วัดป่าประดู่-สวนพฤกษศาสตร์-สะพานรักษ์แสม-ทุ่งโปรงทอง

100 ล้านติ่มซำ-ปาฎีคาเฟ่-สายชลข้าวต้มกุ้ย-ชิมคาเฟ่-เพื่อนอีสาน

วันเดินทาง: 31 May- 2 June 2019

เชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกับจังหวัดระยองเป็นอย่างดี ผมก็เป็นคนหนึ่งในนั้น แต่เพื่อนๆ เป็นไหม เวลาเราแพลนไปจังหวัดเดิมๆ ที่เราไปบ่อยๆ หลายครั้งเรามักไปสถานที่ท่องเที่ยวเดิมๆ พักโรงแรมเดิมๆ กินอาหารร้านที่เราคุ้นเคย สำหรับทริประยองครั้งนี้ผมจึงตั้งใจไปสถานที่ที่ผมไม่เคยไป พักโรงแรมที่ไม่เคยพัก และกินอาหารที่ไม่เคยลิ้มลอง อย่างไรก็ตาม ถ้าลิสต์ต่างๆที่กำลังพูดถึงซึ่งเป็นที่ใหม่สำหรับผมแต่เก่าสำหรับเพื่อนๆ ก็อย่าพึ่งกดคลิ๊กข้ามไป ได้โปรดลองอ่าน (อ้อนวอนสุดๆ) ดูมุมมองความคิดต่อสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหาร ตลอดจนรื่นรมย์ไปกับภาพถ่ายสวยบ้างเบลอบ้างของผมด้วยเถิดนะ นะๆๆๆ

Day 1

ออกเดินทางแต่หกโมงเช้าของวันศุกร์วันทำงานของพนักงานประจำ และเป็นวันที่หลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนชอบมากที่สุด ผมแวะถ่ายรูปที่แห่งหนึ่ง เรียกว่า แกรนด์แคนยอนคีรี ซึ่งอยู่ในตัวเมืองชลบุรี ใช่ครับอยู่ในตัวเมืองจริงๆ รู้จักชลบุรีมานานไปเที่ยวก็บ่อย ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย เมื่อถึงแยกทางเข้ามีป้ายที่ทำแบบไม่ถาวรนัก เขียนว่ามีลานจอดรถกว้างสำหรับรถเก๋ง ขับเข้าไปก็เจอลุงชาวบ้านกวักมือเรียกให้ไปจอดใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ ลุงแกเก็บค่าจอดรถ 20 บาทจอดได้นานเท่าที่ใจต้องการ แกบอกที่นี่มีคนมาถ่ายรูปเยอะ โดยเฉพาะช่วงนี้มีนักศึกษาจากม.บูรพาแต่งชุดครุยรับปริญญา มาหาวิวแปลกตาให้กับอัลบั้มรูปแห่งความสำเร็จของตัวเองเป็นจำนวนมาก

ทางเข้ามีร้านอาหารและเครื่องดื่มอยู่สองร้าน ร้านด้านในมีที่นั่งชมวิวหลักแสน เป็นบ่อน้ำสีเขียวมรกตท่ามกลางหุบเขาให้อารมณ์เหมือนอยู่แกรนด์แคนยอน(มั้ง) ผมน่ะไม่เคยไปแกรนด์แคนยอนที่อเมริกาหรอก ได้แต่เห็นจากสารคดีทางวีดีโอและภาพถ่าย มันเป็นหุบเขาสีอิฐแดงๆ น้ำตาลนี่ ไม่แน่ใจว่าอาจตั้งชื่อตามสถานที่อื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

เดินเข้าไปอีกหน่อย ก็เป็นลานโล่งๆ เหมือนเป็นสันเขื่อน ด้านหลังเป็นทางรถไฟที่ยังใช้อยู่นะ แนะนำว่าให้มาแต่เช้าซัก 8-9 โมง หรือไม่ก็ช่วงเย็น 4 โมงเป็นต้นไปถ้าคุณเป็นคนกลัวแดดกลัวดำ เพราะจากนี้ไปจนถึงที่ที่เป็นเนินเขาหินลูกรังเก่าไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้หลบแดดมากนัก หลังจากถ่ายครบทุกมุมแล้วเดินกลับมาก่อนกลับแวะพักเหนื่อยด้วยการกินไอติมหวานเย็น พร้อมนั่งชมวิวอย่างเพลินใจ

