เพราะเดือนพฤศจิกายนไม่มีวันหยุด ! ดังนั้นเราต้องหาวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ออกเที่ยวเอง... โดยไม่ลา ไม่หยุด เพราะวันลาพักร้อนไม่เหลือแล่วววววว
ทริปนี้เรียกได้ว่า ผู้เขียนจากเพจที่ไหนอะไรดีขอตามใจคุณแฟนยอดยาหยี หรือคุณนักวิทย์เลยล่ะ เพราะเธอรีเควสมาว่า เราต้องแต่งชุดไทย เที่ยวอยุธยาเป็นเวลา 1 วัน
"ใช่ข้าพเจ้าแต่งชุดไทย 1 วันเต็ม ๆ ในจังหวัดอยุธยาที่มากด้วยวัดวาอารามและผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ!!!!!"
Day 1 ใส่ชุดไทยไปทุกที่
เป็นการจดบันทึกความทรงจำดี ๆ พร้อมกับเป็นรีวิวเที่ยวใกล้กรุงเทพไปในตัว ทริปอยุธยาเที่ยวไม่ง้อวันลา 2 วัน 1 คืน เราเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ออกช่วงสาย ๆ ขับรถยนต์แปป ๆ ก็ถึงที่หมาย และการเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น ... ย้ำว่า ทริปทุกอย่างจะเล่าเป็นน้ำจิ้ม !
เช่าชุดที่ร้านสะบัดสไบ
ก่อนจะเที่ยววัด ก็บอกแล้วว่า เป็นทริปตามใจแฟน คุณเธอชวนเรามาใส่ชุดไทย ด้วยฟีลลิ่งอยากเป็นออเจ้า และอยากให้เราแต่งเป็นพี่หมื่น
และพวกเราได้ตรงปรี่ไปที่ร้านเช่าชุดและผ้าไทยนามว่า "สะบัดสไบ" ร้านเล็ก ๆ ที่รอให้คุณมาสวมชุดไทยสะบัดสไบให้เต็มเหนี่ยว มีชุดให้เลือกเพียบบบบบบ มีหลายคู่สี โดยเฉพาะชุดไทยสาว ๆ มาแล้วไม่ผิดหวัง หากคุณไม่เก่งเรื่องเลือกสีผ้า พี่ ๆ เจ้าของร้านสะบัดสไบจะดูแลให้ทั้งหมด
นางก็จะยิ้มหวานมากล่ะจ้า เมื่อได้สวมใส่ชุดไทย
เพียงบอกว่า ต้องการสไบสีไหน หรือต้องการผ้าซิ่นสีอะไร รวมทั้งโจงกระเบน คุณเลือกแค่อย่างเดียวแล้วที่เหลือ พี่เจ้าของร้านสะบัดสไบจะแมทซ์ชุดสวยให้คุณทันทีราวกับเนรมิตได้
ส่วนชุดผู้ชายนั้น ด้วยความที่ผู้เขียนตัวเล็ก มีไซส์ M ให้เลือก 2 ตัวเท่านั้น มีสีโทนเหลือบทอง และสีโทนม่วง ซึ่งได้สวมกับโจงกระเบนสีเข้ากัน ใช้แต่งแปปเดียว 5 นาทีเสร็จ พร้อมภารกิจเที่ยวอยุธยาด้วยชุดไทย
จะบอกว่า ร้านนี้มีความน่าสนใจ เพราะเปิดให้นักท่องเที่ยวเช่าในราคาไม่แพง แต่ประทับใจแรง ๆ สามารถสวมใส่ได้ 1 วัน และเอามาคืนในวันถัดไปก็ยังได้ ...
