เราจะบอกว่าบล็อกนี้เป็นบล็อกแรกนะคะ ภาพอาจจะยังไม่สวยมาก เพราะถ่ายรูปก็ไม่ค่อยจะเป็น ฮ่าๆๆ
ทริปนี้เราไป 5 วัน 4 คืนค่ะ
วันที่ 1
- Mala Hot Pot
วันที่ 2
- Addiction Aquatic Development (Taipei Fish Market)
- Huashan 1914 Creative Park
- Jiufen Old Street
- A Mei Teahouse
วันที่ 3
- Cho Cafe
- Taipei 101
- Xiangshan (Elephant Mountain)
- Tiger Sugar and Chun Shui Tang
- Modern Toilet Restaurant
วันที่ 4- Carrefour Chongxin Store
- Ximending Walking District
วันที่ 5- Taoyuan International Airport
สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปนี้
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ประมาณ 5700 บาทค่ะ ได้โปรของ Thai Airways มา
- ค่าที่พัก เราจองกับ Airbnb ค่ะ หารกับเพื่อน 8 คน ตกคนละประมาณ 2000 บาท
https://th.airbnb.com/trips/v1/d18abe25-94f9-440c-9507-2542550add3a
รวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายที่จำเป็นก็ประมาณ 7700 บาท ยังไม่รวมค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้งนะคะ ใครที่ไม่ใช่สายช้อปปิ้ง คาดว่าทริปนี้ใช้ไม่เกิน 12000 บาทแน่นอนค่ะ
ก้าวแรก กรุงเทพสู่ไทเป
วันแรกออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเครื่องบินของสายการบิน Thai Airways มุ่งหน้าสนามบินเถาหยวน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที บนเครื่องบินมีบริการอาหาร 1 มื้อ และจอทีวีขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าของเบาะที่นั่ง เพลินเพลิดกับการดูหนัง ฟังเพลงได้ตลอดการเดินทาง หลังจากนั้นจะมีพนักงานแจกใบกรอกข้อมูลในการเข้าเมือง แนะนำให้กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนค่ะ
เมื่อถึงสนามบินเถาหยวน จะมีการตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนไทยไม่ต้องใช้วีซ่าในการเข้าเมืองไต้หวัน ซึ่งในใบกรอกข้อมูลให้ติ้กช่อง Visa-Exempt (การยกเว้นวีซ่า) หลังจากนั้นผ่านฉลุยเลยจ้า
อันนี้เป็นภาพที่บอกว่าเรามาถึงแล้วค่าา อยู่ภายในสนามบินก่อนเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ
ถึงเวลาออกจากสนามบินเถาหยวน จะมีรถไฟ Metro Taoyuan เข้าเมืองไทเป ทั้งแบบด่วน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที และแบบธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 50-55 นาที รถไฟจะจอดสถานี Taipei Main Station เป็นสถานีสุดท้าย ซึ่งสถานีนี้จะมีรถไฟ MRT 2 สายก็คือ สายสีแดง และสายสีน้ำเงิน สำหรับตั๋วรถไฟ เราใช้บัตร Easy Card ในการเดินทาง ซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ก่อนทางเข้าสถานี หรือร้านสะดวกซื้อก็ได้ ราคาอยู่ที่ 100TWD หลังจากนั้นต้องเติมค่าเดินทางเข้าไป จะได้ส่วนลด 20% ในการเดินทางด้วยรถไฟ หรือคนที่ต้องนั่งรถไฟบ่อยๆ แนะนำให้ซื้อบัตร Taipei Transport Fun Pass ซึ่งสามารถขึ้นรถไฟ และรถบัสได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
มาเริ่มเที่ยวกันเลย!!
