วันที่สามของทริป ตะลุยเวียดนามใต้ กันแล้ว เรายังอยู่ที่ดาลัทครับ ดาลัทมีที่เที่ยวที่น่าสนใจเยอะแยะเลย เรามาเที่ยวกันต่อเลยครับ


วันนี้เราจะไปเที่ยวน้ำตก Datanla เป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มาก สูงประมาณ 20เมตร แต่สวยงามไม่แพ้น้ำตกใหญ่ๆ น้ำตก Datanla นี้มีอายุกว่า 100ปี เกิดจากภูเขาหินอ่อน และยังเป็นที่รู้จักในชื่อว่า “arroyo de las hadas (Suoi Tien)” ในอดีต น้ำตก Datanla เป็นน้ำตกที่ซ่อนอยู่ในป่า ซึ่งชื่อของน้ำตกแปลว่า น้ำที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้นั่นเอง เป็นที่พักอาศัยของคนกลุ่มน้อยที่ชื่อว่า Datanla เล่ากันว่า บริเวณน้ำตกมีถ้ำลับที่ใช้เป็นที่หลบซ่อน และเก็บเสบียงอาหารในยามสงครามของชนกลุ่มน้อย



การเดินทางลงไปยังตัวน้ำตก Datanla เลือกได้สองวิธี หนึ่งคือเดินลงไปตามทางเดินคอนกรีต ร่มรื่นแต่ไกลใช้ได้อยู่ อยากจะแนะนำวิธีที่สองคือ ซื้อตั๋วนั่ง Roller Coaster ลงไป ความยาวของรางประมาณ 1km โดยความเร็วของ Roller Coaster เฉลี่ยจะอยู่ที่ 10-20 km/h ทางก้อจะคดเคี้ยวไปมา สนุกมากๆ แถมมีคนถ่ายรูปแล้วเอามาขายตอนกลับด้วย (อารมณ์เหมือนรูปติดจานที่เมืองไทย) ราคาก้อแสนถูก รูปละตก 30 บาทได้



น้ำตก Dalanla มีตำนานที่เล่าลือกันมาตั้งแต่สมัยโบราณอยู่ สามตำนาน

ตำนานแรกของน้ำตก Datanla เล่ากันว่า นักรบผู้กล้าหนุ่ม “ลาง” ของเผ่า Lat ผู้กล้าหนุ่มที่ต่อสู้เพื่อนุรักษ์ป่าไม้ ในภูเขาแห่งนี้ ได้ต่อสู้กับสัตว์ป่าดุร้ายเพื่อปกป้องหญิงอันเป็นที่รักของเขาชื่อ “เบียง” ลูกสาวของหัวหน้าเผ่า Chill ที่บังเอิญไปเจอกันตอนที่ไปเก็บผลไม้ป่า สัตว์ที่เขาได้สู้ด้วยนั้นมี งูเห่า 2 ตัว หมาป่า 7 ตัวและสุนักจิ้งจอกอีก 2 ตัว ตามนิทานของชนเผ่าพื้นเมือง การต่อสู้นั้นรุนแรงมาก เสียงฟ้าร้องคำราม ที่ดังสนั่น อีกทั้งลมกระโชกรุนแรง ลางใช้มีดที่ถืออยู่ตัดหัวของงูเห่าพวกนี้และจากนั้นก็หยิบคันธนูและยิงลูกศรไปที่หมาป่าและสุนัขจิ้งจอก การต่อสู้ในครั้งนั้น ทำให้เกิดหลุมมากมาย และหนึ่งในหลุมเหล่านั้น มีชื่อว่า “Death Canyou” ตั้งแต่นั้นมา ดาตันลา ก็ได้เป็นสถานที่สำหรับคู่รักมาเดทกัน และก็เกิดเป็นตำนาน ของภูเขาลางเบียง



