สวัสดีจร้าพบกันอีกแล้ว ครั้งนี้จะพาไปเที่ยวกาญจนบุรี แต่รอบนี้จะตะลอนอยู่ในตัวเมือง
ไปไหว้พระ กินกาแฟ ชมบรรยากาศทุ่งนาสีเขียว
ตกเย็นชมบรรยากาศกลางคืนของเมืองกาญว่าจะมีอะไรบ้าง
แล้วก็เข้าพักที่โฮสเทล เพราะทริปนี้เราไม่ได้มากัน 2 คน เราชวนเพื่อนๆ มาด้วย
สุดท้ายเราจะพาไปเล่นกิจกรรมใหม่ที่เราก็เพิ่งจะรู้จัก เค้าเรียกกันว่า Sup. ตามกันไปเลย
FOLLOW ME
Facebook page : Once-a-month
Instagram: onceamonth.travel
YouTube : Once-a-month
เที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีมาก็บ่อยส่วนใหญ่ก็จะออกไปอยู่โซนนอกเมืองซะส่วนใหญ่ รอบนี้เราจะอยู่กันแค่ในเมือง พอดีไปเจอโฮสเทลเปิดใหม่เลยถือโอกาสชวนเพื่อนๆ ในกลุ่มไปเที่ยวพักผ่อนกัน ทริปนี้ไปกัน 7 คน เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ กันตอนเช้า เพราะไม่ไกลมากขี่รถประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง
เรานัดกัน 6 โมงพร้อมกันแล้วก็ออกเดินทาง ก่อนเข้าที่พักเราไปแวะกินกาแฟกันก่อนที่ " มีนา คาเฟ่ " ร้านกาแฟจะอยู่แถวๆ วัดถ้ำเสือ เรามาถึงร้านกันตอน 08.30 น. เป็นเวลาร้านเปิดพอดี แต่ปรากฏว่ารถจอดอยู่เต็มหน้าร้านเลย นี่เราว่าเราก็มากันเร็วแล้วนะเนี่ย 555
เข้าไปสั่งกาแฟกันดีกว่า กาแฟที่นี่จะติดหวานหน่อยนะ ใครไม่ทานหวานแนะนำให้สั่งหวานน้อยนะ
ได้กาแฟมาแล้วก็นั่งดื่ม คุยกันสักแปปก็ออกไปถ่ายรูป เรามาตรงกับช่วงที่เค้าทำนากันพอดี บรรยากาศข้างหลังร้านก็จะเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียว เช้าๆ แบบนี้นั่งจิบกาแฟชมธรรมชาติก็ฟินดีเหมือนกัน
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปน่าจะฟินเลยแหละ เพราะในร้านมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอิ่มแล้ว ก็แวะขึ้นไปไหว้พระที่วัดถ้ำเสือกันซะหน่อย ออกจากร้านมาก็จะมีทางไปวัดได้เลย วัดถ้ำเสือเป็นวัดที่สวยมาก ไม่แปลกที่จะเห็นผู้คนเยอะมากอยู่ข้างบน เพราะนอกจากจะได้ขึ้นไปไหว้พระแล้ว ด้านบนยังสามารถมองลงมาเห็นวิวทุ่งนาด้านล่างได้อีกด้วย
หลังจากไหว้พระกันเสร็จก็ได้เวลามื้อกลางวันแล้ว พี่ในกลุ่มมีร้านส้มตำแนะนำว่าอยากให้ลองไปทาน ชื่อร้าน " ตำจีบริมคลอง " ร้านนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ปีกไก่ย่าง รสชาติส้มตำถือว่าเด็ดเลยการันตีโดยคอปลาร้าอย่างเรา 555 และที่สำคัญราคาไม่แรงด้วย หลังจากที่สั่งกันมาเต็มโต๊ะก็ขอตัวไปจัดการเคลียของกันก่อน
กว่าจะเคลียทุกอย่างบนโต๊ะหมดก็จุกๆ กันไปข้างนึง หลังจากนั้นก็บึ่งไปโรงแรมกันต่อ เข้าไปพักผ่อนเอาแรงกันก่อน เพราะอากาศวันที่เราไปถือว่าร้อนอบอ้าวพอสมควรสมาชิกก็เริ่มเพลียกันแล้ว