ขอเซลฟี่กับพี่เจ้าของร้าน
ข้อดีของเช่าชุดไทยร้านสะบัดสไบเที่ยวอยุธยา คือ แต่งตัวเสร็จเราสามารถข้ามถนนเดินเที่ยววัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุได้เลย แบบไม่ต้องขับรถวนหาที่จอดให้เหนื่อย
เวลาทำการ : 7:00–18:00 น. เปิดทุกวัน
โทรจอง : 089 967 5675
แผนที่ :
เที่ยววัดเก่าแห่งอยุธยา
"บรรยากาศเมืองเก่า มากเสน่ห์
ใครได้ชม ทุกคนเป็นหลงใหล
ครั้นได้มาพลางนึก ว่าติดใจ
อยู่ใกล้ไกล ขอตามติดแนบชิดนาง"
ถ้าจะให้เล่าความรู้สึกของการใส่ชุดไทยเดินเที่ยววัด คงจะเปรียบดั่งเรากำลังกลับสู่ยุคอโยธยา ท่ามกลางชาวต่างชาติหลากภาษาที่ให้ความสนใจความเป็นไทย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนญี่ปุ่น และชาวต่างชาติแถบยุโรปนิยมมาเที่ยววัดในอยุธยาเป็นหลัก
คงต้องบอกว่าระหว่างที่เราเดินเข้าโบราณสถานนั้น จะต้องจ่ายค่าเข้าวัดละ 10 บาท แต่เพื่อความสะดวกสามารถเลือกบัตรเข้าชมแบบเหมา ๆ ในราคา 40 บาทได้เช่นกัน
วัดราชบูรณะ
การมาเที่ยวสองคนในทริปพักผ่อนของเราเริ่มต้นขึ้นแล้ว ! เราเดินชมบรรยากาศได้ไม่นานนัก ด้วยความที่นักเขียนไม่ค่อยชอบคนแออัด ราวกับเป็นภูมิแพ้ฝูงชน จำต้องขอให้ออเจ้านั้นนั่งพักในบริเวณวัด พร้อมกับชมบรรยากาศในจุดพักที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านเท่าไหร่
วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของวัดมหาธาตุ มีฐานะเป็นพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา คงความยิ่งใหญ่สมกับเป็นราชธานีในอดีต พร้อมกับความน่าเกรงขามที่แฝงอยู่ทุกทิศ มีกรุสมบัติ และหอไตรที่บูรณะเสร็จแล้วไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เห็นดังเช่นวันนี้
อ่ะเช็กภาพแปป
ในขณะที่เราใส่ชุดไทยและเดินหามุมถ่ายภาพสวยๆเพื่อเก็บความประทับใจและได้พบกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลากหลายสัญชาติ เดินทางมาที่วัดนี้ ยิ่งทำให้เรารู้สึกภูมิใจในความเป็นไทย และ เวลาแห่งความสุขก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน
เรานั่งอยู่ที่วัดราชบุรณะเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วรู้สึกหิวขึ้นมาเลยเลือกที่จะเดินทางออกจากวัดข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อที่จะเที่ยวคาเฟ่ปรางวิว
แผนที่ :
กินข้าว ดื่มกาแฟ ชาร์จพลังที่ปรางวิว
ไปอีกคาเฟ่ที่ น่าสนใจของอยุธยา เพราะความเรียบง่ายที่ตกแต่งด้วยสีขาว มาพร้อมกับกาแฟหลากหลายประเภทที่ให้เราเลือกดื่มและยังมีเมนูอาหารให้เราได้ลอง
แต่ฉันไม่รอช้าที่จะลอง ดื่มกาแฟ ด้วยเมล็ดที่น่าสนใจของร้านโดยเลือกเมล็ดกาแฟที่มีรสชาติเปรี้ยวเกินไปออกแนวกลมกล่อมอย่างเมล็ดกาแฟ Guatemala Coffee Blend คั่ว Medium Roasted Level ออกรส Cocoa เลือกให้บาริสต้าชงเป็นคาปูชิโน่
