ทริปนี้เกิดขึ้นแบบ No plan จองตั๋วล่วงหน้าก่อนเดินทางวันเดียว เหตุผลในการตัดสินใจง่ายคือตั๋วถูก ตรงวันหยุดยาว 3 วัน เป็นเมืองใหม่ที่ยังไม่เคยไป ก่อนไปเจ่ดูจากรีวิวซึ่งยังมีอยู่น้อยนิดเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เปิดสนามบินใหม่ของเวียดนาม "เกิ่นเทอ" ไม่เคยได้ยินมาก่อนเล้ย 55 ที่ไหนอ่ะ อยากรู้ก็ต้องไป สายการบินเพิ่งเริ่มบินไฟล์ทแรกก่อนเจ่ไปเพียง 2 วันนับเป็นผู้โดยสารแรกๆเลยนะเนี่ย แต่ไฟล์ทเขาจะมีแค่ อังคาร พฤหัสบดีและเสาร์ อ้าว!!! ทำไงล่ะเจ่หยุดแค่วันจันทร์และไม่อยากลางานเพราะเหลืออันน้อยนิด มีทริป อื่นรออยู่อีกเลยต้องเปลี่ยนแผนจากคนอื่นนิดหน่อยคือไปทางเกิ่นเทอแต่ขากลับ กลับทางโฮจิมินห์ด้วยการแลกคะแนน Air Asia Big Point ที่มีน้อยนิดเช่นกัน ราคาตั๋วไปกลับประมาณ 2800 บาทถูกกว่าไปภูเก็ตอีกเนาะ แต่นี่ไปต่างประเทศนะบินแค่ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้วเอาจริงๆ ชั่วโมงเดียวเพราะเครื่องลงเร็วกว่ากำหนด
Flight details
Depart | DMK - VCA | |
---|---|---|
FD 436 |
Bangkok - Don Mueang (DMK) 04 May 2019, 1125 AM (11:25 AM) |
Can Tho (VCA) 04 May 2019, 1300 PM (1:00 PM) |
Flight details
Depart | SGN - DMK | |
---|---|---|
FD 657 |
Ho Chi Minh City (SGN) 06 May 2019, 0945 AM (9:45 AM)
|
Bangkok - Don Mueang (DMK) 06 May 2019, 1120 AM (11:20 AM)
|
การเดินทางจาก Cantho ไปโฮจิมินห์โดยรถบัสนอน จองล่วงหน้าผ่านเว็บเดิมเลย https://futabus.vn/en-US ค่าตั๋วประมาณ 280 บาทใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.ไปถึงโฮจิมินห์ก็เช้าพอดี มีเวลานิดหน่อยกินอาหารเช้าก่อนกลับไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ
จากการศึกษาแค่ 2 วันก่อนเดินทางเลยต้องอาศัยรีวิวคนอื่นเพื่อไปเที่ยวตามจุดสำคัญๆ และร้านอาหาร คาเฟ่ เรียกว่า copy กันเลยก็ได้ เพราะไม่มีเวลาละ
จากที่เดินส่องดูสักพักมี 2 วิธี
1.ใช้บริการแท๊กซี่ของสนามบิน ซึ่งก็จะชาร์จและแพงหน่อย
2.จองให้รถของโรงแรมมารับ
