เมืองเลห์ ลาดักส์ สวรรค์บนดิน สำหรับนักเดินทาง ตอนที่ 2/2 (ใช้บริการทัวร์ 8 วัน งบ 39,000 บาท)
Carelessness ไม่แคร์อะไรที่ไม่จำเป็น เพราะชีวิตของเรา"สั้น" เกินกว่าที่เราจะไม่ทำอะไรที่มีความสุข ใช้ชีวิตให้เป็นของขวัญ แล้วไปเที่ยวกันครับ
- เลห์ ตั้งอยู่บนที่ราบสูงตอนปลาย
ของเทือกเขาหิมาลัย มีหิมะปกคลุมเกือบทั้งปี อุณหภูมิช่วงที่ไป ตอนเช้า 1-5 องศา บนยอดเขา -10 องศา กลางวันแดดแรงๆ ก็ร้อนแดดบ้าง พื้นที่จะสลับกับทุ่งหญ้าเข ียวขจีบนแผ่นดินแคชเมียร์ ตลอดแนวจะพบกับธารน้ำที่เกิ ดจากการละลายของน้ำแข็ง Glacier รวมถึงความงดงามของปราสาท พระราชวัง วัดตามวิถีและอารยะธรรมของช นชาวทิเบต ตามที่กล่าวไปในตอนที่ ½ ถ้าเลือกไปเอง คุณต้องจ่ายค่าเครื่องบิน 2 ต่อ คือ ไทย-นิวเดลฮี และ นิวเดลฮี – เลห์ ค่าตั๋วเครื่องบิน 2 เที่ยว ไปกลับประมาณเกือบ 2 หมื่นบาท - และที่แพงอีกส่วนคือค่าเช่ารถ ค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าไกด์ท้องถิ่น ค่าประกันการเดินทาง จิปาถะ ที่สำคัญเสี่ยงมากๆ กับการเดินทางไปกันเอง
- เมืองลาดักห์ ประกอบด้วยหุบเขาใหญ่ 5 หุบเขา คือ หุบเขาสินธุ (Indus Valley) หุบเขานูบร้า (Nubra Valley) หุบเขาชูมัทถัง (Chumathang Valley) หุบเขาซูรู (Suru Valley) และ หุบเขาซันสการ์ (Zanskar Valley) โดยมีหุบเขาสินธุเป็นหุบเขา
ที่สำคัญเพราะเป็นที่ตั้งขอ ง เลห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแค้วนล าดักห์ สภาพทางภูมิประเทศและภูมิศา สตร์ของลาดักห์นั้นอยู่ทางต อนเหนือของอินเดียมีพรมแดนต ิดกับปากีสถานและจีน ถือว่าเป็นพื้่นที่ที่มีควา มอ่อนไหวทางทหาร ที่เลห์ - ลาดักห์ เราจึงพบค่ายทหารต่างๆมากมา ยและมีขนาดใหญ่ ที่ลาดักห์มีพื้่นที่ส่วนให ญ่เป็นทะเลทรายมีความสูงเฉล ี่ยมากกว่า 3,000 เมตร จากระดับทะเล มีแม่น้ำที่เกิดจากการที่หิ มะละลายแลไหลรวมตัวกันเป็นแ ม่น้ำสายต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วจะมีการรวมตัวเ ป็นชุมชนต่างๆตามแหล่งน้ำ
- การเดินทาง วันที่ 1 เริ่มต้นที่ นิวเดลลี เดินทางไปชมวัดคัครชาดาม (วัดฮินดูใหญ่ที่สุดในโลก สวยงามมาก สร้างแค่ 5 ปี ใช้คน 11,000 คน, ประตูชัยอินเดีย ภาพรวมในตัวเมืองไม่ค่อยน่า
เดิน แต่สถานที่ท่องเที่ยวอลังกา รมาก - วันที่ 2 (เข้า) เดินทางถึงเมืองลาดักส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ความสูง 11,429 ft หรือ 3,500m เหนือระดับน้ำทะเล คนทั่วๆไป จะต้องนอนพักปรับสภาพร่างกา
