สุโขทัยเป็นจังหวัดที่น่าสนใจมากที่สุดจังหวัดนึงในหลายแง่มุม มีทั้งอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยไว้ให้ศึกษาเรียนรู้รากเหง้าของชาติเรา มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมายหลายแห่งอย่าง เช่นเขาหลวงสุโขทัย ที่สายลุยรู้จักกันดี รวมทั้งการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่ปีสำหรับสายชิล โดยการเข้าไปสัมผัสเสน่ห์วิถีไทยเฉพาะถิ่นที่ช่วยเปิดมุมมองของนักท่องเที่ยวให้ได้รับประสพการณ์ ทางด้านวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมของผู้คน อย่างบ้านนาต้นจั่นเป็นต้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด จังหวัดนี้มีความหมายกับผมเพราะเป็นสถานที่เกิดของผม ที่ผมจากไปตั้งแต่เด็กแล้วไม่เคยได้กลับไปเยือนอีกเลยเป็นเวลา 40 กว่าปีมาแล้ว ไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั้น ครั้งนี้มีโอกาสดีที่ทางสุโขทัยเทรเชอร์ได้เชิญเข้าไปทำรีวิวที่พัก เลยถือโอกาสพาคุณแม่ไปรื้อฟื้นความหลังกันสักหน่อย
***ติดตามรีวิวที่เที่ยว ที่กิน ในจังหวัดสุโขทัย ตาม link นี้ so cool ที่ สุโขทัย เที่ยวเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์ เดิน street art สำราญใจ ****
สุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ทแอนสปา
ช่องทางติดต่อ
ผมเดินทางจากกรุงเทพโดยรถยนตร์ส่วนตัวอาศัย gps จาก google map นำทางโดยใช้สายเอเชียมาจนถึงนครสวรรค์ ใช้เส้นเลี่ยงเมืองเมืองนครสวรรค์ เข้าพิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ตามลำดับ ระยะทางประมาณ 430 กม.ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม.เมื่อขับเข้าตัวเมืองมา ไม่น่าเชื่อว่าความทรงจำสมัยเด็กตอนอายุ 3-4 ขวบ เริ่มผุดขึ้นมาให้เห็นรางๆ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปมากแต่ยังคงเค้าเดิม ทั้งบ้านที่เคยอยู่ตอนเด็กๆ สนามเด็กเล่นข้างแม่น้ำยม แบ็งค์กสิกรที่พ่อเคยทำงานอยู่ยังตั้งโดดเด่นอยู่เหมือนเดิม ขับผ่านตัวเมืองมาได้ไม่ไกลเห็นป้ายทางเข้ารีสอร์ทมองเห็นได้ชัดเจน พอเลี้ยวรถเข้ามาเห็นป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่ดินแดนรุ่งอรุณของวันใหม่ ซึ่งชื่อสุโขทัยนั้น มาจากคำว่า สุข+อุทัย แปลว่า "รุ่งอรุณของวันใหม่"นั้นเอง บนแผ่นป้ายเห็น logo Clean 4 green นั่นแสดงว่ารีสอร์ทแห่งนี้ บริหารงานภายใต้แนวคิด เน้นในเรื่องอนุรักษ์พลังงานและเใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของโรงแรมในยุคนี้
ลักษณะของตัวรีสอร์ท จะอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ มีที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย counter check in เป็นอาคารเปิดโล่งรองรับกระแสลมไหลผ่านได้เป็นอย่างดี รอบๆเป็นสระบัวจึงทำให้ไม่รู้สึกร้อนมากนัก หลังจาก check in เรียบร้อยแล้ว เดินถัดไปจาก Front Desk ลึกเข้าไปจะเป็นทางเดินมุ่งตรงไปด้านในตัวรีสอร์ท มีลานเวทีก่อด้วยอิฐมอญปูพื้นด้วยหินศิลาแลง เข้ากับ theme ของเมืองเก่า
