The Jungle House ,KhaoYai ป่าอเมซอนเมืองไทยที่แท้ทรู (พัก กิน เที่ยว ครบด้วยงบ 2,000 กว่า)

ทริปสายป่าสายเขียว ที่จะทำให้คุณหลงรักสถานที่พักผ่อนอันแสนสงบ และเสน่ห์ของการออกแบบตกแต่งที่พัก ที่มีความร่วมสมัยบวกกับความป่าความเขียวของธรรมชาติที่นี่ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีเวลาน้อย แต่อยากออกไปเที่ยวพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติแบบยาวๆ ทริปนี้จะช่วยเยียวยาและช่วยชาร์จพลังคุณให้เต็มปอดได้แน่นอน เพียงกำเงินให้แน่น ด้วยงบเพียง 2,000กว่า ก็มาได้แล้ว ทริปนี้เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยนั่งรถตู้จากหมอชิต-ปากช่อง ใช้เวลาประมาณ 3ชั่วโมงกว่า ด้วยราคาตั๋ว 160 บาทต่อคน บอกคนขับว่าไปลงตลาดไนท์ สังเกตุง่ายๆคือบริเวณวงเวียนที่มีรูปปั้นกวาง เมื่อถึงปากช่องต่อรถสองแถว สายเขาใหญ่-ปากช่อง ไปลงสวนน้ำ Scenical world ด้วยราคา 30 บาท รีสอร์ทจะอยู่ตรงข้ามกับสวนน้ำเลย ก่อนถึงรีสอร์ทรถจะขับผ่านถนนเส้นธนะรัชต์ และอยู่ห่างจาก Palio เพียงไม่กี่กิโลค่ะ

จุดเด่นหลักๆของที่นี่เลย คือการเน้นมาพักผ่อนแบบซึมซับกับธรรมชาติที่แท้ทรู แน่นอนว่าคุณจะได้เห็นป่าดิบเขียวรายล้อมตัวคุณตลอดทั้งวัน ประหนึ่งว่าคุณได้หลงทางมาอยู่ในป่าอเมซอนเลยก็ว่าได้

ทริปชิคๆนั่งช้างเข้าป่าหาชีวิต นอนพักรีสอร์ทสุดฟิน กับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียว ที่ยังคงความดิบความป่าอยู่ หากใครกำลังมองหาทริปป่าๆคูลๆแบบนี้ แนะนำเลยที่พักสุดเก๋ The Jungle House Hotel ,Khao Yai แล้วคุณจะรู้ว่า Jungle นั้นมีอยู่จริง 😝😝

The Jungle House Khao Yai ที่พักสายป่าสุดคูล ที่จะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจเหมือนนอนอยู่บ้าน ทริปนี้เราพักเป็นห้อง Superior Room ชื่อว่าบ้านนกเงือกค่ะ ภายในห้องจะถูกออกแบบตกแต่งด้วยโทนสีคลาสสิก ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและมีระเบียงส่วนตัวและชั้นลอยเก๋ๆ ซึ่งเหมาะแก่การมาพักผ่อนกับกลุ่มเพื่อนมากค่ะ หากใครมาเที่ยวเป็นกลุ่มหลายๆคน แนะนำเลยยว่าต้องมาพักที่นี่กันสักครั้งนะคะ

ภายในห้องจะเป็นระเบียงส่วนตัวชิคๆที่ยังสามารถมาจัดปาร์ตี้สนุกๆกับกลุ่มเพื่อนในห้องกันได้อีกด้วยค่ะ

ห้องนอนของเราจะเป็นเตียง Twin เตียงเดี่ยวสองเตียง ซึ่งบริเวณริมหน้าต่างด้านนอกจะเป็นวิวป่า ช่วงเวลาค่ำๆก็จะมีเสียงธรรมชาติให้นอนฟินกันยาวๆเลยค่ะ

ข้างบนชั้นลอย ก็สามารถนอนได้เช่นกันนะคะ หากใครชอบนอนข้างบนก็สามารถปีนบันไดขึ้นไปนอนเก๋ๆได้เลยค่ะ

ในส่วนของห้องน้ำ ที่นี่จะออกแบบมาในแนวคลาสสิกบวกความธรรมชาติหน่อยๆค่ะ ดูเรียบแต่โก้ และแน่นอนค่ะ ว่าที่นี่ทุกอย่างจะถูกตกแต่งออกมาในรูปแบบของความผสมผสานกับธรรมชาติเกือบทั้งหมด

บ้านหลังนี้ก็น่ารักค่ะ เหมาะสำหรับมาพักกับครอบครัวไซส์มินิ และด้านข้างยังมีโรงจอดรถด้วยนะคะ