เราเข้าบ้านพักกันที่สถานี Ximen และไปกินอาหารเย็นที่ร้านอาหารอย่าง Mala Hot Pot ซึ่งมีน้ำซุปหม่าล่ารสชาติเข้มข้น แต่บางคนอาจไม่ชอบเพราะซุปจะกลบกลิ่นเนื้อหมด
วันแรกจึงจบด้วยการช้อปปิ้งแถวๆ บ้านพัก ราคาทั้งเสื้อผ้า อาหาร และเครื่องสำอางไม่ต่างจากไทยมาก แต่ก็มี My Beauty Diary มาร์กยอดฮิตจากไต้หวันจะมีราคาถูกกว่าที่ซื้อที่ไทย บางร้านอาจจัดโปรลดราคาเพียบเลย
ชงชา พาชมวิวทิวเขาที่จิ่วเฟิ่น
สวัสดีวันที่สอง
ตอนแรกเราวางแผนว่าจะไปจิ่วเฟิ่นกันตั้งแต่เช้า แต่พอออกมาจากที่พัก เจอสภาพอากาศแดดร้อน 35 องศา ก็เปลี่ยนแผนกันทันที จึงตกลงกันว่าเราจะไปทานข้าวกลางวันกันที่ตลาดปลา Taipei Fish Market ก่อน ซึ่งจากสถานีรถไฟ Ximen ให้นั่งรถไฟสายสีเขียวไปลงที่สถานี Songjiang Nanjing แล้วต่อรถบัสสาย 643 จะถึงที่หมายเลยค่ะ
การนั่งรถบัสของที่นี่ง่ายมากๆ ค่ะ ที่ป้ายรถบัสจะบอกสายของรถและเวลาที่รถจะมาถึง เราจะรู้ได้เลยว่ารถจะมากี่โมง และสามารถเดินผลาญเวลาก่อนรถบัสมาก็ได้ค่ะ ถือว่าเป็นสิ่งที่ชอบมากในไทเป
เมื่อลงรถบัส เราเดินไป Addiction Aquatic Development ข้างในจะมีปู กุ้งล็อบเตอร์ หอย การันตีความสด เพราะมันถูกเลี้ยงอยู่ในบ่อน้ำ สามารถเลือกและเอาไปให้เชฟทำอาหารได้เลย แต่ถ้าไม่อยากทำร้ายน้องปู น้องกุ้ง ก็ซื้ออาหารที่ทำสำเร็จรูปมาแล้วได้ในตู้แช่เย็น มีให้เลือกทั้งซูชิ อาหารทอดอย่างเทมปุระ ข้าวผัด ขนมหวาน น้ำผลไม้สด รวมทั้งเบียร์ด้วย การกินอาหารของที่นี่จะเป็นการยืนกิน ไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง และต้องนำขยะไปทิ้งเองนะ
อันนี้เป็นของที่ซื้อจากข้างในค่ะ จะเป็นเซ็ตๆ ให้เลือกซื้อตามใจชอบ
ชอบมาก เพราะมีทุกอย่างเหมือนญี่ปุ่น จะเรียกไต้หวันว่ามินิญี่ปุ่นก็ได้นะเนี้ยยย~
ยอมรับว่า ไม่เคยเจอปูตัวใหญ่ขนาดเน้~
เมื่ออิ่มท้องก็ได้เวลาเดินทางไปที่ Huashan 1914 Creative Park ระหว่างทางไปก็ถูกดูดด้วยร้านขายสินค้า IT ทั้งสองข้างทาง มีทั้งร้านขายโทรศัพท์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แน่นอนว่าไต้หวันเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าด้าน IT เลยทำให้สินค้ามีราคาถูกกว่าไทย และยิ่งมีโปรลดราคาอีก คงไม่ต้องพูดถึงกันเลยทีเดียว
ที่นี่ถ่ายรูปมาน้อยมากค่ะ เพราะเอาเวลาไปเดินช้อปของไอทีหมด ฮ่าๆๆ
และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางไปจิ่วเฟิ่น เราจะเดินทางด้วยรถไฟไปลงที่สถานี Zhongxiao Fuxing เพื่อรอรถบัสสาย 1062 เมื่อลงไปแนะนำว่าอย่าคุยกับคนแปลกหน้าหากต้องการที่จะเดินทางโดยรถบัส เพราะจะโดนเหมารถตู้แบบเรา เราเดินทางด้วยรถตู้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเพื่อเข้าสู่เมืองจิ่วเฟิ่น คนขับพาเราไปบนเขาเพื่อให้ถ่ายรูปชมวิว หลังจากนั้นก็พามาส่งที่ Jiufen Old Street แน่นอนว่าเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “น้ำชา” และจุดเช็คอินอย่าง Amei Tea House ระยะทางจากถนนเก่าไปร้านน้ำชาไม่ไกลมากนัก แต่จะเป็นทางเดินที่นักท่องเที่ยวเยอะมาก ตามข้างทางมีของขายทั้งขนม ของฝาก และอาหาร
