จากที่หนัง "คิดถึงวิทยา"ได้โด่งดัง ทะลุ 100 ล้าน ก็คาดว่าน่าจะมีคนไปเยี่ยมโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาเรือนแพที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนมากมาย
เราอยากไปมาก เลยมาลองค้นหากระทู้ในพันทิพ แทบจะไม่ค่อยมีข้อมูลการเดินทางเลยแฮะ
และแล้ว ก็พึ่งจะไปมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยังไงขอรีวิวคร่าวๆละกันนะคะ ภาพอาจสวยบ้างไม่สวยบ้าง อาจไม่ค่อยละเอียดมากเพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนรีวิวเรื่องนี้เพราะเป็น day trip เองอ่า แต่พอโพสในเพจตัวเอง มีคนสนใจเยอะ เลยว่ามาลองรีวิวดูละกัน และก็น่าจะเป็นประโยชน์บ้าง..ก็ได้
(รูปจากอากู๋นะ ยื้มมาหน่อย)
เราเริ่มออกเดินทางกันตอน 7 โมงกว่าๆ ออกนอกตัวเมืองไปทาง อำเภอ ป่าซาง บ้านโฮ่ง และก็ถึงลี้ในที่สุด ใช้เวลาไปเท่าไหร่รู้ปะ
เกือบ 3 ชั่วโมง
มาถึงอุทยานแห่งชาติแม่ปิง แวะสแตมป์สมุดpassport ท่องเที่ยวอุทยานหน่อย
เจ้าหน้าที่บอกเป็นรถนักท่องเที่ยวคันแรกเลยที่เข้ามา
ขับตรงเข้าอุทยานไปเลยค่ะ
โอ้ว มีรถโดยสารจากตัวเมืองลำพูนมาถึงในนี้ด้วย "รถลี้"
ถนนลาดยาง ขับสบายๆค่ะ บางช่วงโค้งก็เยอะหน่อย ต้องระมัดระวัง
สถานที่แรกที่จะไปแวะคือ น้ำตกก้อหลวงค่ะ
มันคือน้ำตก Unseen ของจังหวัดลำพูนเลยแหล่ะ
ขับตามป้ายไปเลยค่ะ
ขับไปสักพักก็ถึงแล้วค่ะ
แต่พอมองไปไกลๆ น้ำที่เห็น จากมรกต กลายเป็นชาเย็นไปซะแล้ว
ก่อนหน้า ที่จะมาที่นี่ 3-4 วันก่อน พายุเข้าภาคเหนือค่ะ ลำพูนก็โดนด้วย น่าจะเป็นเหตุให้น้ำขุ่นมากกกกก
อชิเคยไปที่นี่เมื่อสัก 2 ปีก่อน ประมาณปลายกุมภาค่ะ น้ำสีสวยมาก
มาถึงแล้วก็เดินไปเช็คความสวยกัน (ในใจก็พอจะเดาได้ว่ามันคงขุ่นมากเลยแหล่ะ)
เนื่องจากน้ำที่นี่มีความลึกถึง 8 เมตรค่ะ ถ้าจะลง ต้องใส่เสื้อชูชีพลงเท่านั้น
เมื่อไปถึงตัวน้ำตกก้อหลวงก็ #ร้องไห้หนักมาก ขุ่นพระ!! น้ำขุ่นมาก
เพื่อไม่ให้เป็นการดิสเครดิตสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตัวเองและทำเสียบรรยากาศ ขอนำภาพเมื่อ 2 ปีก่อนมาชดเชยแทนนะคะ .. อย่าโกรธน้า พลีสส
เค้าบอก มกรา จะสวยกว่านี้อีกค่ะ
สวยไหมล่ะ
เอามาให้มโนกัน
ใครจะไปช่วงใหน ได้โปรดโทรเช็คกับเจ้าหน้าที่อช.แม่ปิงก่อนล่วงหน้านะคะ
ไม่งั้น คุณอาจได้ ร้องไห้หนักมาก
เดินทางกันต่อค่ะ
อชิเคยเขียนเรื่อง "แบกเป้ 2 ใบ 60 วัน ไกลบ้าน สุดประเทศที่โขงเจียม ต่อด้วยสุดปลายด้ามขวานแวะเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/33434667
ถ้าคุณเคยอ่าน อาจจะจำได้ว่า... ตอนนั้นมันมีแอคซิเดนที่ทำให้ต้องหั่นผมสั้นจู๋เหมือนผู้ชายแบบนี้
แต่ตอนนี้ยาวขึ้นมาบ้างแล้วหล่ะ ว่างๆเชิญไปเสพ อิอิ
เดินทางกันต่อจริงๆล่ะ
ขับออกเส้นเดิมจนเจอเส้นหลัก แล้วขับต่อไปอีก เพื่อไปยัง "แก่งก้อ"
มองลงไปด้านล่าง ข้างหลัง จะเป็นสายน้ำปิงค่ะ
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ทางเรือในทริปนี้
จะว่าเราความรู้สึกช้าใช่ปะหล่ะ ก็คงงั้นมั้ง หนังออกมาตั้งปีนึงแล้ว ....
