หนีตามเขา

มีพี่ที่รู้จักชวนออกไปเที่ยวชมหมอกดูภูเขา เราเองก็อยู่ในช่วงว่างงานเลยตัดสินใจตกลงไปกับพี่บอยโดยทริปนี้เราเดินทางด้วยกันทั้งหมด 4 คน โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่ "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" ซึ่งแผนการที่วางกันไว้กับพี่บอยก็คือไปเขาใหญ่ถึงแล้วค่อยว่ากันอีกที เป็นแผนการที่ไร้ซึ่งแผนการ เราออกเดินทางไปถึงโคราชเข้ามืดซึ่งในช่วงกลางคืนมีฝนตกตอนเช้าเลยมีหมอกลง "ไม่ผิดหวังแล้วที่มา" คิดในใจ หลังจากเสียเวลานิดหน่อยในการขับรถชมหมอก(หลงทาง) พวกเราไปถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เวลา 08:00 น. โดยประมาณ

จุดชมวิว

เป็นจุดแรกที่เราแวะลงไปถ่ายรูปและสัมผัสธรรมชาติ ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวที่แวะพักถ่ายรูปเหมือนพวกเราหลายคณะ จากนั้นเราก็ขับรถไปตามเส้นทางของอุทยานกันเรื่อยๆโดยที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะแวะจุดไหนกันก่อน จนมาเจอบึงน้ำข้างทางเลยแวะพักสูดอากาศพร้อมเก็บบันทึกภาพกันเล็กน้อย โดยที่พวกเราทั้ง 4 คนก็สามัคคีลงรถได้ก็เดินแยกย้ายไปคนละทิศละทาง


หลังจากเก็บภาพบรรยากาศแล้วเราก็ไปพักทานมื้อเช้ากันที่จุดบริการของทางอุทยานเพื่อวางจุดหมายต่อไปและแพลนเรื่องที่พักพร้อมเป้าหมายของวันพรุ่งนี้ โดยทริปนี้พวกเราอีก 3 คนมีความเห็นตรงกันว่า "แล้วแต่พี่บอยครับ" วันไร้สมองกันจริงๆ

น้ำตกเหวสุวัต


หลังจากเดินเล่นชมความงามสัมผัสธรรมชาติแล้วก็ตัดสินใจกันว่าจะไปเขื่อนขุนด่านกันต่อเพราะขับรถไปอีกไม่ไกล ไหนๆก็มาแล้วข้ามไปอีกสักจังหวัดก็แล้วกัน แต่ทันใดนั้น.....


น้ำตกเหวนรก


ไหนๆก็เป็นทางผ่านแวะไปออกกำลังกายกันอีกสักรอบ จุด ขึ้น-ลง ของน้ำตกเหวนรกมีบริการน้ำดื่มและของกินเล็กน้อย แนะนำให้เติมพลังก่อนลง


พอเดินไปสักพักก็เริ่มจะถอดใจ "ไปต่อหรือกลับดีวะ" แต่ไหนๆก้ได้มาแล้วต้องไปให้สุด "หอบเล็กน้อย"

อ่าาาาาาา งดงามและยิ่งใหญ่ ลึกสุดใจ นรกไม่ได้อยู่ที่ขามาครับ แต่มันคือตอนขากลับนี่สิ

แต่พวกเราก็กลับมาจนได้ นรกก็ทำอะไรเราไม่ได้จุดหมายต่อไปของเราคือ "เขื่อนขุนด่าน ปราการชล"

พักกันพอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางมุ่งสู่จุดหมายต่อไป ปลายทางที่นครนายก ระหว่างทางก็ยังคงมีฝนตกเป็นระยะๆ ขับรถหลงทางกันอีก 2 รอบ ก็เดินทางมาถึง "เขื่อนขุนด่าน ปราการชล" พอเดินทางมาถึงสิ่งแรกที่พวกเราทำคือไปถ่ายรูปดูและลาดลาวสำหรับวันพรุ่งนี้ เก็บภาพเพลินๆเดินกันจนเย็น

เช้านี้เป็นวันที่ที่อากาศดีเราออกจากที่พักมาถึงเขื่อนเวลา 07:30 น. โดยประมาณ เจรจากับพี่คนขับเรือตกลงใช้บริการ

จุดหมายปลายทางของเราต้องเดินเท้าเข้าไป และการเดินทางครั้งนี้ทำให้ผม "หลงรักเขา" บรรยากาศรอบๆตัวคือมันดีมาก เดินเพลินจนลืมเหนื่อย

ระหว่างที่พวกเราเดินริมเขากันไปอย่างสามัคคีก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวอีก 2 กลุ่มเข้ามาพร้อมๆกัน นี่คงจะเป็นการออกไปเที่ยวครั้งแรกของเราที่ได้ใช้เวลากับระหว่างทางมากกว่าครั้งไหนๆ แอบเสียดายที่มีเวลาค่อนข้างจำกัด

เผลอแปบเดียวใกล้ถึงเวลาที่นัดกับเรือไว้แล้ว ยังซึมซับบรรยากาศไม่อิ่มเลย รีบแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะเก็บความงดงามที่ใหญ่ของธรรมชาติรู้ตัวอีกทีข้างหน้าก็ไม่มีเพื่อนเราอยู่แล้ว ระหว่างทางกลับไปขึ้นเรือก็เจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวอีก 2 กลุ่มกำลังเดินสวนเข้ามา "น้ำตกอีกไกลไหมครับ" พี่คนหนึ่งทักถาม "คงจะไกลดูจากเสื้อพี่เขาเปียกหมดเลย" สาวสวยอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น "ไกลหน่อยแต่คุ้มครับ" ยิ้มแบบพี่ติ๊กพร้อมเสยผมแล้วเดินทางต่อ

ก่อนนั่งเรือกลับพี่เขาพานั่งเรือลึกเข้าไปอีก ถ้าหากไปช่วงน้ำมาก็จะสามารถนั่งเรือเข้าไปต่อได้ข้างในจะมีน้ำตกอีก 2 แห่ง ถามระยะทางจากพี่บอกว่าถ้าเดินก็ระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร พี่เขาจอดเรือให้ซึมซับบรรยากาศกลางน้ำท่ามกลางป่าเขาฟังเสียงนกเสียงลมพักใหญ่ๆ แล้วก็พากลับสู่ท่าเรือ

ในทริปนี้พวกเราโชคดีที่ฝนตก เราเลยได้สัมผัสกับสายหมอกทั้งที่เขาใหญ่และเขื่อนขุนด่าน และในระยะเวลาอันใกล้นี้พี่คนขับเรือแอบบอกมาว่าทางเขื่อนขุนด่านกำลังจะเปิดเส้นทางเดินป่า 3 เส้นทาง โดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการฝึกอบรมการเดินป่า เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจอีกกิจกรรม


"อย่าลืมออกไปใช้เวลาให้มีความสุข เข้าไปอยู่กับธรรมชาติ เติมให้พลังชีวิต"

"Sangob Diary"

สงบ

 วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 13.47 น.

ความคิดเห็น