ส่วนเจ่หรอ ไม่ยอมเสียเงินแพงแน่เลยขึ้นไปชั้นสองหลังจากออกตม.มา ชั้นสองจะเป็นจุดส่งผู้โดยสารขาออกและในประเทศ เล็งเห็นแล้วว่ามีรถแท๊กซี่มาจอดส่งผู้โดยสารลองเรียกดูอย่างน้อยเสียตามมิเตอร์น่าจะถูกกว่า คันแรก นางส่ายหัว ไม่รู้ว่าไม่ได้เพราะเป็นกฏของสนามบินหรือนางไม่อยากไป คันที่สอง ไปค่ะแต่เหมือนคนขับดูล่กๆ ไปก็ไปเราโชว์ชื่อโรงแรมเป็นภาษาอังกฤษให้ดูและมีภาษาเวียดนามด้วยพร้อมพิกัด ได้รถละ สรุปไปถึงโรงแรมประมาณ 200 กว่าบาทแต่ก็ตามราคามิเตอร์เนาะไกลพอตัว
ส่วนที่พักจริงๆ เจ่ไม่ได้จองโรงแรมอะไรหรอกเป็นแนว Host มากกว่าเขาแบ่งห้องพักให้เช่าคืนนึงตกแค่คืนละ 400 บาท แค่มีแอร์ มีห้องน้ำ สะอาด ใกล้แหล่งของกินก็นอนได้ละเพราะนอนจริงๆ คืนกว่าๆ เพราะคืนที่สองเจ่ออกตั้งแต่ตี 2 เพื่อไปขึ้นรถบัสกลับโฮจิมินห์
ในบล็อคนี้เอาเป็นว่าเจ่จะขอแบ่งเป็น 2 Part นะคะ เป็น Part อาหารและสถานที่ท่องเที่ยว
Part 1 Food and Dessert
จุดหมายแรกคืออาหารค่ะ ร้านนี้เลย อาหารที่กิน Bun Dao Mam Tom
การเดินทางจากโรงแรม เจ่เรียก grab taxi ที่นี่เขามีนะใช้เหอะ ชีวิตง่าย ตัดผ่านบัตรเครดิตไม่ต้องถามไม่ต้องทอนกันให้เสียเวลา เสียไปประมาณ 45 บาทถูกมะ
อ่ะถ่ายรูปจบกลับ ไม่ช่ายต้องเข้าไปในร้านซะหน่อย รูปนี้มาคนเดียวใครถ่าย? ตอบเจอพี่คนไทยค่ะอยู่ในร้านช่วยให้เค้าออกมาถ่ายให้ ไงล่ะ ให้เดินตามมาถ่ายด้วย
ตัดภาพไปที่ตลาดโต้รุ่งกันค่ะ จะมีของย่างของทอดประมาณนี้ และราดน้ำจิ้ม ก็น่าจะประมาณร้านลูกชิ้นบ้านเรา
ร้านนี้อยู่ใกล้ที่พักมากแค่หน้าปากซอยเอง ของกินอร่อยใกล้ตัวไม่ต้องตามหา กินเสร็จ จบกลับไปนอนได้
ป่ะ ชื่นชมกับร้านกาแฟสวยๆดีกว่า หน้าบึ้ง โมโหเดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวยนะ
ไงล่ะร้านสวยมะ สวยสมกับจ่ายค่าแท๊กซี่ไป 400 กว่าบาทเพราะพาหลงไปมา หึหึหึ
ของหวานกันต่ออีกร้านนี้ขายบิงซู จริงๆเขามีไซด์ใหญ่กว่านี้แต่เราบอกว่าทานไม่หมดมาคนเดียวนางจัดไซด์เล็กให้ ราคาประมาณ 70 บาท บิงซูเมล่อน พอได้นะ
อันนี้รูปถ่ายจากมื้อเช้าที่โฮจิมินห์หลังจากลงจากรถบัสต่อแท๊กซี่ grab เช่นเคยมาลงแถวฟามงูเหลา ร้านนี้เปิด 7 โมงไฟล์ทเรา 9.45 AM โอ้ย!!! ทันออกจากที่นี่ 8 โมงก็ทันไปสนามบินแค่ครึ่งชั่วโมงเพราะไม่ได้โหลดกระเป๋า