พร้อมกับเมนูพีชคลูเลอร์หวานอมเปรี้ยวนิด ๆ
และข้าวมัสมั่นน่องไก่ไข่ดาวพร้อมกับข้าวสวยร้อนเสิร์ฟมาด้วยกันก็บอกตรง ๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะอร่อยหรือเด็จดวงอะไรขนาดนั้นแต่ผลลัพธ์กับน่าตกใจคือกับข้าวอร่อยเลยแหละ ด้วยรสชาติค่อนข้างกลมกล่อมโดยเฉพาะน้ำปลาพริกที่ดีงาม
ในขณะเดียวกันกาแฟก็มาพร้อมกับฟองนมเนียนเข้ากันกับกาแฟมีรสไม่หวานมากเท่าไหร่นักค่ะ
ดังนั้นหากใครชอบหวานอาจจะต้องบอกบาริสต้าให้เพิ่มไซรัประดับความกลมกล่อมมากขึ้นนะ แนะนำให้มาลองด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าส่วนที่จอดรถอาจจะหายากนิดนึงเราอาจจะต้องวนดูพื้นที่ว่างและจอด อาจจะต้องอาศัยแต้มบุญเล็กน้อยในการหาที่จอด อิอิ
เราเดินวนอยู่ภายในคาเฟ่เพื่อที่จะถ่ายภาพมีหลายมุมเลยค่ะที่สามารถถ่ายภาพได้เหมือนเราอยู่ใน Studio เลย และชุดไทยของเราช่างโดดเด่นในการตกแต่งด้วยสีขาวล้วน มีที่นั่งให้เลือกจำนวนมากเลยค่ะแล้วก็มีมุมถ่ายภาพให้เลือกจำนวนมากเช่นเดียวกัน เอาเป็นว่าคนชอบการถ่ายรูปชอบกาแฟชอบคาเฟ่ชิว ๆ จะลองมาก็ได้
เวลาทำการ : 09.00-20.00 น.
แผนที่ :
เดินไปวัดมหาธาตุ
หลังจากเติมพลังเสร็จกองทัพเดินได้ด้วยท้องแล้ว เรามุ่งหน้าต่อไปที่วัดมหาธาตุเพื่อชมไอคอนที่น่าสนใจของที่นี่เลยก็คือเศียรพระในต้นไม้เราเดินตรงไปที่วัดมหาธาตุใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ถึงค่ะ
และระหว่างที่เราเดินเท้า เราได้นำกล้องคิทแคทขึ้นมาถ่ายภาพตลอดทั้งทางเพราะว่าแสงสวยมาก แล้วที่วัดนี้มีนักท่องเที่ยวมาเยือนจำนวนมากหลากหลายสัญชาติยิ่งกว่าวัดราชบูรณเสียอีกมีทั้งลูกเด็กเล็กแดงไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ที่เดินทางมาชมเศียรพระในต้นไม้ Unseen แห่งอยุธยา
ความน่าสนใจคือต้องถ่ายภาพให้อยู่ในระดับไม่สูงกว่าเศียรพระ และนักท่องเที่ยวทุกคนก็ทำตามกฎอย่างเคร่งครัดน่ารักเชียวค่ะ
แผนที่ :
ขับรถเที่ยววัดไชยวัฒนาราม
หลังจากเราสัมผัสวัดโบราณที่หลงเหลือทราบอารยธรรมยิ่งใหญ่ในอดีต ก็เดินทางกลับมาที่รถเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปสู่วัดไชยวัฒนารามซึ่งเป็นโลเคชั่นห้ามพลาดหากมาถึงอยุธยา มาที่นี่เราไม่เหงาเลยค่ะที่ใส่ชุดไทยเพราะว่าคนไทยทุกคนต่างพร้อมใจที่จะใส่ชุดไทยเดินเที่ยวบริเวณวัดกว้างขวาง และมีแม่น้ำไหลผ่านให้ความรู้สึกเป็นเมืองขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง
เช่นเคยเราทั้งสองถ่ายภาพบันทึกความทรงจำระหว่างเราสองคนว่าครั้งหนึ่งเราได้เคยมาอยุธยาในคอนเซปต์ใส่ชุดไทยตามใจคุณแฟน และดูคุณแฟนเธอจะมีความสุขมากเป็นพิเศษจึงทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจในการที่เราได้ทำตามความฝันของแฟนให้เป็นจริง ก็อย่างที่ว่าแหละค่ะความรักจะยืนยาวได้ เราจะต้องดูแลซึ่งกันและกันและการเติมเต็มให้ชีวิตคู่ของเราหวานแหวว กรุ๊งกริ้ง
