เหนียงไปมาแล้ว x Hyperbaric Oxygen Therapy
ฮัลโหลลล.. กลับมาพบกับ เหนียงไปมาแล้ว อีกเช่นเคย แต่วันนี้จะดูแปลกไปซะหน่อย วันนี้เราไม่ได้มารีวิวร้านอาหาร คาเฟ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้เราจะมา Therapy กันจ้าา.. หลังจากไปเที่ยวฟินๆ ดีต่อใจแล้ว เราต้องดีต่อกายด้วยนะ กับการรักษาแบบใหม่สำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยจากอาการนอนไม่หลับ ผู้ป่วยจากอาการปวดหัวเรื้อรังหรือไมเกรน ด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ หรือที่เรียกว่า Hyperbaric Oxygen Therapy (HBO) เป็นการรักษาของแพทย์อีกวิธีหนึ่งโดยการให้ผู้ป่วยหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% เข้าไปทำการรักษา เพราะปกติในอากาศที่เราหายใจอยู่ในทุกๆ วันจะมีปริมาณของไนโตรเจนเป็นหลักถึง 70% และมีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบเพียง 20% เท่านั้น วิธีการนี้เป็นการทำให้ร่างกายของผู้ป่วยได้รับออกซิเจนในปริมาณที่สูงกว่าปกติหลายเท่า ภายใต้สภาพความกดอากาศสูงใน อุโมงค์ออกซิเจน (Hyperbaric Chamber) ตอนทำการรักษาก็จะแอบหูอื้ออยู่หน่อยๆ เสมือนขึ้นเครื่องบินยังไงล่ะ ซึ่งวิธีการรักษาแบบนี้มีศูนย์เฉพาะทาง ชื่อว่า ศูนย์รักษาด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ (HBO) อยู่ที่โรงพยาบาลยันฮี สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยตรงกับทางโรงพยาบาลเลย
ออกซิเจนรักษาโรคได้อย่างไร ?
ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า เหนียงไม่มีปัญหาอะไรกับการนอนไม่หลับ หลับได้ หลับดี หลับทั้งวันทั้งคืนก็ยังไหว แต่ที่มาทำการรักษาในครั้งนี้ เนื่องจากมีปัญหาการปวดหัวจากไมเกรน โดยการรักษาด้วย HBO นี้ สามารถรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดจากภาวะการขาดออกซิเจนได้
1. กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และการไหลเวียนของเลือด ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น และผลลัพธ์ของการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้นทำให้สามารถช่วยลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมองจากการตอบสนองต่อแรงดันออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของไมเกรน
2. การไหลเวียนเลือดดี ร่างกายก็จะดีตาม ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายก็จะช่วยทำให้หลับง่ายขึ้น สามารถแก้อาการนอนไม่หลับที่เกิดจากความเครียด ได้อีก
3. ออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายมากกว่าปกตินั้น ยังไปช่วยลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อจากอาการบาดเจ็บ บวมช้ำ ฟกช้ำ การหดเกร็งของกล้ามเนื้อจากการทำงาน หรือเป็นที่เรียกว่า อาการออฟฟิสซินโดรม รวมไปถึงช่วยลดการอักเสบของแผลผ่าตัดทั่วไป แผลเรื้อรังหรือแผลเบาหวาน และแผลผ่าตัดศัลยกรรมความงาม อีกด้วย เพราะออกซิเจนจะช่วยสร้างคอลลาเจนและไฟรโบรบลาสต์เพื่อช่วยสมานแผลด้วยนะ
วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
ถึงจะพูดว่า ต้องมีการเตรียมตัวก่อนเข้าการรักษา แต่จริงๆ ไม่ได้จะต้องทำการเตรียมตัวมากมายอะไร ขนาดนั้นนะ เหมือนเป็นการตรวจสอบว่าร่างกายพร้อมสำหรับการเข้ารักษาหรือเปล่า ซึ่งจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจร่างกายเราอีกทีและสอบถามข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งก่อนเข้ารับการรักษา ตามนี้ๆ
1. ไม่มีอาการเป็นหวัดหรือเป็นไข้ ไอ จาม หูอักเสบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่จริงๆ ถ้าเป็นหวัด จมูกตัน ก็สูดออกซิเจนไม่เต็มที่นั่นเองง..
