนกันแต่ไปทำงานอยู่ที่อังกฤษ ดูแล้วเหมือนนิยายประวัติศาสต์ของพม่าเลย
...เสร็จจากงานแต่ง ก็ขอไปนั่งเล่นที่หนองตุงสักหน่อย
หนองน้ำของเชียงตุงที่ใหญ่ที่สุดเป็นสถานที่พักผ่อนย่อนใจของผู้คนแถวนี้
และนักท่องเที่ยวอย่างเราถือว่าเป็นใจกลางเมืองและเป็นสถานที่สำคัญของเชียงตุงเลยก็ว่าได้
...เกือบจะไม่ได้ไปแล้วเพราะค่ำมาก็ไม่มีรถโดยสารให้เราใช้บริการแล้ว
ดีที่น้องไกด์รู้จักคนขับรถโดยสารในเชียงตุงเลยโทรตามขอใช้บริการ คิดค่าบริการคนละ 40 บาท
เช้าวันที่สี่ ( 2 เม.ย.62)
วันสุดท้ายในเชียงตุง...ก็คงไม่พ้นไปเดินเล่นตลาดเช้าเช่นเคย...แต่วันนี้เราอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อทุบ
ใคร ๆ ก็บอกว่ามาถึงแล้วห้ามพลาด นึกถึงแล้วก็หิวมาทันทีเลย
....สุดท้ายก็พาแม่เดินช๊อปปิ้ง เดินเล่นในตลาดอีกรอบ
.....สาย ๆ ก็ได้เวลาอำลาเชียงตุงกันแล้ว
....เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน แทบจะไม่เห็นฝรั่งมาเที่ยวเมืองนี้
....เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ในความรู้สึกเราคืออยากกลับมาเที่ยวอีกสักรอบ
คนเหนือจวนแอ่ว
วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.22 น.