ทริปนี้เราเดินทางตั้งแต่วันที่ 21-29 เมษายน 2562 ค่ะ อ่านรีวิวการเดินทางแต่ละวัน ตามนี้เลยค่ะ
EP.1 ตอน ทบิลิซีที่เลิฟ
EP. 2 ตอน Mestia...แต่วิวไม่เพลียนะจ๊ะ
EP. 3 ตอน Ushguli...หมู่บ้านอันไกลโพ้น
ส่วนนี่เป็นวิดีโอ วิวสวยๆ บางส่วนค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=mdGTqJ5IPJc
ส่วนทริปไปเมือง Kazbegi (คาซเบกิ) นั้นเราเดินทางไปวันที่ 25 -26 เษายน 2562 ค่ะ
เชื่อมั้ยคะว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราเคยเห็นภาพในอินเตอร์เน็ต
ภาพนั้นคือ โบสถ์ที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาคอเคซัสที่มีหิมะปกคลุม
ภาพนั้นมันทำให้เราค้นหาข้อมูลว่ามันคือที่ไหน ประเทศอะไร
จนทำให้เราได้ข้อมูลว่า โบสถ์นั้นคือ Gergeti Trinity Church
ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,200 เมตร
และนั่นเองเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากมุ่งหน้าไปเมืองนี้ค่ะ
***เรามารู้จักเมืองนี้ คร่าวๆกันก่อนนะคะ Kazbegi หรือ Stepantsminda เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัด Mtskheta-Mtianeti อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจอร์เจีย ห่างจากเมืองหลวงทบิลิซีประมาณ 154 กิโลเมตร อีกทั้งมีจุดชมวิว ยอดเขา Kazbek หนึ่งในยอดเขาที่สวยที่สุดของเทือกเขาคอเคซัสค่ะ สูงจากระดับน้ำทะเล 5,047 เมตร เลยจ้าาาา***
***ข้อมูลเพิ่มเติมของเมือง Kazbegi (คาซเบกิ)นะคะ https://georgia.travel/en_US/mtskheta-mtianeti/kazbegi
เอาหละ ต่อจากตอนที่ 3
พอเราลากกระเป๋าลงมาจากตึกที่เราทานอาหารเช้า
แท็กซี่ก็เดินมาถามว่าจะไปไหน เค้าก็เสนอราคา หากเราไม่โอเคก็เดินหนีจ้า
****วิธีเดินทางไป Kazbegi หรือ Stepantsminda มี 2 วิธีค่ะ****
1.นั่งรถรถมินิบัส Marshrutka จากสถานีรถบัส Didube ไปที่ Kazbegi ไม่เเวะเที่ยวตามทางค่ะ เเวะเข้าห้องน้ำ 1 ครั้งค่ะ ราคาคนละ 10 GEL (120 บาท)
2.นั่งแท็กซี่ไปที่ Kazbegi เเวะเที่ยวตามทางค่ะ ( 3 คนราคาประมาณ 150-200 GEL 1,800- 2,400 บาท)
เราเลือกวิธี ที่ 1 ค่ะ
****วิธีเดินทางไปสถานี Didube มี 2 วิธีค่ะ****
1.นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานีรถไฟใต้ดิน Didube แล้วมองหาสถานีรถบัส Didube
2.นั่งแท็กซี่ไปที่สถานีรถบัส Didube
เราเลือกวิธี ที่ 2 ค่ะ เพราะเรามีกระเป๋าใบใหญ่กัน ตอนนั้นมีแท็กซี่มาเสนอราคา 20 GEL (240 บาท)พวกเราไม่โอเค เลยเดินหนี มีมาอีกคนเสนอ 10 GEL (120 บาท) พวกเราตอบตกลงทันทีเลยจ้า
ขนของขึ้นรถเเล้วไปเล้ยยยยย
สถานีรถบัส Didube ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียว ผู้คนเยอะแยะ
ไปถึงก็ตื่นเต้นดีค่ะ แบบเข้าถึงความเป็น local จริงๆค่ะ
ลุงแกบริการดี๊ดี เดินหารถไป Kazbegi ให้เราอีก
พอเจอแกก็บอกพวกเราไปขึ้นรถมินิบัส Marshrutka แถมเอากระเป๋าไปส่งเราอีก
นี่ไงรถที่จะไปป้ายชัดเจน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมงค่ะ
พอเราเอากระเป๋าขึ้นรถมินิบัส เราก็ขึ้นไปนั่ง เลือกที่นั่งตามใจชอบเลยจ้า
พอคนเต็มประมาณ 16 ที่นั่ง เขาก็มาเก็บเงินคนละ 10 GEL
แล้วก็ออกเดินทาง
วิวตามข้างทางเราบอกเลยว่า ทำให้เราหลับไม่ลง ถึงจะง่วงเต็มที
คือมันสวย และอลังการมากกกก
คนขับรถเเวะจอดให้เข้าห้องน้ำค่ะ
เรียบร้อย ก็ลุยต่อค่ะ ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ
ถึงแล้วถึงกับอุทานว่า “โอ้โห!!!!” คือมันคือเมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขา คือมันตื่นตาตื่นใจมากอ่ะ
เรายกกระเป๋าลง (ตรงนี้เป็นศูนย์รวมรถต่างๆ จะขึ้นรถมินิบัสกลับกรุงทบิลิซีก็ตรงนี้นะคะ จะหารถไปเที่ยวก็มีแท็กซี่มากมายมาเสนอราคาให้ค่ะ) ก็มีแท็กซี่มาเสนอราคา แต่พวกเราเปิดดูแผนที่ Guesthouse ที่เราจองคือมันไม่ได้ไกลมาก 600 เมตรเอง
(แต่เเกมันขึ้นเขานะเว้ยย???5555...เอาน่าๆ เดินลากกระเป๋าไป เอ่อ.... คนอะไรคุยกับตัวเองก็ไ้ด้)
เอาหละ หน้าตาก็งัวเงียๆ เปิดแผนที่ แล้วก็ลากกระเป๋าไปค่ะ!!!! ออกกำลังกายยามเช้ากัน
อนาถาทัวร์ ลากกระเป๋าขึ้นเขาค่ะรอบนี้ หนาวแค่ไหนเหงื่อก็ออกค่ะ5555
อยากได้บ้านวิวสวยต้องอดทน..... สิบล้อชนต้องไม่ตาย!!!!!!
