การเดินทาง ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เป็นอีกจุดหมายปลายทาง ที่ผมชอบ
ไม่ว่าจะเป็น ความสวยงามของภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ทุ่งนา เป็นต้น ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่ได้ออก
ไปสัมผัสบรรยากาศ เหล่านี้ ร่างกายผมเหมือนได้ชาร์ตพลังเข้าไปเต็มที่ อากาศที่ได้หายใจเข้าไป
หรือแม้แต่ภาพที่เห็น ล้วนแล้วแต่เป็นความสุข ที่ไม่มีข้อแม้ใดๆ ที่จะทำให้ผมไม่อยากไป สัมผัสมัน
นี่คือ จุดเริ่มต้นสำหรับทริปนี้ของผมและเพื่อนๆ ที่มีจุดหมายปลายทางฝันที่เดียวกัน นั่นคือ น่าน
" น่าน นครแห่งขุนเขา และสายหมอก "
ทริปนี้ พวกเราเดินทาง โดยสายการบิน Air asia เราเดินทางกันทั้งหมด 5 คน
เมื่อเครื่องบินเข้าเขต จังหวัด น่าน เรามองผ่านทางบานหน้าต่างออกไป เห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน
สีเขียวของต้นไม้และทุ่งหญ้าสวยงามมาก กินพื้นที่กว้างขวาง นี่เองที่เป็นที่มา ของคำว่า เมืองแห่งขุนเขา
หลังจากเครื่องลงจอด เรียบร้อยแล้ว เราก้ไปติดต่อเช่ารถที่เราทำการจองไว้ล่วงหน้า ก่อนเดินทาง
พวกเราขนกระเป๋าขึ้นรถ แล้วรีบเดินทางไปที่พักของเราในคืนนี้ นั่นก็คือ " คุ้มเมืองมินทร์ "
คุ้มเมืองมินทร์ เป็นที่พัก ตัวอาคารปูนผสมกับไม้ การตกกแต่ง ดูเรียบง่ายรอบตัวอาคารชั้นบน
และล่างตกแต่งโดยใช้บานกระจกทรงสูง เปิดรับลม รอบตัวอาคาร ใช้กระจกลายใส ตกแต่ง
ที่พัก https://www.facebook.com/khummuangmin/
เราสามารถยืมจักรยานจากที่พัก ปั่นเที่ยวรอบตัวเมืองได้
หลังจากพวกเราทำการ Check inn เรียบร้อยแล้วพวกเรามีแผนว่าเราจะ ปั่น จักรยานเที่ยวในเมืองแต่ถึงเวลาจริงๆ เราเปลี่ยนแผนมาใช้รถที่เราเช่า ขับไปแทน 555 ความขี้เกียจ ครอบงำพวกเรานั่นเอง
สถานที่แรกที่เราไปนั่น ก็คือ "วัดภูมินทร์"
วัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดน่าน เป็นวัดสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน วัดมีลักษณะที่สำคัญคือโบสถ์และวิหารถูกสร้างเป็นอาคารเดียวกัน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2139วัดแห่งนี้เป็นวัดหลวง ที่มีอายุกว่า 400 ปี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากของจัหวัดน่าน
ตามพงศาวดารเมืองน่าน ได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์เจ้าผู้ครองนครน่านได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นมา หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2139 อีกทั้งยังมีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่า วัดแห่งนี้. เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” และต่อมาในภายหลัง ชื่อวัดได้เพี้ยนไปกลายเป็นวัดภูมินทร์
ภายในตัวโบถส์ มีภาพวาดจิตกรรมฝาผนังที่เรียกว่า "ฮูมแต้ม"
ทั้งยังได้รับฉายาว่า “ภาพกระซิบรักบรรลือโลก”
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปที่ "ซุ้มต้นลีลาวดี" บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
แนวของต้นลีลาวดี จะขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ ขยายกิ่งก้าน โค้งเข้าหากันราวกับอุโมงค์ดูแล้วสวยงามมาก
บริเวณใกล้กันนั้นจะเป็นอาคาร พิพิธภัณ์ จังหวัด น่าน
ภายในแบ่งการจัดแสดงเป็น 2 ชั้นคือ
- ชั้นบนจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องโบราณคดีและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
- ชั้นล่าง จัดแสดงเรื่องราวด้านชาติพันธุ์วิทยา เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของภาคเหนือ
หลังจากที่เราใช้เวลาอยู่ประมาณ 30 นาที เพื่อชมพิพิธภัณฑ์ พวกเราก็เดินทางไปยังวัดทีอยู่ใกล้ๆนั่นคือ
"วัดศรีพันต้น"
ภายในวัดมีวิหารที่สวยงาม ตั้งเด่นเป็นสง่ามีสีทองระยิบระยับ เป็นอีกวัดหนึ่งในจังหวัดน่านที่มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียร เฝ้าบันได หน้าวิหารวัด สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา มีความสวยงามมาก ดูอ่อนโยนมีชีวิตชีวา
"ศาลหลักเมือง"
เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ พบที่ซากวิหาร ในราวปี 2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครน่านสถาปนาวัดใหม่ ตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า เสามิ่งเมือง ต่อมาปี 2527ได้มีการรื้อถอนและสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยแบบในปัจจุบัน
พอถึงเวลาช่วงเย็น เรารีบออกเดินทางไปยัง "วัดพระธาตุเขาน้อย"
เพื่อไปชมวิวที่วัดแห่งนี้ จุดเด่นของวัดนี้ คือ จะมีพระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่
นั่นก็คือ
"พระพุทธมหาอุตมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน"
ที่นี่ถือเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเพราะเห็นเมืองน่านจากมุมสูง
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเราเดินทางมาที่ ถนนคนเดินใกล้ๆวัดภูมินทร์ อีกครั้งเพื่อที่จะเดินหาของอร่อยๆกิน
ที่ ถนนคนเดินแห่งนี้ จะมีลานนั่งปูเสือ ข้างวัดภูมินทร์ พวกเรานั่งกินมื้อเย็นกันที่นี่ เสียงดนตรี เคล้าคลอ
โดยมีฉากหลังเป็นวัดภูมินทร์ ที่สวยงาม เป็นมื้อเย็นที่ราคาไม่แพง แต่ วิว กับบรรยากาศ
ทำให้พวกเราได้ซึมซับกับบรรยากาศเมืองเหนือ ที่ไม่อาจลืม
หลังจากอิ่ม จากมื้อเย็น เราก็เดินทางกลับมายังที่พัก เพื่อจะพักผ่อน โดยวันพรุ้งนี้
เรามีภาระกิจเดินทางต่อ โดยก่อนเข้านอน เราได้เก็บภาพบรรยากาศ ที่พักยามค่ำคืน
เช้ารุ่งขึ้น เรากินมื้อเช้า และ Check out เรียบร้อยเราออกเดินทางไปยัง อำเภอ บ่อเกลือ
โดยใช้เส้นทางหมายเลข 1257 ที่ขึ้นชื่อว่า ถนนลอยฟ้า มีวิวข้างทางที่สวยงาม อีกเส้นหนึ่ง
ระหว่างทาง เราแว่ะร้านกาแฟ เดอะวิว กิ่วม่วง ที่นี่มีเคื่องดื่มหลากหลาย แถมยังมีจุดชมวิว อีกด้วย
ความเขียวของต้นไม้ ต้นหญ้า ดูแล้วสดชื่นมากกก
หลังจากออกจากร้านกาแฟ เพื่อนร่วมทางของเราบ่นว่าหิว เราเลยแว่ะที่ร้านขายอาหารระหว่างขับผ่าน
อาหารที่สั่งไป จะเป็นพวก ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำ อาหารตามสั่ง ขอบกว่าอร่อยมาก แถมราคาถูกด้วย
วิวของ ร้านอาหาร
เรามาถึง บ่อเกลือ โดยเราใช้เวลาเกินกว่า GPS บอก เนื่องจาก เราแว่ะถ่ายรูป ตลอดทาง นั่นเอง
"บ่อเกลือ"
มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบนภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือน เพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
หลังจากเราเดินเที่ยวทั่วบริเวณ บ่อเกลือ เราก็คุยกันว่า ไหนๆก็มาถึงที่นี่แล้ว
พวกเราเพิ่มจุดหมายแบบนอกแพลน มั้ย นั่นก็คือ "ภูลังกา" ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน เราจึงเดินทาง
โดยที่ ภูลังกา เรา เลือกพักที่ Phulangka Ler Balcony
เราเก็บกระเป๋า Check in เสร็จ เราก็ไม่รอช้า มาที่จุดชมวิวของทางที่พัก ภาพที่เห็นก็คือ วิวแบบนี้
บรรยากาศมันชั่งดีงามมาก เหมือนอยากหยุดเวลา ไว้แบบนี้ นานๆ
เช้าวันใหม่ ผมรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาสัมผัสอากาศตอนเช้า เฮ้ออ สดชื่นสุดๆเลยครับ มีเพียงเสียงลม เสียงนกและไอหมอก กับ แสงอาทิตย์อ่อนๆ
