Ep. 1

  • จอร์เจีย...วิวแบบไฮโซ แต่ Low budget EP.1 ตอน ทบิลิซีที่เลิฟ
    https://th.readme.me/p/22045

Ep. 2

  • จอร์เจีย...วิวแบบไฮโซ แต่ Low budget EP.2 ตอน Mestia...แต่วิวไม่เพลียนะจ๊ะ

https://th.readme.me/p/24276

ส่วนนี่เป็นวิดีโอ วิวสวยๆ บางส่วนค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=mdGTqJ5IPJc

จากตอนที่แล้ว เราได้นัดกับพี่คนขับรถแท็กซี่ เวลา 8.00 น. เพื่อเดินทางไปหมู่บ้าน Ushguli ระยะเวลาไปกลับ ร่วม 5 ชั่วโมง ระยะทาง 47 Km รถเราได้ราคา 150 GEL (1,800 บาท) 5 คน ตกคนละ 30 GEL (360 บาท)

ฉะนั้นวันนี้เราก็ตื่นเช้ามาเตรียมตัว เช็คสภาพอากาศ อากาศก็ออกจะครึ้มๆ ลุ้นอีกแล้วว่าจะถ่ายรูปสวยมั้ย มื้อเช้าวันนี้ เราบอกเจ้าของบ้านว่าขอเป็นเวลา 7.30 น. ที่พักเราจองพร้อมอาหารเช้า สนนราคาที่ 115 GEL (1,365.33 บาท) ค่ะ

อาหารเช้าก็ไม่ได้อลังการค่ะ มีไก่ทอด ไข่ดาว ลูกเดือย แตงกวา มะเขือเทศ ขนมปัง ชีส นม ชา กาแฟ เราก็รีบๆกินกัน



พอถึงเวลานัด พี่แท็กซี่ไม่มาซักที โทรตามก็ไม่ติด รอซักพักพี่แกก็มา สรุปแกไปรอผิดที่555 เอาเป็นว่าเราพร้อมลุยแระ

ก่อนอื่นเราบอกพี่แท็กซี่ไปรับเพื่อนคนไทยกับคนฮ่องกงอีก 2 คนที่รออยู่ที่ City Centerทุกคนพร้อม

8.30 น.รถพร้อม ก็ออกเดินทางค่ะ ในรถพี่แกก็เปิดเสียงเพลงกระหึ่มเอาใจวัยรุ่นต้นๆอย่างพวกเรา5555

ออกนอกเมืองไป เจอวิววสวยๆ ก็ขอให้พี่แกจอดรถ ลงไปถ่ายรูป

ขับไปเรื่อยๆ จนถนนคอนกรีตหมด สภาพถนนก็กลายเป็นดินขรุขระ

พูดเลยว่า ตับ ไต ไส้ พุง ไหลรวมกันอ่ะ ทางขรุขระมาก ถนนก็ไม่ค่อยดี บางทีเจอหน้าผาสูงๆ เราอยู่ในรถนี่เสียวสุดๆ


เจอวิวสวยกี่ที่ ก็ขอพี่แกจอดรถลงไปถ่ายรูป พี่แกก็ใจดีตามใจพวกเราตลอด

เพราะวิววแบบนี้ไม่มีที่บ้านเรา

ถ่ายม้าซะหน่อย



เซลฟี่ด้วยหน่อยนะ.....แชะ แชะ แชะ เอาให้เต็มที่ไปเล๊ยยยย

ทีมงานวันนี้ค่ะ

นั่งรถไปเรื่อยๆ บ้านเรือนก็เริ่มเป็นหอคอย ตามแบบฉบับของชาว Svaneti

ไปถึง Ushguli เวลาประมาณ 10.30 น. ตอนนั้นนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ

เราบอกพี่คนขับแท็กซี่ว่า พวกเราจะกลับมาที่รถประมาณเที่ยง

เอ้าเริ่มออกไปทำความรู้จักหมู่บ้านนี้กันค่ะ

********เรามารู้จัก Ushguli (อูซกูลิ) กันคร่าวๆก่อนนะคะ ***********

หมู่บ้าน Ushguli ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก จาก UNESCO ในปี 1996 และยังเป็นหมู่บ้านที่สูงที่สุดในยุโรปอีกด้วยค่ะ สูงจากระดับน้ำทะเล 6,844 ฟุต

บ้านเรือนที่นี่ตั้งแต่ Mestia มาถึง Ushguli จะมีเอกลักษณ์ของชาว Svaneti คือ มีหอคอย ค่ะ

เค้าว่ากันว่าหอคอยมีไว้สอดส่อง คอยป้องกันผู้รุกรานในอดีตค่ะ

สังเกตเห็นได้ว่าร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ปิด เพราะช่วงที่เราไปเข้าสู่ Low season แล้ว กะว่าจะไปนั่งดื่มไรร้อนๆ ชมวิวสวยๆซักหน่อย


เราใช้เวลาเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เดินไปก็จะเจอ ทางเฉอะแฉะ เกิดจากการละลายของหิมะ

หมู่บ้านค่อนข้างเงียบเหงา เพราะผู้คนอยู่ในบ้าน

คุยกับน้องหมาก็ไ้ด้55555

เดินไปก็จะเจอวัว วัวที่นี่มีขนยาวนะคะ เพราะอากาศหนาว

ในระหว่างที่เดิน ก็ดูถนนหนทางด้วยนะคะ เดี๋ยวล้มใส่ อุนจิเข้า


เราก็อยากรู้ว่าในหอคอยเป็นไง

พอเปิดประตูเข้าไปนี่ หึ่งเลยคร้าบบบบ ขี้วัว แฉะมาก เลยไม่เดินเข้าไปดีกว่า555


เดินลัดเลาะไปเรื่อย

ภาพวิวหิมะก็ชัดเจนขึ้น

วันนี้อากาศเป็นใจมาก ให้เราได้ภาพสวยๆกันค่ะ



ระวังๆ ค่ะ

นักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่เดินสวนทางกันก็มุ่งหน้าไปเล่นสกีมั่ง เอาอุปกรณ์มาเอง

ให้ภาพบรรยายแระกันเนอะ

กระโดดอีกแระ เหนื่อยก็ยังจะกระโดด



ท้องฟ้า แดด อากาศก็เป็นใจ


แค่เดินตามทาง วิวก็อย่างสวยยยยอ่ะ

ดื่มด่ำบรรยากาศให้พอ กลับมาไทยไขมันเราจะละลาย555

พูดจริงๆเราว่าหมู่บ้านนี้วิวสวยมาก สวยแบบสุดๆ

เราไม่ได้ค้างคืนที่นี่กัน เพราะหมู่บ้านเล็กมาก เงียบสุดๆ

แต่คลื่นโทรศัพท์ลื่นปรื๊ดๆนะเออ

แบบเค้าเริ่มมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาครบครัน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

ชาวบ้านก็ทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงวัว หมู ม้าไป รีดนมวัว ทำชีสไรงี้

