สวัสดีครับ สมาชิกใหม่ขอนำการเดินทางเก่าๆ ที่เขียนไว้ มาฝากก่อน
ล่าสุดต้อนเดือนสิงหาคม ขอพาเที่ยววันแม่ กับ nmax ไปเที่ยวอีสานเหนือ มีจุดหมายที่อยากไปคือบึงกาฬ ภูทอก น้ำตกเจ็ดสี หินสามวาฬ น้ำตกถ้าพระ จากนั้นค่อยคิดอีกที ขอแค่สองคืน จากบ้านไปภูทอกระยะทางประมาณ 750 กิโลเมตร ไปกันสองคันอายุรวมกันเกินร้อย สนุกสนานเหมือนเดิม
เป็นการเดินทางที่ผูกพันกับลำน้ำโขงมากตลอดสองวัน
เริ่มการเดินทางบอกกับบัดดี้ ที่ภารกิจแรกคือขอขี่รวดเดียวเลยนะพี่ นัดกันสองทุ่ม ถ้าง่วง ไม่ไหวจอดพักงีบตามปั๊ม ไม่ต้องเกรงใจกัน ไม่ได้จะรีบไป แต่อยากทดสอบตัวเองนิดหน่อย
กระเป๋าสีฟ้ายัดเต๊นท์มาเต็มใบเพื่อเอาไว้พิงหลังเท่านั้น ได้บทเรียนจากทริปชัยภูมิ เวลาไม่มีที่พิงปวดหลังมาก
ออกจริงทุ่มสี่สิบค่ำวันอาทิตย์ที่ 11 จากถนนร่มเกล้าผ่านหนองจอก คลอง13 หินกอง สระบุรี โดนหลอกไปอ้อมทางตัดใหม่ไกลมาก ไปจอดฉี่กันที่สระบุรี แล้วไปเติมน้ำมันที่โคราช รถว่างมากขี่สบายๆ ยืนพื้น110ตลอดทาง จนตีสามถึงขอนแก่นเติมน้ำมันอีกรอบ ง่วงครับ จอดพักนอนเหยียดยาวกันนิดหน่อยถึงเดินทางต่อ ขอลดความเร็วลงเหลือไม่เกินร้อยเพราะสติชักไม่เต็มร้อย ตัดสินใจช้าลง ตีสี่จะถึงแยกไปหนองคายอยู่แล้ว คราวนี้รู้สึกมีแวบๆ มาจอดนอนที่ปั๊ม ปตท อีกรอบ แวบเดียวตีห้าฟ้าเริ่มสาง หายง่วงแล้วครับ ไปต่อได้ ให้กูเกิ้ลพาลัดเลาะทางหลวงชนบทไปเรื่อยๆถึงภูทอกเลย ทางสวยงามมาก ผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนา ขี่เพลินไปเลยถึงบางเส้นทางจะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะไปได้ แวะเติมน้ำมันแถวแยกคำชะโนดอีกที ปั๊มเริ่มหายาก
ขี่ไปเพลินๆไปเจออ่างเก็บน้ำเล็กๆ แวะถ่ายรูปเช็คเส้นทางกันหน่อย ชักไม่มั่นใจ มันพาเข้าถนนเล็กมาก แวะกินข้าวเช้าในหมู่บ้านถามทางไม่ผิดแน่ๆ บ่อยครั้งที่หวั่นใจกับเส้นทางที่มันเลือกให้ แต่ก็คุ้มค่ากับความสวยงาม ธรรมชาติสองข้างทาง ถ้าจะมีกลัวบ้างคือกลัวขี่เข้าไปในที่ส่วนบุคคลโดยไม่รู้ตัวซะมากกว่า
สุดท้ายก็มาถึงภูทอกประมาณ8โมง ไม่ผ่านตลาด หรือร้านค้าเลย และโชคดีมากไม่โดนฝนเลย แต่ตามทางจากแยกหนองคายฝนตกตลอดคืน มาหยุดเอาตอนเช้านี้