ใกล้เวลา 07.00 หมอกยิ่งเริ่มเย่อะ
ได้กาแฟ และมื้อเช้า กับวิวแบบนี้ จะเอาอะไรมาแลก ก็คงไม่ยอม 555
เมื่อดื่มด่ำอาหารเช้า กับอาหารตาเต็มที่แล้ว เราก็ออกเดินทางกลับไปที่ อำเภอ ปัว อีกครั้ง โดย
เราใช้เส้นทางอีกเส้นหนึ่งที่ขึ้นชื่อ ถนนลอยฟ้าอีกเช่นกัน นั่นก็คือ ถนนหมายเลข 1081
โดยระว่างทางเราผ่านร้านกาแฟ วิวสวย นั่นก้คือ ร้าน Magic mountain แต่เสียดายร้านปิด
เราจึงได้แต่เพียงเก็บภาพ ประทับใจเพียงอย่างเดียว
เมื่อเรามาถึง ปัว ท้องเราก็เริ่มร้อง เราจึงไปกินข้าวกลางวันกันที่ ร้าน "ฟาร์มเห็ด โฮมสเตย์"
ที่นี่ อาหารอร่อยมาก ที่สำคัญ วิวก็สวย ต้นไม้ร่มรื่น
เพื่อนๆและผม จะรอช้าทำไม ระหว่างรออาหาร
ก็ถ่ายรูปสิครับ แถมยังมี ชิงช้าให้เล่น แต่บอกเลยว่าแอบเสียวนิดๆ
กองทัพต้องเดินด้วยท้องเสมอ เมื่ออิ่มแล้ว เราเดินทางไปดูทุ่งนาที่เขียวขจี ในจุดชมวิว ที่ "วัดภูเก็ต"
เราถ่ายรูปกันจนเหนื่อย เพราะสถานที่ของท้องทุ่งนา นั้นกว้างมาก ร่างกายอยากได้อะไรเย็นๆ
เราเลยสรุปกันว่าจะไปจิบกินกาแฟริมทุ่งนา กันที่ "บ้านไทลื้อ"
ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของร้าน ลำดวนผ้าทอ ร้านขายผ้าพื้นบ้าน บรรยากาศสุดฟินริมทุ่งนา
ยิ่งในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ ทุ่งนาสีเขียวขจี กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นวิวที่อลังการมาก
ความสวยงามของสีเขียวยังไม่พอสำหรับพวกเราเราจึงเดินทางต่อไปยัง "วัดศรีมงคล" ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ภายในวัด จะมีการจัด มุมไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยว ได้ใช้ถ่ายรูป
ส่วนด้านหลังของวัด จะมีจุดท่องเที่ยวเชิง ศึกษาวิถีพื้นบ้าน ชื่อว่า "ฮักนา น่าน"
ที่วัดศรีมงคล เป็นจุดหมายสุดท้าย ของทริปนี้ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด ก่อนเดินทางไปสนาบบิน
เพื่อที่จะเดินทางกลับ เราใช้เวลาสำหรับทริปนี้ 3 วัน 2 คืน เรารู้สึกว่าเวลามันผ่านไปรวดเร็วมาก
เรามาที่ น่าน เป็นครั้งแรก และเราคิดว่า เราจะต้องกลับมาที่ แห่งนี้ อีกแน่นอน เพราะเรารู้สึกว่า
"พวกเรา หลงรัก เมือง น่าน"
สรุปหลังจากจบทริป
- น่าน เป็นจังหวัดที่ควรมาท่องเที่ยว เพราะมีความสวยงามของธรรมชาติหลายอย่าง ต้นไม้ แม่น้ำ ภูเขา ท้องทุ่งนา เป้นต้น
- ในตัวเมือง น่าน มีวัดสวยๆอยู่หลายแห่ง เหมาะกับการมาทำบุญ และเรียนรูู้ ความสวยงามในด้านศิลปะ วัฒนธรรม และ อารยธรรม
- การมาเที่ยว น่าน แล้วอยากได้วิว ต้นไม้เขียวขจี ถ่ายรุปสวย แน่ะนำให้มาช่วงหน้า ฝนหรือ ปลายฝนต้นหนาว
- การมาช่วงฤดูการท่องเที่ยวเราควรจองห้องพักมาก่อน
- คุ้มเมืองมินทร์ การบริการ ถือว่าดีในระดับ กลางๆ ราคา พอรับได้ อาหารเช้าน้อยไปหน่อย ที่พัก https://www.facebook.com/khummuangmin/
- ภูลังกา ลา บัคโคนี่ ที่พักมีวิวสวย เป็นที่พักเปิดใหม่ ห้องพักและอุปกรณ์ ในห้องน้ำ ค่อนข้างไม่ค่อยพร้อม เพราะตอนที่เราไปพัก ประตูห้องก็ชำรุด ท่อน้ำระบายในห้องน้ำก็อุดตัน ถ้าไม่ได้ตรงวิวสวย ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ะนำเพื่อนๆเท่าไหร่ แต่พอเข้าใจได้ว่า เป็นที่พัก ที่เพิ่งเปิดให้บริการ
เพื่อเป็นกำลังใจ ให้ผม สามารถ กดติดตาม ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/MongTravel/
IG : cappuccino_prince9
อ่านแล้ว อย่าลืม กด แชร์ ด้วยน่ะครับ
มี รีวิว อีกหลายตัวเลยครับ ที่รอคิวอยู่ แล้วเจอกันใหม่น่ะครับ
Email : [email protected]
MongTravel
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 02.43 น.