นั่งดูนิตยาสารการท่องเที่ยว เห็นภาพแล้วสะดุดตา เอ๊ะ
ที่นั่นคือที่ไหน ทำไมสวยจัง โดยข้อมูลในนิตยาสาร
ใช้คำว่า อัญมณี เม็ดงามของแหลมพันวา
นั่นก็คือ Sripanwa Phuket นั่นเอง
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต
บริเวณปลายของแหลมพันวา
ที่สำคัญของที่นี่นอกจากจะมีห้องพักที่หรูหรา
วิวท้องทะเล ที่สวยงามแล้ว ยังได้รับรางวัลการันตีว่า
เป็น “โรงแรมที่วิวสวยที่สุดในโลก
จาก Beach Tomato – The Best Beach Property Awards 2011
ประเทศอังกฤษ
ที่สำคัญยังเป็นโรงแรมที่มี สระว่ายน้ำส่วนตัว
ทุกแบบของห้องพัก ตาม Concept
ที่ว่า Luxury Pool Villa Hotel นั่นเอง
จะรอช้าอยู่ทำไมรีบชวนเพื่อน จองตั๋ว
จองห้องพัก เก็บกระเป๋าพร้อมเดินทาง
เพื่อไปเก็บประสบการณ์ ที่ Sri panwa
รีสอร์ทในฝัน ที่ใครๆ ก็อยากไป
หนึ่งในนั้น ก็คือผมด้วยล่ะคร้าบบ
เมื่อเดินทางถึง สนามบินภูเก็ต เรียบร้อยแล้ว
เราก็ได้เช่ารถ แล้วรีบเดินทางไปโรงแรมทันที
ใช้เวลาขับรถ โดยประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ
โดยประมาณ ระยะทางประมาณ 45 กม.
ระหว่างขับรถไปก็ชมวิวข้างทางไป เผลอแป๊ปเดียวถึงแล้วครับ
เมื่อมาถึงเราก็รีบจัดแจงไปที่ Lobby
เพื่อทำการ Check in. บริเวณ Lobby ด้านบนสวยงามมาาก
เราอดใจไม่ไหวรีบหยิบกล้อง มาถ่ายรูปทันที
รัวชัตเตอร์ไปหลายภาพอยู่เหมือนกัน
หลังจากที่ด้รูปตามต้องการแล้ว
เราก็ไปทำการ Check in ที่ Lobby
พนักงานทุกคนทำการต้อนรับดีมาก
เรารู้สึกประทับใจมาก หลังจากนั้น
น้องพนักงานยก Welcome Drink พร้อมผ้าเย็น มาให้เรา
หลังจากนั่งดื่มน้ำเย็นๆ เรียบร้อยแล้ว
พนักงานก็ได้อธิบายรายละเอียดต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนต่างๆ ของโรงแรม
รูปแบบห้องพักทั้งหมดของโรงแรม
หรือแม้แต่ Facilities ต่างๆ ห้องอาหาร สระว่ายน้ำ Fitness
โดยทุกๆส่วนของโรงแรม เราสามารถเรียกรถ
ตุ๊กตุ๊ก ให้มา รับส่ง ได้ตลอดเวลาใน ระหว่างเข้าพัก
เนื่องจากที่ Sripanwa เป็นโรงแรมที่มีขนาดค่อนข้างกว้าง
บางส่วนเป็นลักษณะเนินของภูเขา การใช้บริการรถ ตุ๊กตุ๊ก
คิดว่าน่าจะสะดวกมากที่สุด
รูปแบบห้องพัก https://www.sripanwa.com/th/
- Pool Sweet แบ่งเป็น โซนฝั่งตะวันตก (โซนใหม่) และโซนฝั่งตะวันออก
- PentHouse
- Pool Villa แบ่งเป็น 1 และ 2 ห้องนอน โดยทั้ง 2 แบบ มีทั้งแบบ Ocean View และ Garden View
- Residence Villa แบ่งเป็น 2 , 3 , 4 และ 5 ห้องนอน
สำหรับในการเข้าพักในครั้งนี้ เราเลือกเป็น
Pool Villa แบบ 2 Bedroom Luxury Pool Villa
โดยตัว Villa จะหันหน้าออกทะเลฝั่งตะวันออก
ทำให้เราสามารถ ตื่นมาตอนเช้า
เห็นพระอาทิตย์ ขึ้นที่ปลายเตียงนอนของเรา
ขอบอกเลยว่า วิวสวยมากเลยครับ
ตัวของห้องพักถูกสร้างแทรกตัวอยู่ในธรรมชาติ
ใช้สีโทนส้มดูแล้วเข้ากันอย่างลงตัว กับสีเขียวของต้นไม้
หลังจากน้องพนักงาน อธิบายข้อมูลให้เรารับทราบแล้ว
ก็ได้เวลา เข้าห้องพักของเรา นาทีนี้รู้สึกตื่นเต้นมาก
ที่จะได้เข้าไปในห้องพักที่ขึ้นชื่อว่า เป็นโรงแรมที่มีวิวสวยที่สุดในโลก
จากรางวัลการันตีข้างต้น
ห้องที่เราเข้าพักเป็น Villa No.21
อยู่แถวที่ 4 นับจากแถวด้านล่างขึ้นไป
และแล้ววินาทีที่เปิดประตู Villa เข้าไป ภาพที่ปรากฎ
ต่อสายตาตรงหน้าเรานั้น คิดในใจว่า นี้มันเหมือนสวรรค์ชัดๆ