ประกาศให้โลกรู้กันว่าหญิงไทย ถึกได้ไม่แพ้ใครในโลกนี้555 ดูภูมิใจเนอะ^^
จนมาถึงหน้าบ้านหลังนี้ ไม่มีป้ายชื่อ guesthouse ติด ก็ยืนงงในดงคอเซซัสซักพัก มีคนผ่านมา น่ารักมาก
เค้าเลยบอกว่า หลังนี้ถูกแล้ว เค้าเลยเรียกเจ้าของบ้านให้เรา
ซักพักเจ้าของบ้านก็ออกมาต้อนรับ เปิดประตูเข้าไปในบริเวณบ้าน มีที่นั่งให้ชมวิวด้วยแหละ
วิวสวยมากกกกกกกกกกกก
จะมีบ้านพัก 2 หลังค่ะ
หลังเเบบนี้เเบ่งเช่าหลายห้อง
พวกเรานั้นอยู่หลังนี้ค่ะ
เจ้าของบ้านพาเข้าไป
ข้างนอกธรรมดามากแต่ข้างในตกแต่งดูดีมากค่ะ
เค้าบอกว่า บ้านนี้ทั้งหลังเป็นของพวกเรา พากันร้องว้าวววววเลยค่ะ คือเกินคาด
ตอนแรกเราจองมานึกว่าจะได้แค่ 2 ห้องนอน กะห้องรับแขก
บ้านนี้เราชอบมาก วิวดี ตกแต่งน่าอยู่ เเนะนำเลยค่ะ Keti Ciklauri Guest House เราจองผ่าน Booking.com ไปจ่ายหน้างานค่ะ ราคาบ้านทั้งหลัง 1 คืน รวมมื้อเช้า 165 GEL (1,980 บาท )
เจ้าของบ้านชื่อคุณ Nino ต้อนรับเราดีมากจ้า
เราวางกระเป๋าแล้ว แต่ละคนนี่มุ่งหน้าเข้าหาปลั๊กไฟเพื่อชาร์จแบตมือถือ เเละ power bank
เพราะเราเดินทางมาตั้งแต่เมื่อวานเย็น น้ำก็ไม่ได้อาบ555 เนตมือถือเราก็หมดตั้งเเต่ตอนนั่งรถมาตอนเช้า เนตก็หมุนติ้วๆ ติดต่อใครก็ไม่ได้ด้วย ได้เวลาอัพเดทโลกโซเชี่ยลกันเเระ
ห้องรับเเขกค่ะ
ห้องครัว
ที่นี่นับถือศาสนาคริสต์มาตั้งแต่ 3,000 ปี มีประวัติศาสตร์อันยาวนานค่ะ
วิวจากมุมนั่งเล่นในห้องครัวค่ะ ชอบๆ อยู่บ้านทั้งวันยังได้เล้ยยย
มุมนั่งเล่นในห้องครัวค่ะ
ห้องนอน วิวดีมากค่ะ มองเห็น Gergeti Trinity Church จากหน้าต่างเลยแหละ
ห้องนอนอีกห้องค่ะ
ห้องน้ำ
เจ้าของบ้านก็เอาผลไม้มาต้อนรับพวกเรา
เราสามคนค่อนข้างเพลียๆเลยนั่งเล่นนั่งพักไปเรื่อย ไม่มีแพลนไรมากสำหรับวันนี้
เรากะว่าจะงีบซักหน่อยแต่ก็ไม่ได้งีบ ติดโซเชี่ยล55 ว่าจะเล่นมือถือจัดของ อาบน้ำ
ปรากฏว่าแดดออกค่ะ สวรรค์เมตตาจ้าาาา
เลยรีบชวนกันออกไปเที่ยวโบสถ์ให้เสร็จเลย เผื่อพรุ่งนี้มืดครึ้มจะถ่ายรูปไม่สวย
เอาหละเเยกย้ายกันอาบน้ำ จัดคอสตูม เมคอัพให้หน้าตาสดชื่นพร้อมถ่ายแบบ555
ได้เวลาเราสามคนก็มุ่งหน้าไปที่ใจกลางเมืองเพื่อไปหารถเช่าไป Gergeti Trinity Church ค่ะ
ก่อนไปเราก็แวะสำรวจ Supermarket ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกันก่อน...ที่นี่ร้านค้าต่างๆจะขึ้นป้ายว่า Market นะคะ
เราก็หาไรรองท้องกันหน่อย โยเกิร์ต ขนม นมเนย ไรก็ว่าไป
จากนั้นเดินหารถเช่าค่ะ ไม่ต้องห่วงมีคนเสนอราคามามากมายเราโอเค ค่อยตกลงไปค่ะ