ภูทอก เป็นวัดนะครับ อยู่บึงกาฬ แต่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามด้วย รายละเอียดหาอ่านเอานะครับ ขอบอกว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ระยะทาง 750 กิโลเมตร ที่ผ่านมาลืมไปหมดสิ้น เพราะความงามจริงๆ
มาถึงแล้วต้องออกแรงกันหน่อย อาจจะไม่ใช่สายบุญ แต่การได้มาเดินชมสถานที่แห่งนี้ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน มีสติทุกย่างก้าว
วิวด้านบนสวยงามแฝงด้วยความเสียว เสียดายที่ฟ้าไม่เปิด แต่ก็ยังดีกว่าฝนตก
เดินวนมันหลายรอบกว่าจะถึงชั้นเจ็ด แต่ชั้นเจ็ดไม่มีอะไร มีแต่ป่า ชั้นหกสวยที่สุด คุ้มค่า ได้ไหว้พระ ได้ออกกำลังคลายความเมื่อยล้า นั่งชมวิวจากด้านบน รับลมเย็นๆ เป็นยามเช้าที่สดชื่นจริงๆ ขาดแต่พระอาทิตย์ไม่ยอมออกมาโชว์ตัวกันเลย อยากได้ความอบอุ่น
เที่ยวภูทอกจบแล้วก็ไปน้ำตกเจ็ดสีกันต่อ ห่างจากภูทอกประมาณ 25กิโล เที่ยงกว่าแล้ว นำรถเข้าไปจอดทางเข้าแล้วเดินต่อไปประมาณ 500 เมตร ลานจอดรถของขายเยอะ ส่วนมากเป็นคนแถวภาคอีสานมาเที่ยวกันเยอะ
ทางเดินไปน้ำตกบรรยากาศคล้ายน้ำตกบนภูกระดึง เดินบนลานหินใหญ่ๆ ถ้าหน้าน้ำเยอะๆคงมีน้ำเต็มแก่งหิน สวยงามแน่ๆ แต่วันนี้มีแต่ตะไคร่ ฝนลงปรอยๆด้วย ถ้ามองจากจุดชมวิวจะเห็นน้ำตกชั้นที่อยู่ด้านบนสวยงาม แต่ต้องมีเจ้าหน้าที่พาเดินเท้าขึ้นไป ไปดูแต่แค่ชั้น1 กับชั้น2 จะเป็นแค่แก่งหินมากกว่าที่จะเป็นน้ำตก
น้ำก็ขุ่นๆ ไม่ใสเลย สุดท้ายก็เดินเก็บภาพนิดหน่อย บรรยากาศทำให้นึกถึงภูกระดึงมาก มีดอกอะไรสักอย่างสีชมพูบานเต็มต้นไปหมดสวยมาก
ตอนแรกจะไปน้ำตกถ้ำพระอีกที่ แต่ต้องวิ่งรถออกไปอีก 25 กิโล ฝนก็ตก ฟ้าช่ำมาก และจากที่สอบถาม ก็คล้ายๆกัน และต้องนั่งเรือเข้าไปยุ่งยาก สุดท้ายยกเลิก กลับเข้าเมืองดีกว่า ขากลับเข้าตัวเมือง 55 กิโล ผ่านหินสามวาฬ แต่ไม่ได้แวะ รู้สึกไม่อยากเห็นแล้ว ไหนจะต้องเสียค่ารถกระบะเข้าชมหลายร้อย ต้องขี่รถย้อนมาอีกตั้ง20 กิโล พรุ่งนี้เช้าอากาศปิด และรู้สึกเฉยๆ ประทับใจกับภูทอกมากกว่า หินก็คงคล้ายๆกัน ป่าก็ผืนเดียวกัน หันไปถามพี่เล็ก ถ้าพี่อยากก็จัดไป พี่ส่ายหัว ไม่อยากเหมือนกัน จึงยกเลิก สุดท้าย15กิโลก่อนเข้าเมืองฝนตกหนักมากๆๆๆ ขี่มอเตอร์ไซด์กันห้าคันกับรถชาวบ้านลุยฝนเข้าตัวเมืองเพราะข้างทางไม่มีที่หลบเลย จะหยิบชุดมาใส่ก็ไม่ทันแล้ว เปียกมาจนถึงท่ารถประจำทาง ถึงได้เข้าหลบ สงสารรถเวฟไม่มีชิลบัง ขี่มาคงเจ็บหน้าดู หมวกก็ไม่ได้ใส่
