Re.รีวิว 1 วัน 3 ภู | ภูเรือ ภูหลวง ภูป่าเปาะ | เที่ยวเลยกับคนเลย ต้องตามรอย
สวัดีครับ สัปดาห์นี้พบกับผมเช่นเคย #เขียดคุง ใน Readme.me สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เขียนบันทึกการเดินทางท่องเที่ยว ณ อำเภอเชียงคาน จ.เลย เพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่ได้อ่านสามารถคลิกได้จากลิ้งค์นี้เลยนะครับ : https://th.readme.me/p/28445
ในสัปดาห์นี้ ผมยังคงพาเพื่อนๆเที่ยวกันที่ จังหวัดเลย เช่นเคยครับ นอกจากเชียงคานแล้ว เลย ยังมีที่เที่ยวอีกหลายที่ให้ได้ลองค้นหา วันนี้เลยจะพาเพื่อนๆไปตะลุยขึ้นภูกันครับ รวมกันทั้งหมด 3 ภู คือ ภูเรือ ภูหลวง และภูป่าเปาะ เก็บหมดในวันเดียวได้ยังไง ตามมาดูกัน..... ++++
เริ่มต้นการเดินทาง
การเดินทางในครั้งนี้ ผมได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดประมาณ ต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ไปพักผ่อนที่ อำเภอ ภูเรือ จ.เลย เนื่องจากคนสนิทของผมทำงานอยู่ที่นี่ เลยทำให้มีโอกาสได้มาเที่ยวในครั้งนี้ ประจวบเหมาะกับเป็นวันหยุด Week end จึงรวมพลกับเพื่อนทั้งหมด 6 คน เลยคุยกันว่าเราไปเที่ยวแบบ One day trip เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว 2 คัน ทริปนี้จึงเกิดขึ้นครับ เริ่มออกเดินทางกันเลย
1. ภูเรือ
ภูเรือ หรือ อุทยานแห่งชาติภูเรือ เป็นจุดที่หนาวที่สุดในประเทศไทย และมีธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว พักผ่อน ในช่วงฤดูหนาวมากๆ กิจกรรมชมพระอาทิตย์ขึ้น ชมทะเลหมอกยามเช้า มีลานสำหรับกางเต้นท์ รวมถึงบ้านพักอุทยานที่คอยให้บริการ มีเวลาเปิด-ปิด ตั้งแต่ 05:00 น. - 20:00 น. ทุกวัน
ตำแหน่งที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติภูเรือ ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย โทรติดต่อ : 0 4280 7624
เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ ตี 05:00 น. เพื่อขึ้นไปยังยอดภูเรือ ขับขึ้นไปจากทางเข้าประมาณ 10 กิโลเมตร ทางไม่ชันมาก รถเล็กใหญ่สามารถขับสวนกันได้ตามปกติ ตรงทางขึ้นอุทยานจะมีซุ้มเจ้าหน้าที่อุทยานรักษาความปลอดภัย และชำระค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท และมีค่ารถยนต์คันละ 30 บาท เท่านั้นเอง
จากนั้นเมื่อขับขึ้นมาบนภูเรีอ เราก็มาจอดรถยังบริเวณลานจอดรถ และเดินต่อไปขึ้นรถสองแถวของชาวบ้าน เพื่อขึ้นไปยังยอดภูเรือ ในราคาเที่ยวละ 10 บาท ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปนำรถขึ้นไปยังยอดภูเรือได้ และเพื่อนๆคนไหนชอบแบบชิวๆไม่รีบร้อน ก็สามารถเดินขึ้นลงได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติม
ชิวๆเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงแแล้ว ส่วนตัวของผมกับเพื่อน ขาไปเลือกนั่งรถ และขากลับเดินครับ 5555 ผมว่าดีนะ ลองดูเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ
ขึ้นมายังยอดภูเรือแล้ว เราจะเจอกับจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยมาก บ้างวันมีหมอกหนามาก เอาจริงครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของผมในการขึ้นยอดภูเรือ ประทับใจมากๆ เพราะครั้งก่อนหน้านี้มาช่วงเที่ยงแล้ว เลยทำให้ไม่ได้เจอหมอกหนาๆ อากาศดีลมพัดเย็นสบาย นี่้ถ้าได้ชาร้อนสักแก้วคงจะดี อิอิ
สามารถเดินเล่นได้รอบๆ มีจุดไหว้พระ มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก หรือสามารถเดินเล่นบริเวณลานสน เดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งบรรยากาศดีมาก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเต็มๆ ก็อิ่มแล้วสำหรับอุทยานแห่งชาติภูเรือแห่งนี้
อิ่มกับบรรยากาศ และกลับลงมาบริเวณลานจอดรถ ขากลับเลือกเดินครับ เพราะอยากจะลองศึกษาธรรมชาติรอบๆตัว และอากาศดีด้วยขาลงเดินไม่เหนื่อยเลยเอาจริง ตรงบริเวณลานจอดรถ ถ้าใครหิวก็สามารถหาโจ๊กหรืออากหารเช้าได้จากบริเวณนี้ เพราะมีร้านค้าคอยให้บริการประมาณ 10 ร้าน อิ่มแน่นอนครับ
2. ภูหลวง.