ยประมาณ ครึ่งวัน โดยการนอนนิ่งๆ บ่ายๆ ค่อยออกไปชมเมือง, วัด, ภูมิประเทศ ณ ตอนนี้ผมขอนอนก่อน ใจสั่นมาก หน้ามืดด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนมา ฟิตร่างกายเตรียมพร้อมมาก แต่ยังไงก็ค่อยๆ ปรับตัว เพราะวันที่ 4 ต้องไต่ระดับขึ้นไปที่ความส ูง เกือบ 20,000 ฟุตหรือ 6,000 ม. แต่ที่แปลก คือ วันนี้มีการจัดวิ่งมาราธอนท ี่นี่ สงสัยว่านักวิ่งจะหายใจทันเ หรอ อันตรายมากๆ สำหรับผู้ที่ฝึกฝนมาน้อยหรื อไม่เคยชิน - วันที่ 2 (บ่าย) เที่ยวชมเจดีย์สันติภาพ Shanti Stupa
- พระราชวังเลห์ และเดินชมตลาดพื้นเมือง ที่ความสูง 11,429 ft ผมยังคงปวดหัว คลื่นไส้ หน้ามืออยู่เลย ตอนเย็นกินอาหารอินเดียแท้ๆ
ไม่ค่อยได้ ร่างการก็ไม่สมบูรณ์ สรุปนอนพัก งดอาหารเย็นดื่มน้ำเยอะๆ ดีที่สุด - วันที่ 3 วันนี้ตื่นเช้ามาอาการดีขึ้
น เพราะเมื่อวานหลับตั้งแต่ 1 ทุ่ม (ไม่ทานอาหารค่ำ) จนถึงเช้า วันนี้ออกจากโรงแรมเวลา 09.10 น. ไปเมืองอูเล ทางเดียวกับแค้วนแคชเมียร์ ที่กำลังมีปัญหากันระหว่างพ รมแดน แต่ใครจะรู้สถานที่นี้ยังบร ิสุทธิ์และสวยที่สุดสำหรับน ักท่องเที่ยว - วันที่ 3 วันนี้จุดแรกชมคือ วัดลิคีร์ (นั่งรถกัน 4 ชม. ทางขึ้นเขาคดเคี้ยวมาก วันนี้เลยเมารถกันถ้วนหน้า จอกอ๊วกกันตลอดทาง) ต่อไปคือ วัดอัลชิ, ชมวัดลามายูรู, ชม Basgo Palace คุ้มค่ามากวันนี้ เพราะแต่ละสถานที่ล้วนสวยงา
น มีประวัติยาวนาน และที่สำคัญวิวระหว่างทางสว ยงามมากๆ - วันที่ 4 วันนี้ถือว่าเป็นวันที่สุดย
อดอีกวันหนึ่ง แต่เหนื่อยมาก หมดสภาพสุดๆ การเดินทางโหดมาก คือออกจากโรงแรมตั้งแต่ 06.00 กลับถึง 19.00 น. (งดอาหารเย็นอีกเพราะ ปวดหัว พะอืดพะอมมาก คือ หมดสภาพ) เส้นทางสุดโหดจริงๆ เราเริ่มไต่จากระดับ 3,505 ม. ขึ้นไปที่ 5,602 ม. ใช้เวลา เกือบๆ 3 ชม. ผ่านเส้นทาง Khardungla Pass เส้นทางรถยนต์ที่สูงที่สุดใ นโลก สามารถเห็นเทือกเขาคาราโครั นดัมที่สวยงาน (ปากีสถาน) ได้เลย อากาศหนาวมาก (-10 องศา) เสื้อหนาวขนเป็ดเอาไม่อยู่ ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ จากนั้นไต่ลงมาเรื่อยๆ จนเหลือที่ 3,200 ม. ไปสู่ภูมิประเทศที่แตกต่างก ันสุดขั้ว คือ ทะเลทรายนูบรา บนเทือกเขาหิมาลัย ร้อนมาก มีอูฐรอรับพวกเรา 1 ฝูง ใครจะขี่อูฐก็จ่ายเงินเพิ่ม แต่ผมขอบาย เพราะรู้แล้วว่า ขี่อูฐไม่สนุกแน่นอน จุกแน่นอน มีประสบการณืจากที่อียิปต์ม าแล้ว สุดท้ายเข้าชมวัดดีสกิต กลับถึงโรงแรมแบบหมดสภาพจริ งๆ คืนนี้นอนหลับฝันดี เพราะเส้นทางและสถานที่โคตร สวยเลย
- วันที่ 5 วันนี้สบายๆ ทุกคนปรับตัวได้แล้ว มีแค่ที่แรกที่ขึ้นไปชมวัดเ