เราได้ ราคาเหมาไปกลับ 50 GEL ค่ะ พร้อมแล้วขึ้นรถไปโล้ดดดด
ออกนอกเมืองไต่เขาขึ้นไป จะเห็นความอลังการของเทือกเขาคอเคซัสสุดๆค่ะโค้ง หักศอก บวกกับเหวที่ลึก ทำเอาเราแทบกลั้นหายใจ แต่ก็มีวิวอันอลังการที่สวยสุดๆทำให้เราลืมความกลัวได้บ้างบางครา
เราก็ลุ้นกันว่าภาพจะได้จะสวยหรือไม่เพราะตอนออกจากบ้านแดดออก แต่พอมาข้างบนก็อึมครึม
ลุงขับรถไต่เขาขึ้นไป ลุงแกขับซิ่งมาก
มีช่วงนึงรถหลายคันจอด รถพวกเราก็จอด
ลุงแกก็เปิดกระจกถามว่าเกิดไรขึ้น ตอนนั้นพวกเราก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดไรขึ้น
แต่เห็นหลายคัน
ถอยรถขับกลับ บางคันก็จอดแล้วก็เดิน
ถึงบางอ้อก็ตอนที่ลุงขับรถเร่งเครื่อง โอ๊ยยย!!!! มีเรื่องเสียวปนระทึกอีกแล้ววววว
หิมะมันขวางทางจ้า มิน่าหลายคนเดินไปเเลนมาร์คสำคัญราวๆ 1 กิโลเมตรได้มั้ง หลายคันถอยรถกลับ
แต่....แต่...แต่ ลุงคนขับรถเราน่ะเหรอ แกสู้จ้าาาาา
แกเร่งเครื่อง...... เร่ง........ แล้วก็เร่งรถ พยายามที่จะขับผ่านช่วงหิมะขวางถนน
เรานี่ เสียววววสุดๆ กลัวมันลื่นตกเขา เพราะที่กั้นขอบถนนก็เตี้ยเหลือเกิน ดูได้จากภาพค่าาา
ลุงแกเร่งเครื่อง รถปัด ซ้าย ขวา เหวก็ลึก จิกมือ จิกขา เกร็งก้นกันเลยทีเดียว...โอ๊ย หายใจไม่ทั่วท้อง
คอเคซัสนี่โหดจริงไรจริง...แต่วิวสวยมากมาย ขนาดพวกเราบอกลุงว่าจอดรถเถอะ พวกเราเดินก็ได้
แต่ลุงก็หาฟังไม่.....ตอนนั้นคิดในใจว่าถ้ารถลื่นปัดซ้ายขวา ตกเหวจะทำไง........
แต่ก็ผ่านมาได้555 ลุงเจ๋งอ่ะ แต่เราก็ยังแอบกังวลตอนกลับ555
แกขับซิ่ง เฟี้ยวฟ้าวมาก จนเรากินโยเกิร์ตเลอะใส่หน้าอ่ะคิดดู555
ถึงแล้วจ้าาา สวยยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ
ผู้คนหลากหลายพากันนำกล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายรูปราคาแพง ตั้งกล้องมาถ่ายตามจุดต่างๆ
พวกเราน่ะหรอ555 กล้องไอโฟนจ้า ถ้าได้กล้องดีๆมาถ่ายคงได้ภาพสวยกว่านี้
ยืนดื่มด่ำธรรมชาติซะหน่อย
ภาพยังอลังการขนาดนี้ ของจริงนี่สุดๆเลยค่ะ
อึมครึมหน่อย แต่ดีที่เห็นเทือกเขาหิมะ
ไปเที่ยวที่นี่ต้องลุ้นกับสภาพอากาศนะคะ บางวันหิมะตกก็มองไม่เห็นอะไรเลย
ขอบคุณสวรรค์เมตตา....ที่ให้เราเห็นวิวสวยๆนะคะ^^
นางแบบอยู่ทางนี้.......หันกล้องมานี่ซิจ๊ะ5555
เดินขึ้นมาชมโบสถ์บ้าง
เดินไปลื่นหิมะไป
เดินรอบ เก็บบรรยากาศด้วยภาพถ่าย วิดีโอ มองด้วยตา สัมผัสด้วยใจ หูยยยยยยย555
เซลฟี่บ้าง เห็นหมู่บ้านข้างล่างมั้ยคะ???