จุดนี้ไว้สำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูปแบบชิคๆเลย เป็นศาลานั่งชิวบนต้นไม้ น่ารักไปอีกแบบค่ะ

จุดบริการเคาวน์เตอร์ Reception หากมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลืออะไร สามารถมาสอบถามที่นี่ได้เลยค่ะ บอกได้เลยว่าประทับใจการบริการ Full Service ของพนักงานที่นี่มาก ยิ้มสวยและให้ความเป็นกันเองมาก มีโอกาสจะกลับไปอีกแน่นอนค่ะ

การตกแต่งแบบอารยธรรมที่มีความร่วมสมัย ซึ่งดูมีเสน่ห์และดึงดูดความเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่มากค่ะ

ถ้าจะไม่พูดถึงห้องอาหารของที่นี่ก็คงไม่ได้ เพราะที่นี่นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังมีพนักงานเสิร์ฟที่คอยแนะนำเมนูเด็ดๆและขึ้นชื่อของที่นี่หลายอย่างด้วยค่ะ ซึ่งห้องอาหารที่นี่มักจะชอบบรรเลงเพลงคลาสสิกในทุกๆวันและทุกครั้งที่รับประทานอาหารอีกด้วย เรียกว่าเป็นการช่วยสร้างความสุขให้กับลูกค้าในระหว่างทานอาหารได้ดีมากค่ะ :))

เริ่มต้นด้วยเมนูอาหารเช้าแสนอร่อย แบบเบาๆของเรา

เมนูอาหารค่ำของเรา ซึ่งบอกได้เลยว่าคุณจะได้ซึมซับกับบรรยากาศที่เป็นป่าของแท้ บวกกับอาหารที่ยังคงความรสชาติออริจินัลสไตส์แสนอร่อยของที่นี่แน่นอน และนี่เป็น Set Menu Package สำหรับ2ท่านค่ะ

เราเลือกทาน Set A ซึ่งจะมีปอเปี๊ยะทอด หมูย่างบ้านป่า ต้มข่าไก่ ผัดผักรวม ข้าวสวย และตบท้ายด้วยของหวานแสนอร่อย ซึ่งได้แก่ ผลไม้ลอยแก้วและกล้วยบวชชีค่ะ

รสชาติอาหารที่นี่อร่อยและมีความดั้งเดิมมาก โดยเฉพาะหมูย่างบ้านป่า ที่ทำการย่างอย่างพอดีจนหมูนุ่มลิ้น บวกกับน้ำจิ้มแจ่ว ที่มีความลงตัวแบบออริจินัลไสตส์ อย่างลืมไม่ลง

ความกรอบนอกนุ่มในของปอเปี๊ยะ ห่อได้พอดีคำและปอเปี๊ยะไม่แข็งเกินไป น้ำจิ้มเด็ด อันนี้ชอบมากค่ะ

ต้มข่าไก่ รสชาติป่าๆบ้านๆ อร่อยมาก ต้องมาลองนะคะ

ปิดท้ายด้วยของหวาน Set A กันนะคะ ผลไม้ลอยแก้วและกล้วยบวชชี หอมหวานละมุนชื่นใจมากค่ะ

นี่เป็นเมนูเซ็ตอาหารของที่นี่ค่ะ มีให้เลือกตามใจชอบเลย รับประกันความอร่อยว่าอร่อยทุกอย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งความประทับของที่นี่ นอกจากที่พักแล้วเรื่องอาหารที่นี่ยังทำให้เราอยากกลับไปทานอาหารที่นี่อีกครั้งเลยค่ะ

The Jungle House เป็นบริเวณที่พักที่รายล้อมไปด้วยป่า และแน่นอนค่ะกิจกรรมเด่นๆของที่นี่หนีไม่พ้นการนั่งช้างเข้าป่าค่ะ ความพิเศษของการนั่งช้างที่นี่คือ การได้นั่งช้างเข้าไปในป่าดิบแบบเรียลและลงลำธารในป่าของจริง ซึ่งบอกได้เลยว่า มีความอเมซิ่งและอเมซอนมากค่ะ

จะขี่ช้างชมเมืองหรือขี่เข้าป่าก็มีหมดค่ะ อยากทดลองเป็นควาญช้างเองก็ได้เป็นค่ะ 55555

ว่างๆก็เดินเล่นสะพานยาวไปสูดอากาศเขียวๆกันค่ะ

บริเวณรีสอร์ทจะมีสะพานยาวที่เชื่อมต่อไปยังลำธารด้วยค่ะ พนักงานที่นี่บอกว่าหากอยากเห็นพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ แนะนำให้ไปเดินเล่นแถวลำธารช่วงเย็นๆ เพราะแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลำธารในช่วงนั้นจะสวยมากค่ะ