2. ก่อนเข้า Chamber จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผู้ป่วยสีฟ้าของทางโรงพยาบาลที่เราคุ้นตากันก่อน
3. ถอดเครื่องประดับออกทุกชนิด รวมไปถึง คอนแทคเลนส์ ฟันปลอม ทางโรงพยาบาลจะมี Locker สำหรับเก็บของพร้อมกุญแจล็อคอย่างดีไม่ต้องกลัวหาย
4. ควรรับประทานอาหารก่อนทำ Hyperbaric 1 ชั่วโมงขึ้นไป
5. ก่อนทำ Hyperbaric ภายใน 24 ชั่วโมง ต้องไม่มีประวัติขึ้นเครื่องบิน
6. ไม่มีอาการของเลือดกำเดาไหล
7. ไม่มีประวัติชัก และการผ่าตัดลูกตาภายใน 3 เดือน ก่อนทำการรักษา
8. ห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์เข้าไปใน Chamber
เมื่อพร้อมแล้วก็สวม Hood ไว้รอบศีรษะและมุดเข้าไปใน Chamber ได้เลย
ใช้ระยะเวลาในการรักษานานแค่ไหน ?
การรักษาจะใช้ระยะเวลาประมาณ 90 นาที เริ่มจากเข้าไปใน Chamber แล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการปรับความดันอากาศใน Chamber ใช้ระยะเวลาประมาณ 15 นาที ก่อนจะเริ่มปล่อยออกซิเจน 100% ผ่านท่อเข้าในภายใน Hood ใช้ระยะเวลาประมาณ 60 นาทีในการสูดเอาออกซิเจนให้เต็มปอด ในขั้นตอนนี้ทางโรงพยาบาลอนุญาติให้นอนไปเลยจ้า ภายใน Chamber มีหมอน ผ้าห่ม ให้นอนหลับสบายใจกันไปเลย พอครบกำหนดเวลาจะมาปลุกแจ้งสิ้นสุดการรักษาอีกครั้ง ใครที่มักมีอาการหูอื้อตอนขึ้นเครื่องบินก็แนะนำให้กลืนน้ำลายบ่อยๆ ทางโรงพยาบาลก็แอบมีลูกอมเอาไว้ให้ทานแก้อาการหูอื้อลงได้บ้าง หลังจากครบ 60 นาที ก็จะต้องใช้เวลาในการปรับลดความดันอากาศลงกลับสู่สภาวะปกติอีกประมาณ 15 นาที รวมแล้วเลยประมาณ 90 นาที ซึ่งผลลัพทธ์สำหรับบางคนอาจจะไม่เห็นชัดเจนในครั้งแรก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวินิจฉัยและนัดพบอีกครั้งเพื่อยืนยันผลการรักษา โดยปกติควรทำติดต่อกันทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จนอาการดีขึ้น จึงจะสามารถลดความถี่ลงได้ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์อีกที
หลังทำการรักษา
หลังทำการรักษาก็จะมีข้อควรปฏิบัตินิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเท่าไหร่ ไม่ต้องเป็นกลัวกังวลไปน้า ประมาณนี้
1. งดการโดยสารเครื่องบินหลังทำ Hyperbaric 1 วัน
2. อาการหูอื้อที่อาจจะเกิดขึ้นหลังการทำ Hyperbaric จะหายไปเอง ไม่ต้องทำอะไร หรือถ้าเป็นกังวลสามารถรับประทานยาที่ช่วยลดอาการได้
3. หากมีอาการผิดปกติ ควรมาพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอวันนัด หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 1723 หรือ 0-2879-03000
หลังทำการรักษารู้สึกอย่างไร ?
มาถึงจุดพีคที่จะทำการรีวิวแล้ว หลังจากบอกรายละเอียดการรักษาไปแล้ว จะมาเล่าให้ฟังว่าทำมาแล้วครบ 1 อาทิตย์ รู้สึกยังไงกันบ้างง..