หลังจากนั้นเรายิงยาวไประยอง ไปร้านอาหารร้านแรกของทริป ได้แก่ ร้าน 100 ล้านติ่มซำ อืมม ผมไม่ขอวิจารณ์มากแต่ผมรู้สึกเฉยๆ ต่อรสชาติ เอาเป็นว่าถ้าหิวจัดๆ ก็แวะร้านนี้ได้ มีอาหารจานเดียวประเภทข้าวหมูแดง ข้าวมันไก่ บะหมี่หมูแดง เกี๊ยวน้ำ และติ่มซำหลากหลาย ด้วยราคาเบาๆ


ยัง ยังไม่เข้าโรงแรมครับ เราไปร้านที่สองต่อ ซึ่งเป็นร้านกาแฟติดลิสต์ร้านกาแฟระยองที่ต้องมา ร้านมีชื่อว่า ปาฎี ร้านอยู่ในหมู่บ้าน Modern City ชื่อแปลกและเท่ดี เปิดอากู๋ดู ปาฎี แปลว่า ข้าวเปลือก ตัวร้านตกแต่งเน้นสีโทนขาว สไตล์ยุโรป ผมชอบบรรยากาศโดยรวมที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาบริเวณที่นั่ง และเป็นสวนให้บรรยากาศเหมือนอยู่สวนบ้านเราเอง ที่นี่มีแต่ที่นั่งด้านนอกที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่อย่างที่บอกคือไม่ร้อนเลย (เลือกที่นั่งที่มีพัดลมซักหน่อย ประกอบกับที่ร้านมีติดพ่นละอองไอน้ำด้วย) แม้ว่าเวลาที่ผมไปนั้นประมาณบ่ายสองที่เป็นช่วงอุณหภูมิสูงสุดของวันนั้น



อาหารและเครื่องดื่ม บอกเลยว่า ดีเลิศประเสริฐศรี กาแฟคล้ายลาเต้แบบให้มาผสมเอง ชาเขียวมัทชะผสมกลิ่นแอปเปิลพร้อมเม็ดเบอร์รี่เปรี๊ยวๆ และของหวานวัฟเฟิ้ลพร้อมสตรอเบอร์รี่ผ่าเป็นชิ้นบางๆ ทำให้บ่ายวันนั้นอิ่มเอมไปด้วยความสดชื่นจากความละมุน ความหวานเย็น และวิวสวยๆให้เราแชะภาพได้อย่างเมามัน



ยังครับ ยังไม่ได้เช็คอินเข้าโรงแรมอีกตามเคย เราแวะไหว้พระทำบุญตามกำลังทรัพย์และแรงศรัทธาที่วัดป่าประดู่ในตัวเมืองระยอง วัดมีพื้นที่ใหญ่พอควร ร่มเย็นดี มีเวลาลองแวะดูครับมีอุโบสถให้เดินลอดตามความเชื่อ มีองค์พระนอนที่ส่วนตัวผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกว่าพระเศียรอยู่ทางขวามือเราเมื่อเราหันหน้าเผชิญกับองค์พระ (แสดงว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถนัดมือซ้าย)


เข้าเช็คอินโรงแรมซักที เราเลือกโรงแรมโนโวเทล ริมเพ รีสอร์ท ที่นี่เป็นโรงแรมไม่ใหม่แต่มีการบำรุงรักษาที่ดี สภาพห้องที่เราพักมีอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่บ่งบอกอายุการใช้งานอย่างยาวนาน (แต่ยังดูดีและใช้งานได้) โรงแรมมีพื้นที่กว้างขวางพอควร มีสระว่ายน้ำใหญ่สองสระ มีอ่างจากุซซีไว้แช่อุ่นๆ และนวดตัวไปด้วย โรงแรมติดชายหาดทำให้เรามีโอกาสเดินเท้าเปล่าเหยียบย่ำบนผืนทราย ลงเดินลุยน้ำทะเลและให้คลื่นซัดกระแทกหน้าแข้งเบาๆ เพื่อบอกกับเพื่อนๆ หรือคนฟอลว่ามาถึงทะเลละนะ เหยียบทราย สัมผัสน้ำทะเลแล้วด้วย




