ทริปนี้เดินทางในวันหยุดพิเศษและทริปนี้ได้มีหลานๆ ร่วมทริปด้วย เดินทางกัน 5 วัน 4 คืน (31 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2562) เดินทางกันแต่เช้าขาไปแอร์เอเชียออกตรงเวลา ก็เลยได้ภาพสวยๆ ของแสงเช้ามาบ้าง
ถึงสนามบินอุดรธานีตรงเวลา พวกเราเลือกเดินทางต่อด้วยรถตู้ไปส่งที่ด่านหนองคายคนละ 200 บาท ทำการผ่านแดนโดยใช้ Passport เข้าช่องคนไทย แล้วไปยื่นเล่มให้เจ้าหน้าที่ประทับตราออก เสียค่ารถข้ามสะพานคนละ 15 บาท ผ่านแดนฝั่งสปป.ลาว ต้องกรอกใบผ่านแดนปกติ แต่ไม่ต้องซื้อบัตรผ่านประตูแล้ว ผ่านแดนมาเรียบร้อยก็ถึงขั้นตอนการแลกเงิน เรทดีงาม 1 บาท = 301.22 กีบ แลกมา 3 ล้านกีบ ซื้อซิมแบบ 7 วัน และนั่งรถเมล์ไปตลาดเช้า ค่าโดยสารคนละ 8,000 กีบ พอลงรถมีคนรุมเหมือนทุกครั้งและก็เป็นอีกครั้งที่ตามเขาไป ระหว่างรอรถตู้ก็แวะกินก๋วยจั๊บก่อน ชามละ 10,000 กีบ
จ่ายค่ารถไปวังเวียงคนละ 100,000 กีบ เขาจะไปส่งถึงที่พักเลย ระหว่างทางก็หลับบ้างตื่นบ้าง ถึงวังเวียงก็รีบเข้าที่พักเลย รอบนี้พักที่ Mountain View Riverside Boutique Hotel 2 คืน 2 ห้อง ในราคา 100 USD ขึ้นมาดูวิวแล้วชอบมาก เราพักชั้น 4 ห้องริม ได้วิว 2 ด้าน ปลื้มมาก
เก็บของเสร็จก็ออกสำรวจเมืองนิดหน่อยก่อนที่อาทิตย์จะตกดิน
มาซื้อทัวร์ที่ Explore - Asia Lao ร้านเดิมที่มาทุกครั้ง รอบนี้ก็ได้ราคาเดิม ลดราคาให้กับการเหมารถพร้อมไกด์ และประกันภัยให้ 40,000 กีบ แถมยังพานั่งรถ buggie ไปแลกเงินกับร้านที่เรทดีที่สุดด้วย
จบเรื่องเที่ยวก็มาต่อเรื่องกิน ร้านนี้ก็มากินประจำ แต่รอบนี้ราคาขึ้นเยอะมาก รสชาติอร่อยเหมือนเดิม มื้อนี้ 222,000 กีบ
ระหว่างทางเดินกลับที่พักเจอร้านอาหารกรีน แวะชิม Local man pizza ใช้เตาถ่านอร่อยดี
พออิ่มก็ออกมาดูการทำพิซซ่ากัน
คืนนี้ทุกคนหลับตั้งแต่ขึ้นห้องนอน เช้าวันที่ 2 ของทริปมีนัดกับทัวร์ไปขึ้นผาหนามไซตอนตี 5 รถมาถึงตรงเวลา และระหว่างทางอากาศเย็นสบายมาก ไม่นานก็ถึงผาหนามไซ พวกเราก็รีบขึ้นกันตั้งแต่ฟ้ายังมืดอยู่ ด้วยความตั้งใจไปดูอาทิตย์ขึ้น
ระหว่างทางก็เริ่มเห็นวิวบ้างแล้ว
เวลาที่ขึ้นประมาณ 30 นาที ขึ้นมาถึงก็เห็นวิวมุมสูงก็คุ้มค่าการตื่นเช้ามาก
ผาหนามไซจะเป็นจุดชมบอลลูนขึ้นที่สวยมาก น้องหัส (ไกด์) เล่าให้ฟังว่าที่วังเวียงมีบอลลูน 15 หน่วยแล้ว และมีของบริษัทของคนลาวด้วย