แต่.. เอ้า สถานที่จริงๆมันมีนี่ เป็นโรงเรียนที่มีอยู่จริง และยังมีอยู่ ไปตอนนี้สายซะที่ไหนล่ะ
เรามาถึงที่นี่ เที่ยงวันพอดิบพอดี
สมควรแก่เวลากินข้าวมาก 55555
อ้อ ก่อนจะมาถึงที่นี่ พ่ออชิได้โทรหาคนรู้จักแล้วเค้าบอกว่า มีลูกศิษย์เค้าเป็นเจ้าของแพที่นี่ชื่อพี่ แอ๋ว
มีเรือเป็นของตัวเองด้วย
ระหว่างทางก็เห็นป้ายโฆษณาของเจ้านี้ ติดตลอดทางเลย ติดอยู่เจ้าเดียวด้วย แล้วก็เป็นเจ้าเดียวกันกับที่เพื่อนพ่อแนะนำ
โอเค เราจะไปตามนั้น
แล้วเด็กใส่ชุดนอนนี่คือ !!??
ช่างเหอะ ลงไปสำรวจแพด้านล่างกัน
มาถึง ก็ปรากฏกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มแรก มาตั้งวงทานข้าว เอกเขนกกันก่อนแล้ว
นี่แหล่ะ แลนด์มาร์กของเราที่จะสิงสถิตในยามบ่ายนี้
หากใครอยากจะมานอนแพ ที่นี่คืนละ 2,000 บาท พักได้ 15 คน (สูงสุด)
หากอยากจะให้เค้าลากแพไปที่ลมโกรก น้ำเยอะๆ เค้าลากไปได้ เพิ่มอีก 500 บาทค่ะ มีอุปกรณ์สำหรับทำอาหาร คาราโอเกะ ไว้ให้บริการครบ!
แต่กระนั้น ก็ยังมีอีกสองสามเจ้าที่ให้บริการในแถบนี้นะคะ ได้โปรดกระจายรายได้กัน!!
คืออชิจะเป็นประเภทแบบ ถ้าเรามากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ จะไม่ชอบมากๆเวลาไปรุมซื้อของกันร้านเดียว
เพราะเจ้าอื่นเค้าจะน่าสงสารมาก ถึงแม้เค้าจะเป็นกลุ่มเครือญาติเดียวกันก็เหอะ เค้าก็มีลูกมีเต้า มีครอบครัวของเค้าใหม่หรือเปล่าหว่า
แต่พอไปต่างประเทศปุ้บ กรูกันมาอยู่ร้านเดียว
แทคทีมต่อราคามันสะบั้นหั้นแหลก
ระหว่างรอาหารมาเสริฟ จะเล่าเรื่อง ผม "สั้นๆ" ให้ฟัง สักหน่อย
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนแบ็คแพ็ค 60 วัน ที่พึ่งกลับบ้านมาเมื่อมีนาคมที่แล้ว
จากอีสาน ลงไป 3 จังหวัดชายแดนใต้เนี่ยแหล่ะ เป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะทำแบบนี้หรอก
แต่สุดวิสัยจริงๆ เพราะขณะที่แบ็คแพ็คอยู่ อาม่าที่เรารักมากกำลังจะจากไป ทั้งๆที่ก่อนหน้าที่เราจะแบ็คแพ็ควันนึง เรายังไปดู
ไอฟายแต้งกิ้วเลิฟยูกันอยู่เลย คือท่านแข็งแรงมากนะ
ทำใจไม่ได้อย่างแรง .......... แต่ตอนนี้ท่านอาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ ^^
คือตอนที่เราแบ็คแพ็คผ่านสุราษ ก็มีเข้าไปปฏิบัติธรรมด้วย ก็เลยโกนผมเลย 5555555
ใจเด็ดมาก
แผ่บุญให้อาม่าที่นอนอยู่ใน ICU แบบเกินพิกัด
คนซ้ายมือ คืออาม่า คนขวานี่ถ่ายเมื่อปีก่อนนี่เอง
นอกเรื่องเยอะ 55555
อาหารมาพอดี
อาหารที่นี่ ร้านพี่แอ๋ว ช่วงนี้ จะเป็น ปลา ปลา ปลาและก็ปลา ช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ เมนูจึงไม่มาก ประกอบกับพี่เค้าพึ่งเปิดแพใหม่
อย่าเรื่องมาก กินแต่ปลาไป
แต่ปลาสดมาก ราคาก็น่าคบหามากด้วยเช่นกัน ...