ขากลับผ่านด้านหลังภูทอกจอดเก็บวิวสวยๆ มองไปที่ภูมีแต่เมฆฝน ถือว่าโชคดีมากที่ขึ้นตอนเช้า ไม่งั้นคงมองอะไรไม่เห็น
ถึงตัวอำเภอ เปิดแอปหาที่พักส่วนมากถ้าไม่เกินห้าร้อยจะอยู่ไกลจากแม่น้ำมาก ขณะขี่วนออกมาเห็นป้ายโรงแรมเวียงฟ้า ตรงข้ามกับโรงเรียนประจำจังหวัดพอดี ถูกสเปคผมทันที เป็นโรงแรมสำหรับคนขับรถบรรทุก เซลแมน ค่าห้อง แอร์ 350 พัดลม 250 เตียงคู่ ห้องกว้าง มีระเบียบ หน้าต่าง ตู้เย็น ทีวี น้ำอุ่น โต๊ะทำงาน ครบครัน สะอาด บรรยากาศเป็นมิตร จอดรถหน้าห้องได้เลย ที่สำคัญ นอนสบายเหมือนบ้าน ไม่ชวนให้อารมณ์กระเจิง ใครผ่านไป ถ้าไม่เน้นต้องหรูเลิศ รับรองไม่ผิดหวัง เดินออกมาหน่อยก็ถึงตลาดของกินเพียบ
ออกมาชมเมืองตอนเย็น บรรยากาศชวนให้คิดถึงบ้าน ซื้อเบียร์กลับไปกินในห้อง นอนเล่นมือถือจะดีกว่า พระอาทิตย์ตกก็ไม่มี ขุ่นมัวมาก
เช้ามาฝนตกปรอยๆ อึมครึมเชียว เลยบอกพี่เล็กให้นอนไปก่อน ตื่นออกไปวิ่งตอนตีห้ากว่าๆ จอดรถริมเขื่อน ขนาดฝนตก หมอกก็ไม่มี อากาศถือว่าอบอ้าว แดดก็ไม่มี แต่เหงื่อซึมเลยทีเดียว แม่น้ำโขงช่วงนี้ไม่สวยเลย ขาดเสน่ห์เอามากๆ แบนๆ แถมมีสันดอนมาโผล่อีก หมดความงาม แต่เมืองเงียบสงบดี วันนี้เปิดงานแล้ว เด็กไปโรงเรียน ทั้งเมืองมีไฟแดงอันเดียว หมวกกันน็อคก็ไม่ต่องใส่ ฟุตบาทก็ไม่ค่อยมี มีก็ต้ังร้านเต็ม คนลงมาเดินบนถนนสบายเชิบ รถราก็วิ่งเรื่อยๆ ถ้าเห็นคันไหนวิ่งเร็วจะเป็นทะเบียน กรุงเทพฯ ทั้งนั้น วิ่งจบกลับไปเรียกพี่เล็กออกมาชมเมือง หาข้าวเช้ากินกัน คิดออกแล้วไปไหนต่อ พี่เค้าเพิ่งเคยมาแถวนี้ก็จัดเต็มไปเลย มีเวลาทั้งวัน เลาะโขงไปหนองคาย ผมมีน้องสาวเปิดร้านอาหารพอดี ไปแวะกินขาหมูหมั่นโถวมื้อกลางวันถ้าจะดี จากนั้นก็เลาะโขงไปแวะวัดหินหมากเป้ง ไหว้หลวงปู่เทส เทสรังสี แวะชมวิววัดผาตากเสื้อ จบที่เชียงคานมันซะเลย
