สวัสดีค่า รีวิวนี้เราจะพาทุกคนออกเดินทางไปพักผ่อนยัง JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Phu Quoc ประเทศเวียดนามด้วยกันค่ะ แน่นอนว่าเลือกไปพักทั้งทีที่นี่ต้องมีเรื่องราวพิเศษซ่อนอยู่ที่ทำให้เราอยากออกเดินทางไปค้นหา
โรงแรมบนพื้นที่ 50 กว่าไร่แห่งนี้เป็นโรงแรมที่เริ่มต้นขึ้นมาด้วยแนวคิดไม่ธรรมดา ของสถาปนิก Bill Bensley ผู้ผ่านการออกแบบโรงแรมชื่อดังมาแล้วทั่วโลก
สำหรับที่ JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa ได้รับโจทย์ว่า “ให้ออกแบบอย่างไรก็ได้ โดยไม่จำกัดงบประมาณ” เลยทำให้สถาปนิกได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่เลยค่ะ
และ Bill Bensley ก็ได้เลือกสร้างเรื่องราวสมมติว่าโรงแรมนี้เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของเกาะฟู้โกว๊กชื่อ Lamarck University ค่ะ ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนหาด Khem Beach บรรยากาศจะสวยงามน่าพักขนาดไหนตามเราไปชมกันเลยนะคะ
สำหรับคนที่อยากรับชมบรรยากาศในรูปแบบวิดิโอ กดเข้าไปชมได้เลยค่ะ
การเดินทางสู่เกาะ Phu Quoc
เราใช้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์สซึ่งเป็นสายการบินเดียวที่ให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงเกาะฟู้โกว๊ก ประเทศเวียดนาม โดยมีให้บริการวันละ 1 เที่ยวบินค่ะ
ขาไป PG 991 BKK-PQC เวลา 11:30-13:15 น.ขากลับ PG 992 PQC-BKK เวลา 13:50-15:35 น.
ทุกครั้งที่บินกับสายการบินBangkok Airways จะทำให้เราอยากเผื่อเวลามาถึงสนามบินให้เร็วขึ้นกว่าเดิมซะหน่อย เพราะอะไรน่ะหรอคะ
เพราะนอกจากจะเป็นสายการบิน Full Service ที่ฟรีบริการโหลดสัมภาระน้ำหนัก 20kg บริการเลือกที่นั่ง มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องแล้วเค้ายังมีห้องรับรองผู้โดยสาร บริการอาหารร้อน/เครื่องดื่ม ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด เรียกว่ามาพักผ่อนได้อย่างสวยๆ สบายๆ สไตล์บูทีคเลยค่ะ
และพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ และสมาชิก Flyer Bonus ชั้น Premier Member จะสามารถเข้าไปใช้บริการ Blue Ribbon Lounge ซึ่งดีงามยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ เพราะมีเมนูอาหารร้อนให้บริการ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และยังเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้นั่งผ่อนคลายระหว่างรอขึ้นเครื่องด้วย
สมาชิก AIS Serenade ระดับ Platinum/Gold ก็สามารถกดเพื่อรับสิทธิ์เข้าใช้บริการได้ฟรีเช่นกัน- เซเรเนดแพลทินัม (1 หมายเลข / 1 ครั้ง / เดือน)
- เซเรเนดโกล์ด (1 หมายเลข / 2 ครั้ง / ปี)
แวะหม่ำเกี๊ยวกุ้งกับข้าวต้มกระดูกหมูกันก่อน