นั่นแหละ เมืองในหุบเขาอย่างแท้ทรู เราขึ้นมาจากนั่นแหละ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,200 เมตรนะจ๊ะ
น้องหมาชิลไปแระ คงจะสบายน่าดู
ผู้คนมาที่แห่งนี้ก็เยอะพอสมควร
พูดเลยว่า ต้องมาค่ะ!!!! เห็นด้วยตา สวยกว่าภาพถ่ายมากกกก
โบสถ์นี้สร้างขึ้นใน ศตวรรษที่ 14 ค่ะ ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Gergeti ห่างจากเมืองคาซเบกิ 6 กิโลเมตร
สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,200 เมตร
การเดินทางขึ้นมาบนนี้ บางคนก็จะเช่ารถ เดินขึ้นมาบ้าง หรือเช่าม้าขี่ค่ะ
ถนนหนทางเป็นคอนกรีตสะดวกสบายค่ะ
เราใช้เวลาชื่นชมข้างบนอยู่นาน จนลืมไปว่าเราลืมนัดกับคนขับรถ
เอาแล้วไง เขาบ่นแน่ๆ และก็จริงๆ เขาบ่น เรายิ่งแอบเสียวว่าเค้าจะขับรถเร็วแค่ไหนกัน5555
พอถึงข้างล่างเขาขอราคา 60 GEL เพราะพวกเรามาช้า เราก็ยอมจ่ายเพราะราคาพอรับได้
หาร้านทานอาหารเย็นกันค่ะ
Chicken salad อันนี้อร่อยดีค่ะ มีกลิ่นผักชีลาวผสมด้วย
สเต็กไก่ โอเคอยู่ค่ะ
กะหล่ำปลีห่อเนื้อด้านใน รสชาติเหมือนแหนม
มะเขือยาวสีม่วง เราชิมนิดเดียว รู้สึกเผ็ดกระเทียมมาก
กินเสร็จเราก็หาที่เติมเงินมือถือ เดินถามคนในร้านขายของชำ
มีคนนึงใจดีมากบอกจะพาไปเติม เค้าพาไปธนาคารข้างๆแต่ ธนาคารปิดเค้าเลยบอกให้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต
เราก็ไป พนักงานเติมเงินจากตู้ให้ แต่ปรากฎว่าเงินมีไว้โทร เนตก็เล่นไม่ได้ตามเคย
ตัดใจเรื่องเนต แล้วกลับไปใช้ wifi ที่บ้านแล้วกัน
เราซื้อขนมเพิ่มเติม สำรวจซุปเปอร์มาร์เก็ตกันหน่อย แล้วค่อยเดินกลับบ้านกัน
นั่งชมวิวกับอากาศอันเย็นยะเยือก
มองไปทางไหนก็สวย มีความ local ด้วย
มีวัวข้างบ้าน มีเสียงร้องของวัวด้วย555
เมื่อเราสามคนมีเวลากินขนม เม้าส์มอยกัน
ก็เลยปรึกษากันเอาไงดี เรื่องที่พักที่ Mestia ที่หาว่าเราขโมย (แอบเสียดายอุตส่าห์รีวิวให้เต็ม อยากลบคะแนนออกก็ยังทำไม่เป็น555 เจ็บใจนิสๆ)
เลยปรึกษารุ่นน้องที่รู้จักบอกว่าแจ้งสถานทูตไทยที่อยู่ตุรกีไว้เลย จะได้สบายใจ
คืองี้นะคะจอร์เจียไม่มีสถานทูตไทย หากเกิดเรื่องไรก็ติดต่อสถานทูตไทยในตุรกีได้ค่ะ
เรากดไลค์เพจเฟซบุคก่อน แล้วเล่ารายละเอียดในข้อความให้ฟัง
คือเราไม่ชอบการเข้าใจผิดไง มีการปรักปรำอีกว่าพวกเราขโมย
เอิ่มมม พวกเรามาเที่ยวค่าา ไม่ใช่ขโมย ด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง ^^
จากนั้นก็มีการโทรไปเล่าให้ฟังค่ะ ทางสถานทูตบอกว่ารับทราบเรื่องแล้ว อย่ากังวล
ให้เที่ยวให้สนุกที่เรากังวลคือ กลัวว่าจะมีเรื่องตอนเราจะเดินทางกลับไทยอ่ะค่ะกลัวมีเรื่อง(นี่อาจจะมโนไปเอง) แต่พอเล่าเรื่องให้ทางสถานทูตไทยในตุรกีฟังแล้ว คลายใจไปได้เยอะ 80% เลยก็ว่าได้ค่ะ
แล้วทางสถานทูตบอกว่าเดี๋ยวติดต่อกลับมาอีกทีในวันพรุ่งนี้
กราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ไปเมืองไหนก็ต้องลองไวน์555
เอาล่ะ สบายใจแระ กิน ขนม จิบไวน์อัพโซเชี่ยล แล้วอาบน้ำนอนได้
รู้สึกว่านอนหลับสบายมากกก
ตื่นมาก็เจอวัวมากินหญ้าข้างหน้าต่าง
ถ่ายรูปกับมุมหน้าต่างห้องนอนซะหน่อย
เห็นโบสถ์ที่เราไปเมื่อวานมั้ยคะ? มองจากห้องเราก็เห็น
ภาพนี้สวยสุดๆเลยเนอะ เพราะมองไม่เห็นคน555
อาบน้ำแต่งตัว เดินไปเจออาหารที่ Nino เตรียมไว้ให้ อลังการจริงๆ
ระหว่างนั้นเราขอให้เจ้าของบ้านหารถแท็กซี่ไปทบิลิซีให้พวกเราเพราะพวกเราจะจอดแวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆ
เลยไม่ใช้บริการรถมินิบัสรอบนี้
สรุปเราได้ราคา 150 GEL เพื่อนของเจ้าของบ้านนั่นเอง
เรานัดเวลาให้มารับ 10.00 น.