ตำนานที่สองของน้ำตก Datanla ดาตันลา เคยถูกเรียกว่า “Da Tam N'nha” โดยคนพื้นเมือง ในสมัยก่อนนางฟ้ามักจะมาอาบน้ำในบริเวณนี้แต่ไม่มีใครทราบว่าน้ำตกในบริเวณนี้ เมื่อมีคนค้นพบ “น้ำตกที่ซ่อนอยู่ใต้ใบไม้” ต่อมาคำว่า “Da Tam N'nha” จึงเพื้ยนไปเป็น “Datanla” และดาตันลาจึงกลายเป็นชื่อที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน



ตำนานที่สามของน้ำตก Datanla ภายใต้การปกคลองของ Poreme ชาวญวน จากเมือง Panduranga หรือเมืองพันราง ได้ทำการรุกรานชนเผ่า Lat และ Chill เพื่อจับพวกเขาไปเป็นทาส ในขณะที่พวกเค้ากำลังจะแพ้ พวกชาวญวนก็ตกลงไปในน้ำตก ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ เพราะมองไม่เห็น จึงทำให้ชนเผ่าพื้นเมืองนับถือสถานที่แห่งนี้มาก



Thiền Viện Trúc Lâm Pagoda หรือวัดตรัคราม เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือทะเลสาบเตวียนลาม (Tuyền Lâm) วัดตรัครามเป็นวัดพุทธในนิกายเซน แบบญี่ปุ่น ที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมเวียดนาม



นอกจากจะเข้าวัดตรัคราม (Thiền Viện Trúc Lâm Pagoda) ด้วยรถจากทางเข้าด้านหน้าแล้ว เรายังสามารถเดินจากทะเลสาบเตวียนลาม (Tuyền Lâm) โดยขึ้นบันได 222 ขั้น ผ่านสามประตู ซึ่งจะมาโผล่ยังลานกว้างหน้าวัดได้อีกด้วย



บรรยากาศในโบสถ์วัดตรัคราม (Thiền Viện Trúc Lâm Pagoda) เรียบๆง่ายๆ มีบาตรใหญ่ๆให้ใส่เงืนทำบุญ โดยจะมีพระคอยสวนมนต์อยู่ข้างๆ



ระฆังใหญ่ในวัดตรัคราม (Thiền Viện Trúc Lâm Pagoda) ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น มองเห็นได้แต่ไกล



ใครมาเที่ยววัด Truc Lam แล้วต้องห้ามพลาดมาขึ้น Cable Car ซึ่งวิ่งระหว่างวัด Truc Lam กับ Robin Hill เป็นระยะทาง 2,300 เมตร ใช้เวลานั่งประมาณ 20นาที โดยมีความสูง 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล สำหรับทริปนี้ เราจะนั่งจากวัดไปยัง Robin Hill กันครับ



นี่เลย บรรยากาศบน Cable Car ซึ่งวิ่งระหว่างวัด Truc Lam กับ Robin Hill ด้านล่างที่เห็นจะเป็นป่าสนสามใบ สีเขียวชะอุ่มสวยสบายตา บรรยากาศดีมากๆ



ดูกันชัดๆว่า ป่าสนสามใบที่ Cable Car วิ่งผ่าน เป็นอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่เอามากๆเลย เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก้อเจอใบเขียวๆของเจ้าสนสามใบเต็มไปหมด



เมื่อละสายตาจากป่าสนสามใบแล้วมองไปยังอีกฝั่ง เรายังเห็นวิวเมืองดาลัทได้ทั่วจากบน Cable Car ซึ่งวิ่งระหว่างวัด Truc Lam กับ Robin Hill เลือกมองเพลินๆได้สองรสชาติเลย ระหว่างวิวป่า กับวิวเมือง



Chua Linh Phuoc หรือ วัดมังกร เป็นวัดที่มาแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากๆ มีอะไรให้ดูเยอะแยะไปหมด ตัววัดประดับประดาไปด้วยกระเบื้องโมเสก รายละเอียดเยอะแยะยุ๊บยั๊บไปหมด สวยสุดๆ เสียอย่างคือมัวร์มาลงค่อนข้างเยอะ ถ่ายรูปได้ยากมากๆ