ระหว่างทางแวะวัดฮาฮง จุดชมวิวสะดือแม่น้ำโขง เค้าบอกว่า จุดลึกที่สุดของแม่น้ำถึง200เมตร ตั้งแต่บึงกาฬไปหนองคาย ก็เลียบแม่น้ำตลอด ซ้ายก็เป็นทุ่งนากำลังเขียวขจี แต่ไม่มีเขา ไม่มีโค้งให้เล่น ผ่านปากคาด อำเภอรัตนวาปี อำเภอโพนพิสัย แต่ละที่ชื่อเพราะไปทั้งนั้น ถึงหนองคายแวะวัดโพธิ์ชัย ไหว้หลวงพ่อพระใส พระคู่เมืองหนองคายกันก่อน ผมมาสามครั้งไม่เคยมาสักการะเลยสักครั้ง
แวะมาหาน้องร้านปิดทำขนมเทียน เลยได้ขนมเทียนมากินระหว่างทางคนละกล่อง แถมพาไปกินร้านแดงแหนมเนือง สบายพุง อร่อยจัง ตังอยู่ครบไปเลยเที่ยวนี้
ออกจากหนองคาย ผ่านศรีเชียงใหม่ ก็จะเจอวัดหินหมากเป้ง หลวงปู่เทส สมัยหนึ่งดังมาก ปัจจุบันวัดทำซะสวยงามจำไม่ได้เลย ช่วงนี้เส้นทางจะเลียบน้ำโขงแบบใกล้ชิดมากๆ มีวัดเล็กวัดน้อยตลอดทาง แม่น้ำก็ใหญ่มาก
ก่อนถึงอำเภอสังคมก็จะถึงทางขึ้นวัดผาตากเสื้อ อำเภอสังคม เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ของหนองคาย มีที่เที่ยวหลากหลาย น้ำตก ถ้ำ แต่ยังไม่สะดวกมากนัก
ไต่เขาชันๆขึ้นมา 7 กิโล วิวงามมากครับ โดยเฉพาะเที่ยววันธรรมดาสบายๆ ทราบว่าเมื่อวานต้องต่อคิวขึ้น skywalk รถติดไปถึงตีนเขาเลยทีเดียว
พอผ่านอำเภอสังคมไป ถนนจะเริ่มสวยงาม เป็นป่าเขา แม่น้ำก็คตเคี้ยวมีเกาะแก่งมากขึ้น สวยงามมากไปจนถึงเชียงคานกันเลย แต่วันนี้น้ำโขงขึ้นมาสูงมากท่วมแก่งจนเกือบหมดเลย
ขี่มาถึงอำเภอปากชมเจอรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ ห้าโมงพอดีน้ำมันผมก็หมด ต้องแวะเติมน้ำมันกันก่อน จากปากชมอีกแค่ 40 กิโลก็ถึงเชียงคานแล้วครับ แต่ระหว่างทางกำลังมีการสร้างเขื่อนริมแม่น้ำเป็นช่วงๆ มีรถขนดินพ่วงขนาดใหญ่วิ่งก็เละเทะไปเลย
ไปถึงเชียงคานหกโมงกว่าพอดี เงียบมากไม่ค่อยมีคนแล้ว ที่พักเยอะ ราคาถูกลง ผมอยากลองหาที่นอนแถวถนนคนเดิน แบบบ้านไม้ดูบ้าง แนนอารมณ์เก่าๆ เหมือนวัยรุ่นเค้าพักกัน ตกเย็นก็เดินเล่นถนนคนเดินต่อ
เช้ามาไปภูทอก เชียงคานกัน ไม่หวังจะได้เห็นทะเลหมอก แต่ก็ควรไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าปอด ดีกว่านอนจมอยู่ในห้องแคบๆ คนแก่นอนน้อย
ขี่รถมาจอดตีนเขาแล้วก็ขึ้นรถบริการของ อบต คนละ 25 บาท
มาแวะแก่งคุดคู้ ทำใหม่อลังการงานสร้างมาก
