สวัสดีค่ะ เมื่อสองปีก่อนเคยได้ไปลองเที่ยวขี่จักรยานรอบอยุธยาคนเดียวมา เลยอยากจะมาแชร์รูป ข้อมูล และ ทริคนิดๆหน่อยๆค่ะ
ไปดูกันเลยค่า
วิธีการไปอยุธยา : นั่งรถไฟ(ฟรี)จากกทม.
ต้นทางอยู่หัวลำโพง(สถานีกรุงเทพ) รถไฟจะจอดที่ สามเสน บางซื่อ หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต จะขึ้นตรงไหนเลือกเอา
ตรวจเช็คตารางเดินรถได้ที่
http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp
แต่คือจะไม่สามารถเช็คตามวันที่ได้ วันธรรมดารอบรถไฟจะวิ่งเหมือนกันทุกวัน และเสาร์อาทิตย์ก็วิ่งเหมือนกันทุกเสาณือาทิตย์เช่นกัน
รถไฟที่ฟรีทั้งขบวนเท่านั้นที่จะขึ้นในช่องราคาว่าฟรี แต่ถ้าขบวนไหนมีหลายชั้นในขบวน แบบชั้น 1 2 3 ไรงี้
สังเกตว่าชั้น3เกือบทุกขบวนจะฟรีนะ ที่ฟรีก็จะเป็นรถไฟเร็ว รถไฟธรรมดา และรถไฟชานเมือง ซึ่งก็ระยะเวลาเดินทางก็ไม่ต่างกันมาก แต่เตือนไว้ก่อนบางทีตั๋วฟรีที่ออกให้ ไม่มีเลขที่นั่ง แต่ช่วงพีคไทม์เราอาจจะต้องยืนนะ แต่ก็ไม่นานหรอก คนขึ้นๆลงๆทุกสถานี
แต่อย่าได้ไปขึ้นรถไฟประเภท'ด่วน' หรือ'ด่วนพิเศษ'นะ ราคาเป็นร้อยนะ 5555
อุปกรณ์ที่ควรพกไปขี่จักรยานรอบเมือง
-น้ำเปล่า
-หมวกดีๆหนึ่งใบ
-ทิชชู่
-ทิชชู่เปียก
-ครีมกันแดด
งบประมาณ
-ค่ารถไฟ ในกรณีถ้านั่งแบบไม่ฟรี
-ไป-กลับชั้น2 ไม่เกิน200บาท
-ไป-กลับชั้น3 ไม่เกิน100บาท
-ค่าเรือข้ามฟาก เที่ยวละ5บาท
-ค่าเช่าจักรยาน 50บาททั้งวัน
-ค่าอาหารมื้อละ 50บาท ถ้ากินไม่เยอะ
-ค่าน้ำระหว่างเดินทาง 10-30บาท
-ค่ากินน้ำกินขนมคาเฟ่ น้ำเฉลี่ยแก้วละ50-90บาทแล้วแต่เลือก
ขนมนี่มีหลายราคามาก ไม่แพงแต่ก็ไม่ถูก
เอาเป็นว่าเอางบไป600ก็เหลือเฟือแล้ว
แต่วันนั้นที่เราไป เราใช้ไปทั้งหมดประมาณ300บาทนะ
คำเตือน
1.ถ้าขี่จักรยานไม่คล่อง อย่าขี่เด็ดขาด เพราะจะมีบางช่วงที่รถเยอะและรถขับเร็ว อาจเกิดอันตรายได้
2.ต่อให้อากาศเย็นแค่ไหน อากาศจะดีแค่ถึงสิบโมง และตอนเย็นไปแล้ว
3.อย่าประมาทแดดร่ม เพราะยังไงก็ร้อนอยู่ดี จะเป็นลม
4.คนที่นั่นใจดีนะ มีไรเข้าไปถามเค้าได้
วิธีการเที่ยวโดยไม่พึ่งจักรยาน
-รถสองแถวประจำทาง ถามเค้าก่อนนะว่ามีลงที่ที่เราอยากไปหรือเปล่า
-รถแท็กซี่สีๆ รับจ้างเป็นชม. หรืออาจจะเหมาเป็นคัน แล้วแต่สังกัด
-เดิน (แต่อาจจะตายก่อนถึงวัดแรก)
-ใครมีรถก็ขับมาได้นะ ชม.กว่าๆเอง