ค่าเสียหาย จำไม่ได้ แต่ได้ยินแว่วๆว่า ห้าร้อยนิดๆ
กินอิ่มแล้ว แทนที่จะได้ออกเรือไปตามหาความฝัน เมฆฝนลอยมาดูทีท่าว่าฝนจะตก
เราถามราคาพี่ยัน คนขับเรือ ว่ามีราคาแบบไหน อย่างไรบ้าง
พี่เค้าบอกว่า หากไปแค่แก่งสร้อย 700 บาท ขับไปกลับ 3 ชั่วโมง
พอถามว่า แล้วไปโรงเรียนเรือนแพหล่ะ เท่าไหร่
เค้าบอก 1,700 ไปกลับ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง
หืมมมมม.....
เย้ยยยย
ไมแพงจัง แพงกว่าไปแก่งสร้อย ... ทั้งๆที่ใกล้วก่าคิดในใจ นี่เป็นเพราะหนังเรื่อง คิดถึงวิทยาปะเนี่ย
เมฆครึ้มลอยมาล่ะ คนขับเรือ ชื่อพี่ยัน เค้าบอกว่า รอดูท่าทีของอากาศก่อน ถ้าโอเค จะออกเรือไป ถ้าไม่โอเค ก็ไม่ได้ออก
เงินตั้ง 1,700 พี่เค้าไม่แคร์เลย แต่สนว่า อากาศจะเอื้ออำนวยไหม .... อ้าว แล้วแก่งสร้อย 700 ไปกลับ 3 ชั่วโมง .. แต่โรงเรียนเรือนแพ ไปกลับไม่ถึง 2 ชั่วโมง คิดพันเจ็ด .........คิดวนไปวนมาเวียนอยู่ในใจ
อ้อ ก็อันนี้พึ่งเป็นกระทู้แรก ตั้งแต่ทรงผมเราเปลี่ยนไปน่ะ มันเขิลๆแปลกๆ อ่า
อีกอย่างในชีวิตจริงนี่ มีแต่คนมองว่าเป็นทอมมั่ง เป็นผู้ชายมั่ง เก็บกดมากกกกก
แต่....ช่างมันเหอะ อ่านไปๆละกัน
อันนี้ป่ะป๊า กับเพื่อนที่มาจากแคนาดา(คนซ้าย)
ระหว่างรอคนขับเรือตัดสินใจ เราก็ไปเดินเล่นบนแพถัดๆไป
ไอ้เด็กลูกคนขับเรือ อยู่อนุบาล 1 พูดเป็นต่อยหอย ... ยอม !!