พวกเรากินอาหารมื้อเช้าไม่หมด เจ้าของบ้านก็ทำการห่อให้พวกเราเผื่อเราหิวระหว่างทาง
เจ้าของบ้านใจดีมาก เราโอเคมากกับที่พักที่นี่ เเนะนำเลยค่ะ
เก็บของเรียบร้อย ไวน์ก็ดื่มไม่หมดจากเมื่อคืน
Nino ยังทำทิชชู่เป็นจุกไวน์ให้อีก หอบกระเตงๆกันไปอีก555
เอาหละรอเวลารถมารับ ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศซะหน่อย
อากาศดี วิวสวยเหลือเกิน
อยากนั่งกินหมูกระทะตรงนี้!!!
วิวภูเขาหิมะ ใกล้เหลือเกิน
สีของที่หนีบผ้าตัดกับภูเขาหิมะก็ยังสวย!!
ตู้เย็นไม่ต้อง...แช่แบบนี้ก็ได้^^
ดูวัวกินหญ้าก็ทำให้อารมณ์ดี555
ก็วิวมันสวยอ่ะ อะไรก็ดีไปหมด
จากนั้นคนขับรถก็มารับค่ะ
เราทำการร่ำลาเจ้าของบ้านเรียบร้อย
ยายข้างบ้านมาพอดี ขอถ่ายรูปซะเลย แก้มแดงน่ารักเชียว
จากก็นั้นออกเดินทาง นั่งรถไปซักพักออกนอกเมือง ชมวิวไป
เราค้นกระเป๋า เห็นเงิน!!!! นึกออกได้!!!!!!!!!
เลยบอกให้คนขับหยุดรถ5555.........โอ๊ยยยย...ซอรี่ค่าทุกคน
อีกแล้ว!!! เดี๋ยวก็เกิดเรื่องอีกหรอก5555
เราลืมจ่ายเงินจ้า5555 เราเป็นการเงินของทริปนี้
คนขับโทรหาเจ้าของบ้านให้ แล้วก็ขับรถกลับไปบ้านอีกครั้ง
เรียกเจ้าของบ้านมารับเงิน555
เจ้าของบ้านก็บอกว่าลืมเช่นกัน
เอาเป็นว่าจบด้วยดีนะ ยื่นเงินให้ ถ่ายรูปเป็นหลักฐานซะเลย
(เรื่องบ้านจาก Mestia ก็ยังเเอบมากวนใจอยู่555)
เอาเป็นว่า เมือง Kazbegi เราชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งวิว บ้านพัก และเจ้าของบ้านจ้า
เอาหละออกเดินทางจริงๆแล้วจ้าาาาา
วิวข้างทางนี่ทำให้พวกเราหลับไม่ลงเลย
วิวสวย หิมะขาวโพลน
เด็กภูธรไง ตื่นเต้นกับหิมะ บ้านเราไม่มีด้วย555
ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอเอาทุกอย่าง
ลอดอุโมงค์หลายจุดมาก
สังเกตได้ว่าหิมะหนามากๆ
สูงกว่ารถตำรวจอีกกก
พอถึงตรงเขาเล่น Paragliding คนขับก็ถามเราว่าจะเล่นกันมั้ย
ใจจริงก็อยากเล่นอยู่นะ
แต่ก็ตอบไปว่าไม่มีใครอยากเล่น
ถึงจุดที่เราจะเเวะถ่ายรูปแล้ว คนขับก็ไม่ได้กำหนดเวลาหรอกค่ะ แยกย้ายกันไปชมวิว ถ่ายรูป
ผลไม้น่ากิน แต่ไม่ซื้อ แก้วละ 180 บาท
สถานีที่เราแวะถ่ายรูป ชมวิวคือ Russia- Georgia Friendship Monument
หรือ Treaty of Georgievsk Monument ค่ะ
สร้างขึ้นเมื่อปี คศ.1983 เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันดีงามของ จอร์เจียและรัสเซีย อยู่ถนน Georgian Military Highway ค่ะ
อยู่เมือง Gudauri ห่างจากกรุง ทบิลิซี 120 กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 2,200เมตร
เมืองสกีค่ะ มองไปทางไหนก็เจอหิมะ ชอบๆๆๆๆ
แต่ช่วงที่เราไปก็ ลานสกีปิดไปแล้วหลายแห่งค่ะ เพราะเข้าสู่สปริงกันแล้ว
นี่พวกเราโชคดีนะเนี่ยที่มาเจอหิมะหลายที่เลย
ที่นี่เราชอบอ่ะ ถ่ายรูปออกมาสวยดี ฟ้าก็ใส