แถวโรงแรมไม่ค่อยมีร้านอาหารมากนัก เราเลือกขับไปด้านบ้านเพเพื่ออาหารเย็นสำหรับวันแรก ไม่ได้เปิดวงในหรือตามรอยยูทูบเบอร์เลย ดูจากสภาพร้าน คนเยอะไม่เยอะ มีที่จอดรถ ก็จบที่ร้านนี้เลย ข้าวต้มกุ้ยริมถนน ชื่อร้านสายชล สั่งกับข้าวมาสามอย่างพร้อมกินกับข้าวต้ม รสชาติได้อยู่ ปลาคังลวกจิ้มสดดี น้ำจิ้มใช้ได้


Day 2

วันที่สองหลังเช็คเอ้าท์จากโรงแรมโนโวเทลริมเพ เรามุ่งหน้าไปที่สวนพฤกษศาสตร์ระยองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก แนะนำให้มาเช้าๆ เช่นเคย ถ้าใครสู้อากาศร้อนแดดจัดไม่ได้ แต่เมื่อเข้าเขตที่เป็นป่าเสม็ดโบราณแล้วคุณก็เหมือนตกอยู่ในอีกโลกที่มีความเย็นกายเย็นใจ สูดกลิ่นเขียวของป่าไม้นานาพันธุ์ มีให้เลือกเที่ยวชมสองแบบเดินหรือปั่นจักรยาน และนั่งเรือ (อ้าวสามแบบนี่) เราเลือกเดินตามความชอบส่วนตัว จริงๆ พื้นที่ของสวนพฤกษศาสตร์ระยองนี้กว้างขวางมาก แต่เราต้องขอยอมแพ้ต่ออากาศร้อนและสังขาร (อีกแล้ว)



เราแวะเติมพลังที่ร้านชิมคาเฟ่ ร้านนี้มีสองโซน โซนอาหารจานเดียวประเภทข้าวราดแกง และโซนร้านกาแฟและเบเกอรี่ ข้าวราดแกงอร่อยอยู่แต่ราคาภัตตาคารไปหน่อยถ้าเทียบจากปริมาณ กาแฟคาปูชิโนร้อนหอมสดชื่น ชาเขียวเย็นซิกเนเจอร์ร้านรสชาติมีเอกลักษณ์ อร่อยทีเดียว (แต่ถ้าอยากอร่อยหลายทีให้มาบ่อยๆ) เค้กมะพร้าวอ่อนหวานละมุนกะทิเหมือนกินน้ำกะทิราดข้าวเหนียวมูล ให้ความรู้สึกฟินกินของหวานหลังอาหารคาว



พระอาทิตย์ยังไม่ลับฟ้า เราก็ยังไม่ล้าที่จะเที่ยวต่อ ไม่รีบที่จะเช็คอินเข้าโรงแรมที่สองเพราะโรงแรมอยู่กับที่ไม่หนีไปไหน เราไปต่อที่สะพานรักษ์แสม ก่อนไปขับข้ามสะพานปากน้ำประแสร์ แวะลงแชะๆ ภาพจนหนำใจ จึงค่อยไปต่อที่สะพานรักษ์แสม วันที่เราไปดูเงียบเหงานักท่องเที่ยวบางตา แต่ก็มีความพยายามของหน่วยงานหรือชาวบ้านละแวกนั้นกำลังโปรโมทกิจกรรมต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากระจายรายได้ให้ที่นี่บ้าง




ที่ท่องเที่ยวสุดท้ายสำหรับทริปนี้ อาจเป็นที่ไฮไลท์เลยก็ว่าได้สำหรับผม นั่นคือ ทุ่งโปรงทอง ก่อนมาผมเคยได้ยินเพื่อนๆ ของผมที่มาเที่ยวที่นี่ก่อนหน้านี้ ให้ความเห็นว่า “ไม่ค่อยมีอะไร” แต่สำหรับผม ผมว่ามันมีอะไรให้ดู และดูดซับความสวยงามของธรรมชาติป่าโกงกางที่แปลกตากว่าที่อื่นที่ผมเคยสัมผัสมา เมื่อเราไปถึงมีนักท่องเที่ยวหนาตา ทำให้มีความรู้สึกครั้งแรกสำหรับทริปนี้ว่าเรามาถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม (หรืออาจเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามประแสร์ เอ้ย กระแส)