ไปนั่งดูมันวาดรูปเล่น เออ มันก็พูดไม่หยุดแฮะ พูดกำเมืองสำเนียงดอยเต่าด้วย ทำให้นึกถึงเพื่อนในคณะคนหนึ่ง นึกแล้วฮา .. ฮ่าๆ
แพตรงนู้น เป็นแพร้านขายของชำค่ะ
พายเรือไปดูดีไหมอ่า
เมื่อฝนที่ลงแหมะมะกี๊ลอยหายไป
พี่ยัน คนขับเรือก็ตะโกนเรียกบอกว่าออกเรือได้แล้ว
เพราะฉะนั้น ก็ .......... ออกเดินทางกัลลลล
เห้ย ตอนเราขึ้นเรือแล้ว ไอ้เด็กน้อยเดินมาส่ง ยังพูดไม่หยุดอีก
ขับผ่านแพร้านขายของชำที่แรกเลย ที่มองเห็นตอนอยู่บนแพร้านอาหารพี่แอ๋วมะกี๊
เข้าสู่โหมดชิลล่ะ
ต่อจากนี้ ก็เป็นใบ้กันอยู่ชั่วขณะ วิวสองข้างทางเป็นอะไรที่ปิดปากพวกเราได้อยู๋หมัด
เชี่ยวหลานก็เชี่ยวหลานเหอะ ณ เวลานี้ ที่นี่ให้เป็นที่ 1 เลย
ธรรมชาติ ขุนเขา สายน้ำ ทำให้รู้สึกว่า มนุษย์อย่างเราตัวเล็กลงไปเลยทีเดียว
แพบ้านชาวประมงค่ะ
ชาวบ้านแถวนี้ มีเพียงไม่กี่หลังคาเรือน ก็อยู่ลอยน้ำกันแบบนี้ ทั้งวันทั้งคืน
ช่วงนี้เขื่อนภูมิพล ยังไม่กักน้ำค่ะ ยังปล่อยมาอยู่
มีเรื่องตลกเกี่ยวกับทรงผมนี้เยอะมาก
เนื่องจากปกติแล้ว อชิจะเป็นคนผมยาว
พอทำทรงนี้ แม้แต่ตอนไปไปรษณีย์ พี่สาวที่เราส่งของกับเค้าเป็นประจำ เค้าก็ยังจำไม่ได้ พูดคะขากันแปลกๆ
นั่งอยู่บ้านพ่อ ซึ่งเป็นร้านขายของ ลูกค้าก็จะถามว่า เอ้า วันนี้ยังไง ลูกชายมาอยู่นี่ได้ ลูกสาวที่ผมยาวๆไม่อยู่เหรอ
เอิ่ม... ตรูนั่งอยู่ตรงเน้ หัดฟังเสียงมั่งเสียงน่ะ ไม่มีลูกกระเดรือกกกกกก
ไปร้านข้าว ป้าถาม "เอาไรดีคับ"
เอ่อ
นมนี่ก็จะเท่าลูกมะพร้าวอยู่นะ (ช่วงนี้เลือกแบบฟองน้ำเยอะเป็นพิเศษ)
โธ่ อย่ามองแต่หน้าดิ มองนมด้วยยยย
พยายามทำหน้าให้เหมือนผู้หญิงอยู่
.......
ยากจุง
ไม่สนใจละ
ซิ่งเรือกันต่อ ....
เรือลำนี้ สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 20 คน
หรือใครจะเหมามาแบบส่วนตัวก็ได้ เค้าก็ออกค่ะ แต่ปัญหาคือ คุณจะโชคดีได้คนขับเรือและมีเรือหรือเปล่า เพราะช่วงนี้น้ำลง
แพที่เค้าอยู่รอบริการลูกค้า ก็เหลือแค่ไม่กี่หลัง พอน้ำลงกว่านี้อีก แพเหล่านี้ต้องเลื่อนไปตามน้ำ ที่น้ำมากๆ คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนแพที่นี่ ต้องรู้เท่าทันธรรมชาติ ต้องคอยอพยพเลื่อนแพไปตามน้ำตลอด
เห้ยๆ นั่น นั่น เจอแล้ววว
เตรียมร้องเพลง "ไม่ต่างกัน" รอด่วนเลย
ขอสารภาพเลย ว่ายังไม่ได้ดูหนัง
ดู MV เพลงนี้ปุ๊บ คือ ว่างเมื่อไหร่ ไปแน่
แต่ ความรู้สึกช้า้ไปจริงๆแหล่ะ หนังเค้าบูมไปเมื่อปีก่อนแล้ว
เหมือน quote กำเมืองแถวบ้านที่เค้าว่า "กว่าจะฮู้คิง น้ำปิงปอแห้ง" (แปลว่า กว่าจะรู้สึกตัว แม่น้ำปิงก็แห้งไปแล้ว)