ปิดท้าย Part Food and Dessert ด้วยกองนี้ทั้งของฝากและเอาไปกินเอง เป็นไงล่ะหมดนี่ประมาณ 1300 บาทเพียบเลย อยู่ใน super market นานมาก ไปประเทศไหนเจ่ชอบเข้าเพราะอยากได้ของกินแปลกๆที่คนที่นี่เขากินกัน ถ้าไปร้านของฝากมันก็จะไม่ใช่ของท้องถิ่นไง
Part 2 สถานที่ท่องเที่ยว
ที่แรกจ้า Phat Hoc Pagoda (เจดีย์ภัทรหมอก) อยู่กลางเมืองเลยจ้าใกล้ที่พักเช่นกันตั้งตระหง่านกลางสี่แยก เป็นวัดจีนนะคะ สามารถขึ้นไปชั้นบนได้จะมีพระพุทธรูปไว้ให้สักการะและมองเห็นวิวเมือง
ทางขึ้นเป็นบันไดประมาณ 4 ชั้น ขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนเย็นมีนักบวชมานั่งสวดมนต์กัน
วิวจากมุมสูงเห็นเมืองด้านล่าง มอไซด์เยอะมากแต่ที่นี่ดีหน่อย เสียงแตรไม่ดังเท่าเมืองอื่น ถ้าเป็นโฮจิมินห์หละก็หูดับไปละ
ที่ต่อมาคือวัด Ong Temple
เข้าไปไหว้พระด้านในกันค่ะ จะเห็นมีธูปแขวนบนเพดาน ซึ่งจะเป็นลักษณะของวัดที่เวียดนามค่ะ
วัยรุ่นเวียดนามแถวนั้นแหละถ่ายรูปให้ดีเนาะ ถ่ายสวยกว่าเจ่อีก ใครก็ถ่ายรูปสวยกว่าชั้นหมดแหละ TT
ใครๆ ก็รักลุงโฮ คนเวียดนามน่าจะนับถือท่านเป็นอย่างมากไปเมืองไหนก็มี เท่าที่พี่เคยเที่ยวมาตั้งแต่โฮจิมินห์ ฮานอย และมาเห็นที่เกิ่นเทอนี่แหละ เพื่อให้ชาวเวียดนามได้สักการะและระลึกถึงกัน แหมมีสาระขึ้นมา
บริเวณนี้คือสวนสาธารณะติดแม่น้ำของเกิ่นเทอ บริเวณเดียวกันจะมีวัด Ong และสวนสาธารณะนี้รวมถึงสะพานรูปดอกบัวที่เราจะไปกันต่อ และเดินไปอีกนิดก็ตลาดไนท์มาร์เก็ต
จากที่พักเราสามารถเดินไปที่แม่น้ำได้ จะมีสวนสาธารณะ และมีบริการล่องเรือทานอาหาร รวมถึงสามารถซื้อทัวร์ตลาดน้ำตอนเช้าได้ด้วย หรือจะมาตอนเช้าและเหมาไปส่วนตัวหรือแชร์กับคนอื่นได้ที่จุดนี้ค่ะ จากที่พักประมาณ 1-2 กม.เดินไปเรื่อยๆ เพลินๆ ไม่ไกลค่ะ
สะพานนี้คือ Land mark ชื่อว่า Ninh Kieu quay and Pedestroam Bridge เรียกง่ายๆ สะพานเดนกิล (นี่ง่ายแล้วหรอ) เอาเป็นว่าสะพานดอกบัวเนาะง่ายดี
บริเวณโดยรอบจะมีโรงแรม ใกล้แม่น้ำ บรรยากาศดีไปอีกแบบ มีทั้งแบบหรูๆ และระดับกลางๆ
มีบาร์และร้านอาหารโดยรอบใกล้ๆ กับแม่น้ำ