เครื่องประดับเข็มกลัดติดสังวาลย์ ช่างงดงาม ไอเทมสวยเก๋จากร้านสะบัดสไบ
ขณะที่กำลังถ่ายภาพแล้วเดินเที่ยววัดเราได้ตกลงกันว่า จะเที่ยวตลาดอยุธยาไนท์มาร์เก็ต ตลาดเปิดวันศุกร์เสาร์อาทิตย์เท่านั้น ดังนั้น นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมเวลาให้ดี ถึงจะได้เที่ยวตลาดแห่งนี้ สวมชุดไทยเที่ยวไทยเก๋ไก๋ ตามสไตล์ Thainess !! กันโล้ด
แผนที่ :
เพลินเกินห้ามใจตลาดอยุธยาไนท์มาร์เก็ต
นักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับอาหารหลากหลายและเรา ก็มากิน หมูสะเต๊ะ และไข่นกกระทา
ที่สำคัญที่สุดคือกุ้งแม่น้ำตัวละ 500 บาทสุดยอดมากเลย คือ ฟินฝุด ๆ คอเลสเตอรอลพุ่งปรี๊ด 555+
ในวันที่เราไปนั้นน่ะโชคดีมันเป็นเทศกาลลอยกระทงประจำปีพอดิบพอดี ทำให้เราได้ดูแสงไฟสวย ๆ ดูคนอื่นลอยกระทง ส่วนเราเล่นไฟเย็นอยู่ข้างแม่น้ำกันพลาง ๆ คิดเสียว่าลอยกระทงด้วยใจ
เราเดินทั่วตลาดเกือบ 3 รอบ !! อากาศเย็น ๆ ลมเบา ๆ ทำให้เราเดินได้นานไม่เหนื่อย ถึงจะใส่ชุดไทยแต่ก็สู้ไหว
พร้อมกันนี้ยังมีไฮไลท์ การแต่งชุดเป็นนักรบ ให้เล่นด้วยนะ แต่ว่าหลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วอ่ะก็สมทบทุนให้กับค่าพร็อพสักหน่อยก็ดีจ้า แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะเล่นแต่งตัวเป็นนักรบอโยธยา เราท่องเที่ยวอยู่ในตลาดนี้จนถึง 4 ทุ่มเลยล่ะมั้ง
หากนักท่องเที่ยวท่านไหนที่มีโอกาสมาอยุธยาในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ ก็น่าจะมาเที่ยวที่นี่ดูนะจ๊ะเพราะมีที่จอดรถให้บริการมากมายก่ายกองจอดตรงไหนก็ได้แถมฟรีไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วย
เวลาทำการ : ศุกร์-อาทิตย์
แผนที่ :
กลับมาโรงแรม
ก่อนที่จะกลับไปนอนหลับพักผ่อนที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ อยุธยาที่เราได้วอเชอร์มาจาก Read Me นี่แหละ และก็จบทริปวันแรก ในการเที่ยวอยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน พักผ่อน เพื่อออกเที่ยวในวันถัดไป
Day 2 : จะกลับกรุงเทพแล้วนะ
ตื่นเช้ามาก็ไม่มีอะไรมากนอกจากไปรับประทานอาหารเช้าในโซนของโรงแรม กรุงศรีริเวอร์อยุธยา ส่วนห้องอาหารมีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภทมากๆตั้งแต่อาหารจีนอาหารไทยอาหารฝรั่งที่เด็ดคงจะเป็น ข้าวต้มแล้วมั้ง เพราะคุณแฟนยกมากินถึง 2 ถ้วย ซึ่งเป็นข้าวต้มที่มีความเรียบง่ายและความอร่อยที่ลงตัว
เที่ยวคาเฟ่มาดามเหมียวก่อนกลับ
