เชียงใหม่ ไปกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ไม่เชื่อต้องลองไป เพราะมีสถานที่ใหม่ๆให้ไปเที่ยวอยู่เสมอ หรือแม้แต่สถานที่เดิมที่ชอบไปซ้ำๆก็ยังให้ความรู้สึกใหม่ๆที่ไม่เหมือนเดิม จนรู้สึกผูกพันกับเชียงใหม่เสมือนบ้านหลังที่สองที่ต้องกลับไปเยี่ยมทุกปี ปีละหลายๆรอบ รอบนี้เป็นอีกหนึ่งครั้งที่พวกเราประทับใจ จึงอยากแบ่งปันสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรม ร้านอาหาร และที่พัก ที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ออกไปตามรอยสัมผัสความประทับใจเหมือนกันกับพวกเรา
1. ฟ้าล้านนา สปา (Fah Lanna Spa)
สถานที่แรกที่อยากแนะนำคือ ฟ้าล้านนา สปา ตั้งอยู่ในซอย 15 ถนนนิมมานเหมินทร์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไลต์ทรอปิคอลผสมล้านนา สวยสะดุดตาจนทำให้พวกเราตัดสินใจลองมาที่นี่
หลังจากเดินผ่านซุ้มประตูสุดเก๋ด้านหน้าเข้ามาแล้วก็จะพบกับ Lobby อยู่ขวามือ
พนักงานกล่าวต้อนรับด้วยภาษาเหนือ และเสิร์ฟน้ำมะตูมเย็นๆ พร้อมกับผ้าเช็ดมืออุ่นๆ
มีเมนูสปาและนวดให้เลือกหลายแพ็คเกจตามความชอบและงบประมาณในกระเป๋า เราเลือกนวดแผนไทย เพราะต้องการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ส่วนตากลมเลือกทำเล็บมือ เพื่อความสวยงาม
หลังจากลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พนักงานจะพาเดินมาที่อาคารหลังใหญ่ ด้านในแบ่งออกเป็นห้องย่อยๆหลายห้อง
จุดทำเล็บมืออยู่บริเวณด้านนอก มีเก้าอี้นุ่มๆแบบเหยียดขายาว นั่งสบายมาก
พนักงานน่ารัก สุภาพ ชวนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
ห้องนวดแผนไทยเป็นแบบส่วนตัว อุณหภูมิเย็นสบายกำลังดี เปิดเพลงบรรเลงเบาๆให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ต้องการหนักหรือเบาแค่ไหนแจ้งพนักงานได้เลย ประเมินความพึงพอใจในการนวดเราให้ 8/10 คะแนน
สำหรับการทำเล็บมือ ตากลมบอกว่าชอบมาก พนักงานละเอียดใส่ใจ ถ้าเล็บไหนทาไม่สวยก็จะลบทาให้ใหม่เลย ยาทาเล็บใช้ของ OPI คุณภาพดี สีสวยติดทนและไม่ทำให้เล็บเสียด้วย
บริการชาร้อนและขนม พร้อมผ้าเช็ดมืออุ่นๆ หลังการใช้บริการ
บรรยากาศภายใน Lobby ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของฝากขาย
โคมไฟบนเพดานของ Lobby เก๋มากๆ
บรรยากาศรอบๆ บริเวณด้านนอก มีสวนเล็กๆ สระน้ำและกังหันน้ำ
ฟ้าล้านนา สปา มีให้บริการทั้งหมด 3 สาขา คือ นิมมาน คูเมือง และไนท์บาซาร์
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 4 ทุ่ม
เบอร์ติดต่อ 053-416191 / 088-8049984
Website : https://fahlanna.com
Tips : แนะนำให้จองล่วงหน้าผ่านแอพเอเจนซี่อย่าง Traveloka หรือ Klook เพราะจะได้ราคาที่ถูกกว่าราคา Walk-in ที่หน้าร้าน แถมอาจจะได้ส่วนลดเพิ่มจากแอพนั้นๆอีกด้วย หลังจากจองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ร้านจะโทรมาคอนเฟิร์มเรื่องเวลาเข้าใช้บริการ และควรไปให้ถึงก่อนล่วงหน้าประมาณ 15-30 นาที
2. The Service 1921 Restaurant & Bar
The Service 1921 ห้องอาหารและบาร์สไตล์หนังสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ภายในโรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ รีสอร์ท ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำปิง
ตัวอาคารภายนอกของห้องอาหารและบาร์เป็นตึกสไตล์โคโลเนียลที่มีอายุ 100 กว่าปี (สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1915) เริ่มใช้เป็นสถานกงสุลอังกฤษประจำเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 และส่งต่อมาจนถึงมือของโรงแรมอนันตรา โดยได้รับการอนุรักษ์และเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ห้องอาหารแบ่งออกเป็นสองชั้น มีให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor พวกเราเลือกที่นั่งแบบ Outdoor ชั้น 2 โซนริมระเบียงหันหน้าไปทางแม่น้ำปิง มาตอนมืดแล้วเลยมองไม่ค่อยเห็นวิวแม่น้ำสักเท่าไหร่
พนักงานยื่นซองเอกสารเป็นกระดาษสีน้ำตาลมาให้คนละซอง บริเวณด้านหน้าของซองประทับตราว่า "Top Secret" เลยรีบแอบเปิดดู ภายในซองคือเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ฟอนต์แบบพิมพ์ดีด ให้ความรู้สึกเหมือนเอกสารราชการลับ
ถึงแม้ว่าบรรยากาศภายนอกจะเป็นแบบตะวันตก แต่เมนูอาหารทั้งหมดเป็นแบบตะวันออก ได้แก่ อาหารจีนเสฉวน อาหารไทย และอาหารเวียดนาม โดยมีออเดิร์ฟเป็นชุดเมี่ยงคำและข้าวพองรสต้มยำ
สำหรับเมนูหลักพวกเราเน้นไปที่อาหารจีนแบบเสฉวน จานแรกคือ ไก่ผัดกังเปา ผัดไก่ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์และพริกแห้ง เมนูขึ้นชื่อตำรับเสฉวน
หมาโผ โต้วฝู เต้าหูและหมูสับ ตุ๋นกับซอลพริกแบบเฉิงตู
ยำเห็ดหูหนูเสฉวนสไตล์ ด้วยน้ำยำรสแซ่บ
และข้าวผัดหยางโจว
ช่วงกลางคืนจะค่อนข้างมืด มีเพียงแสงจากโคมไฟและไฟเพดานหนึ่งดวงส่องลงมาบนโต๊ะ บรรยากาศโรแมนติก เงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมาก
ปิดท้ายด้วยไอศกรีม Sorbet รสตะไคร้ ทานคู่กับคุกกี้
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราจึงเดินไปถ่ายรูปเล่นภายในห้องอาหารแบบ Indoor โซนอื่นๆ ระหว่างนั้นมีพนักงานเดินเข้ามาหาและขออาสาเป็นไกด์พาเดินชมบรรยากาศรอบๆ พร้อมกับเล่าประวัติที่น่าสนใจให้ฟัง
ห้องแรกคือ Kingsman ออกแบบในธีมหน่วยสืบราชการลับของรัฐบาลอังกฤษ ตกแต่งฝาผนังห้องด้วยตู้กระจกใส จัดแสดงเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของนักสืบ โต๊ะอาหารดูเรียบหรู บรรยากาศด้านในค่อนข้างมืดให้ความรู้สึกลึกลับ
ห้องถัดมาเป็นห้องเล็กๆ ติดกับห้อง Kingsman มีแค่ 1 โต๊ะ ในธีมห้องสืบสวนสอบสวน ผนังห้องตกแต่งด้วยโซ่ตรวน
ห้องถัดมาคือ Library ออกแบบเป็นธีมห้องสมุดที่มีโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง ฝาผนังของห้องตกแต่งเป็นชั้นวางหนังสือสูงถึงเพดาน เหมาะสำหรับมาจัดเลี้ยงเป็นหมู่คณะ
ห้องถัดมาคือห้อง Secret อยู่ติดกับห้อง Library ถ้าไม่มีพนักงานพามาไม่มีทางรู้เลยว่ามีห้องนี้อยู่ด้วย เพราะประตูทางเข้าถูกซ่อนอยู่ในชั้นวางหนังสือของห้อง Library เป็นห้องลับเหมือนในหนังสายลับเลย
ด้านในออกแบบในธีมห้องประชุมลับ ผนังห้องตกแต่งด้วยแผนที่การทำสัมปทานไม้สักของอังกฤษในประเทศไทยและพม่าในอดีต ห้องนี้เหมาะสำหรับหมู่คณะที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ
บริเวณชั้นล่างเป็นห้องสำหรับเก็บไวน์หลากหลายยี่ห้อ และมีบาร์เครื่องดื่มอยู่บริเวณด้านใน ถึงจะดูลึกลับแต่ก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปใช้บริการได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าพักที่โรงแรม
The Service 1921 Restaurant & Bar เปิดให้บริการทุกวัน ดังนี้
- อาหารกลางวัน : 12.00 น. – 14.30 น.