พร้อมแล้วออกเดินทางสู่เกาะ Phu Quoc กันเลยค่า
จากกรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) บินมาลงสนามบินเกาะฟู้โกว๊กจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 40 นาที ระหว่างทางก็มีเสิร์ฟของว่างและเครื่องดื่ม
นั่งชิลล์ๆแป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ เวลาที่ไทยและเวียดนามเท่ากัน นักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวเกาะฟู้โกว๊กไม่ต้องขอวีซ่านะคะ
เครื่องบินที่ใช้จะเป็น ATR72-600 เครื่องบินใบพัด (turboprop) นั่งสบายๆ
ผ่านตม.รับกระเป๋าออกมาเรียบร้อย ทางโรงแรมมีรถมารับที่สนามบินค่ะ พนักงานต้อนรับดีมาก เล่าเรื่องราวบนเกาะ Phu Quoc ให้ฟังรวมถึงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารที่น่าสนใจ
จากสนามบินนั่งรถมาประมาณ 20 นาทีก็มาถึงอาณาจักรแห่ง JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa แล้วค่ะ ต้องใช้คำว่าอาณาจักรเพราะที่นี่ใหญ่มากจริงๆ มีพื้นที่กว่า 50 ไร่ ถ้าจะถ่ายรูปให้ครบคงต้องมาพักกันสัก 1 สัปดาห์ 😍
JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa เป็นโรงแรมที่ดีเทลการตกแต่งเยอะมาก แบบที่คนที่รักการถ่ายภาพจะต้องหลงใหล จะมีสักกี่โรงแรมที่ก้าวลงจากรถมาปุ๊บ ก็สามารถกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้เลย
คอนเซปของที่นี่คือมหาวิทยาลัยเก่าแก่อายุร้อยกว่าปีของเกาะฟู้โกว๊กในชื่อ ‘Lamarck University’
เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกบนเกาะฟู้โกว๊ก
ชื่อ Lamarck University นั้นมาจากชื่อของฌอง แบพติสต์ เดอ ลามาร์ก ผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ลามาร์กใช้เวลาบั้นปลายของชีวิตศึกษาด้านชีววิทยาและได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการที่สำคัญ
ก้าวเข้ามาในโรงแรม จะพบส่วนแรกคือส่วนของ Lobby ที่ถูกจำลองให้เป็นห้องสมุดของมหาวิทยาลัย
Concierge ส่วนต้อนรับออกแบบอย่างสวยงาม ในฐานะแขกของโรงแรมลองสวมบทเป็น ‘นักศึกษา’ ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้แล้วสนุกเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวใน Lamarck University กันค่ะ
หนังสือทุกเล่มที่ประดับตกแต่งอยู่ในตู้เป็นหนังสือเก่าของจริง เปิดตู้ออกมาจะได้กลิ่นความขลัง
ของประดับทั้งหลายในโรงแรมตอบรับกับเรื่องราวที่สร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน อย่างถ้วยรางวัลนี้ก็การันตีถึงชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ทุกอย่างล้วนมีเรื่องราว มีที่มาที่ไป
Welcome drink
แค่ Lobby ก็มีมุมให้ถ่ายภาพกันเพลินแล้วค่ะ