หลังเวทีจะเป็นทางเข้าสู่ด้านในของอาคารที่พัก เมื่อเดินผ่านให้ความรู้สึกเหมือนเราเดินผ่านประตูแห่งกาลเวลาโดยมีสิ่งก่อสร้างเป็นแบบกำแพงเมืองโบราณเป็นตัวกั้นด้านในกับด้านนอก ต้นไม้น้อยใหญ่ปกคลุมให้ร่มเงา มีกลิ่นอ่อนๆของดอกลีลาวที่ปลูกอยู่ทั่วบริเวณโชยมา ยิ่งยามค่ำคืนจะหอมแบบเย็นๆเข้ากับบรรยากาศความเป็นไทยอย่างชัดเจน
ในส่วนห้องพัก ตอนแรกผมกังวลว่าตัวห้องต้องเดินขึ้นบันไดหรือเปล่าเลยขอเป็นห้องด้านล่างนั่นก็เพราะคุณแม่ผมเพิ่งผ่าตัดมาต้องนั่งรถเข็น แต่รีสอร์ทแห่งนี้ก็รองรับอารยะสถาปัตย์ สำหรับคนพิการหรือผู้สูงอายุที่ต้องนั่งรถเข็น มีทางลาดสำหรับรถเข็นอยู่หลายจุด ตัวห้องพักเป็นอาคาร 2 ชั้น กุญแจห้องเป็นระบบคีย์การ์ด ประตูมีล็อค 2 ชั้น ตัวห้องกว้าง ดูโปร่ง โล่ง สบาย ไม่อึดอัด อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องใช้งานได้ดี
ห้องน้ำกว้างขวาง ขนาดเอารถเข็นเข้าไปได้ ฝักบัวมีทั้งแบบ rain shower และแบบปกติ โถสุขภัณฑ์มีสายชำระและกระดาษชำระไว้คู่กัน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องน้ำมีครบครัน ทั้งครีมอาบน้ำ ยาสระผม โลชั่น ไดร์เป่าผม
นอกนั้นก็จะเหมือนทั่วๆไปมี มินิบาร์มีน้ำเปล่าให้ถึง 4 ขวด safety box เครื่องดื่มชากาแฟ แอบเห็นมีขนมไทยพื้นบ้านห่อเล็กๆสำหรับทานเล่น เพิ่งมาทราบภายหลังว่าทางโรงแรมให้การสนับสนุนขนมจากชุมชนท้องถิ่นมาให้บริการแขกผู้เข้าพักอีกด้วย
ผมปล่อยให้แม่พักผ่อนอยู่ในห้องพักก่อนแล้วมาเดินสำรวจ รอบๆรีสอร์ทดูสักหน่อย ถึงแม้อากาศกลางเดือนเมษาจะค่อนข้างร้อนจัดแต่รีสอร์ทก็มีต้นไม้ที่ปลูกไว้ทั่วบริเวณช่วยบรรเทาความร้อนไปได้บ้าง ตัวอาคารที่พักจะเป็นอาคาร 2 ชั้นทั้งฝั่งซ้ายและขวา
ลึกเข้าไปด้านใน มีสระว่ายน้ำ spa & fitness อยู่ตรงกลาง
ด้านหลังของรีสอร์ทจะทำเป็นเหมือนประตูเมืองอีกด้าน ผมชอบมาก ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกจะสวยมาก มุมด้านนี้หากมาถ่าย pre-wedding คงจะเหมาะไม่น้อย
ออกจากประตูเมืองไปจะเป็นทุ่งนากว้างใหญ่ หากมาในช่วงฤดูทำนาจะมองเห็นความเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา แต่เสียดายผมไปช่วงแล้ง ใกล้ๆกันมีฟาร์มที่ทางรีสอร์ทได้สร้างขึ้นมาสำหรับปลูกพืชผักสวนครัว และสมุนไพรปลอดสารพิษ นำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้กับแขกผู้เข้าพักอีกด้วย นอกจากนี้พื้นที่นาส่วนใหญ่ทางรีสอร์ทยังใจดีให้ชาวบ้านได้เช่าพื้นที่ทำนา และยังรับซื้อโดยมีข้อแม้ว่าห้ามใช้ยาฆาแมลงโดยเด็ดขาด ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่มาใช้บริการในส่วนห้องอาหารจะได้บริโภคอาหารที่ปลอดสารพิษอีกด้วย