วันนี้ก็เป็นทริปเบา ๆ เน้นพักผ่อนแบบไม่ง้อวันลา หลังจากเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมก็มุ่งหน้าไปเล่นกับเหล่ากองทัพเหมียว ณ คาเฟ่มาดามเหมียว (Madame Meow Cat Cafe') เราติดสอยห้อยตาม Google Map ไปค่ะ และก็เจอคาเฟ่แห่งนี้ซึ่งอยู่ที่ตลาดแกรนด์ เป็นตึกแถว 1 คูหา
เราจะต้องวนหาที่จอดรถเองเช่นเดียวกันเพราะทางร้านไม่ได้มีพื้นที่จอดรถให้ หลังจากเราได้ที่จอดก็เดินเท้าสู่คาเฟ่ คงต้องบอกว่าคาเฟ่แห่งนี้มีคนมาเที่ยวจำนวนมากหนาแน่นเชียวล่ะ ส่วนใหญ่จะมาสัมผัสความน่ารักของน้องแมวที่มีหลากหลายสายพันธุ์เช่น เมนคูน และสายพันธุ์น่ารักอื่น ๆ อีกเพียบ
ก่อนที่จะเข้าคาเฟ่แล้วก็ต้องล้างมือก่อน ต้องจ่ายค่าเข้า 100 บาทเพื่อแลกรับกับเครื่องดื่มขนมหรืออื่นๆที่ทางร้านกำหนดให้
เราเลือกกีวีโซดากับเมนู signature ของทางร้าน นมเย็นโพนี่ ที่สีสันสดใสชมพูฟ้าฟรุ้งฟริ้ง พร้อมกับ วาฟเฟิลไอศครีมสตอเบอรี่
นั่งรอสักพักสั่งขนมแมวเลียมาด้วยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นคาเฟ่แมว ซองละ 20 บาทค่ะ โดยที่นี่เขาให้บีบอาหารหรือขนมแมวเลียลงในช้อนก่อนที่จะป้อนเจ้าเหมียวเพื่อป้องกันเจ้าเหมียวกัดซอง
บริเวณโดยรอบของ Cafe ไม่กว้างมาก โต๊ะมีประมาณ 6 โต๊ะให้บริการมีของเล่นให้เราเล่นกับแมว มีพื้นที่ของแมวที่อยู่รวมกันกับโซน รับประทานอาหารและขนม
เห็นว่านอกจากเป็นคาเฟ่แมวแล้วยังมีน้องแมว จำหน่ายด้วยแต่ละตัวก็น่ารักทั้งนั้นเลยเหรอจ๊ะ อ้วนปุ๊กลุกน่ารับไปเลี้ยงแต่น่าเสียดายที่นักเขียนแพ้ขนแมวเลยรับเหมียวไปเลี้ยงไม่ได้แฟนนั้นก็เพลินกับการเล่นแมวพร้อมกับตกแมวและได้แมวตัวโปรดซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโกรธกันจริงด้วยนะฮ่าๆๆ
เราใช้เวลาเล่นอยู่ที่นี่ไม่เกิน 1 ชั่วโมงแป๊บๆก็มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยืยนจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย เป็นคาเฟ่ที่เหมาะกับครอบครัว เมนูอาหารเริ่มต้นที่หลักสิบถึงหลักร้อย แต่แค่จ่ายค่าเข้า 100 บาทและรับเมนูฟรีก็อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับครอบครัวย้ำนะคะว่า 100 บาทต่อคนไม่ใช่ 100 บาทต่อโต๊ะนะ
ปิดทำการ : จันทร์-พุธ ไม่เปิดนะ
แผนที่ :
หลังจากอิ่มเอมเปรมปรีกับการเล่นน้องแมวแล้ว
ก็จบทริปวันที่ 2 ก็บอกแล้วว่าเป็นคิวที่มาแบบไม่ง้อวันลาและไม่อยากเหนื่อยจนเกินไปจนไปทำงานวันจันทร์ไม่ไหว เราใช้เวลา ไม่กี่ชั่วโมงที่จะดั้นด้นกลับกรุงเทพฯ ...
เฮ้อช่วงเวลาแห่งความสุขนี้มันช่างสั้นจริง ไว้เจอกันใหม่นะอยุธยา
รู้จัก Butter Cutter มากขึ้นที่เว็บไซต์ th.readme.me หรือจะให้กำลังใจด้วยการกดไลค์เพจที่ไหนอะไรดีก็ได้นะ
ที่ไหนอะไรดี
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 00.54 น.