มีสระน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่ ล้อมรอบห้องนอนที่เป็น กระจกใสรอบ
มันช่างสวยงามมาก จนตะลึง ไปครู่หนึ่ง
บริเวณด้านข้างสระจะมีมุมสำหรับนั่งเล่น
เป็นซุ้มศาลา สามารถนั่งเล่น
หรือ ใช้เป็นที่พักผ่อนทานของว่าง
โดยจะมีวิวทะเลอยู่เบื้องหน้า
พอเราจัดการกับกระเป๋าเสื้อผ้าเสร็จ
ก็ได้เวลาสำรวจห้องพัก เริ่มต้นจากพื้นที่ Livling Room
ทางเชื่อมไประหว่างห้องต่างๆ
โดยมีประตูไม้บานเลื่อน ประดับกระจกสี
ดูแล้วเป็นการตกแต่งที่ลงตัวสวยงามมาก
ในส่วนของห้องน้ำ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างหน้าคู่ , Rain Shower , ห้อง Suana
รวมถึง อ่าง Jagucci ขนาดใหญ่ สำหรับคู่รัก
สามารถลงไปแช่ได้พร้อมกันเลยทีเดียว
แช่ไปมองวิวท้องทะเลที่อยู่ตรงหน้าไปพร้อมๆกัน
มันช่างแสนโรแมนติก สุดๆเลยครับ
ถัดมาในส่วนของห้องนอน
ลักษณะการตกแต่งเครื่องนอน จะเน้นความเรียบง่าย
ทำให้ห้องดูโล่ง โปร่งสบาย
โดยจะมีวิว ทั้ง 3 ด้านของห้องที่เป็นกระจก
มองเห็นท้องทะเลอันดามัน
เวลาที่เรานอนอยู่บนเตียง เราเหมือนรู้สึกได้ว่
าห้องนอนของเรา ลอยอยู่บนน้ำ
ทอดยาวออกไปสู่ ท้องทะเล
นี่เองที่เรียกได้ว่า เป็นการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ จริงๆ
ในส่วนบริเวณหัวเตียง จะมีโต๊ะ สำหรับทำงาน
รับรองได้ว่า ถ้าแขกที่เข้าพัก มานั่งทำงานในห้องนี้ ค
วามคิดจะต้องโลดแล้น แน่นอน
หรือก็ไม่ก็อาจจะนั่งมองวิวเพลิน จนไม่ได้ทำงาน
แต่สำหรับผม เป็นข้อหลังมากกว่า 555
ใน ส่วนของ Pantry Room มีตู้เย็น ไมโครเวฟ
อุปกรณ์ครัวเล็กๆน้อย รวมถึงเครื่องทำกาแฟ
ก็มีให้แขกผู้เข้าพัก
Minibar ที่นี่สามารถทานฟรีได้ทั้งหมด
รวมถึง Snack ต่างๆ
หลังจากที่เราได้สำรวจห้องพักเรียบร้อยแล้ว
ดูเวลาก็ใกล้พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
เราก็เตรียมตัว เพื่อที่จะไปนั่งจิบ Cocktail
ชมพระอาทิตย์ตก บน Baba Nest
สำหรับที่ Baba Nest นั้น มีโต๊ะนั่ง เพียง 12 โต๊ะ เท่านั้น
แขกที่เขาพักจะต้อง สำรองโต๊ะ ล่วงหน้า
ถ้าไม่เช่นนั้น เราอาจพลาดไฮไลท์สำหรับที่นี่
นั่นก็คือ การชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง
ก็ว่าได้ ขอแน่ะนำเลยน่ะครับว่า ใครที่มาพักที่นี่ ห้ามพลาดเด็ดขาด
โดยเราได้จองโต๊ะ หมายเลข 7 ไว้
ส่วนตัวคิดว่ามุมนี้สวยมากที่สุด และเราก็คิดไม่ผิดจริงๆ
ทีเลือกโต๊ะนี้ พอนั่งปุ๊ป เราก็สั่งเครื่องดื่ม
พร้อมกับ Tapas มาทานคู่กับ Cocktail
เฮ้อ.....สุขใดเล่าเท่ากับช่วงเวลาแบบนี้
ในขณะนั้น ดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าไปที่ละนิด
ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสี
มันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากเลยครับ
หลังจากดื่มด่ำ บรรยากาศ กับวิวท้องทะเล แล้ว
เราก็กลับมาที่ห้องพักของเรา เพราะนึกขึ้นได้ว่า
อยากเก็บภาพ ตอนแสง Twingliht
กลับมา รีบติดตั้งขาตั้งกล้อง รัวชัตเตอร์ทันที
แข่งกับเวลาที่มีน้อยย
แสงแรกของวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางกระจกปลายเตียง
เพื่อปลุกเราให้ตื่นมาชมความงามของธรรมชาติเบื้องหน้า
มันช่างเป็นภาพที่ประทับใจมาก
หลังจากนั้น ช่วงเวลาที่ชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ การแช่ตัวอาบน้ำ