แต่ถึงจะไกลจากโลกภายนอกขนาดนี้

ถนนหนทางลำบากขนาดนี้ ผ่านร้อยโค้ง พันเหว

พวกเราก็ดั้นด้นมาสัมผัสวิถีชีวิตชาว Ushguli จนได้ เห้ยยย....ภูมิใจอ่ะ55

ถามว่าเราชอบหมู่บ้านนี้มั้ย? ก็ชอบนะ

วิวที่เราพบเจอมันสุดแสนจะบรรยาย

อีกทั้งเราชอบวิว และความท้าทายระหว่างการเดินทางด้วย

เค้าว่ากันว่าทุกๆการเดินทางเราจะเติบโตขึ้นทางด้านความคิด และจิตใจ เราจะแกร่งขึ้น

เราจะมีมุมมองที่กว้างขึ้น

เมื่อถึงเวลานัดหมาย เราก็เดินทางกลับ

ระหว่างทางกลับก็ยังทำให้เราตื่นเต้นได้เสมอ

มีช่วงนึงที่รถเราขับมาถึงทางโค้ง แต่ดั๊นนนน...มีรถจะสวนทาง

ทีนี้ถนนหนทางมันแคบ รถสวนทางไม่ได้

พี่คนขับเราก็ใจดี ถอยให้เค้า ถอย ถอย แล้วก็ถอย แล้วเราก็ตะโกนไปว่า STOP!!!!! รถเบรกเอี๊ยดดดด

คือคิดภาพออกมั้ย เหวครับพี่น้องงง

เรานั่งท้ายสุด คือเห็นว่าอีกนิดเดียวจะตกเหว โอ๊ยยย แล้วมั่นใจได้ไงว่าหน้าผาดินจะไม่ถล่ม

เอาจริงๆตอนนั้นกลั้นใจ เกร็งก้น ลุ้นสุดๆ555

พอประมาณบ่าย 2 ครึ่งเราถึงในเมือง

เราก็ถามคนขับรถว่ามีวิธีแนะนำมั้ยที่จะไป Zugdidi

พี่คนขับรถคนนี้แนะนำว่า มีมินิแวน เวลา 4 โมงเย็น ในราคาคนละ 20 GEL ซึ่งพี่แกก็บอกเราให้ไปซื้อตั๋วที่ร้านนี้เลย

คนขับบริการดีค่ะ ใจดีด้วย แนะนำๆ

และนี่คือตั๋วของเรา 3 คน จ่ายไปทั้งหมด 60 GEL


ได้ตั๋วกลับไปขึ้นรถไฟที่เมือง Zugdidi แล้ว สบายใจ

กินมื้อเที่ยงเลยดีกว่า หิวๆๆๆๆ

ร้านขายของชำที่เราซื้อตั๋วก็ถัดจากร้านอาหารที่เราทานค่ะ

รอบนี้เราทานร้านนี้ค่ะ อยู่ถัดจากร้านเมื่อวานที่เราไปชิม

ราคาประมาณนี้ค่ะ

รอบนี้เราทาน 5 คน

อันนี้อร่อย เป็นหมูผัดใส่กับมันฝรั่ง เครื่องเทศ

Khachapuri สั่งอีกแล้ว ใหญ่มากกก

มีข้าวกับไก่ก็อร่อย

ขวามือสุดนั่นชีสล้วนๆ ไม่ได้สั่ง แต่ไม่รู้มาได้ไง แต่ก็อร่อยดี

ซ้ายมือสุดนั่นซุปเนื้อตุ๋นมั้ง ถ้าจำไม่ผิด

2 จานบนสุดนั้น อาหารมังสวิรัติที่เพื่อนใหม่เราทานเป็นมะเขือยาว

เวลาผู้หญิงหิวอ่ะน่ากลัว กินไม่หมดไม่เป็นไร ขอแค่ได้สั่ง....ใครห้ามก็ไม่ฟัง555

มื้อนี้เเยกจ่าย....เราสามคนนั้นหมดไป 62 GEL (744 บาท)ตกคนละ 20.66 GEL (248 บาท)

พอพวกเรากินเสร็จก็รีบๆๆๆๆๆ วิ่งไปบ้านพัก ซึ่งห่างจากที่ขึ้นรถประมาณ 600 เมตร

พอถึงบ้านพัก ก็จัดการเอากระเป๋าให้เรียบร้อย เข้าห้องน้ำ ( ที่กดน้ำไม่ได้ทั้งเมือง)....................