ด้านในของวัด Chua Linh Phuoc หรือ วัดมังกร ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในสวยยิ่งกว่า มีองค์พระพุทธเจ้าจำลองนั่งอยู่ใต้ต้นสาละ บริเวณรอบๆผนัง ยังคงประดับประดาด้วยกระเบื้องโมเสกสวยงาม ซึ่งเป็นเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน



หอระฆังในวัด Chua Linh Phuoc หรือ วัดมังกร เป็นหอระฆังที่สูงที่สุดในเวียดนาม โดยที่มีควาสูงถึง 37 เมตรเลยทีเดียว มีทั้งหมด 7 ชั้น



ระฆังด้านในของหอระฆังในวัด Chua Linh Phuoc หรือ วัดมังกร เค้าจะมีกระดาษเหมือน Post-it สีเหลืองให้เราเขียนขอพร จากนั้นเค้าก้อจะนำไปติดที่รอบๆระฆังให้เป็นศิริมงคล



ภายในวัด Chua Linh Phuoc หรือ วัดมังกร ยังมีรูปจำลองเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ที่สร้างมาจากดอกไม้ที่หาได้ยากกว่าหมื่นดอก ต้องไปเห็นของจริงแล้วจะรู้สึกว่าอัศจรรย์มากๆเลยที่เค้าสร้างขึ้นมาได้



จากตรงเจ้าแม่กวนอิมจำลอง เราสามารถมองกลับมาเห็นตัวโบสถ์หลักของวัดได้ โดยด้านข้างวัดยังมีมังกรขนาดยักษ์ที่ทำจากกระเบื้องอยู่อีกด้วย



ความอัศจรรย์ของวัด Chua Linh Phuoc หรือ วัดมังกร ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ที่ห้องด้านในยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมจำลองอีกองค์ โดยที่องค์นี้แกะสลักมาจากไม้ท่อนใหญ่ๆท่อนเดียว และภายในตัววิหารยังประดับด้วยกระเบื้องเหมือนเคย แต่ในนี้สีสันสดใสมากๆ สวยงามสุดๆจริงๆ



ทะเลสาบซวนฮวาง (Xuan Huong Lake) ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองดาลัด ในยุคอาณานิคม ที่แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสนามกอล์ฟที่สวยงามมากที่สุดของเวียดนาม แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่พักผ่อน ชมวิถีชีวิตของชาวดาลัดผ่านทะเลสาบ ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองซึ่งมีต้นสนแซมอยู่ทุกบริเวณได้รอบทิศทาง และยังชมพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาริมทะเลสาบได้อีกด้วย



บริเวณทะเลสาบซวนฮวาง (Xuan Huong Lake) ถ้ามองไปรอบๆดี จะเห็นตึกรูปทรงแปลกๆอยู่สองตึก ซึ่งจำลองมาจากดอก Artichoke หรือ อาร์ติโชก ซึ่งที่เวียดนามเค้าเอาดอกมาทำชาที่มีสรรพคุณมากมายต่อร่างกาย โดยตึกเหลืองๆนี้ จำลองมาจากดอกอาร์ติโชกตอนบานแล้วนั่นเอง



ตึกแปลกๆอีกตึกหนึ่งบริเวณทะเลสาบซวนฮวาง (Xuan Huong Lake) จะจำลองมาจากดอก Artichoke ตอนยังตูมอยู่ โดยชา Artichoke นั้นเอาดอกตูมๆนี่แหละมาสกัดเป็นชา ตึกนี้จะดูรูปทรงทันสมัยกว่าอีกตึกหนึ่ง ถัดจากนี้เรานั่งเครื่องบินกลับไปเที่ยววันสุดท้ายที่เมือง Ho Chi Minh City กันต่อ



https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/

https://www.facebook.com/voravuds

ความคิดเห็น