Lobby ออกแบบได้โปร่ง เน้นโทนสีขาวดูสว่าง
ตัวมาสคอทของมหาวิทยาลัยเป็นรูปสุนัขหลังอานค่ะ เราจึงพบเห็นสุนัขอยู่ในหลากหลายมุมของสถานที่แห่งนี้เปรียบดังเป็น security guards แห่ง Lamarck University
โรงแรมมีห้องพักทั้งหมดจำนวน 234 ห้อง ตัวอาคารในโรงแรมได้รับการเนรมิตเป็นตึกของภาควิชาต่างๆ ตึกต่างๆแทนแต่ละคณะ เน้นไปทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นคณะสัตววิทยา (Zoology) คณะพฤกษศาสตร์ (Botany)
และตึกที่เราพักกันก็คือคณะสถาปัตยกรรมศาตร์ (Architecture) นั่นเองค่ะ แอบดีใจเพราะเป็นคณะที่ชีวิตจริงคงไม่ได้เรียนแน่ๆ วาดรูปไม่เป็นเลย ฮ่าๆ
ห้องที่เราพักคือห้องแบบ Emerald Bay Front room เปิดประตูเข้ามาแล้วชอบมากๆค่ะ
เตียงนอนหันหน้าออกสู่ทะเล เลยนอนมองทะเลได้ทั้งวันทั้งคืนเลย
มุมโต๊ะทำงาน ชอบการตกแต่งภายในห้องพักมาก ดูคลาสสิค ย้อนยุคมีกลิ่นอายโคโลเนียล
Xin chào Phu Quoc
จากระเบียงห้องพักเห็นวิวสวยม๊าก เป็นวิวทะเลแบบพาโนรามา เราพักชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึกนี้ค่ะ
ห้องน้ำก็เป็นอีกมุมที่ชอบมาก ตกแต่งในสไตล์โคโลเนียล ใช้หินอ่อนสีขาวสะอาดตา มีอ่างอาบน้ำ เพดานสูงมากค่ะ Rain shower ที่นี่น้ำแรงสะใจ
และที่ปลื้มมากคือแม่บ้านที่นี่ ใส่ใจในการทำห้องสุดๆ ของใช้ต่างๆในห้องน้ำถึงแม้เราจะคิดว่าวางไว้เรียบร้อยประมาณนึงแล้ว พอกลับเข้ามาจะพบว่าถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยมีผ้าขนหนูวางรอง ที่ไทยเคยเจอแบบนี้ก็ตอนพักที่ศรีพันวา
เตียงที่นี่นอนสบายมากๆเลยค่ะ อยากจะหย่อนตัวลงแล้วซุกในผ้าห่มนุ่มๆ
แม้แต่โถงทางเดินหน้าห้องพักก็ยังถ่ายรูปได้
สระที่เราชอบมากที่สุดก็คือ Shell pool น่ารักอะไรแบบนี้
ถึงช่วงที่เราไปพักจะเจอฝนทุกวัน แต่น้ำทะเลยังดูใสน่าเล่นอยู่เลย คลื่นลมไม่ค่อยแรง
ตัวรีสอร์ท JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa นั้นตั้งอยู่ริมหาด Khem beach หาดที่นี่ทรายขาวจนบางคนก็เรียกว่าเป็น Ice cream beach เพราะความขาว นุ่มของทรายดุจไอศกรีมวานิลลา
ห้องพักที่อยู่ชั้นล่างมีชื่อเรียกว่า Le Jardin วิวที่ได้จะเป็น Garden view ค่ะ
จริงๆที่นี่มีห้องพักหลาย Room Type เหมือนกันแต่ละแบบสวยๆทั้งนั้น แต่ช่วงที่เตยไปห้องค่อนข้างแน่นเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากกัน มีโอกาสโฉบเข้าไปชม Villa มานิดนึงค่ะ อย่างวิลล่านี้อยู่ตึก Entomology เป็นสาขาวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ในกลุ่มของแมลง การตกแต่งในห้องพักเลยเป็นแมลงต่างๆ ทั้งผีเสื้อ เต่าทอง โอ๊ยสวยมาก ทำเอาอยากเข้าไปสำรวจให้ครบทุกคณะเลย
Tempus Fugit
ห้องอาหารหลักที่เป็น All day dining ของ JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa
ถูกวางให้เป็นห้องอาหารของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
เป็นห้องอาหารนานาชาติที่มีเสิร์ฟทั้งอาหารเวียดนาม อาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตกเลยค่ะ
สั่งเครื่องดื่มเย็นๆมาก่อนเลยค่ะ Healthy smoothies ‘Strawberry Phu Quoc Honey’ และ ‘Local Crush’ สดชื่น
เราลองสั่ง sushi มาทาน วัตถุดิบสดดีเลยนะคะ
ส่วนเมนูนี้คือ Lamarck university fried rice เป็นข้าวผัดที่ด้านบนมีซีฟู้ดทั้งกุ้ง ปลาหมึก ปูนิ่ม หอยเชลล์
Department of Physical Education คือ Fitness center ของที่นี่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ
Fitness ค่อนข้างใหญ่และมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน
Department of Chemistry Bar
มาเข้าคาบเรียนวิชาเคมีที่ Department of Chemistry Bar กันเถอะ
เพราะที่บาร์ติดทะเลบรรยากาศสุดชิลล์แห่งนี้เค้ามีเครื่องดื่มดีๆไว้ให้เราได้มานั่งจิบไปชมบรรยากาศยามเย็นไป การตกแต่งทำให้นึกถึงสมัยม.ปลายตอนเรียนเคมีเลยค่ะ ตารางธาตุ สูตรเคมีต่างๆก็มา
ที่ Department of Chemistry Bar บาร์เทนเดอร์เค้ารังสรรค์เมนูเครื่องดื่มเจ๋งๆไว้รอแล้ว แวะมานั่งชิลล์ๆที่นี่เรียกน้ำย่อย เป็น pre-dinner กันก่อนนะคะ ขนาดชุดยังเหมือนอยู่ในห้อง lab เลย เอาสิ ที่นี่เค้าจริงจังขนาดไหน ชุดพนักงานแต่ละส่วนแต่ละห้องอาหารก็ไม่เหมือนกันนะคะ
Signature cocktails ‘Kem Beach’ อีกแก้วเป็น Macktails ‘Coconut Calamansi’🍹
และแล้วเคมีก็ไม่ใช่เรื่องเครียดอีกต่อไป 😄
Department of Chemistry Bar
เวลาให้บริการ Weekdays : 4 pm – 11.30 pm
Weekend & Public Holidays : 4 pm – 00:30 am
🕠 Happy Hours 5 pm – 7 pm
ชายหาดยามเย็นโรแมนติกไปอีกแบบ
พอเริ่มค่ำเราย้ายตัวกันมาที่ Pink Pearl ที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ
Pink Pearl คฤหาสน์สีชมพูสุดหรูของ Madame Pearl ที่มักจะชอบชวนเพื่อนสนิทมาปาร์ตี้ จิบน้ำชา ทานอาหารกันที่นี่
ด้วยความที่มาดามชอบนกและชื่นชอบสีชมพู การตกแต่งภายในห้องอาหารนี้จึงมีนกหลากหลายชนิดและตกแต่งในโทนสีชมพู สวยหวานมากๆค่ะ
ที่ Pink Pearl เสิร์ฟอาหารแบบ Fine Dinning (French cuisine)
ห้องอาหารนี้เปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นนะคะ 6 pm – 10 pm ปิดวันอาทิตย์และวันจันทร์ค่ะ
แนะนำว่าควรสำรองที่นั่งก่อน ระหว่างมื้ออาหารจะมีนักร้องโอเปร่ามามอบเสียงเพลงเพราะๆ
Starter
Phu Quoc Sea Urchin อันนี้ฟินสุดๆ จนอยากยกมือขอเพิ่มเลยค่า ไข่หอยเม่น top มาด้วย caviar
Main course เป็น Coastal Lamb on the bone and confit เนื้อแกะอร่อยมากค่ะ
ทำออกมาได้ดี