บริเวณนี้เลียบแม่น้ำ อากาศดีเลยเป็นแหล่งชิว แฮงค์เอ้าท์ของคนเวียดนาม แต่ที่สังเกตุไม่ได้นั่งกินเหล้ากันนะ เห็นกินแต่น้ำผลไม้ปั่น ชา มีโต๊ะหน้าร้านตัวเตี้ยๆ สไตล์เวียดนามอยู่หน้าร้าน ถ้าเป็นที่ไทยนะแบบนี้ไม่เหลือ แสงโสมตั้งกันเห็นๆ แน่
เห็นมะว่าเป็นแบบเดียวกันหมด โต๊ะตัวเตี้ยๆ ดื่มชา กาแฟ กันแต่ชื่อร้าน Las Vegas เปิดเพลงก็ตื้ดมากช่างขัดใจเจ่เหลือเกิน
ติดกันเลยจากสวนสาธารณะมาไม่ไกลจะเป็น Can Tho Night Market จะมีร้านขายของที่ระลึกแต่ไม่เยอะนะและร้านอาหาร เห็นอยู่ร้านเดียวแต่เห็นเป็นร้านที่แนะนำ แต่เจ่ไม่ได้ลอง เจ่ชอบแนว street food มากกว่ากินได้ก็กินกินไม่ได้ก็ท้องเสีย 5555
ให้อากงที่มาเที่ยวเห็นมาเป็นกรุ๊ปหลายคนถ่ายให้กว่าจะได้อากงกดไม่ติดจ้า
ใกล้กับจุดขายอาหารเป็นที่ขายของเสื้อผ้า แต่เท่าที่ดูเป็นเสื้อผ้าทั่วไป เลยไม่ได้ไปเดินดูแค่ผ่านๆ
ระหว่างทางกลับห้องพัก ไม่เปลี่ยวนะ เฮ้อเสียดาย ไม่เปลี่ยว 555
อรุณเบิกฟ้า ไปตลาดน้ำกัน Cai rang Floating Market จริงๆซื้อทัวร์จากที่พักได้นะถ้าไปแบบเดี่ยวประมาณ 400 บาทไปขึ้นที่ท่าเรือที่เราไปเมื่อคืนแหละ หรือจะไปหาตอนเช้าเอาก็ได้ แต่เจ่งง เลยขึ้น grab taxi ไปที่ตลาดน้ำเลยจ้า จริงๆมารู้ทีหลังคือถ้าไปทัวร์หรือไปเหมาคนเดียวจะได้ขึ้นเรือจากจุดท่าเรือไปถึงตลาดน้ำเลยและมีพาไปบ้านที่ทำเส้นเฝอด้วย เสียดายอดบรรยากาศนั้นไป
แต่ไม่เป็นไรให้แท๊กซี่มาส่งจุดลงทัวร์เหมือนกันเหมาเรือเลยจ้า 200 บาทดีงามเรือแบบนักท่องเที่ยวใหญ่มากกกกนั่งคนเดียววว
พาเที่ยว 1 ชม.คุณลุงที่พามาก็น่ารักมาก ถ่ายรูปให้เรียกเรือซื้อของกินให้ จัดแจงท่าถ่ายรูปให้
มาถึงจุดตลาดนัำก็จะแวะตามเรือกินก๋วยเตี๋ยวและสั่งชากาแฟได้เป็นการอุดหนุนคนในท้องถิ่นเนอะ
เจ่ไม่หิว ไม่หิวเลยจริงๆ เฝอร้อนๆ ยามเช้าบนเรือ กับแสงแดดอ่อนๆ (ไม่ล่ะ โคตรร้อน 555 นี่ขนาด 8 โมงนะ) สายกว่านี้จะร้อนขนาดไหน ถึงว่ารีวิวให้มาแต่เช้ามืดอากาศเป็นเยี่ยงนี้เองชามนี้ประมาณ 70 บาทแพงขึ้นมาหน่อยแหล่งท่องเที่ยวอ่ะเนาะให้เขาเถอะ
ขายอะไรก็เสียบไว้บนยอดไม้ให้รู้ว่าชั้นขายฟักทองนะจ้ะ อยากได้เทียบเรือมาาาา!!!