ภูหลวง หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง รู้หรือไม่ว่าภูหลวงมีความหมายว่าเขาที่สูงใหญ่ หรือกล่าวคือภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน เกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลก ภูหลวงมีเนื้อที่ประมาณ 560,593 ไร่ มีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี
ตำแหน่งที่ตั้ง : ตำบล ท่าศาลา อำเภอ ภูเรือ จังหวัด เลย 42160 โทรติดต่อ : 042-801955
ลงจากภูเรือ และไปเที่ยวต่อกันที่ภูหลวง เราออกจากภูเรือประมาณ เกือบๆ 8 โมง ระยะทางห่างจากภูเรือ ประมาณ 40 Km ถึงทางเข้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูหลวง จุดประสงค์หลักของการมาเที่ยวนที่นี่ คือ การได้มาชมดอกเมเปิ้ล เอาจริงนี่โคตรจะตื่นเต้น เพราะทั้งชีวิตยังไม่เคยเห็นดอกเมเปิ้ลเลย
เข้ามาภายในอุทยาน ถึงประมาณ 9 โมงเช้า ตรงซุ้มทางเข้าอุทยานก็เจอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จำได้ว่าตอนนั้นไม่มีการเก็บค่าเข้าใดๆ และขับขึ้นไปข้างบนภู อีกประมาณ 20 นาที เส้นทางเริ่มสูงชันเรื่อยๆ แต่วันนี้เราได้คนขับรถที่ค่อนข้างจะชำนาญเส้นทาง เพราะได้ข่าวว่านางมาทุกปีจริงๆ เลยหายห่วงครับ
หลังจากจอดรถบริเวณลานจอด จะเจอกับป้ายนี้ พวกเราก็เดินชมใบเมเปิ้ลได้ในระแวกนั้นเลยครับ จริงๆถ้าใครมาครั้งแรกก้ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงป่านะครับ สามารถถามข้อมูล หรือพิกัดตำแหน่งของต้นเมเปิ้ล ได้จากพี่ๆเจ้าหน้าที่อุทยานได้เลยครับ พี่ๆใจดีและบริการดีมากครับ
ไม่รอเช้าด้วยความที่ผมก็พึ่งงจะเคยเจอเจ้าเมเปิ้ลครั้งแรก เลยกระโดดลงนอนเลยครับ ได้รูปเกือบร้อย 5555 สวยจริงๆ ใบเมเปิ้ลไม่ได้มีตลอดทั้งปี จะออกในช่วงฤดูหนาวของแต่ละปี และตอนนี้ก็เริ่มทยอยร่วงแล้ว มีหลากหลายสี ทั้งเหลืองและแดง สวยงามเต็มป่าไปหมด
อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ตามทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินเท้า ไปยังจุดชมวิวภูหลวง และเป็นอาคารพระตำหนักของราชวงศ์ ที่เคยสเด็จมาประทับที่นี่ ข้างในจะเจอกับต้นเมเปิ้ลขนาดใหญ่ ให้ได้สัมผัส และอากาศดีเหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นที่สุด
เราใช้เวลาถ่ายรูป เดินเล่นกันเต็มที่ เกือบๆ 2 ชั่วโมง และลงจากภูหลวงเพื่อที่จะไปเที่ยวต่อกันที่ ภูป่าเปาะ ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปจากภูหลวง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางลงก่อนถึงถนนใหญ่ จะมีค่าเฟ่ให้ได้แวะชิม และช้อปของฝากเล็กๆน้อยๆ ผมจำชื่อไม่ได้ ตอนนั้นแวะพักรถและจิบโกโก้ อร่อยมากครับ ถ้าผ่านแล้วต้องลองแวะดู ทีเด็ด....
