เอาเหอะนอกเรื่องเยอะแล้วเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า กับงานนี้ความน่าสนใจมันอยู่ที่การสื่อสารงานศิลปะตามจังหวะการหายใจเเละสมาธิ โดยการหายใจเข้าแล้วปล่อยมันออกมาผ่านเครื่องนี้ ผมเองก็ไม่ทราบว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันเป็นงานศิลปะที่ผ่านความรู้สึกจากลมหายใจที่สวยงามและไม่เหมือนใคร ถ้าคุณเคยศึกษา จักระสมาธิ คุณจะเข้าใจว่าลมหายใจคนเรามันน่าอัศจรรย์เพียงใจ พลังที่บริสุทธิ์ไหลผ่านร่างกายแต่ละจุด ถูกปล่อยออกมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่

คำพูดของ นท พนายางกูรที่กล่าว “แค่เราหายใจให้ถูกวิธี และมีสติกับทุกลมหายใจ เราก็สามารถที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพได้” มันเป็นข้อสรุปของพลังนี้ได้อย่างดี

เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหารได้นานถึง 3 สัปดาห์
เราสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ได้ดื่มน้ำ อยู่ที่ราว 1 สัปดาห์ หรืออาจแค่ 3-4 วันเท่านั้น
แต่ถ้าเรา ขาดออกซิเจนเพื่อใช้ในการหายใจ เพียงแค่ 4 นาที ก็ทำให้เกิดภาวะสมองขาดออกซิเจน หรือสมองพร่องออกซิเจน จนทำให้เซลล์สมองตาย

ความสำคัญของชีวิตที่มีพลังมากมายอยู่ใกล้ตัวแค่ปลายจมูก

เริ่มแล้วกับ เวิร์คชอป ของน้องสาว กับ นท พนายางกูร การเวิร์คชอปนี้ นท ทำตัวต่อตัวเลย แค่เราเห็นน้องสาวที่กำลังรักษาตัว ได้อารมณ์ดีและดูมีพลังขึ้น เราก็รู้สึกดีแล้ว ยิ่งระหว่างทางขนาดนั่งรถกลับ ดูจุดประกายให้กลับมาอยากวาดรูปอีก มันยิ่งทำให้ความรู้สึก ณ ตอนนั้นดียิ่งขึ้นไปอีก

ความรู้สึกส่วนตัว บางทีเราเองก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่การได้ใช้เวลาช้าๆ กับเพลงบรรเลงที่ฟังสบาย ให้ลมหายใจได้ผ่อนคลาย นั่งมองสิ่งที่จรรโลงจิตใจ เหมือนอย่างวันนี้ที่ได้มาเดินดูงาน ENERGY DIARY 02 มันก็ทำให้หัวใจกลับมาสดชื่นขึ้นได้ ร่างกายได้เพิ่มแรงให้ก้าวเดินต่อไป