วันนี้เรือขายของแลดูน้อยหรือว่ามาสาย หึหึ
ลำนี้ขายอะไรมองไม่เห็น
แต่ที่แน่ๆ อันนี้ขายเฝอ ที่ใครก็เทียบจอดกิน ที่นี่ไม่เหมือนตลาดน้ำอัมพวาบ้านเรานะ ขายจริง ของชาวบ้านจริง ไม่ได้เซตตกแต่งอันใด
ไม่ได้เซตอันใด แต่ที่เห็นมีถ่ายพรีเวดดิ้งบนเรือจ้า ค่าถ่ายทำ ค่าสถานที่ไม่อะไรมากแค่อุดหนุนสับปะรดสักลูกก็พอ เป็นค่า Location และสายถ่ายรูปอย่างเจ่จะรออะไรขึ้นสิจ้ะ
จะซื้อสับปะรดหรือแตงโมก็เลือกเอาดูแม่ค้าสิ แซ่บมะล่ะ
อร่อยมะ ตอบเลยว่า ไม่ 555 มันไม่หวานเหมือนบ้านเราอ่ะ แต่เนาะอุดหนุนเขาเถอะจ่ายไป 30 บาทพร้อมถ่ายรูป ได้สับปะรดมากิน
อ่ะอันนี้บักแตงโมของจริงหละ
ไปกันต่อที่ Nam Nha Pagoda เป็นวัดจีนอีกเช่นเคย
จากจุดนี้ไม่ไกลเดินตาม google map ได้
ระหว่างทางเดิน ไปที่นี่ค่ะ Binh Thuy Ancient House เป็นตลาดและร้านค้าขายผักผลไม้
เข้าไปด้านในได้นะคะจะเป็นบ้านโบราณมีของเก่าโชว์เสียค่าเข้า 30 บาทให้เขาเถอะ
ที่ที่เจ่ไปมีประมาณนี้จ้ะ ตบท้ายด้วย super market "Vin Mart" น่าจะ popular ของที่นี่ชอบเดินดูของกิน ของฝาก และเอาไปทำอาหารที่บ้านได้ด้วย หมดไปมิใช่น้อยไปสองที่หมดไป 1300 บาทภาพมันฟ้องข้างต้นไปละ
เห็นมะคนเยอะอย่างกะแจกฟรีคนที่นี่เน้นซื้อของกินของใช้เป็นหลัก
ได้เวลากลับละคืนนี้ยังคงนอนที่พักเดิมแต่ต้องออกตั้งแต่ตีสองเพื่อไปขึ้นรถรอบตีสามที่จองไว้ของ Futa Bus กลางดึกก็ยังสามารถเรียก Grab Taxi ได้นะ ราคาไม่แพงประมาณ 80 บาทมาถึงท่ารถ ด้านในจะมีคนรอรถอยู่เยอะ เราก็เอาเอกสารการจองที่ปริ้นท์มายื่นที่เคาน์เตอร์ตั๋ว เขาจะออกตั๋วให้ รถจะจอดเทียบรออยู่แล้วเพราะเรามาใกล้เวลาออก
ดูหมายเลขรถให้ดีเพราะเวลารถบัสมีถี่มากและมีไปเมืองอื่นด้วย
สภาพบนรถเป็นรถนอนสไตล์เวียดนามเช่นเคยแต่เราว่าสบายนะ ครั้งนี้เลือกนอนชั้นบนดูบ้างตั้งแต่เคยขึ้นมายังไม่เคยนอนชั้นสอง ลองดู สรุปเป็นไง นอนไม่หลับไอคนข้างๆ แมร่งกรนเสียงดังมากกกกก
พอมาถึงสถานีรถบัสเป็นจุดจอดแต่ยังไม่ถึงเมืองโฮจิมินห์ เขาจะมีรถมินิบัสต่อไปส่งตามจุดต่างๆของเมือง เจ่เลือกลงที่ใกล้ฟามงูหลาวที่สุด เพราะไม่รู้จะถามไงว่าจอดตรงไหนบ้างอาศัย google map ดูว่าใกล้จุดฟามงูหลาวหรือยังท่าเห็นทีท่าเริ่มจะไกลออกไปควรลง หรือเห็นว่าใกล้ที่สุดละ ลงเลยดีกว่าและเรียก grab taxi ไปต่อ เสียเพิ่มแค่ 45 บาทเอง จริงๆสามารถเรียกไปสนามบินเลยก็ได้ แต่เห็นมีเวลาเหลือและเงินดองเหลือเลยแวะไปที่ฟามงูหลาวเพื่อไปทานอาหารเช้าที่ High Land Coffee ก่อนในร้านนอกจากกาแฟและขนมเขามีบั้นหมี่ด้วย อาหารประจำชาติเวียดนามแถมเจ่ซื้อข้างทางมาอีก 1 อันละลายเงินดองเอากลับมากินที่ไทยราคาแค่ 20 บาทแสนถูก