ลงมาถึงด้านล่างคุณป้ามารอเก็บค่าขึ้นชมวิว คนละ 10,000 กีบ รวมกับที่ทัวร์จะจัดการให้เรา คุณป้าเล่าว่า "หนามไซ คือ หวายชนิดหนึ่งที่มีหนามเอามาทำไซดักปลา" ความสูงของการเดินขึ้นผาหนามไซ 330 เมตร ไม่สูง เดินไม่ยาก แต่วิวสวยแบบ 360 องศา ตลอดเวลาชั่วโมงกว่า ก็มีแค่พวกเราเท่านั้น
ขากลับเจอบอลลูนของบริษัทคนลาวแบบใกล้ๆ
รถมาส่งที่โรงแรมเพื่อให้เรากินมื้อเช้าก่อนจะมารับไป full day tour มื้อเช้าเป็นแบบชุด มีให้เลือกสั่งหลายอย่าง
9 โมงรถก็มารับหน้าโรงแรม และก็วนรับบนรถมีคนร่วมทริป 10 คน ไม่นานก็ไปถึงจุดแรกที่จะไป
ถึงแล้วถ้ำช้าง
เดินต่อมาอีกไม่ไกลนักก็ถึงทางเข้าถ้ำน้ำ
ที่นี่มี Zipline ด้วย แต่วันนี้ไม่ใช่คิวของที่นี่ เราไปเล่นที่บลูลากูน
รอจนครบก็ถึงเวลาเข้าถ้ำน้ำด้วยการ Tubing ห่วงยาง น้ำเย็นจนสะดุ้งทุกคน
ออกมาก็ถึงเวลากินมื้อเที่ยงพอดี รายการอาหารเป็นข้าวผัด BBQ ไก่ ขนมปัง ผลไม้
ฝากไว้สำหรับคนที่ไม่กินขนมปัง อย่าทิ้ง เก็บไว้ไปเลี้ยงปลาบนสะพานที่ข้ามมา โชคดีที่แก็งค์เราเก็บไว้ เลี้ยงอาหารปลาเสร็จก็นั่งรถมาที่จุดลงเรือคายัค รอบนี้น้ำแรงและเราว่ายน้ำไม่เป็นคนเดียวก็เลยต้องอยู่ลำเดียวกับไกด์
ระยะในการพายคายัค 6 กม. นั่งกลางมีหน้าที่ถ่ายรูปไป
รอบนี้แข่งกันพายเรือกันมันส์มาก มีทัวร์เกาหลีที่ลงครึ่งทางมาร่วมแข่งด้วย จนมาถึงจุดขึ้นเรือ
ไม่นานก็นั่งรถไปบลูลากูน พอมาถึงพวกเราก็โดนส่งไปเล่น Zipline กันก่อน สนุกดี ไหลไปเรื่อยๆ ที่เสียดายที่สุดคือไม่ได้เอามือถือขึ้นไปถ่ายรูปด้วย
ครบทุกจุดก็ลงมาเล่นน้ำที่บลูลากูนต่อ
เล่นน้ำจนถึงเวลากลับ 4 โมงตามที่นัดหมาย รถมาส่งที่พักแล้วเราก็ออกมาหาของกิน วันนี้ลองเปลี่ยนร้านดู ความอร่อยพอๆ กัน
เด็กๆ อยากลองชิมพิซซ่าอีก ก็เลยเปลี่ยนมาชิมร้าน Parisein Cafe ร้านนี้ก็ผ่าน
ตั้งใจจะไป sakura bar แต่พอผ่านไปแล้วเราก็เปลี่ยนใจ
ลองมาเดิน walking street ร้านรวงขายของกันเยอะ คนก็มีพอสมควร
เช้าวันที่ 3 ไม่มีโปรแกรมต้องตื่นเช้ามากนัก เราก็เลยลงมาเดินตลาด ชมบรรยากาศชามเช้าที่สงบของวังเวียง
สักพักเราก็ไปวัดมะหาทาด
จากนั้นก็ไปสะพานส้ม ที่นี่มีค่าเข้า 5,000 กีบ
เดินไปขึ้นถ้ำจัง เสียค่าเข้าชม 15,000 กีบ
ก่อนกลับแวะกินรังผึ้งกัน เราไม่ปลื้ม