ไม่มีใครขึ้น เราจะร้องนำละนะ
"เธอเคยได้เห็นหรือเปล่าว่าความรักเป็นเช่นไร
ฉันไม่เห็นหรอก แต่ฉันก็รู้สึก "
โหยย ดูคนมาต้อนรับ อย่างน่ารัก
เจ้าสำลี สุนัขแก่ เฝ้าโรงเรียนยามปิดเทอม
เจอหน้าหมา รู้... ว่ามันต้องหิวเสมอ
เจ้จัดให้
อุ้ยตาย เป็นครั้งแรกที่หมาทำหน้าเหมือนคน ... เย้ย ทำไปได้ อ้ายสำลี
เนื่องจาก ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จึงมีแต่หมานะคะ มาต้อนรับคณะเรือซิ่งของเรา
ไม่รู้จะขออนุญาตใครเดินชมรอบๆ ขอหมามันเนี่ยแหล่ะ
เหมือนเค้าจะรู้ว่าต้องมีนักท่องเที่ยวมาชม
เอาจริงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครมาค่ะ เพราะน้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนนั้น น้อย และเป็นหน้าแล้งด้วย
ฤดูท่องเที่ยวที่นี่ เป็นช่วงปีใหม่ สงกรานต์ที่ผ่านมา แล้วก็ลอยกระทงค่ะ .... หืม ลอยกระทง ... อืมมม ถูกละ
เด็กๆ ถอดรองเท้าเป็นปกติแบบไม่หวั่นว่ามันจะตก จ๋อม ลงน้ำ
แต่เราเห็นครั้งแรก เห้ยๆ ไอ้ดำขวามือสุดน่ะ มันจะลอดไอ้ช่องนั้นหล่นได้เลยนะ ในใจคิดแบบนี้
โรงเรียนแห่งนี้ มีครูคนเดียว ที่สอนเด็ก 7 ชีวิต
ที่ชีวิตเค้าโด่งดังไปแห่งไหนต่อไหนแล้วตั้งก่ะหนังบูม ก็มีสื่อต่างๆมาสัมภาษณ์ (ซึ่งเราก็เป็นคนรู้สึกช้าแบบนี้แหล่ะ
พึ่งจะอยากมาเห็น ง่อวววววว)
ครูที่นี่ ชื่อ คุณครูสามารถ
ไม่ได้เป็นครู เหมือนครูบนบกธรรมดา ไม่ใช่ว่าใครเป็นครูแล้วอยากมาสอนที่นี่ก็มาได้ .....
ลองมาดูความสามารถครูสามารถกัน ... งง มะ ไม่งง นะ ครูชื่อ ครูสามารถ (can (aux.v)) จะพูดถึงความสามารถของครู (ability n. ) เค๊
ครู ขับเรือได้ ว่ายน้ำเป็น ทำกับข้าวได้ พาเด็กเข้านอนได้ ช่วยเหลือเด็กจมน้ำต้องได้ ที่สำคัญ ต้องมีจิตวิญญาณครูมหาศาล เด็กในเมือง เรียนกับครูเป็น 10 ได้ความรู้ ปสก มากมาย เพราะฉะนั้น ครูสามารถเพียงคนเดียว ต้องมีความกดดันที่จะต้องปั้นต้นกล้าอ่อน 7 ชีวิต ให้เติบโตได้เป็นอย่างดีนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เด็กแต่ละคน อยู่ชั้นเรียนต่างกัน ต้องสอนทีละคน
แต่ครูคนเดียว อยู่มาเกือบ 10 ปีแล้ว บร๊ะเจ้า!! ทำได้ไง
เค้าต้องสละความสบาย แทนที่จะนอนตีพุงที่บ้านหลังโรงเรียนเลิก 4 โมง
ไปกินอาหารอร่อยๆ เข้าร้านอาหารญี่ปุ่น หมูกระทะ ร้านกาแฟ เหล้าตอง เอ้ย อย่างหลังไม่ใช่
แต่กลับยอมที่จะมาใช้ชีวิตอยู๋บนแพ กินนอนกับเด็กๆ 24 ชั่วโมง ซึ่ง ... ความสะดวกสบายหาได้จากที่ไหนหล่ะ !!??