ฮมิส ที่ความสูง 3,630 ม. จากระดับน้ำทะเล ต้องใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ ช่วยหายใจ ก็ช่วยได้ระดับนึง ที่ความสูงระดับนี้ วันนี้ผมเลือดกำเดาไหล เนื่องจากเส้นเลือดฝอยในจมู กแตก หน้ามืดเลย ณ วัดเฮมิส เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและให ญ่ที่สุดของลาดักห์ มีโรงเรียนลามะที่ใหญ่มาก น่าสนใจมากๆ ต่อไปชมวัดธิเชย์ ซึ่งสวยงามที่สุดของที่นี่, จากนั้นชมพระราชวังเชย์ และพิพิธภัณฑ์สตอคพาเลส วันนี้สบายๆ กลับเร็วมีเวลาซื้อของฝาก ที่สำคัญคือ เครื่องสำอาง, ผลิตภัณฑ์สมุนไพร "Himalaya" ที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพสู งราคาย่อมเยาว์ครับ
** วัดธิคเซย์ เป็นอารามเก่าแก่เกือบ 600 ปี สถาปนาขึ้นครั้งแรกต้นศตวรรษที่ 14 โดย ท่านเซรัป ซังโป (SHERAB ZANGPO) แห่งสต็อดในหุบเขาซันสการ์ รูปทรงของวัดคล้ายกับพระราช วังโปตาลาในทิเบต จนได้รับฉายาว่า MINI POTALA พระศรีอาริยเมตไตรย (The Future Buddha) ความสูง 15 เมตร เท่ากับอาคาร 2 ชั้น เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุ ดในหุบเขาลาดักห์ ถูกดำริให้สร้างขึ้นโดยดาไล ลามะองค์ที่ 14 เมื่อปี ค.ศ.1980 โดยช่างชื่อ Nawang Tsering ซึ่งใช้เวลาราว 2 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งชาวพุทธมหายานเชื่อว่าเ ป็นพระโพธิสัตว์องค์ต่อไปที ่จะคอยช่วยเหลือมนุษย์ สามารถถ่ายภาพองค์พระได้ แต่ห้ามไปยืนหรือนั่งถ่ายร่ วมกับองค์พระ เพราะถือว่าเป็นการไม่สมควร
- วันที่ 6 วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันสุดท้
ายสำหรับที่นี่ และเป็น Highlights ของทริป คือ ทะเลสาบแปงกอง เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที ่สุดในโลก มีน้ำทะเลที่สวยงามมาก
- การเดินทางสุดโหดคือ ประมาณ 5 ชม. ผ่าน Changla Pass เส้นทางรถสูงอันดับ 3 ของโลก ที่17,688 ฟุต อุณหภูมิ -10 องศาเลยละ ถึงกับต้องใช้ออกซิเจนถังกั
นเลย
- Nubra Sand Dune and Organic Oasis แปลกแต่จริง ทะเลทรายบนหิมาลัย
- Sand Dune of Nubra Valley เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเป
ลือกโลกนับล้านๆปี ซึ่งผมสันนิษฐานว่าตรงนี้เค ยอุดมสมบูรณ์มากในอดีต แต่ปัจจุบันกลายเป็นทะเลทรา ยเพราะอะไร ...... ทะเลทราย คือดินแดนส่วนหนึ่งของผิวโล ก ที่แห้งแล้งจัดจนพืชและสัตว ์ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ หรือแม้กระทั่งคนก็แทบจะอาศ ัยอยู่ไม่ได้เช่นกัน เพราะมีแต่ความร้อนและ เนินทราย Sand Dune อาจสูงถึง 300 เมตร และเคลื่อนที่ได้ในอัตราเร็ วปีละ 10 เมตร เพราะเวลาลม ทะเลทรายพัด แต่ถ้าลมพัดแรง ภูเขาทราย ก็อาจเลื่อนได้ไกลถึง 20 เมตรในหนึ่งวัน และเมื่อ ภูเขาทรายเคลื่อนที่ถึงสิ่ง ใด มันก็จะถมทับสิ่งนั้นจนหมดส ิ้น และ เนินทรายจะมีรูปร่างอย่างไร นั้น ก็ขึ้นกับพลศาสตร์ระหว่างลม และทราย - ความแตกต่างที่มากระหว่าง อุณหภูมิของอากาศในเวลากลาง