โชคดีที่เราย้ายออกวันนี้.....แต่รู้หรือไม่เหตุการณ์เหล่านี้จะมีความวุ่นวายตามมาจ้าาาาาาาา

ตอนเช้าเจ้าของบ้านเสนอว่า จะไปส่ง ขึ้นรถ

พอเราถามเค้าบอกว่าไม่มีรถแล้ว เค้าเลยเสนอว่า เอากระเป๋าไว้นี่สิ คุณไปขึ้นรถค่อยแวะเอากระเป๋า

แต่ทางเรามีกระเป๋าใบมหึมา กลัวว่า ในรถจะไม่เหลือที่ไว้ให้กระเป๋าเรา เลยบอกว่าไม่เป็นไร

ตอนนั้นเวลา 3.30 P.M เรามีเวลา 30 นาทีในการวิ่ง 600 เมตร

ไม่ใช่วิ่งธรรมดานะ5555 วิ่งลากกระเป๋าจ้า โอ๊ยชีวิตอยู่บนความเร่งรีบเสมอ

พอเริ่มวิ่ง เจ้าของบ้านก็ตะโกนตาม บอกว่า รุ่นพี่เราลืมของ (จริงๆถุงนั้นเป็นถุงอาหารที่ห่อมาจากร้าน กับหมวกฮาวาย พี่แกกะจะทิ้งเพราะขี้เกียจหอบหิ้ว)

พี่แกเลยได้หยุดและเอามา เอาล่ะ เริ่ม วิ่ง!!!!.............................วิ่งไป หอบไป

ลากขึ้น เนินมั่ง ลงเนินมั่ง

สายตาผู้คนจับจ้องไอ้พวกนี้มันจะรีบไปไหน555

วิ่งไปจากอากาศหนาวเย็น เหงื่อเริ่มออก เริ่มร้อน หอบแฮ่กๆกัน

พอถึง ได้พบว่า รถที่เราจะไปคือรถมินิแวนเบนซ์ และยังไม่มีใครมาขึ้นรถด้วย

ปรากฏว่า มีผู้โดยสารแค่พวกเรา 3 คน( นี่ดีมากเลยนะ เหมือนเหมารถไป Zugdidi ในราคาแค่ 60 GEL= 720 บาท) จริงๆเราสามคนคิดจะเหมาก่อนหน้านี้ แต่ราคาสูงไปประมาณ 250 GEL (3,000 บาท)

นี่คือความโชคดีของพวกเรา ( หารู้ไม่ แกจะมีเรื่องกังวลใจเรื่องอื่นตามมาาาาาาาจ้าาาาาาาาาาาาาาาา)

นั่งรถไป เพลงก็เพราะ นั่งไป เล่นมือถือไป คลื่นขาดหายบ้าง ก็ชมวิวข้างทางไปเรื่อย

พอครึ่งทางคนขับรถก็แวะให้เข้าห้องน้ำ

ห้องน้ำที่นี่ตลกดี....... ตลกตรงที่ เป็นส้วมซึม มีประตูนะจ๊ะ แต่ประตูจะปิดตั้งแต่หัวเข่าเราขึ้นไป

คิดดู๊ ถ้านั่งลงฉี่ คนเดินผ่านก็เห็นน่ะสิ5555

แต่ดีที่ตอนนั้นไม่มีใครนอกจากเรา กับรุ่นพี่ผู้หญิง

มีวิวน้ำตกข้างห้องน้ำ

จากวิวภูเขาหิมะ ก็จะมีความเขียวขจีเพิ่มขึ้น

เพราะเราลงเขามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ที่สำคัญ การเข้าโค้งของพี่เขาก็ยังมีการเร่งเข้าโค้งตามเคย เราไม่ชินโว๊ยยยย เสียวสุดๆ เหว ของคอเคซัสนี่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก

เรามาถึงสถานีรถไฟ Zugdidi ตอน 1 ทุ่ม ฟ้ายังสว่างอยู่เลย

เราขึ้นรถไฟกลับตอน 4 ทุ่มกว่า

ที่นั่งรอในอาคารก็ไม่มี อากาศก็หนาว

ด้านหน้าสถานีรถไฟ

เราเลยไปสิงสถิตอยู่ที่ร้านอาหารที่อยู่ข้างหน้าสถานีรถไฟ

เข้าไปนั่งนี่ไม่หิวเลยแม้แต่น้อย

แต่ทำไงล่ะ อยากนั่งพัก555 สั่งเป๊บซี่ คนละขวด

นั่งแช่อยู่นานสองนาน นาน.....นาน.....เจ้าของร้านก็มอง.......แล้วก็มอง5555

เราก็ทำเนียนไม่สนใจ

เอาล่ะพอได้เวลาซักสองทุ่มกว่าเราก็เข้าห้องน้ำในร้านให้เรียบร้อย

รอบนี้ชั้นไม่ทรมานปวดฉี่ในรถไฟหรอก ชั้นเตรียมตัวมาดี555555555

เราก็จ่ายค่าเสียหายไป 6 GEL

จากนั้นเดินไปซื้อน้ำ ร้านขายของชำใกล้ๆ แล้วก็เคลื่อนย้ายกันไปนั่งรอที่สถานีรถไฟ

ภายในสถานีรถไฟไม่มีที่ให้นั่งจ้า

เรายื่นตั๋วที่ซื้อไว้ให้เจ้าหน้าที่ดู แล้วก็เดินออกมาจากอาคาร มาชานชาลา

ตอนนั้น หนาวก็หนาว เหนื่อยก็เหนื่อย แถมมีน้องหมามาวนเวียน รุ่นพี่เราเนื้อหอม55

ดูภาพเอาค่ะว่ามาวนเวียนมิใช่น้อยๆ55555

วนเวียนไรรู้มะ มันจะผสมพันธุ์กันจ้าาาาา โอ๊ย ศึกชิงนางก็เกิดขึ้น ทั้งเห่า ทั้งจะกัดกัน

เราจะต้องทน..............เพราะเราไม่มีที่นั่งนอกจากแถวนั้น นั่งไปไล่น้องหมาไป โอ๊ยยยย ชีวิต5555

พอสี่ทุ่มนิดๆ คนก็เดินขึ้นรถไฟกัน เราก็ได้ขึ้นรถไฟแล้ว ดีใจๆ จะได้นอนแล้ววววว

พอขึ้นรถไฟ

เราก็จัดแจงกระเป๋าพร้อมจะนอน

เราก็เช็คเมล์ซะหน่อย เห็นแจ้งเตือนว่าให้รีวิวที่พัก เราก็ไม่ค่อยอยากติไรมาก เลยรีวิวที่พักที่ Mestia ให้เต็ม 10

จากนั้นเลยเข้าแอพ Booking.com ปรากฏว่าเจอข้อความเข้ามารัวๆๆๆๆ

อ่านดูได้ใจความว่า

เจ้าของบ้านที่ Mestia ที่เราเพิ่งให้คะแนนเต็มสิบไปนั้น กล่าวหาว่าพวกเราขโมยเงินนาง What????

อ้าววววว...เฮ้ยยยย!!!!

จะมากล่าวหาแบบนี้ไม่ได้นะ เราใช้เกียรติของยุวกาชาดเป็นประกันเลยเหอะ

นางบอกว่ากระเป๋าเงินนางหายมีเงิน 900 GEL (ประมาณ 10,800 บาท)

นางว่า กระเป๋านางไว้ที่ห้องนอนนางที่เตียงนอน

เอิ่ม......แล้วพวกเราจะเข้าไปห้องนางได้ไงเนี่ยยยย???