ที่พักของเราชื่อว่า " Latima boutique hostel " เป็นโฮสเทลน้องใหม่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ตั้งอยู่ในตัวเมืองและติดถนนใหญ่เลย เรามาถึงแล้วก็ขี่รถเข้าไปจอดรถด้านหลังได้เลย
โฮสเทลเป็นตึก 4 ชั้นสไตล์วินเทจ ด้านนอกอาคารเป็นสีเหลืองอ่อน มีบานหน้าต่างสีขาว เดี๋ยวเราเข้าไปเช็คอินด้านในกันดีกว่า
เข้ามาด้านในก็จะเจอกับ reception ติดต่อเช็คอินได้เลย เสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นไปที่ห้องได้เลย
เราพักกันที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องพักแบบ dormitory 10 คน ก่อนที่จะขึ้นไปด้านบนอย่าลืมแวะเปลี่ยนรองเท้ากันก่อนนะ
ถึงแล้ว ที่นี่จะใช้ keycard ในการเข้าออก ส่วน keycard ก็จะมีค่ามัดจำอยู่ใบละ 200 บาท จริงๆ ห้องนี้เป็นห้องรวมซึ่งถ้าเรามาคนเดียวหรือไม่ได้เหมาห้องก็จะมี keycard ส่วนตัวอยู่แล้ว
เปิดเข้ามาด้านในก็จะเจอกับเตียง 2 ชั้นทั้ง อยู่ 2 ฝั่ง แบ่งเป็นฝั่งละ 4 คน 6 คน เห็นแว๊บแรกนึกถึงตู้นอนบนรถไฟ สีสันภายในห้องก็เป็นโทนฟ้า ครีม หวานมาก สบายตาดี มีพื้นที่ทางเดินตรงกลาง ห้องพักสะอาด
มาดูข้างในแต่ละเตียงกันบ้างดีกว่ามีอะไรบ้าง
- โคมไฟ
- ปลั๊กไฟ
- ชั้นวางของ
- ตู้ล็อกเกอร์
- ผ้าเช็ดตัว
- ไม้แขวนเสื้อ
- น้ำเปล่า
- ม่านกั้นห้องของตัวเอง
ตู้ล็อกเกอร์จะยังไม่มีกุญแจคล้องไว้ให้นะ ถ้าต้องการกุญแจก็สามารถติดต่อขอกุญแจได้ที่ reception
ดูห้องนอนกันไปแล้วเรามาดูห้องน้ำห้องท่ากันบ้าง ห้องน้ำจะแยกชายหญิง
- ห้องอาบน้ำ 2 ห้อง
- ห้องส้วม 2 ห้อง ( ห้องน้ำชายจะมีโถปัสสาวะอีก 2 โถ )
- อ่างล้างหน้า 4 อ่าง พร้อมกระจกบานใหญ่และโคมไฟ
- ไดร์เป่าผม 1 เครื่อง
- ด้านบนมีพัดลมเพดานเพื่อระบายอากาศ
ภายในห้องอาบน้ำ
- เครื่องทำน้ำอุ่น
- Hand Shower
- Rain Shower
- อุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ ( สบู่เหลว , แชมพู )
หลังจากที่เข้าไปตากแอร์ในห้องกันแล้ว สมาชิกแต่ละคนก็ลงมติกันว่าขอนอนพักก่อนแล้วกัน แล้วตอนเย็นค่อยออกไปหาอะไรทานกันข้างนอก แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังนอนพักเราก็เริ่มจะหิวเลยลงไปหาอะไรรองท้องกันก่อน
ด้านล่างตรง reception จะมีห้องทานข้าวส่วนกลางอยู่ ตรงนั้นจะมีพวกชา กาแฟ โอวันติน และขนมนิดหน่อย อันนี้เราสามารถบริการตัวเองได้ตลอดเลยนะ
หรือว่าจะลงมานั่งเม้ามอยดูทีวีก็ได้นะ
ตรงนี้ก็จะมีห้องน้ำส่วนกลางด้วย
แล้วเราก็จัดโอวัลตินพร้อมกับขนมขึ้นไปกินข้างบนห้อง