Cocktail สีสวยแก้วนี้เป็น Signature cocktails ของ Pink Pearl
ก่อนของหวานจะมีคั่นด้วย cheese selection เป็นชีสมาจากฝรั่งเศสเลย พนักงานจะแนะนำแต่ละแบบให้ฟังเพื่อให้เหมาะกับความชอบของแต่ละคน
ตัวนี้เป็น sorbet ล้างปากก่อนเข้าสู่ของหวานค่ะ
ปิดท้ายด้วยของหวาน Opera Sphere ช็อคโกแลตเข้มข้น
เมนูนี้ก็อร่อยค่ะ คืนนี้ฝันหวานแน่นอน
นึกว่าหมดแล้วแต่ยังไม่หมดค่า มีมาเสิร์ฟอีก
สำหรับ dinner ที่ Pink Pearl ราคาต่อคนก็อาจจะสูงหน่อย แบบเป็นคอร์สราคา 1,550,000 – 2,100,000 VND
แต่เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก อาหารรสชาติดี บรรยากาศก็สวยค่ะ ถ้าใครมาพักที่นี่ก็อยากให้ลองแวะมา dinner ที่นี่ดูสักมื้อสามารถสั่งเป็น A la carte ได้ค่ะ
มาเดินเล่นชมบรรยากาศของ JW Marriott Phu Quoc ในยามค่ำคืนกันบ้างนะคะ
ห้องอาหาร Tempus Fugit
เมืองโบราณจำลอง Rue De Lamarck
ถนนกลางรีสอร์ทที่ถูกออกแบบให้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสเวียดนามในวันวานโคมไฟหลากสีสันทำให้นึกถึง ฮอยอัน (Hoi An)
คืนนี้ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อนนะคะ
ที่ JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa ชายหาดสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ เสียดายช่วงที่เราไปอากาศไม่ค่อยดีเลยไม่ได้เห็นแสงสวยๆยามเช้า
มาชมอาหารเช้าที่นี่กันบ้างนะคะ สำหรับเรา เราชอบม๊ากกก อาหารเช้าหลากหลาย เรียกได้ว่านานาชาติจริงๆ
อาหารเช้าของโรงแรมเสิร์ฟที่ห้องอาหาร Tempus Fugit เป็นแบบ buffet ให้บริการตั้งแต่ 6:30 am – 10:30 am
สำหรับไลน์อาหารมีตั้งแต่มุมญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม อาหารไทย อาหารจีน อาหารเช้าสไตล์ตะวันตก ครบครันมาก มีบิบิมบับให้ทำเองด้วยอะค่ะ เอาใจไปเลย ❤
มุมเบเกอรี่ที่มีให้เลือกหลากหลาย 🥯 🥖🥨
อาหารเช้าแบบเอเชียมีทั้งโจ๊ก ปาท่องโก๋ ไก่ย่าง
เฝอร้อนๆ
เป็นโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับอาหารเช้ามาก ไลน์อาหารจัดเต็มจริงๆเรียกว่าครองพื้นที่เกือบทั้งห้องอาหารเลยค่ะ
แค่เดินทัวร์ยังเก็บแทบไม่ครบเลยค่ะ ถึงมุมของคาวจะจัดเต็มขนาดไหนก็อย่าลืมเผื่อท้องไว้ให้ของหวานบ้างนะคะเพราะมีทั้งไอศกรีม เครป วาฟเฟิล แพนเค้ก ผลไม้สด 🍨 🍎 🍊🍉
ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีทั้งน้ำผลไม้ และสามารถสั่งได้เลยทั้งชา กาแฟ ช็อคโกแลตแบบร้อนหรือเย็น
ลองสั่งกาแฟเย็นเวียดนามมาดูเข้มข้นหวานมันจริงๆค่ะ
อันนี้เหมือนยาคูลท์
All happiness depends on a leisurely breakfast. 😄
Rue De Lamarck ที่เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลาง มีทั้งร้านค้า, Fitness ,Spa
French & Co.