อากาศเป็นใจต้อนรับเราที่มาจากไทเเล๊นนนนนนนด์ได้ดีมากค่ะ555
เราปลื้มมากกกกกกก
เป็นแลนด์มาร์คที่แวะเเล้วใช้เวลาไม่นาน แต่ได้รูปอย่างเยอะเลยค่า ถ่ายมุมไหนก็สวย
เราใช้เวลาถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ซึมซับความสวยงามของวิว
แล้วเราก็กลับมาขึ้นรถเดินทางไปเมือง Tbilisi ต่อเราตั้งใจนอนค้างที่เมือง Tbilisi
แล้วเช้าวันพรุ่งนี้เราจะไปประเทศอาร์เมเนียต่อ (ที่ตั้งใจไว้นะ)
ระหว่างทาง คนขับก็แวะให้เราลงถ่ายรูปกับ Ananuri Fortress (ป้อมปราการแอนานูรี่)
สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16-17 มองเห็นอ่างเก็บน้ำ Zhinvali ด้วย
เราได้ทยอยถอดเสื้อโค้ทออก เพราะลงมาพื้นราบ อากาศเริ่มอุ่น จากเมืองหิมะ มาพื้นราบ
อากาศช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ลานหน้าป้อมปราการก็มีร้านขายของที่ระลึกมากมายให้เลือกซื้อ
มีชุดให้เช่าถ่ายรูปด้วยนะ
นี่แก้วไวน์นะคะ
ใครอยากถ่ายรูปก็เช่าชุด ถ่ายรูปเก๋ๆค่ะ
เรารู้สึกทึ่งในแรงศรัทธาศาสนาในอดีตกาลจนมาถึงปัจจุบันมากค่ะ
มีอักษรสลักลงบนหินด้วยค่ะ ตัวอักษรเค้าน่ารักดี
มีชั้นใต้ดินด้วย
คนขายถามเราว่ามาจากไหน เราตอบไปว่า ไทยแลนด์!!!!
เสียงก้องกังวานเหมือนมิสแกรนด์.....
เค้าเลยบอกว่าถ่ายรูปเค้าหน่อย55 อ่ะจัดไปค่ะ
นั่งรถมาซักพัก คนขับรถจอดตรงนี้
คนก็เยอะๆแหละ เค้าบอกให้ลงไปดูน้ำ 2 สี
เราก็ดู ก็ดู555 เออ.... 2 สีจริงๆด้วย
แล้วนั่งมาอีกหน่อย
คนขับรถก็แวะให้ลงไปดูวิวตรงนี้
เค้าก็เสนอถ่ายรูปให้พวกเรา 3 คนด้วยนะ แกบริการดีมากๆ
เอาหละ เข้าเมืองทบิลิซีซักที
ลุงคนขับแกก็พยายามหาโรงแรมที่รุ่นพี่เราจองผ่าน Agoda แต่ก็หาไม่เจอ
แกทั้งจอดรถ วนหา วิ่งลงไปถามให้ตั้งหลายรอบ แกน่ารักดี
พวกเราก็เกรงใจแก บอกแกว่าให้พวกเราลงตรงนี้ก็ได้ เพราะรุ่นพี่เราอยากพักแถว Sulfur bath
ช่วงที่เปิดมือถือค้นหาแผนที่ (มือถือใช้เนตได้เครื่องเดียว อีก 2 เครื่องเนตหมด หาที่เติมไม่ได้)
พวกเรายืนอยู่หน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
ก็จะมีแม่ลูก หลายคู่เลยแหละ เดินมะสะกิดเอวบ้าง สะกิดเเขนบ้าง มาขอตังค์บ้าง
ตอนเเรกเราให้ไป จากนั้นก็จะตามมาอีกหลายคู่เลยเเหละ ตามมารุมเรา
ช่วงนั้นพวกเราก็เหนื่อยกันเลยยืนกินขนม เค้าก็จะเดินมาขอขนมทาน เราให้น้ำอัดลมไป
ไม่เอาด้วยนะ ขอบอก555 เลือกอีก ชี้จะเอาขนม เราก็ให้ไป แอบสงสารไง
แต่เราก็ต้องระมัดระวังทรัพย์สินเราไว้ด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัยค่ะ
แล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้น....รุ่นพี่เราเดินไปถามตำรวจ
ตำรวจเลยไปถามผู้ชายคนหนึ่ง เค้าดันเป็นเจ้าของที่พักที่รุ่นพี่เราได้จองไว้