แต่วันนี้จะรีวิวการเที่ยวโดยการขี่จักรยานแหละ
โอเคเรามาเริ่มกันตอนถึงสถานีรถไฟอยุธยาเลยละกัน
เดินออกจากสถานีจะเห็น ถนนตัดผ่านด้านหน้า ขวาจะมีโต๊ะบริการแท๊กซี่(รถสองแถวแบบส่วนตัว) ตรงนั้นจะเป็นที่ขึ้นรถสองแถวด้วย
แต่เราอ่านรีวิวที่เป็นขี่จักรยานรอบเมืองมา เลยมุ่งมั่นที่จะไปหาจักรยาน
ต้องเข้าใจก่อนว่าสถานีรถไฟกับเกาะอยุธยาที่เต็มไปด้วยโบราณสถานถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำเล็กๆ เราต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำไป
ทางที่จะไปลงเรืออยู่ในซอย ตรงข้ามกับโต๊ะพี่แท็กซี่เลย แค่เดินข้ามถนนไปก็เจอแล้ว ข้ามถนนตรงช่องว่างแบริเออร์เกาะกลางถนนได้เลย
พี่แท็กซี่ใจดีมาก แจกแผนที่อยุธยาในเวอร์ชั่นกระดาษมันปริ๊นท์สีให้1แผ่น
หรือถ้างง ถามคนแถวนั้นว่าจะข้ามเรือ ต้องไปทางไหน
เดินเข้าซอยปุ๊บจะเจอร้านอาหารและร้านเช่าจักยาน/มอไซค์ประปราย
แต่เราไปเช่าอีกฝั่งหนึ่งเพราะไม่รู้ว่ามันเอาจักรยานลงเรือได้หรือเปล่า ลำบากไปอีก
สุดทางจะเจอท่าเรือเล็กๆ ค่าลงเรือ5บาท จ่ายตรงโต๊ะด้านซ้ายมือก่อนลงท่าเรือ
ใช้เวลาข้ามฟากประมาณ2นาที 3 นาที ก็ถึงแล้ว
(รูปเรือนี่ถ่ายตอนขากลับค่ะ ลืมถ่ายตอนขามา มัวแต่ตื่นเต้น)
ข้ามฟากไปแล้วจะไปโผล่ที่ซอยๆหนึ่งมีร้านเช่าจักรยาน/มอไซค์สองสามร้าน เราก็เลือกเอาสักร้านอ่ะ
ค่าเช่าจะไม่ห่างกันมาก เราเช่า50บาท ทั้งวัน คืนรถก่อน6โมง แค่จ่ายตังและเอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ให้เค้าเป็นประกันไว้ก็พร้อมออกลุยได้เลย
ร้านที่เราเช่า…ไม่แน่ใจ แต่ที่ป้ายจักรยานมีคำว่าDecember รู้สึกจะเป็นร้านแรกที่เราเจอหลังจากลงเรือ
ร้านนี้ใจดีมาก ให้แผนที่ขาวดำ แต่บอกเส้นทางการขี่จักรยานที่แนะนำพร้อมไฮไลท์สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดอีกด้วย หรือถ้าหลงก็สามารถโทรถามเขาตามเบอร์ในแผนที่ได้เลย
กว่าเราจะมาถึงจุดที่เช่าจักรยานก็สิบโมงกว่าๆ
เราก็ไปตามแผนที่นั่นแหละ เริ่มจากที่ใกล้ร้านมากสุด คือ วัดมหาธาตุ และวัดราชบูรณะที่อยู่ใกล้กัน
เสร็จแล้วก็มานั่งที่ร้าน BUSABA CAFÉ มากิน Chocolate Frappe โรยด้วยสายไหมแสนอร่อย (ถ้ามีแผ่นโรตีด้วยจะฟินเว่อร์555)
ไม่รีวิวไรมาก แค่จะบอกว่า85บาทที่เสียไปมันคุ้มค่าที่สุด ไม่ควรพลาด!!!