เล่าก่อนเลยว่า ปกติเหนียงจะมีอาการปวดไซนัสและกล้ามเนื้อใบหน้าขณะที่เครื่องบินกำลังลดระดับเพื่อลงจอด ซึ่งทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เลยกังวลว่า สภาวะใน Chamber ที่เหมือนอยู่บนเครื่องบิน จะส่งผลกระทบให้เกิดอาการปวดเหมือนกันไหม บวกกับวันที่ไปทำการรักษาคือมีอาการปวดหัวไมเกรนอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ก่อนเข้าพบแพทย์ ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็มีการสอบถามระดับความปวด และต้องทำการวินิจฉัยว่าสามารถเข้ารับการรักษาได้ไหม
หลังจากสอบถามข้อมูลครบแล้วนั้น แพทย์ก็วินิจฉัยให้ทานยาป้องกันอาการปวดไซนัส โดยทานยาเพื่อลดการคัดแน่นจมูก หรือ pseudoephedrine ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดนั้น และรอให้ยาออกฤทธิ์ก่อนทำการรักษา 30 - 45 นาที เพื่อป้องกันอาการขณะทำการรักษาภายใน Chamber
พอเข้าไปทำการรักษาแล้ว จะบอกเลยว่าการเข้าไปใน Chamber และออกมานั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย 555555 คือเหมือนเข้าไปนั่ง นอน และออกมา ไม่ได้มีความรู้สึกถึงออกซิเจน 100% ในขณะอยู่ใน Chamber เพราะมันก็คือ อากาศนั่นแหละ ส่วนความรู้สึกถัดมาคือ เบื่อจังง ไม่มีอะไรทำเลย โทรศัพท์ก็ไม่มีเล่น Facebook เอย Instagram เอย สรุปคือ หลับดีกว่า พอหลังจากทำเสร็จช่วงปรับลดความกดอากาศลง คือช่วงลุ้นที่สุดว่าจะปวดไซนัสไหม แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกดอากาศของการรักษาด้วย HBO ไม่มากพอจนมีผลต่อการเกิดอาการปวด หรือเป็นเพราะยาที่แพทย์ให้ทานช่วยได้จริง ถ้าไม่งั้นจะได้เอาไว้ทานตอนขึ้นเครื่องบินบ้าง
แต่บอกเลยว่าพอกลับมาถึงบ้านและสังเกตตัวเองตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา จากปกติที่เป็นคนหลับง่าย คือหลับง่ายกว่าเดิมไปอีกกก หัวถึงหมอนก็หลับเฉย ไม่ทันได้นับแกะซักครึ่งตัวเลย และอาการปวดไมเกรนที่ปกติจะปวดอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน หลังทำการรักษาจนมาครบ 1 อาทิตย์นี้ ยังไม่มีอาการปวดเลยซักวัน ไม่รู้ว่าของเขาดี หรืออุปทานหมู่กันแน่ ใครที่ไปลองมาแล้วว มาเล่าให้ฟังบ้างน้าา เหนียงไปมาแล้วว..
รายละเอียดการเข้ารับการรักษา Hyperbaric Oxygen
*ราคาค่ารักษา HBO : 1 ท่าน ราคา 900 บาท
2 ท่าน ราคา 1,200 บาท
*ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม : ค่าบริการโรงพยาบาล 300 บาท (คนละ 150 บาท)
ค่าชุดบริการเวชปฏิบัติ 405 บาท (ต่อ 2 คน)
ค่าบริการทางการแพทย์อื่นๆ 40 บาท (คนละ 20 บาท)
*รวมค่าใช้จ่าย : 1,830 บาท (สำหรับ 2 ท่าน)
*เบอร์ติดต่อ : ศูนย์รักษาด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ (HBO) รพ.ยันฮี
1723 ext. 10788-89 หรือ 0-2879-0300
*Facebook : https://www.facebook.com/YanheeHyperbaric/
ติดตามรีวิวอื่นๆ : https://www.facebook.com/doublechindroppin/
เหนียงไปมาแล้ว Droppin
วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.56 น.