ครอบครัวอบอุ่นมากจ้าาา
เมื่อถึงร้านน้ำชา จะต้องต่อคิวเพื่อเข้าร้าน หากมาแค่ 2-3 คน จะได้ที่นั่งด้านนอกร้าน ซึ่งจะมองเห็นวิว และแสงอาทิตย์ตกดิน แต่ถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่จะได้นั่งในร้าน แต่พนักงานบอกว่าสามารถเดินถ่ายรูปได้ทุกที่ในร้านเลย
พนักงานจะมีการสาธิตการชงชาร้อนให้ดูในครั้งแรก หลังจากนั้นเราจะต้องชงเอง ค่าขนมและน้ำชาจะเป็นแบบเหมาจ่ายในราคา 300TWD ต่อคนนะคะ
เป็นขนมที่สุดแสนแพง~ คิดสะว่ามาเอาบรรยากาศเน๊อะ
ทางร้านจะมีโปสการ์ดที่ระลึกให้ด้วยนะคะ
ถึงเวลาออกจากร้านและกลับที่พักกันแล้ว เราเดินออกไปขึ้นรสบัสที่ป้าย Daitian Temple เพื่อรอรถสาย 965 ไปลงที่สถานี Ximen จ่ายในราคา 90TWD ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีในการเข้าเมืองจ้า
ขึ้นเขาช้างชมเมืองไทเป 101
เข้าวันที่สามแล้ว เที่ยวในเมืองบ้างแล้วกัน
เช้ามาก็ต้องหาของกินให้อิ่มท้อง เราวางแผนจะไปกิน Niou Dien Beef Noodles แต่เนื่องจากเราออกมาจากที่พักเช้า ร้านอาหารส่วนมากจะเปิดประมาณ 11 โมงเป็นต้นไป เราจึงต้องกินร้านข้าวแกงแทน ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 70-85 TWD ซึ่งข้าวแกงไม่ต่างจากของไทยมากสักเท่าไหร่
จากนั้นเราแวะเข้าร้านคาเฟ่อย่าง Cho Cafe ร้านกาแฟที่ทั้งคนคั่วกาแฟ และบาริสต้าเคยได้รางวัลระดับโลกมาแล้ว เมื่อเข้าไปในร้านจะต้องสั่ง 1 Person 1 Order ราคากาแฟที่ถูกสุดจะอยู่ที่ประมาณ 130TWD แต่ก็ยังมีของกินเล่นที่ถูกกว่านี้บ้างในเมนู ต้องลองหาดูนะ
มาถึงเมืองไทเปแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ ตึก Taipei 101 ยังไงล่ะ แน่นอนว่าวิธีการไปก็ต้องเป็นรถไฟอยู่แล้ว เราเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Ximen นั่งสายสีเขียวกะว่าจะไปลงที่สถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall แต่ว่าไกด์นำทางพานั่งรถไฟผิดฝั่งสะงั้น ฮ่าๆ เราเลยต้องไปลงที่สถานี Zhongshan แทน เพื่อไปต่อรถไฟสายสีแดง และไปลงที่สถานี Taipei101/World Trade Center เมื่อออกจากสถานีจะเห็นตึกสูงเฉียดฟ้าเลย ชั้น 89 จะเป็นชั้นสำหรับชมทิวทัศน์ของเมือง จะต้องซื้อบัตรและต่อคิวขึ้นตึก แน่นอนว่าคนเยอะมากน่ะสิ
ส่วนตรงทางเข้าตึกมีร้านติ่มซำชื่อดังอย่าง Dai Tai Fung Chinese Restaurant กินซาลาเปา “เสี่ยวหลงเปา” ที่มีเนื้อหมู และน้ำซุปอยู่ภายใน ถูกห่อด้วยแป้งบางๆ อร่อยมาก ที่ไทยก็มีร้านนี้อยู่ในห้าง แต่ว่าราคาจะแพงกว่าที่ไต้หวันแน่นอน