แต่ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดจ้าาาา มีคนเข้าพักแล้ว
เราเลยต้องหาที่พักใหม่ (อยากพักที่เดิมตั้งแต่วันแรกที่มาถึง แต่มันเต็ม)
เปิด booking.com หาที่พักใหม่ เอาใกล้ๆแถวที่เราอยู่เพราะอยากเข้าที่พักกันแล้ว
พวกเราเปิดแผนที่ มันก็บอกว่าถึงแล้ว แต่ก็หาไม่เจอซักที
เราเดินหาบ้าง สลับกับรุ่นพี่เรา อีกคนก็ยืนเฝ้ากระเป๋าใบมหึมา 3 ใบที่มุมถนน555 เพลียแทนเนอะ
จนเราเมื่อย เราเลยเดินมาเฝ้ากระเป๋ากะรุ่นพี่อีกคนที่มุมถนน
มองคนผ่านไปมา เปิดจองโรงแรมใหม่ เจออันไหนก่อนก็จะเข้าพัก
ช่วงสี่โมงกว่าๆ เด็กๆเลิกเรียนมั้ง
เด็กๆน่ารักมาก เดินผ่านพวกเรา 2 สาวแล้วพูดว่า I love you 5555 เราเลยยิ้มให้
ผ่านไปหลายนาที เด็กๆ ผ่านมาอีกรอบเห็นพวกเรา 2 สาว (เป็นป้าแล้วเหอะ555) นั่งเฝ้ากระเป๋าอยู่ที่เดิม
เลยถามเราว่ามาจากไหน
เราตอบว่า Thailand!!!
เด็กคนนึงตอบว่า Oh! Thailand ( รู้รึเปล่าหนูว่าอยู่ส่วนไหนของโลก55)
จากนั้นเราเลยกวักมือเรียกให้มาหา555 ใช้เด็กแระทีนี้
เด็กๆเลยเดินมาหา
เราเลยถามว่ารู้จักโรงแรมนี้มั้ย? (โรงแรมลำดับ 3 ที่พวกเรากดจอง)
เด็กๆคุยกัน
จากนั้นเด็กๆก็ช่วยหา วิ่งไปถามลุง
แล้วความบังเอิญรอบ 2 ก็เกิดขึ้น
ลุงคนนี้คือ เจ้าของโรงแรมลำดับที่ 2 ที่พวกเราจองแล้วโทรหาแกก็พูดรัสเซียใส่ แล้วก็หาไม่เจอ
จนกระทั่งเด็กๆกลุ่มนี้ช่วย555
เอาหละ พักโรงแรมนี้แหละเจอที่แล้ว ค่อยไปกดยกเลิกโรงแรมลำดับ 3 แล้วกัน
เด็กๆน่ารักมากกกกกก
พากันยกกระเป๋าไปส่งถึงห้องเลยจ้าาาา
ซึ่งโรงแรมนี้อยู่เยื้องจากที่พวกเรายืนนิดเดียวเอง เดิน 10 ก้าวก็ถึงแระ555 แต่ประตูปิดไง หาไงก็ไม่เจอ เดินผ่านตั้งหลายรอบ
เด็กๆน่ารักมากกกกกก
โอ๊ย..... กระเป๋าก็หนัก เด็กๆ กับลุงช่วยยกขึ้นบันไดอันสูงชัน
ว่าแต่ว่าเราสองสาวไม่ห่วงพี่ชายพวกเราเล๊ยยยย
ไม่รู้แกเดินหาโรงแรมอยู่มุมไหน5555
เด็กๆไปเอากระเป๋าส่งถึงห้องเลย
จากนั้นพวกเราก็ขอบคุณ เราเลยเอาขนมให้
เด็กๆ ไม่เอา ยกเว้นคนนึงเอาขนม แต่เพื่อนๆแอบว่าให้ว่าเอาทำไม555
เด็กน่ารักมาก....พอเราถามว่า How old are you? เด็กๆตอบว่า I’m fine 555555
ส่วนรุ่นพี่เราอีกคน นั้นตามมา เพราะเห็นเด็กๆ แล้วเด็กๆคงเดาถูก บอกพี่แกว่าอยู่โรงแรมนี้
พี่แกเลยตามมาโรงแรมถูก
เอาตรงๆนะ เราประทับใจเด็กๆ กับลุงเจ้าของโรงแรมมาก
แต่!!! พอเจอสภาพห้องถึงกับไม่กล้านอน ฝุ่นเยอะ เก่าแก่ เก่าไปหมด แต่สถานที่อยู่ใจกลางเลยนะ
Location ดีมากเหอะ แต่เอาจริงๆ เรานั่งโซฟาเล่นเนตเราเห็นฝุ่นเยอะแยะมากมาย
เตียงเรายังไม่กล้านั่งเลย รุ่นพี่เราเอาทิชชู่เปียกเช็ดโต๊ะนี่ฝุ่นอย่างเยอะ
ห้องน้ำรวม ปวดฉี่เรายังไม่กล้าเข้าเล้ยย
ถ้าลุงแกรีโนเวทที่พักที่นี่คงจะเริ่ดสุดๆอ่ะ location ดีเว่อร์
ระเบียงของห้อง...วิวก็สวย