เรามานั่งดูคลิปที่ครูให้สัมภาษย้อนหลังถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่
คนแบบนี้ คนที่อุทิศตนเพื่ออนาคตของชาติ..แบบนี้ ก็ยังมีอยู่ด้วย
กราบ three times
อ่อ พล่ามมาตั้งนาน ยังไม่ได้บอกเลยโรงเรียนชื่อไร
"โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร (สาขาเรือนแพ)"
เฮ้ๆ มีสาขา แสดงว่าHeadquarter ต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่งในอำเภอลี้ใช้ไหม .. ตอบ ใช่ !!
แล้วทำไมต้องทำสาขาด้วย .. ในเมื่อเรียนบนบกก็สบายดีออก
เพราะครูใหญ่เห็นว่า เด็กลูกชาวประมงทีอยู่แถวนี้ก็มี เค้าก็อยากเรียน แต่การเดินทางนั้นลำบากมากมาย
จึงต้องเปิดสาขาเรือนแพ พ่อแม่เด็กก็สามารถพายเรือมาส่งเรียนได้ ส่งวันจันทร์ รับกลับวันศุกร์
การศึกษาก็จะได้ทั่วถึง
มันเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมาก ที่ได้รับรู้เรื่องราวพวกนี้
ในขณะบ้านเมืองโลกเทคโนโลยีรุดไปข้างหน้าอย่างหนักหน่วง
อีกซีกมุมหนึ่งของโลก โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาเรือนแพ ..... ลอยน้ำอยู่บนทะเลสาปน้ำปิง
ที่ซึ่ง ห่างเกือบถึง เขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงาจังหวัดตากอีกไม่กี่ชั่วโมง .... มันมีอะ บุคลากรที่มีจิตใจดีงามแบบนี้
ขอกราบงามๆอีก 3 ที
ต้องมีคนอยากรู้แน่เลยช่ายป่าว
ในหนังมีแค่เรือนเดียว แถมไม่ได้เป็นสีฟ้า .. คือเค้ามาทาสีใหม่น่ะค่ะ มีงบจากหนังที่เค้าบริจาคมาช่วยเหลือ
มีอาคารเรียนลอยน้ำ ที่เป็นห้องสมุดสีขาวเพิ่มขึ้นมา และห้องคอมอีก 1 หลัง
ถ้าจำไม่ผิด เป็นคนที่ทราบข่าวแล้วอยากช่วยเหลือ น่าจะคนกรุงเทพมั้งคะ บริจาคมา ถ้าผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ มัวแต่เล่นกับสำลี
ก็จำได้มั่งไม่ได้มั่งน่ะ
ต้องลาแล้ว โรงเรียนเรือนแพ .... MV เพลงประกอบหนังเรื่องนี้พาเรามาจริงๆ ถ้าไม่ฟังเพลงนี้ ก็ยังไม่ได้มาหรอก เพราะยังไม่ได้ดูหนัง -_-
เรื่องราวทริปนี้เหมือนจะจบแบบ Happy ending
ไม่ค่ะ
เมื่อพวกเรา ต้องนั่งเรือ หนีตายกลับมาที่แพร้านอาหารพี่แอ๋ว
ก็ฝนน่ะสิคะ
ไม่ฝนอย่างเดียวนะ ฟ้าร้องกระหื่ม แบบ เซอราวววรอบเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นึกถึงก็อตเอเนลู ขึ้นมาเลย อ่านกันปะ วันพีชอะ
5 โมงกว่า พวกเราติดฝนอยู่ที่แพร้านอาหาร
ฝนตกหนักมาก
สงสัยว่าทำไมพวกเราต้องรอให้ฝนหยุดแล้วถึงไปหล่ะสิ
ก็เพราะว่า ที่ที่เราจอดรถนั้น เป็นดินถมใหม่ ดินยังไม่ค่อยแน่น และเป็นดินโป่ง (ไม่รู้เรียกถูกป่าว เป็นดินร่วนๆหน่อย เจอฝนจะก็เหนียวๆอะค่ะ)