นั่งรถมอไซด์ดัดแปลงให้มีที่นั่งพ่วงแบบหลายคน เข้าไปทางเข้าอีกไม่ไกลนักก็ถึงปากทางเข้า เมื่อเดินเข้าไปเราได้สัมผัสถึงไม้โกงกางที่สูงชะลูดเรียงรายเป็นแถวเป็นตอนอย่างไม่เป็นระเบียบนัก แต่ก็ให้ภาพที่สวยงามกับรากไม้โกงกางที่แผ่ขยายเหมือนสุ่มเล้าไก่ แล้วเราก็ถึงสะพานไม้ยาวเรียวผ่านทุ่งสีเขียวอ่อนปนเหลืองของไม้โปรงแดง มีวิวมหาชนและวิวปุถุชนมากมายให้ถ่ายกัน แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าแบบแนวตัดกับสีทุ่ง อาจเป็นโทนขาว หรือครีมพร้อมพร็อพหมวก ผ้าพันคออะไรก็ตามถนัด หรือเป็นเสื้อสีสดๆ ไปเลยยกเว้นเขียวอ่อนหรือเหลือง (เดี๋ยวเพื่อนๆ หาไม่เจอตอนดูรูปในโซเชียล..ฮา)



จากจุดถ่ายรูปสัญญามหาชน เดินเข้าไปอีกพอประมาณเพื่อไปจุดถ่ายรูปที่สองอวดโซเชียลกัน คือเป็นต้นไม้โกงกางใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขาแผ่กระจายโดดเด่นอยู่ต้นเดียวกลางป่าโกงกางแห่งนี้ สังเกตหัวกระไดไม่เคยแห้งไม่สามารถรอคนอื่นที่ไม่รู้จักออกจากเฟรมได้เลย



ถ้าเราเดินเลยไปอีก ป้ายบอกว่าไปอนุสรณ์เรือรบหลวงประแสร์ได้เลย แล้วมีเรือให้นั่งกลับมาเอารถได้ (สำหรับคนเอารถมา) แต่เหมือนไม่ค่อยมีคนเดินไปนะ ส่วนใหญ่เดินกลับไปที่ทางเข้าเดิมกัน


แล้วเราก็มาถึงโรงแรมที่สองสำหรับทริปนี้ คือ ดีวารีดีว่าเซ็นทรัลระยอง โรงแรมดูดีมีสไตล์ทันสมัย ห้องที่เราพักมีขนาดที่ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่วางกระเป๋าสัมภาระ และพื้นที่ทำงานสำหรับคนที่มาพักเพื่องานหรือธุรกิจที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ได้อย่างลงตัว แม้พื้นที่แนวกว้างอาจอึดอัดสำหรับคนตัวใหญ่ แต่ห้องก็ชดเชยด้วยห้องน้ำที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสำหรับอ่างแช่น้ำที่แยกส่วนการอาบแบบฝักบัว สำหรับคนชอบตีฟองและแช่น้ำอุ่นพร้อมจิบม็อกเทลกับฟังเพลงเอ็ดชีราน โรงแรมมีขนาดไม่ใหญ่ถ้านับจำนวนห้อง แต่มีสระว่ายน้ำที่ไม่เล็กจนเกินไปตามขนาดจำนวนห้อง ช่วงที่เราไปทางโรงแรมมีแคมเปญกดไลค์หรือกดแชร์เพจโรงแรมแล้วได้เครื่องดื่มม็อกเทลฟรีหนึ่งแก้วด้วย จัดไป


มาหนนี้เราลองอาหารอีสานประจำถิ่นอีกแล้ว จริงๆว่าจะลองร้านส้มตำชื่อดังแถวอำเภอแกลงเมื่อกลางวันแต่พลาดไป จึงมาแก้ตัวมื้อเย็นที่ร้าน เพื่อนอีสาน แต่ละจานที่สั่งมารสชาติจัดจ้าน ปริมาณเยอะ และราคาไม่แรง แต่ติดที่รออาหารค่อนข้างนาน อย่างไรก็ดี ถ้าสำรองท้องมาก่อน นั่งก้มหน้าเล่นโซเชียลไปเล่นผับจีไป ก็อาจรู้สึกรอไม่นานก็ได้นะ (คำเตือน ถ้าไปกับครอบครัว หรือแฟน ขอให้เป็นสังคมมองหน้าแทนจ้า)



จบแล้ว เจอกันใหม่ทริปหน้าค้าบ :)




ความคิดเห็น