กลับไปกินข้าวเช้า มาถึงเชียงคานต้องกินไข่กะทะ เพราะอะไร ใครบอก? กินกาแฟที่บ้านพัก มาคิดๆดู รู้สึกเหมือนมานอนบ้านญาติเจ้าระเบียบ ไม่เป็นส่วนตัว ห้องก็เล็กมาก ปกติผมชินกับพื้นบ้านไม้ เดินไม่ดังอยู่แล้ว ขนาดอยู่กันแค่2คนทั้งหลัง พักพวกห้องเช่าติดดิน เช้ามานั่งหน้าห้องมองดูรถอันแสนรักของเราสบายกว่าเยอะเลย แบบนี้คงไม่ใช่แบบผม แจ้งพี่เล็ก 10 โมงล้อหมุนนะครับ บ้ายบายเชียงคาน ไว้เจอกันใหม่นะ
ขากลับกูเกิ้ลมันเล่นผมอีกรอบ พาตัดเขาไปออกภูเรือ 20 กิโลเมตรที่สวยงาม ทางชันแบบว่าตอนลงเนินมองไม่เห็นพื้นถนน เสียวท้องน้อยกันเลยทีเดียว แถมระหว่างทางมีแต่ป่ากับสวนยาง บ้านคนแทบไม่มี แต่ไปกันสองคันเลยไม่เปลี่ยนเส้นทาง อยากลอง 😅😅😅
สุดท้ายก็ไปโผล่เส้นทางภูเรือจนได้ เหตุที่ผมมักจะหลงเส้นทางหลักเพราะว่าตอนแรกชอบเลยทางเลี้ยว แล้วไม่ยอมถอยกลับ กูเกิ้ลมันจะคำนวนเส้นทางใหม่ให้ ไอ้เส้นใหม่นี่แหละ สุดยอดทุกทีจริงๆ
เส้นนี้สวยงามมากอีกเส้น เสียดายฝนตกตลอดทาง ขี่ทิ้งโค้งก็จะเสียวๆ หน่อย ผ่านปากทางขึ้น อุทยานแห่งชาติภูเรือแล้วมันคาใจ เลยนัดพั่ไว้ต้นเดือนหน้าต้องมาล้างตา นอนเต๊นท์กันสักคืน จากภูเรือ มาหล่มสักสวยงามไม่แพ้แถวเชียงใหม่เลยครับ มองไปภูทับเบิกหมอกเต็มไปหมดเลย หลังจากนั้นเราก็โดนฝนถล่มตลอดทางจนถึงสระบุรีกว่าจะได้แห้ง ดีที่รถสองคันเพิ่งเปลี่ยนยางพาราลี่กันมาทั้งคู่ เลยวิ่งยืนพื้นกันร้อยได้สบายๆท่ามกลางสายฝน เย็นสบายไปเลย ถึงบ้านกันประมาณสองทุ่ม ปิดทริปครับ
เที่ยวนี้ขี่ไปทั้งหมด 1797 กิโลเมตร เติมน่ำมัน อี20 เป็นส่วนใหญ่ รวม 1070 บาท ถามว่าอี20 กับ gas95 อันไหนดี ขอบอกว่าวิ่งไม่แตกต่างกันเลย แต่อี20ถูกกว่า เติมที110-120 พอเจอ95 กลายเป็น 140-150ตลอด เที่ยวนี้ไปเซอวิสชุดข้าง อัดจารบี ของเดิมสานพานหย่อนมาก เม็ดสึกจนเหลี่ยม เพิ่งรู้ว่ารถเปลี่ยนชามแต่งมาแล้วด้วย ประหยัดน้ำมันขึ้นเยอะ วิ่งเงียบ รอบปลายลดลง ทางไกลสบายขึ้นเยอะ เลยทำให้ความเร็วเดินทางผมสูงขึ้นไปถึง 110 ตลอดทาง
ขออนุญาติฝากเนื้อฝากตัวกับชาว readme.me ไว้ด้วย โดยบล็อกข่วงแรกจะดึงมาจากพันทิป เขี่ยนไว้เยอะแล้ว ไว้มีการเดินทางใหม่ๆ จะนำมาลงที่นี่ด้วย
โอ๊ก วสุ
วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 20.02 น.