- อาฟเตอร์นูนที : 14.00 น. – 18.00 น.
- อาหารค่ำ : 17.30 น. – 22.00 น.
- ของทานเล่นและเครื่องดื่ม : 12.00 น. - 00.30 น.
เบอร์ติดต่อ 053-253333
ตรวจสอบเมนูและราคาอาหารล่วงหน้าได้ที่ : www.service1921.com
Tips : แนะนำให้โทรสำรองที่นั่งล่วงหน้า และหากอยากเยี่ยมชมห้องลับสามารถแจ้งพนักงานให้พาไปได้ ถ้าไม่มีผู้ใช้บริการอยู่ด้านใน
3. Chom Cafe and Restaurant
ร้านชม คาแฟ่ แอนด์ เรสเตอรอง โดดเด่นด้วยการตกแต่งสวนในธีมป่าหิมพานต์ กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการมาถ่ายรูปกับบรรยากาศอันเขียวขจีท่ามกลางสายหมอก
ภายในห้องอาหารตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ คุมโทนสีน้ำตาล ผนังเป็นกระจกบานใหญ่ มองทะลุออกไปเห็นสวนด้านนอก
มีเมนูอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ ให้เลือกหลายอย่าง
สำหรับมื้อนี้พวกเราสั่งต้มยำกุ้งน้ำข้น ข้าวผัดสับปะรด และหมูกรอบผัดพริกเกลือ อาหารรสชาติอร่อย โดยเฉพาะต้มยำกุ้งน้ำข้นที่เข้มข้นสมชื่อ แต่หมูกรอบเหนียวและแข็งไปหน่อยเคี้ยวไม่ค่อยออก
ปิดท้ายด้วยสตรอเบอร์รี่ พิตาชิโอ อองเทรเม่นต์ และชานมไข่มุก สูตรร้านชม
ทานเสร็จจึงออกมาเดินถ่ายรูปเล่นภายในสวน มีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก จัดสวนด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา บริเวณโคนต้นไม้ประดับด้วยมอสและเฟิร์นนานาชนิดสีเขียวสดใสสบายตา มีทางเดินเล็กๆลัดเลาะไปตามสวน
จุดเด่นคือการปล่อยละอองไอน้ำออกมาจากท่อที่ติดอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ ช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับป่าหิมพานต์ที่มีหมอกลอยอบอวลอยู่ตลอดเวลา ดูน่าค้นหา
มีน้ำตกเล็กๆอยู่ด้านใน ไหลเป็นลำธารผ่านตรงกลางของสวน บรรยากาศดีมากๆ
ร้านชม คาแฟ่ แอนด์ เรสเตอรอง เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 11.00 น. - 23.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 053-271749
Facebook : Chom Cafe and Restaurant
Tips : แนะนำให้โทรจองโต๊ะล่วงหน้า หากโต๊ะเต็มต้อง Walk-in เข้ามารอคิวเท่านั้น
4. BrandNew Field Good
ร้านอาหารและคาเฟ่กลางทุ่งนาอันเขียวขจี ที่มีจุดเด่นเป็นสะพานไม้ไผ่ทอดยาวพาดผ่านเหนือนาข้าวไปยังตัวร้าน มีชื่อเรียกว่า "สะพานฮอมฮัก"
ระหว่างทางเดินบนสะพานจะมีศาลาให้แวะพักหลบแดด มีโมบายดินเผาให้เขียนข้อความที่ต้องการลงไปและแขวนเอาไว้ภายในศาลา โดยบริจาคเงินใส่ตู้เพื่อเป็นกองทุนดูแลรักษาสะพาน