เมื่อขึ้นไปเดินข้างบนจะมีร้านแบรนด์มากมายให้ช้อปปิ้ง และเราก็เลี้ยวเข้าร้านของ Apple เพราะมีป้ายโปรโมชั่นอยู่หน้าร้าน เราเข้าไปถามเกี่ยวกับสินค้าของแบรนด์ ซึ่งทางร้านส่งพนักงานที่พูดภาษาไทยได้คล่องมากมาคุยกับเรา พูดเก่งจนคิดว่าเป็นคนไทยสะแล้ว เราจึงถามเขาว่าทำไมถึงเรียนภาษาไทย และเขาตอบกลับมาว่า “ผมชอบเมืองไทย อยากมาอยู่และทำงานที่ไทยด้วย เคยมาเที่ยวเชียงใหม่ และเดือนกันยานี้จะมาเที่ยวบางกอก” ถามไปถามมาเขาก็แนะนำตัวว่า “ผมชื่อไค” ทุกคนก็ถามว่า “egg?” แล้วเขาตอบว่าใช่ สรุปแล้วชื่อ “คุณไข่” ฮ่าๆๆ นั่นเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในทริปไทเปเลย
ได้เวลาออกจากตึกไปชมเมืองแบบจริงๆ จังๆสักที เราเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีที่เรามา และนั่งไปลงที่สถานี Xiangshan ถึงเวลาเผาพลาญพลังงานแล้ว!! ขึ้นเขาช้างจ้า เขาช้างจะทำเป็นขั้นบันไดให้นักท่องเที่ยวขึ้นเขาได้ง่าย เมื่อขึ้นไปเรื่อยๆจะมีจุดให้แวะพักอยู่บ้าง ข้างบนมีลมเย็นๆพัดผ่าน แต่เราขึ้นมาช่วงเย็นก็จะเห็นพระอาทิตย์ คู่กับตึก Taipei 101 และรอบๆเมืองอยู่ข้างล่าง ถือเป็นจุดที่น่าถ่ายรูปเก็บไว้มากๆ การขึ้นเขาลงเขาอาจใช้เวลาสักประมาณ 1 ชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง ข้างบนจะไม่มีน้ำหรืออาหารขาย เพราะฉะนั้นต้องกินอาหารมาก่อนนะ
ภาพจะมัวๆ หน่อยนะ เหตุเกิดจากการถ่ายย้อนแสง
อันนี้เป็นบันไดทางขึ้นเขาค่ะ บางช่วงอาจจะมีขั้นที่ชันสักหน่อย เวลาขึ้นก็ระวังๆ กันด้วยนะคะ
เนื่องจากเราอยากลองชิมชานมไข่มุกร้าน Tiger Sugar และร้านชานมไต้หวันเจ้าแรก อย่างร้านชุนสุ่ยถางแบบออริจินัล เลยนั่งรถไฟตรงดิ่งไปที่สถานี Taipei Main Station หากใครอยากชิมชาแบบมีกลิ่นหอมๆ ให้สั่งหวานน้อยนะ เพราะไข่มุกของที่นี่จะมีรสหวานอยู่แล้ว
ถึงเวลากินอาหารเย็นแล้ว ขึ้นรถไฟไปลงสถานี Ximen เพื่อไปร้าน Modern Toilet ถ้าคาดหวังว่าจะได้กินอาหารอร่อย ขอไม่แนะนำร้านนี้เลย ถ้าอยากได้บรรยากาศแปลกใหม่ก็พอได้นะ ราคาอาหารเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 270TWD จ้า
จากนั้นเดินกลับบ้านพักผ่อนเพื่อลุยต่อพรุ่งนี้
ที่ผ่านมา ยังไม่ได้ใช้เงิน~
เปิดด้วยการกินอาหาร ดูเหมือนว่าเพื่อนจะแฮปปี้กับการกินตลาดปลา เราเลยตรงดิ่งไปที่ Taipei Fish Market เหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิมนะ เราไปกินแบบบาร์ ซึ่งเมื่อเราสั่งอาหาร เซฟจะแล่เนื้อปลาสด และนำมาเสริฟให้เรากิน ราคาไม่แพงมากเมื่อเทียบกับญี่ปุ่น กินอิ่มแน่นอน
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาช้อปปิ้ง แน่นอนว่าอยากช้อปรองเท้าแบรนด์ราคาถูก ก็ต้องไปที่ Carrefour Chongxin Store ซึ่งเป็น Outlet เราเดินทางจากตลาดปลาโดยรถบัสสาย R50 ไปลงที่สถานีสุดสาย และต่อรถบัสสาย 616 อีกคันไปคาร์ฟูล พวกร้านดังอย่าง Adidas หรือ New Balance จะอยู่ที่ชั้น B1