จากนั้นก็เรียก grab taxi มารับส่งที่สนามบินเช็คอินก่อนแต่ไม่ได้โหลดกระเป๋านะ พร้อมกลับละ
รอก่อนเครื่องยังไม่มาระหว่างรอ หมดเงินไปกับร้านของฝากที่สนามบินอีกประมาณ 700 บาทซื้อเป็นพวกกระเป๋ามาฝากแม่และพี่ๆน้องๆ
บ๊ายบายโฮจิมินห์ ช่วงนี้มาบ่อยไปละ อันนี้จริงๆเพราะเป็นทางผ่าน เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ไม่ต้องลางานเพราะอย่างที่บอกก่อนหน้านี้ไฟล์ทตรงจากเกิ่นเทอมีแต่วันอังคารแต่เจ่ต้องทำงานเลยต้องต่อรถบัสมาเช้าที่โฮจิมินห์และขึ้นเครื่องกลับที่นี่ จริงๆหากใครอยากเที่ยวในโฮจิมินห์อีกวันสามารถเลือกไฟล์ทกลางคืนได้นะจากรีวิวเที่ยวโฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ ไปตามอ่านกันได้ค่ะ จะมีไฟล์ทกลางคืนแต่ไปถึงดึกไง พรุ่งนี้ต้องทำงานและโฮจิมินห์เจ่ก็มาหลายรอบละเลยเลือกกลับไฟล์ทเช้ามีเวลามาพักที่บ้านได้ ถึงกทม.ประมาณเที่ยงพอดี
จบอย่างสวยงามสิ่งที่เจ่ประทับใจคือคนที่เกิ่นเทอ ทั้งความน่ารัก ช่วยเหลือใจดีกับนักท่องเที่ยว ตอนที่ไปตลาดน้ำตอนเช้าเจอไกด์คนนึงถามว่าเรามาจากประเทศไหน พอเราตอบนางพูดกลับมาว่า ขอบคุณที่มาเที่ยวบ้านเค้า น่ารักดีอ่ะ รวมถึงลุงคนขับเรือด้วยเทคแคร์ตลอดชั่วโมงกว่ากับเงิน 200 กว่าบาทแต่นางทั้งถ่ายรูป จัดหาคาวหวานให้ทาน จัดแจง Location ท่าทาง คุ้มบอกเลย
คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษพอได้นะ บางคนก็พูดได้ดีเลย ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีมานานละแต่เปิดเป็นทางการก็เพราะสร้างสนามบินนี่แหละ ทุกคนที่นี่ทำให้เรารู้สึกว่าเขารักบ้านเกิด พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ เพราะคนส่วนใหญ่ของที่นี่รายได้ปานกลางสังเกตุจากร้านอาหาร ร้านกาแฟ ราคาไม่แพงที่คนท้องถิ่นสามารถทานได้ หากดูเมืองนี้ให้ย้อนไปเมืองไทยเมื่อ 20-30 ปีก่อนได้แต่ไม่ได้ล้าหลังขนาดนั้นนะจ้ะ มีห้างเยอะอยู่แต่คนช้อปแต่สิ่งจำเป็นในชีวิตมากกว่าของฟุ่มเฟือย ทุกคนพยายามสร้างอาชีพ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแม้เป็นเมืองเล็กๆ ก็ตาม หากใครมีเวลาไม่มากสัก 2 วันจริงๆก็เที่ยวหมดในวันเดียวได้นะ 555 ลองมาเที่ยวที่นี่ดู ราคาไม่แพง ใกล้เมืองไทย บินพอๆกับไปเชียงใหม่ ภูเก็ต เปิดใจในกับเมืองแบบ Local กันค่ะแม้ไม่ศิวิไลซ์แบบเราไปเกาหลี ญี่ปุ่นแต่คนที่นี่ทำให้เรารู้สึกว่าอบอุ่นใจเวลาเที่ยว
LadiiParun
วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.49 น.