ช่วงเย็นแดดร่มลมตกผมพาแม่ออกมาเดินเล่นและออกกำลังกายเบาๆ ชมทิวทัศน์ยามเย็นในรีสอร์ท ลมยามเย็นพัดกลิ่นซังข้าวแห้งโชยมาเบาๆ รูปปั้นม้าในเทพนิยายกำลังโลดแล่นไปบนทุ่งหญ้าสีเหลืองทอง ฝูงนกบินกลับรังส่งเสียงร้องระงม ชวนให้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติรอบๆตัว ผมจมดิ่งไปกับความคิด เมื่อมองไปยังวิวทุ่งนาหน้าแล้งมีวิวเขาหลวงอยู่ลิบๆ ทุ่งนาที่ถูกเก็บเกี่ยวแล้วหลงเหลือแต่ตอซังข้าวแห้งๆ มันให้ความรู้สึกอ้างว้าง ดูเหงาๆ แต่ก็รู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก ผมเข็นรถพาแม่วนมาด้านข้างของรีสอร์ท โชคดีเจอทุ่งนาด้านนี้ที่ยังเพิ่งปลูกได้ไม่นาน เขียวขจีไปทั่วบริเวณ ยืนมองแล้วก็นึกเปรียบเทียบทุ่งนาทั้งสองด้านของรีสอร์ทมันก็ดูสวยคนล่ะแบบ ฝั่งนี้จะออกแนวสดชื่น สบายๆ ดูมีพลัง
ได้เวลาอาหารเย็น เรามีนัดทาน dinner กันที่ห้องอาหารบัวชมพู เป็นเมนู a la carte รายการอาหารที่จัดมาถือเป็น signature ของที่นี่ และรสชาติเป็นทีถูกปากของเรายิ่งนัก มีข้าวผัดเทรเชอร์, สลัดผลไม้กุ้งย่างงาดำ, ยำชาวสวน และ กระเบื้องทะเล
ตอนเช้ามีบริการอาหารเป็นไลน์บุฟเฟต์ อาหารและเครื่องดื่มมีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งไทย ฝรั่ง
ผมพักผ่อนอยู่ที่สุโขทัยเทรเชอร์อยู่ 2 คืน ยอมรับว่าบรรยากาศดีมาก เงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใสกระตือรือร้นในการบริการเป็นอย่างดี คุณแม่ดูมีความสุขมากที่ได้กลับมาเยือนถิ่นเก่าเมื่อครั้งยังสาวอีกครั้ง ต้องขอขอบคุณทางรีสอร์ทเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้ แต่รีวิวยังไม่จบเพียงเท่านี้ยังมีต่อในส่วนของที่เที่ยว ที่กิน ในจังหวัดสุโขทัย ติดตามต่อได้เร็วๆนี้
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เช็คอิน 14:00 เช็คเอาท์ 12:00
- ห้องอาหารบัวชมพูเปิดให้บริการ 6:00 - 10:00 และ 17:00 - 23:00
- สปาบัวแดง เปิด 10:00 - 22:00
- ไวน์บาร์เปิด 09:00 - 23:00
- สระน้ำเปิด 07:00 - 21:00
- ฟิตเนสเปิด 10:00 - 21:00
- ส่วนลด 25% ที่ห้องอาหารบัวชมพู และ ไวน์บาร์สำหรับท่านที่เกิดในเดือนนี้
- ตักบาตรสะพานบุญวัดตระพังทอง ชุดล่ะ 199 พระสงฆ์ 9 รูปมีรถรับส่งฟรี
- เชื่อมต่อ wifi free โดยไม่ต้องใส่รหัสผ่าน
- ห้ามสูบบุหรี่ในห้องพัก ฝ่าฝืนปรับ 2,000
- โรงแรมมีรถรับส่งอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
- บริการจักยานฟรีสำหรับใช้ภายในโรงแรม
- สนามบินอยู่ห่างจากโรงแรม 40 นาที เดินทาง 1 ชม.ค่าบริการ 900 บาท ไปกลับ 1,700 บาท
แผนที่
-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ
-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว
-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด
สตั๊ดดอย ร้อยเรื่องราว
วันพฤหัสที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.16 น.