เมื่อช้อปจนจุใจก็นั่งรถบัสสาย 235 กลับ Ximending ไปช้อปปิ้งต่อ
นี่คือ Red House ค่ะ อยู่ใกล้สถานี Ximen รอบๆ จะมีสินค้า Handmade ขายด้วยค่ะ
ที่ Ximending เป็นเหมือนย่านธุรกิจอย่างสยามมีทั้งร้านเครื่องสำอาง ร้านรองเท้า ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขนมของฝาก และก็ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ร้านชานมไข่มุกในราคา 30-40TWD เท่านั้น คนไต้หวันบางคนถ้ารู้ว่าเราเป็นคนไทย ก็จะพูดไทยใส่ด้วยนะ ฮ่าๆ อีกอย่างที่เป็นออริจินัลอย่างไก่ชิ้นใหญ่ร้าน Hot Star Chicken ก็ขายราคาชิ้นละ 70TWD เมื่อซื้อไก่จะได้รับคูปองลดค่าน้ำ 5TWD มาด้วยนะ
ถึงตอนเย็นแล้วสายกินพลาดไม่ได้กับร้าน Hot Pot Lab เป็นร้านชาบู เมื่อเข้าไปจะมีอาหารเป็นเซ็ตให้เลือกในราคา 198TWD หากคุณอยากเปลี่ยนน้ำซุปจะบวกอีก 50TWD ถ้าเพิ่มเนื้อ หมู หรืออาหารทะเล จะบวกอีก 50TWD ส่วนน้ำสามารถเลือกกินได้เอง ยกเว้นน้ำอัดลมจะต้องซื้อเพิ่ม
กินเสร็จแล้วช้อปของฝากต่อ เดินผ่านไปผ่านไปมาเจอร้านขายเคสโทรศัพท์ และร้านขายกระเป๋า คนขายอยากขายมาก ลดราคาจาก 690TWD เหลือ 500TWD และยังแถมสายกระเป๋ามาให้อีกอัน ฟินๆกันไป
ของฝากสุดท้ายก็จะเป็นขนม มีคุกกี้ชานม ช็อคโกแลคชานมไข่มุกซึ่งข้างในเป็นไข่มุก ข้างนอกเคลือบด้วยช็อคโกแลตรสชานมหวานๆ เค้กไส้สับปะรดเนื้อแป้งนิ่ม และก็ผงน้ำฟักเอาไว้ชงกับน้ำ 1 ลิตร
ใครที่เคยไปญี่ปุ่นมาแล้ว จะเห็นว่าที่นี่ไม่ค่อยต่างกันเลยค่ะ
ก่อนกลับบ้าน แวะ 7-11 ซื้อชานมไข่มุกของฝากยอดฮิต จริงๆแล้วเรากินทุกวันนะ แต่ยกมาเขียนวันนี้แทน ฮ่าๆ และแล้วก็จบวันที่สี่
หมดเวลาสนุกแล้วสิ
วันสุดท้ายแล้ว ยังไม่อยากกลับบ้านเลย!!
เก็บข้าวเก็บของเตรียมออกจากที่พัก วันนี้ซื้อของมากินในบ้าน ต่างคนต่างลงไปซื้อชานมในเซเว่นเพื่อเป็นของฝาก เนื่องจากไฟลต์ของเราบินช่วงบ่ายสอง จึงต้องออกเดินทางกันเลย เรานั่งรถไฟไปลงสถานี Taipei Main Station เพื่อต่อรถไฟ Metro Taoyuan เมื่อถึงสนามบินเถาหยวน ก็ทำการโหลดกระเป๋า เข้าเกต และเดินเที่ยวใน Duty Free ของในนี้จะถูกกว่า Duty Free ที่ไทยประมาณ 100-200TWD เลยล่ะ มีเหล้า และของแบรนด์มากมายให้ช้อป เพราะฉะนั้นก็เหลือๆเงินไว้ช้อปที่ Duty Free บ้างนะ
เห็นน่ารักแบบนี้ น้องคือขวดเหล้านะค้าาา
ถึงเวลาขึ้นเครื่องบินกลับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นที่เรียบร้อย
จบทริปแล้วจ้า หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่อยากเที่ยวไต้หวัน
ติดตามฝนได้ที่ IG: ph.prapatsorn นะค้าาา
หรือเข้าไปในแอพก็ได้นะคะ
https://www.follovv.me/trip/77/
สุดท้ายนี้.. ขอลาไปก่อนนาจา~
Travel by Myself
วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 16.22 น.