จุดที่ผู้ชายเสื้อขาวยืนนั่นแหละ คือจุดที่เรานั่งเฝ้ากระเป๋าตั้งนาน แล้วเด็กๆเดินผ่านไปมา
มองเห็น Sulfur Bath แค่เอื้อม
มีวงดนตรีมาบรรเลง เพลงก็เพราะดี ถ้าห้องสะอาดและไม่เก่าคงจะดีกว่านี้
ช่วงเวลานี้รุ่นพี่ผู้ชายอยากไปอาบน้ำแร่
ส่วนเรากะรุ่นพี่ผู้หญิงนั้นนั่งเล่นเนตในห้องที่โรงแรม
เราก็พยายามโน้มน้าวให้เปลี่ยนโรงแรม555
พอผ่านไปเกือบชั่วโมง รุ่นพี่กลับมาจากอาบน้ำแร่
เราสามคนเลยปรึกษากันว่า พรุ่งนี้จะไปอาร์เมเนียกันมั้ย? เรานั้นอยากไป แต่พอคุยไปคุยมา พากันเหนื่อยกัน อยากจะ Slow life กันแถวนี้ เลยเปลี่ยนแผนอยู่ที่กรุงทบิลิซีต่อ
เสียดายถ้าตัดสินใจตั้งแต่เมื่อวาน จะได้พักที่ Kazbegi ต่อเลย
แล้วเราก็ปรึกษากันว่าจะเปลี่ยนโรงแรมดีมั้ย?
ถ้าจะเปลี่ยนตอนนี้คงไม่ไหวกัน กระเป๋าหนัก เกรงใจลุงด้วย
เลยตัดสินใจเอากระเป๋าไว้ที่โรงแรม และออกไปหาไรทานมื้อเย็น
แล้วเราก็ค่อยหาโรงแรมใหม่ใกล้ๆกับที่พักเดิมวันแรกที่เรามาถึง
เพราะเราจองที่พักนั้นไว้วันสุดท้ายก่อนกลับไทย
บันไดก็หลอน
พวกเราเดินออกมาหาร้านอาหารทาน มุมนี้สวย
เก๋ๆ
ฟังเค้าเล่นดนตรีซะหน่อย
ทานร้านนี้แล้วกัน
Chicken salad สั่งมาอีกแล้ว แต่ร้านนี้ได้เนื้อไก่เยอะดี อร่อย
สเต็กหมู
สเต็กวัวน้อย เกรียมไปหน่อย หุหุ
อันนี้อาหารจอร์เจียค่ะ Khinkali เหมือนเสี่ยวหลงเปา ไส้ออกเค็มๆหน่อย กินชิ้น 2 ชิ้นก็อิ่มแระ
รุ่นพี่ห้ามเราแระนะว่าสั่งเยอะไป
จะกินหมดหรอ555 เราบอกว่า หิววววววววววววววววววว
kebab ร้านนี้ไม่ห่อมาให้ซะงั้น ค่อนข้างเค็มหน่อยๆอ่ะ
สรุปกินไม่หมดจ้า
สั่งตอนหิวก็จะแบบนี้แหละ หลายรอบแระ หุหุ
ค่าเสียหายมื้อนี้
ตอนนั่งทานอาหารเราก็ได้ทำการจองโรงแรมใหม่
ตัดสินใจเปลี่ยนโรงแรมใหม่เลยจ้าาาาาาาาาาาาาาา
เดินตัวเปล่ากันสามคน ไปนอนโรงแรมใหม่เลย กระเป๋า 3 ใบก็เอาไว้โรงแรมเดิม
พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเอามา555
ได้อยู่ชั้นใต้ดินซะงั้น
ที่นี่ก็ใหม่หน่อย แต่ๆๆๆๆ ไม่เป็นส่วนตัวจ้า555
คือเจ้าของเปิดเข้าห้องพวกเรามาเอาของที่มีห้องเก็บของในห้องพวกเราตลอดเวลา
สำหรับเรานั้นการออกเดินทาง ทำให้พบเจอผู้คนใหม่ๆ วิวใหม่ๆ กำไรของชีวิต ได้มุมมองใหม่ๆ
คิดไม่ผิดที่ออกเดินทาง^^
เอาเป็นว่าวันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน......ฝันดีนะคะทุกคนนนน
ติดตาม EP.5 ตอน เปลี่ยนแผน...เปลี่ยนใจ Slow life รอบๆ Tbilisi
พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เพิ่มเติมที่ เพจ Facebook : Be Cool by Kru Gib ได้เลยค่ะ
ตามลิงค์นี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/becoolbykrugib/
Be Cool by Gib
วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.43 น.