ก่อนกลับเข้าที่พักก็กินกาแฟที่ร้าน Hallys Coffee ใช้กาแฟจากปากเซ
เราจองรถไปหลวงพระบางกันต่อ รถมารับ 11:30 รถตู้ออกจากวังเวียง 12:00 ระหว่างทางสวยมาก แต่ก็มีหลายจุดที่ทางแย่ๆ ที่สร้างความหวาดเสียวจนหลับไม่ลง
มาถึงกลางเมืองหลวงพระบาง 16:12 ก็เดินเข้าที่พัก รอบนี้ก็พักที่เดิม Kinnaly Place House น้องคนที่รับเช็คอินเราจำเราได้ก็เลยอัพเกรดห้องพักให้ ได้ห้องเบอร์ 8 มีระเบียงกับห้องพักแบบ 3 คน
อาบน้ำเสร็จก็ออกมาหาของกิน ระหว่างทางก็เจอแสงสวยๆ พอดี
ปีนบันไดขึ้นมาถ่ายภาพหลังคาเต็นท์ตลาดมืดสักนิด
มื้อเย็นก็ฝากท้องกับซอยร้านอาหาร และก็เป็นร้านเดิมอีกเช่นเคย
อิ่มแล้วก็กลับเข้าที่พักและหลับเพราะเพลียจากการลุ้นไปกับทางที่จะมาหลวงพระบาง ปกติมาหลวงพระบางแต่กลางคืน ตื่นมาก็ถึงพอดี
เช้าวันที่ 4 ของทริป เราสะดุ้งตื่นตามพระที่ตีกลองให้สัญญาณออกบินฑบาต ตั้งใจออกมาเก็บภาพเฉยๆ
อาหารเช้าก็กลับมากินของที่พัก
ทัวร์น้ำตกกวางสีรอบ 9:00 ก็เลยรีบเก็บของแล้วลงมาฝากกระเป๋า รถมารับและวนรับคนอื่นจนเต็มคัน ค่าทัวร์ 50,000 กีบ ค่าเข้า 20,000 กีบ ช่วงนี้น้ำน้อยมากที่สุดเท่าที่เราเคยมา
ขากลับแวะอุดหนุนเสื้อเพื่อเป็นทุนในการเลี้ยงน้องหมี
เดินมาถึงรถ 12:19 รถตู้นัด 12:20 เรามาก่อนเวลานิดเดียว 5555 ขึ้นรถแล้วรถออกเลย คนมาครบแล้ว พอกลับเข้าเมืองก็มาแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้าน Le Banneton ร้านนี้อร่อย จานใหญ่ มื้อนี้ 210,000 สั่งเยอะมาก อิ่มมาก แต่จ่ายถูกกว่าส้มตำ
ปิดท้ายทริปหลวงพระบางที่วัดเชียงทอง
กลับที่พักมาขออาบน้ำ ก่อนไปสถานีสายใต้ ไปลุ้นว่ารอบนี้จะได้รถนอนแบบไหน พอไปถึงเห็นรถแล้วดีใจได้รถนอนแบบเตียวเดี่ยว แต้มบุญเรายังพอมี ค่าโดยสาร 150,000 กีบ
เช้าวันที่ 5 ของทริปก็มาถึงเวียงจันทน์แล้ว เราเลือกนั่งรถเมล์ไปตลาดเช้าในราคา 5,000 กีบ
ข้ามด่านกลับฝั่งไทย และมาทิ้งเวลาที่อุดรธานี ขากลับใช้บริการนกแอร์
จบทริป 5 วัน 4 คืนกับการพาหลานเที่ยว สนุกมาก adventure กว่าทุกครั้งที่เคยมาวังเวียง เที่ยววัดน้อยที่สุดตั้งแต่มาหลวงพระบาง
ติดตามทริปเดินทางอื่นๆ ได้ที่ :
เพจ : ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
IG : prapat / ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 05.33 น.