3. ภูป่าเปาะ
ภูป่าเปาะ หรือที่ทุกคนเรียกว่า ฟูจิเมืองเลย มีคนบอกว่าภูป่าเปาะ มาจากภูเขาที่มีป่าไผ่เปาะ เป็นไผ่ชนิดที่ขึ้นได้ตามภูเขาทั่วๆไป เป็นไผ่ที่เปาะแตกหักง่าย ก็เลยกลายเป็น ภูป่าเปาะแห่งนี้ จุดเด่นของที่นี่ คือการได้ขึ้นมาชมบรรยากาศ และมองเห็นวิวยอดของภูหอ (ภูหอ มีลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น)
การเดินทาง : สามารถสอบถามเส้นทางข้อมูลเพิ่มเติม โทร : 042-812812
ผมเชื่อว่าทุกคนเมื่อมาเที่ยว จ.เลย แทบจะพลาดไม่ได้เลยที่จะมาเที่ยวที่นี่ ก่อนหน้านี้ผมเคยมีโอกาสชมวิวสวยๆของฟูจิเมืองเลยแห่งนี้ จากหน้าต่างเครื่องบิน ใบพัด Q400 ของพี่นกแอร์ ตอนบินมาลงที่เลยครั้งก่อน ครั้งนี้เลยของมาสัมผัสใกล้ๆเลยละกันครับ
เราถึงภูป่าเปาะ เวลาประมาณ 14:00 น. รถยนต์ส่วนตัวไม่สามารถขับขึ้นไปบนภูป่าเปาะได้ จึงต้องจอดรถบริเวณลานจอด และติดต่อรถของหมู่บ้านพาขึ้นไป รถที่ให้บริการนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนภู คือ รถอีแต๋นคันนี้แหละครับ ราคาคิดเป็นคนละ 60 บาท ไป-กลับ พาไปตามจุดต่างๆบนภูป่าเปาะแห่งนี้ ประมาณ 3 จุด
เอาจริงคือนั่งกันเมื่อยตูดมาก รถวิ่งอย่างช้าๆ เพื่อให้เราได้ชมวิวรอบๆ ขับขึ้นผ่านภูเขาเล็กๆ 2-3 ลูก และมาจอดแวะตรงจุดชมวิวแรกคือที่นี่ จุดชมวิว ภูหอ วันนี้อากาศดีท้องฟ้าเปิด เลยทำให้เห็นวิวข้างหลังเป็นฟูจิเมืองเลย อย่างที่เห็น แต่ไม่มีหมอกปกคลุมนะครับ อยากเจอฟินๆต้องมาแต่เช้ามากๆ
จากนั้นรถก็วิ่งขึ้นต่อไปในระดับความสูงอีกนิดนึง เป็นลานชมวิวกว้างๆ มีชิงช้าให้ได้นั่งพักผ่อน และทุ่งดอกไม้ สวยงามครับพื้นหลังก็จะเป็นวิวฟูจิเมืองเลยเช่นเดิม เราใช้เวลาอยู่ข้างบนนี่รวมๆแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงครับ อากาศประมาณบ่าย 3 ร้อนนิดหน่อยแต่ก็พอมีลมเย็นๆพัดให้ได้ชื่นใจ
หลังจากลงมาด้านล่าง บริเวณลานจอดรถก็จะเจอกับร้านขายอาหาร และของฝากมากมาย หรือถ้าเพื่อนๆอยากสัมผัสอากาศเช้าของที่นี่ ก็สามารถพักได้จากบริเวณโฮมสเตย์แถวๆนี้ได้เลยครับ แต่ถ้ามใครไม่สะดวกก็สามารถเข้ามาพักในเมืองเลยได้ไม่ไกลครับ
สามารถขับรถจากภูป่าเปาะ ผ่านส่วนป่าหินคุนหมิง เมืองเลย ซึ่งรอบนี้ผมไม่ได้แวะ ขับผ่านเส้นทางตาม GPS ไม่หลงแน่นอนครับ ประมาณ 70 กิโลเมตร ก็ถึงในตัวเมือง จ.เลยแล้ว
ลงมาถึงเมืองเลยประมาณ 5 โมงเย็น และขับรถกลับไปนอนพักผ่อนกันที่ อำเภอ ภูเรือ เพื่อใช้เวลาพักผ่อนในช่วงวันหยุดอีกวัน นับว่าเป็นการพจญภัย One day trip ที่ดุดันมาก เที่ยวทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ
จังหวัดเลยก็ยังมีที่เที่ยวอีกหลายที่ ที่ยังไปไม่ครบ อย่างเช่น ภูกระดึง ไว้ถ้ามีโอกาสไป ผมจะกลับมาเขียนรีวิว เล่นบันทึกการเดินทาง ให้เพื่อนๆได้อ่านกันในครั้งต่อๆไปนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวไปพักผ่อนเก็บแรงไว้เที่ยวในทริปต่อไปแล้ว
ยังไงก็ฝากติดตาม #เขียดคุง ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของแฟนๆนักอ่านทุกคนด้วยนะครับ
เจอกันรีวิวถัดไป สัปดาห์หน้า แล้วตามมาอ่านกันอีกเยอะๆนะครับ
ขอบคุณและสวัสดีคราบบบบบ .... ><
เซน เท่านั้น
วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 18.35 น.