ร้านกาแฟและเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสที่ทำสดๆใหม่ๆ
เพื่อให้ทริปพักผ่อนครั้งนี้คอมพลีทมากยิ่งขึ้น วันนี้เราเลยจองสปาไว้ค่ะ
Chanterelle - Spa by JW
แว้บแรกที่เดินเข้ามาตรงทางเข้าสปา ทำให้เรานึกถึง Alice in wonderland เลยค่ะ บริเวณสปาของโรงแรมตกแต่งเป็นภาควิชา Mycology (เห็ดวิทยา) เพราะเชื่อกันว่าเห็ดมีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรค
สีสันของห้องสปาออกไปทางโทนสีขาว เหลือง ดูอบอุ่นผ่อนคลาย ทั้งจังหวะในการนวดบวกกับกลิ่นหอมอโรม่าระหว่างการนวดเลยเคลิ้มหลับไปเลยค่ะ
JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa นอกจากจะมีพื้นที่กว้างใหญ่มากแล้วยังมีกิจกรรมให้ทำระหว่างการเข้าพักหลากหลาย ลูกค้าสามารถดูได้จาก Activity Calendar เลย เช่นโยคะ , Hoi An Lantern Making , University Tour ,Mixology ,Marine Biology
ถ้าเปรียบเหมือนเรากำลังอยู่ในมหาวิทยาลัย ก็มีตารางเรียนให้เลือกเข้าคลาสเยอะแยะเลยค่ะ
สำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรมทางน้ำก็สามารถติดต่อ Water Sport Center ที่อยู่บริเวณ Shell Pool ได้เลย เค้ามีทั้ง stand – up paddle , Kayak และ surf boards
หรือจะเลือกนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ ริมหาด ริมสระว่ายน้ำ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วเนอะ
อยากให้เวลาเดินช้าลงจังเลย
ส่วนนี้ลูกค้าคนไทยอาจจะไม่ค่อยมีโอกาสเข้าไปใช้ แต่ลงให้ชมว่าที่ JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa มีทั้งห้องประชุมขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ห้องจัดเลี้ยง
กลับเข้ามาชมบรรยากาศของ Pink Pearl ในช่วงกลางวันกันบ้างนะคะ
Red Rum
มาอยู่บนเกาะสวรรค์ทั้งที ทำไมถึงจะไม่นั่งทานอาหารในบรรยากาศติดทะเลล่ะ?
ที่ Red Rum เป็นห้องอาหารโอเพ่นแอร์ริมทะเลที่เราสามารถ enjoy กับวิวทะเล ชายหาดได้อย่างเต็มที่
ให้บริการอาหารสไตล์ยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึง Grilled Seafood ในช่วงเย็นค่ะ
เวลาให้บริการ Weekdays : 11 am – 9 pm
Weekends & Public Holidays : 11 am – 10 pm
ตอนกลางวันเราสั่ง seafood pizza มาทาน อร่อยให้เครื่องเยอะมาก
อาหารรสชาติดียิ่งขึ้นเมื่อทานในบรรยากาศแบบนี้
Steak เนื้อความสุกทำออกมาได้กำลังดีตามที่สั่งเลยค่ะ นุ่มมาก
Fish & Chips
ส่วนในมื้อค่ำที่ห้องอาหาร Red Rum จะมีซีฟู้ดสดๆให้บริการค่ะ
2 คืนในโรงแรมที่สวยและมีเรื่องราวแบบที่ JW Marriott Phu Quoc Emerald Bay Resort & Spa
ดูจะสั้นเกินไป เรื่องราวต่างๆที่ทางโรงแรมสร้างขึ้นมา หลายครั้งเราต้องถามตัวเองในใจว่า เอ๊ะนี่ตกลงเรื่องสมมติหรือเรื่องจริงกันนะ เพราะบางอย่างก็ดูเรียลมากๆทำให้เป็นการเข้าพักที่นี่มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์จนดึงดูดหัวใจเราเอาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น และยิ่งได้มาสัมผัสก็ยิ่งหลงรักค่ะ เพราะนอกจากโรงแรมจะตกแต่งสวย การบริการก็ยังทำได้ดีเยี่ยมไม่เสียชื่อ Marriott เลย
สำหรับการมา Phu Quoc ครั้งแรกของเราได้รับความประทับใจกลับมาเต็มเปี่ยม ถึงช่วงเวลาที่ไปอาจจะเป็น Low season เจอฝนบ้าง แต่ก็ประทับใจกับความเงียบสงบของชายหาดที่นี่และความใสของน้ำทะเล
ถ้ามีโอกาสจะต้องหาเวลากลับมาอีกแน่นอนค่ะ
สำหรับไฟลท์ขากลับ PG 992 PQC-BKK ก็ถือว่าเวลากำลังดีเลยค่ะ 13:50-15:35 น.
check out ออกจากโรงแรมมาสนามบินได้พอดี ถึงไทยก็ยังไม่เย็น
พากันเที่ยว
วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.16 น.