เราก็อธิบายกลับไปว่าไม่มีทางที่พวกเราจะเอามาได้ เรารีบมาให้ทันรถ

นางก็บอกว่าก็รีบเพราะขโมยเงินไง

นางมีการบอกอีกว่านางจะแจ้งตำรวจพวกคุณต้องวุ่นวายแน่ๆ

เราเลยบอกให้นางโทรมาหาเรา

พอนางโทรมา รุ่นพี่เราก็อธิบายไป ส่วนนางก็ร้องห่มร้องไห้ บอกว่าคืนเงินนางไปซะ

โอ๊ยยยย...... จะบ้าตาย เราไม่ชอบการถูกปรักปรำแบบนี้เอาซะเลย

คืนนั้นเราสามคน นั่งปรึกษากัน เปิดกระเป๋าเช็คว่า มีใครเผลอหยิบเอารึเปล่า ปรากฏว่าก็ไม่มีอะไร

****เอาจริงๆนะ ปกติเราพักโรงแรม มีรอบนี้เราอยากได้ความเป็น local เลยพัก guesthouse ตลอดทั้งทริป

เอาเป็นว่าใครที่จะพัก guesthouse เหมือนพวกเรา อย่าลืมล็อคกระเป๋า และเซฟตัวเองนะคะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราต้องดูแลตัวเองดีๆไว้นะคะ อย่าไว้ใจใครมากเกินไป บ้านที่เจ้าของน่ารักใจดีก็มีเยอะค่ะ^^

คืนนี้เราเหนื่อยกันมาก ปิดไฟนอน ก่อนนอนเราก็คิดวนเวียน เราไม่ได้ทำผิดนะ แต่เรามาเที่ยวที่อื่น

นี่ภาพในหนังฮอลลีวูดก็โผล่เข้ามา เฮ้ย!! ถ้าเราไปถึง Tbilisi ตอนเช้า ที่สถานีรถไฟ เราจะโดนตำรวจจับมั้ยวะ?? จะโดนจับตัวฟุบลงกับพื้นมั้ยวะ?5555 โอ๊ยภาพในหัวเยอะเหลือเกิน

แล้วก็หลับไป หลับลึกด้วยนะ

มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้าเมื่อรถไฟเข้าเมือง Tbilisi แล้ว ตื่นมาเก็บข้าวของ เตรียมตัว

พอถึงสถานีรถไฟ 6.35 น. เราก็ลากกระเป๋าลงไป

เฮ้ย!!! เจอตำรวจ !!! ทำตัวปกติเข้าไว้ เราไม่ได้ทำไรผิดซักหน่อย

สรุป ตำรวจก็ไม่ได้ทำไรเราหนิ เราคิดเว่อร์ไปงั้นเมื่อคืน555

งั้นเราก็ใช้ชีวิตปกติได้แล้วหนิ

เอาล่ะ ก่อนอื่นก็เข้าห้องน้ำก่อน

แต่ปรากฏว่าเราถึงเช้าไป 6.35 น. ต้องนั่งรอให้บันไดเลื่อนและโซนอาหารเปิดก่อน เพราะห้องน้ำอยู่โซนอาหารชั้น 3 (เรากลับมาอาคารเดิมที่เรานั่งรอขึ้นรถไฟไปเมือง Zugdidi อ่ะ)


ตำรวจก็เดินไปมา กลายเป็นเรื่องขำขันกันว่า เฮ้ย! ตำรวจ

พอโซนอาหารเปิดพวกเราก็ไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ให้เรียบร้อย ทานไรรองท้องเล็กน้อย

พอท้องอิ่ม ก็ออกจากอาคารหารถไป Kazbegi ซึ่งรอบนี้เราจะไม่เหมารถไป

เพราะหน้าตาเราไม่พร้อมจะจอดแวะถ่ายรูปเลย55555 เราจะนั่งรถมินิบัสไปค่ะ

เอาเป็นว่าติดตามการเดินทางไปเมือง Kazbegi ได้ใน

EP.4 ตอน Kazbegi...สวรรค์บนดิน ฟินสุดๆ นะคะทุกคน


พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เพิ่มเติมที่ เพจ Facebook : Be Cool by Kru Gib ได้เลยค่ะ

ตามลิงค์นี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/becoolbykrugib/

ความคิดเห็น