เพื่อที่จะได้แต่งตัวไปทานมื้อเช้ากันที่ Baba Pool Club
อาหารเช้าเสริฟ์เป็นแบบ a la cart ทำสดๆ จานต่อจาน
และมีไลน์ บุฟเฟ่ แบบพื้นฐาน ไว้คอยให้บริการด้วย
แถมยังมี Sparkling wine เสิร์ฟ ด้วยครับ
การตกแต่งของห้องอาหาร
สีของโต๊ะและเก้าอี้นั่งเน้นโทนสีขาว
ตัดกับสีน้ำเงิน ของอุปกรณ์
ผสมรูปแบบลายเส้นบนพื้น ได้อย่างลงตัว
เรียบง่ายแบบมี Style
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็ไม่รอช้า ที่ Sripanwa
มีมุมให้ถ่ายรูปค่อนข้างมากเลยทีเดียว เดินทางรูปกันจนเหนื่อยเลย 555
ที่นั่งริมน้ำ ในโซน Baba Pool Club
ติดสระว่ายน้ำ Baba Pool 1 ใน 3 ของสระว่ายน้ำส่วนกลางของที่นี่
พร้อมวิวทะเลสุดสายตา โดยมีพื้นน้ำสะท้อนกับท้องฟ้า
มองแล้วสวยงามมาก
ในส่วนนี้เป็นสระที่มีชื่อ Beach Pool
อยู่เหนือขึ้นมาจากชายหาดส่วนตัวของโรงแรม
สระมีลักษณะเป็น freeform
มีที่นอนอาบแดด ตัดกับร่มสีแดงสด
ข้ามมาฝั่งโซนใหม่กันบ้าง โซนนี้เรียกว่า Habita
เป็นโซนที่เพิ่งสร้างมาใหม่ เป็นสระ Freeform ขนาดใหญ่
ตกแต่งโดยใช้กระเบื้องพื้นสระเป็นโทนสีเขียว
ตัดกับร่มริมสระทีี่ใช้ลายเส้น สีขาวและสีดำ
ได้อย่างสวยงามลงตัวมาก แทรกตัว
อยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวขจี
สระส่วนกลางทั้ง 3 สระค่อนข้างมีแขกที่เข้าพัก
มาใช้บริการไม่มาก เนื่องจากที่เคยบอกข้างต้นแล้ว
ว่าห้องพักที่นี่ มีสระส่วนตัว ทุกห้อง
บันไดทางลง จากตัวอาคารห้องแบบ Pool Suite
โซน Habita ฝั่งตะวันตก
ถัดมาเรามาดูความสวยงามยามค่ำคืนของที่นี่กันบ้าง
แต่ยังอยู่ในโซน Habita ที่เดิม
โดยเริ่มจากห้องอาหาร Baba Chino
สำหรับแขกที่ชื่นชอบอาหาร จีน
บันไดทางขึ้นตัวอาคาร ฝั่ง Pool Suite โซน Habita
สระว่ายน้ำ ฝั่ง Habita ยามค่ำคืน
ส่วนด้านนี้เป็นทางเดินขึ้น ไปยัง Baba Nest
สรุปหลังจากที่ได้เข้าพัก
- โรงแรมค่อนข้างมีความส่วนตัวสูง เหมาะสำหรับแขกที่ต้องการมาพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นแบบครอบครัว เพื่อนฝูง หรือ แม้แต่คู่รัก
- ตัวโรงแรมสวยงาม การตกแต่งต่างๆ ทั้งห้องพัก ห้องอาหาร ส่วนกลางอื่นๆ สวยงาม
- ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในสถานที่ได้ วิว สวย สามารถชม พระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตก ได้สวยงามมากโดยเฉพาะ ที่ Baba Nest
- ราคาอาหารค่อนข้างสูง แต่ถ้าแลกกับ การบริการ และความอร่อย ก็พอรับได้
- พนักงานบริการดีมาก
- ตัวโรงแรม ร่มรื่น อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รู้สึกสดชื่นมาก
- ห้องพักมีราคา ค่อนข้างสูง
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ตรวจสอบโปรโมชั่น หรือ สำรองห้องพักได้ที่
สำหรับการริวนี้เป็นการรีวิว แรกของผม อาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง ขออภัย ด้วยน่ะครับ
เพื่อเป็นกำลังใจ ให้ผม สามารถ กดติดตามได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/MongTravel/
IG : cappuccino_prince9
อ่านแล้ว อย่าลืม กด แชร์ ด้วยน่ะครับ
https://www.facebook.com/MongTravel/
มี รีวิว อีกหลายตัวเลยครับ ที่รอคิวอยู่ แล้วเจอกันใหม่น่ะครับ
Email : [email protected]
MongTravel
วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 18.56 น.