ทั้งลม ทั้งฝน ตอนนี้หนาวมากกกกกกกกกกก
ไม่รู้จะไปหลบอยู๋ตรงไหนดี
เป็น 2 ชั่วโมงที่ฟ้าฝน ให้เราได้พักสมอง คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ
สมองมันว่างไง มือก็ว่าง ไม่รู้ทำไร ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆและถี่ด้วย คุยกับใครก็ไม่ได้ยิน คือ เซอราวววววว มาก
สักทุ่ม ฝนเริ่มซาๆ เจ้าของแพบอกว่า จะเอารถอีแต๋น (แต่เราเรียกรถขนหมู) มาช่วยลาก
เพราะลำพัง กระบะวีโก้ ไร้ซึ่งโฟร์วีล ล้อคงจะปั่นฟรีแน่ๆ
ใช่เลย แค่จะหันหัวรถให้มันตรง แล้วผูกสลิงลากยังยาก
เพราะขณะนี้ รถหนืดกับดินเอามากๆเลยค่ะ
ล้อหน้านิ่ง แต่ล้อหลังหมุน ฟรี ติ้วๆๆๆ ไปเลย
พี่ยัน คนขับเรือจัดการผูกสลิง ท้ายรถขนหมูเข้ากับรถกระบะ
เหยียบคันเร่งกันสุดพลัง
แต่ ก็นิ่งกันทั้งคู่
แถมสลิงขาดอีก
ได้ความว่า รถขนหมู น้ำหนักเบาไป ทำให้ล้อปั่นฟรีเหมือนกัน
ก็ไม่มีหมูนี่นา
19:30 น.
อชิรญาณ์ เพื่อนคุณพ่อจากแคนาดา และลูกพี่ยัน 3 คน น้ำหนักรวมกัน 150 กว่าโล
ขึ้นไปขย่มอยู่ท้ายรถขนหมู
บร๊ะเจ้า !! ได้ผลแฮะ
สักแป๊บ รถก็ลากกันเคลื่อนออกมาจากโคลนได้สำเร็จ
จบทริปได้แบบเละตุ้มเป๊ะ สนุกสนานกันมาก
จากนี้ก็เดินทางกลับตัวเมืองลำพูน เกือบๆ 3 ชั่วโมงหล่ะ เนื่องจากถนนเปียก และไม่มีไฟข้างทาง ต้องใช้ความระมัดระวังกันอย่างมาก
ถึงลำพูน สามทุ่มครึ่ง หาร้านอาหารทานกันก่อนจะแยกย้ายกันกลับ นั่งซัดโฮกข้าวต้มกัน3 คนยังก่ะคนใบ้เลยแน่ะ
และก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เป็น day trip 15 ชั่วโมง ที่สนุก คุ้มค่าสุดๆ ทริปนึง
อย่าลังเลที่คิดแค่ว่า มีเวลาเที่ยววันเดียวแล้วไม่ยอมไปไหนนะ คุณจะอาจจะเสียใจกับเวลาที่คุณเสียไป
แม้วันเดียว มันก็สามารถสรรค์สร้างความทรงจำและประสบการณ์สนุกๆได้
จบแว้ว โอ้ววว เป็นรีวิวที่สั้นมาก ปกติ ทำที 4-5 วันเลย
ขอบคุณที่ตามอ่านกันมาจนถึงโพสนี้ ข้อมูลอาจจะไม่เท่าไหร่ ไร้สาระไปเยอะ เอาเป็นว่า ไปเที่ยวๆๆด้วยกัน
ตามมาคุยกันต่อได้ที่เพจเที่ยวหัวหกก้นขวิดนะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/theupsidedownbackpacker
เพจที่แอดมินหลงรักการวิ่ง เป็นแฟนกับจักรยาน และแต่งงานกับการท่องเที่ยวไปแว้ววว
ขอบคุณครับ
1 พ.ค. 58
วันนี้วันหยุดแรงงาน
เราได้ดูหนังคิดถึงวิทยาแล้วนะ
หนังน่ารักมาก ชอบมากๆ อินสุดๆค่ะ
อชิ
(((เขียนแบบ ไดอารี่ครูแอน)))
เที่ยวหัวหกก้นขวิด
วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 12.47 น.