หลังจากที่นอนพักร่างกันเต็มตื่นแล้ว ก็ได้เวลามื้อเย็น ตอนแรกแพลนกันไว้ว่าเราจะออกไปหาอะไรทานกันข้างนอก แต่ในระหว่างที่นั่งรอทุกคนเตรียมตัวฝนก็ดันตกลงมาซะงั้น แล้วก็ตกหนักด้วย
ดูสภาพสมาชิกแต่ละคนนั่งรอฝนหยุด จนรอไม่ไหวแล้วเลยเปลี่ยนแพลนใหม่ว่าจะสั่งของมากินในโรงแรมเนี่ยแหละ แล้วค่อยออกไปเดินเล่นถ้าฝนหยุดตก
สุดท้ายก็ไปลงเอยด้วย pizza company 2 ถาด กับ kfc อีก 1 เชตใหญ่ แค่รองท้องเฉยๆ ก็ทำการสั่ง รอ แล้วไม่นานอาหารของเราก็มาส่ง
ไม่นานทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะก็หายเรียบ สงสัยสั่งมาน้อยเกินไป 555
พอกินเสร็จ เก็บของ ล้างจานเรียบร้อยฝนก็หยุดตกพอดี เราเลยจะออกไปตะลอนกันต่อ ไปเดินย่อยกันต่อเลยที่ถนนคนเดินปากแพรก อยู่ตรงศาลหลักเมืองกาญฯ ไม่ไกลจากที่พักของเรา ขี่รถแปปเดียวก็ถึง พวกเราเอามอเตอร์ไซค์กันมาเลยหาที่จอดแปะๆ กันง่ายหน่อย แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นรถยนต์ต้องไปจอดกันตรงไหนนะ จอดรถเสร็จก็ลงไปเดินกันเลย
ที่นี่ของเยอะมาก ทั้งของใช้ เสื้อผ้า ของกินคาวหวาน และพวกผักสดต่างๆ เดินกันจนสุดของกินก็โผล่มาเต็มไม้เต็มมือเลย
หลังจากนั้นเราก็กลับมาพักผ่อนกัน มีซื้อเครื่องดื่มมาดื่มกันนิดหน่อยก่อนนอน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อน แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าเราจะพาไปเล่นกิจกรรมทางน้ำกัน
เช้าแล้วยังอยากนอนอยู่เลย 555 แต่ไม่ได้เพราะเรามีนัดจะไปเดินเล่นถ่ายรูปกันที่สะพานแม่น้ำแคว
บรรยากาศยามเช้าตรงสะพานแม่น้ำแคว ร้านค้าเริ่มทยอยกันตั้งร้านเพื่อเตรียมตัวรับนักท่องเที่ยว
อากาศเช้านี้สดชื่นมาก อากาศเย็นสบาย ระหว่างที่เรากำลังเดินถ่ายรูปอยู่นั้นก็มีพระเดินบิณฑบาตรอยู่ เราเลยเดินไปซื้อกับข้าวไปใส่บาตรด้วยกันเลย ใส่บาตรเสร็จก็เดินถ่ายรูปกันต่อ
ก่อนที่เราจะกลับก็มีรถไฟวิ่งมา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันใหญ่เลยรวมถึงเราด้วย 555
กลับจากเดินเล่นเราก็เข้ามาทานอาหารเช้าที่โรงแรมกัน เช้านี้มีข้าวต้มหมูร้อนๆ ปาท่องโก๋พร้อมนมข้นหวาน ตบท้ายด้วยผลไม้ 2 จานใหญ่ๆ แต่เราต้องเร่งมือกันหน่อยเพราะเรามีนัดที่จะไปทำกิจกรรมกันต่อ
กิจกรรมที่ว่าก็คือ SUP. หรือ Standup Paddle Boarding หรือเราจะเรียกว่า " กระดานยืนพาย " เป็นกีฬาทางน้ำซึ่งมีอุปกรณ์คือ Board และไม้พาย ก็สามารถเล่นได้แล้ว มีการจัดแข่งขันกันแบบจริงจังด้วยนะ แต่วันนี้เรามาฝึกทักษะพื้นฐานกันก่อนนะ
เราได้นัดพี่ staff ที่โรงแรมเพื่อมารับเราไปยังจุดปล่อยตัว
ลงรถมาแล้วพี่ๆ staff ก็จะมีเอกสารให้เรากรอกก่อนที่เราจะไปเล่น ก็จะเป็นข้อมูลส่วนตัว คนที่สามารถติดต่อได้หากเราเกิดอุบัติเหตุ
หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ๆ เค้าก็เริ่มสอน และสาธิตการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เริ่มตั้งแต่การรู้จักอุปกรณ์ การจับไม้พายที่ถูกต้อง ท่าทางในการพาย การช่วยเหลือตัวเอง ตรงนี้ก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว
หลังจากที่ฟังภาคทฤษฎีไปแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาที่จะลง Board ลงน้ำจริงๆ แล้ว พอลงน้ำไปแล้วพี่เค้าก็จะสอนพื้นฐานการพาย การเลี้ยว ต่างๆ หลังจากที่ทุกคนทำได้แล้ว ก็ไปสู่ของจริงกันเลย
เราพายกันในแม่น้ำแควกันเลยนะ ระยะทางก็ประมาณ 3 ชั่วโมง อันนี้ก็แล้วแต่กระแสน้ำในแต่ละวันด้วยนะ ถามว่ากลัวมั้ยก็กลัวนะ เพราะแรกๆ มันก็ยังยืนทรงตัวบน Board ไม่ได้ ขานี่เกรงไปหมด Board ก็โคลงไปเคลงมา
ระหว่างที่ล่องไปนั้น พี่ๆ เค้าจะก็ค่อยๆ สอนทักษะอื่นๆ เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ แรกๆ ก็อาจจะมีการตกน้ำตกท่ากันบ้าง 555 แต่ไม่ต้องกลัวนะเพราะยังไงก็ต้องได้ตกทุกคน เพราะ 1 ในนั้นคือ ทักษะการช่วยเหลือตัวเองเมื่อเราพลัดตกจาก Board
หลังๆ มาเหนื่อยหน่อยก็เอา Board มาต่อกัน ให้เพื่อนพายเรานั่งเฉยๆ ไม่ใช่ 555 อันนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อนในกรณีที่เพื่อนไม่สบาย หรือไม่สามารถพายต่อได้
3 ชั่วโมงบน Board นี่ก็เหนื่อยเอาการเลยนะ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ๆ staff ทุกคนที่คอยดูแลความปลอดภัยให้พวกเรา ถ้ามีโอกาสก็อยากมาเรียนเพิ่มอีก
หลังจากนั้นเราก็กลับไปอาบน้ำ เก็บของ แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพกัน 2 วัน 1 คืนที่กาญฯ ครั้งนี้สนุกสุดๆ ไปเลย ครั้งหน้าเราจะพาไปไหนกันอีกต้องรอติดตามกันนะ
g o o d b y e .
Trip.
ราคาที่พัก Latima boutique hostel
- Family room 4 ท่าน (เตียงใหญ่ 1 เตียงและเตียง2ชั้น) ราคาห้องละ 2,400 บาท - ห้องน้ำในตัว
- Deluxe room 2 ท่าน (เตียงใหญ่) ราคาห้องละ 1,400 บาท (มีทีวี) - ห้องน้ำในตัว
- Standard room 2 ท่าน (เตียงใหญ่) ราคาห้องละ 1,200 บาท (ไม่มีทีวี) - ห้องน้ำในตัว
- ห้องพัก dormitory 4 ท่าน (เตียงชั้นเดียว) ท่านละ 520 บาท / เหมาห้องละ 2,000 บาท - ห้องน้ำรวม
- ห้องพัก dormitory 10 ท่าน (เตียง 2 ชั้น) ท่านละ 480 บาท / เหมาห้องละ 4,500 บาท - ห้องน้ำรวม
ติดต่อสอบถาม
INBOX : m.me/latimaboutiquehostel
line : latimaboutiquehostel
SUP. หรือ Standup Paddle Boarding
เที่ยวแบบเรา : Once-a-month
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.00 น.