ถ้าใครมีเพื่อนไปสั่งวาฟเฟิลก็ดีนะ หน้าตาหน้ากิน แต่มันใหญ่อ่ะ กินไม่ไหวเลยไม่สั่ง
นั่งพักเหนื่อยสักแป๊บ สิบเอ็ดโมงกว่าก็ไปต่อกันที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระราม คุ้มขุนแผน และ เพนียดช้าง ซึ่งอยู่แถบเดียวกัน ตรงนี้ขี่ง่ายหน่อยเพราะเป็นถนนเล็กรถไม่เยอะ
ขี่มาไม่ไกลจะเจอวัดพระศรีสรรเพชญ์
และวัดพระราม
คุ้มขุนแผน
เสียดายมาก วันที่ไปเค้าถ่ายละครพีเรียดกันอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปถ่ายรูปข้างในเลย ได้แต่ชะโงกหน้าดูจากข้างนอก
ใกล้ๆกันมี วังช้างอยุธยา แล เพนียด
สามารถไปขี่ช้างหรือให้อาหารช้างได้นะคะ
จริงๆแถวๆนั้นมีวิหารนะ แต่เหมือนกำลังบูรณะอยู่ เลยไม่เข้าไปดีกว่า
(จักรยานของเราเอง ถ่ายระหว่างปั่นรอบเมือง พร้อมสัมภาระในตะกร้าหน้า)
แพลนต่อไปของเราคือการไปคาเฟ่ขนมไทยที่ร้าน บ้านข้าวหนม อยู่คนละโยชน์กันเลยก็เลยว่าจะเที่ยวให้เสร็จก่อนแล้วปิดท้ายที่คาเฟ่ งั้นขี่ไปโซนที่พี่ร้านเช่าจักรยานวงให้ละกัน ก็ขี่ชมวิวไปงั้นแหละ ไม่อยากเข้าวัดแล้ว 5555
ขี่ไปสักพักรู้สึกเหนื่อยมาก เพิ่งรู้ตัวว่าบ่ายสองครึ่งแล้วยังไม่ได้กินข้าว แถมปั่นๆเดินๆตลอดเวลายังไม่ได้หยุด เลยขี่กลับไปแถววัดมหาธาตุ ไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็ก ที่ขึ้นชื่อของทางอยุธยา ก๋วยเตี๋ยวเรือหมู/เนื้อชามละ15บาท แต่ชาม15บาทนี่ให้เยอะเหมือนกันนะ
หลังจากนี้คือคิดว่าจะไป"ร้านบ้านข้าวหนม"เป็นที่สุดท้ายแล้วเพราะเวลาตอนนั้นก็เกือบจะสามโมงครึ่งแล้ว
รอบรถไฟที่จะกลับ ออก5โมง (แต่เราไม่ได้กลับกรุงเทพนะ เราไปจังหวัดอื่นต่อ) เพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลาคืนรถ ขึ้นเรือ และเดินอีกหน่อย คิดไว้ว่าต้องถึงร้านเช้าจักรยานไม่เกินสี่โมงครึ่ง
ร้านนี้อยู่ค่อนมาทางเขตชุมชน รถเยอะมากกก ใครขี่ไม่คล่องอย่ามาถนนใหญ่เลย อันตราย เราก็ขี่ปนเข็นจักรยานริมถนนนั่นแหละ เพราะรถมากันเร็วพอสมควร และบางทีจักรยานเราก็โคลงเคลงควบคุมไม่ได้
อ่ะ มาดูรูปขนมกัน
ของเราสั่งเป็นชาอัญชันมะนาว ราคาแก้วละประมาณ50-60บาท จำราคาที่แน่นอนไม่ได้
ส่วนขนม เราเดินไปหยิบเองได้เลย แล้วค่อยจ่ายตังทีหลัง เราเลือกขนมใส่ไส้ 1 ชิ้น 6 บาท เพราะขนมอื่นๆที่อยากกินมันหมดไปแล้ว
แถมบรรยากาศน่ารักๆของร้านอีกรูป
กินเสร็จแล้วก็รีบขี่จักรยานกลับไปคืนที่ร้านเลย รีบมาก กลัวตกรถไฟ555
สุดท้ายนี้อยากแนะนำว่าให้ลองขี่จักรยานและปรับเบาะให้เหมาะสมก่อนรับมา ไม่งั้นอาจจะลำบากนิดนึง
อากาศช่วงนี้โอเคนะ คือตอนกลางวันก็ร้อนแดด แต่ไม่ได้ร้อนที่สุด
ใครมีเวลาว่างสักวันก็ลองไปปั่นชิวๆดูกันได้ สนุกไปอีกแบบ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวกันนะคะ
อ่านรีวิวอื่นๆได้ที่ Facebook page: MHOO on tour ได้เลยค่า
Mhoo on Tour (หมูออนทัวร์)
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.17 น.