วัน และกลางคืนนี่เองที่เป็นสาเ หตุทำให้ใน ทะเลทรายมีพายุพัดรุนแรง สภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ ร้อนจัดใน ทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นส ัมพัทธ์ของอากาศเหนือ ทะเลทรายเกือบเป็นศูนย์ตลอด ปี และถึงแม้ในบางเวลาจะมีฝนตก ใน ทะเลทรายบ้างก็ตาม แต่อากาศที่ร้อนจัดได้ทำให้ น้ำฝนระเหยหายไปก่อนที่เม็ด ฝนจะตกถึงพื้นทราย ยกเว้นกรณีที่เป็นห่าฝน ซึ่งเมื่อตกถึงทรายแล้วน้ำก ็จะไหลซึมลงไปใต้ดินกลายเป็ นน้ำ บาดาลสู่ โอเอซิส (oasis) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบ ูรณ์กลาง ทะเลทรายในที่สุด ซึ่งเราได้ไปสัมผัสมาแล้วที ่ Oranic Farm ใกล้ๆทะเลทรายนี่เอง..
- วันที่ 7 ชมสุสานจักรพรรดิหุมายูน (Humanyun Tomb) ต้นแบบของทัสมาฮาล สวยงามมากจริงๆ วันนี้ได้ทานอาหารไทย สุดยอดไปเลย หลังจากที่งดอาหารมาหลายมื้
อ วันนี้นอนหลับสบาย รอบินกลับไทยพรุ่งนี้ครับ ประทับใจสุดๆ ทริปนี้ ที่สำคัญน้องลูกปัด ไกด์เราดีมาก เพื่อนร่วมทริปดีมาก ผ่านเส้นทางโหดๆมาด้วยกันทำ ให้ทุกวันนี้ยังติดต่อกันตล อด - การท่องเที่ยวที่นี่ ไม่หมาะที่จะมาในฤดูหนาวเพราะที่นี้จะหนาวจัด (ตั้
งแต่ ต.ค.- มี.ค.) อุณหภูมิอาจลดไปถึง - 40 องศาเซลเซียส ในบางพื้นที่ส่วนฤดูร้อนอาจถึง 37 องศาเซลเซียส (เดือน มิ.ย.-ก.ย.) ทำให้ไม่สามารถขับขี่รถบนถนนได้ตามปกติ ส่วนฤดูใบไม้ผลิ น่าจะเริ่มราว เม.ย. - พ.ค. ก็ยังมีความหนาวเย็นและหิมะ ปกคลุมอยู่มาก ผมไปช่วงเดือน ก.ย. อากาสกำลังดี เลยได้เดินตลาด ตามรูป
- ฤดูกาลท่องเที่ยวที่้เลห์ ที่เหมาะสมเริ่มตั้งแต่เดือ
นมิถุนายน - ตุลาคม ของทุกปี - ช่วงเวลาอื่นจะเป็นช่วงที่ม
ีหิมะปกคลุมอยู่และหนาวมาก ช่วงตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยายน เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวทั ้งชาวอินเดียและชาวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวเยอะมากๆ อย่างที่บอกครับ ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้ครับ... - สรุป คะแนนเต็ม 10 ให้ 8.5 เลย (ได้คะแนนจากความสวยงาม แปลกตาของภูมิประเทศ อากาศดีมาก เย็นสบาย ค่าใช้จ่ายถือว่าประหยัด ใครที่ชอบการถ่ายรูปแนะนำว่าต้องไปครับ แต่โดนตัดคะแนนที่เดินทางเหนื่อยมาก อาหารไม่ถูกปากคนไทย ออกซิเจนน้อย เหนื่อยง่าย สุขภาพต้องพร้อมครับ)
Chai smile
วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 00.00 น.