ตลอดเส้นทางบนสะพานจะมีจุดให้แวะถ่ายรูปอยู่หลายจุด แต่อย่าไปนั่งบริเวณขอบของสะพานนะ เพราะไม่ค่อยแข็งแรง และควรเดินด้วยความระมัดระวัง
ภายในร้านมีพื้นที่ให้เลือกนั่งหลายจุด ทั้งในตัวอาคาร ระเบียงชั้นสอง และริมทุ่งนา
มีอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกหลายเมนู พวกเราสั่งโกโก้เย็น (85 บาท) และอัญชันมะนาวโซดาสีสันสดใส (75 บาท)
สำหรับอาหารพวกเราเลือกเซ็ท "ปิ่นโตบ้านนา" สำหรับ 1-2 คน มีอาหาร 6 อย่าง คือ ข้าวเหนียว ไส้อั่ว หมูยอ แคปหมู แกงฮังเล และน้ำพริกหนุ่ม + เครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว (เซ็ทละ 250 บาท) เลือกเมนูนี้เพราะความน่ารักของภาชนะที่ใส่อาหารด้วยปิ่นโตนี่แหละ เข้ากับบรรยากาศทุ่งนามากๆ
บรรยากาศโดยรวมดีมากๆ เหมาะแก่การมาถ่ายรูป นั่งชิล และเล่นกับแมว
เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) จ.- ศ. เปิด 9.00 น. - 18.00 น. / ส. - อา. เปิด 9.00 น. - 19.30 น.
เบอร์ติดต่อ : 097-9788456
Facebook : Brandnew Field Good
Tips : BrandNew Field Good ตั้งอยู่ อ.หางดง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 20 กิโลเมตร หากค้นหาเส้นทางจาก Google แนะนำให้เลือกปลายทางเป็น "วัดบ้านปง" เพราะถนนดีกว่า มีลานจอดรถบริเวณหน้าวัด และเป็นต้นทางของสะพานฮอมฮัก
5. วัดอรัญญาวาส
วัดอรัญญวาส เดิมชื่อว่า วัดบ้านปง เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2386 โดยท่านครูบาจินนาและพุทธศาสนิกชนชาวบ้านปง ตั้งอยู่ใกล้กับ BrandNew Field Good โดดเด่นด้วยซุ้มประตูทางเข้าวัดศิลปะแบบล้านนาที่งดงาม
ภายในพระอุโบสถเป็นสถานที่ประดิษฐาน องค์หลวงพ่อสุข สิ่งศักดิ์สิทธ์ประจำหมู่บ้านปง
#ทาสหมาแมวที่ไม่มีหมาแมวเป็นของตัวเอง เลยต้องอาศัยเล่นกับหมาแมวที่พบเจอระหว่างทาง
บริเวณด้านขวาของพระอุโบสถ คือ วิหารศิลปะล้านนา ด้านในประดิษฐานองค์หลวงพ่อทันใจ รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี หลวงปู่ทวด และครูบา
นอกจากนี้หากพอมีเวลาแนะนำให้ขับรถขึ้นไปบนภูเขาที่อยู่ด้านหลังของวัด เพื่อขึ้นไปสักการะองค์พระธาตุศรีเมืองปง ภายในโลหะปราสาทพระธาตุศรีเมืองปง โลหะปราสาททรงล้านนาหลังแรกของโลก
6. สวนกุหลาบหลวง โครงการหลวงห้วยผักไผ่ (ศูนย์ฯทุ่งเริง)
สวนกุหลาบหลวงโครงการหลวงห้วยผักไผ่ เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งใหม่ ที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวให้สัมผัสกับความงดงามของกุหลาบหลากสีสัน นานาพันธุ์ กว่า 200 ชนิด ตกแต่งสวนอย่างสวยงามสไตล์อังกฤษ ที่มา : https://thailandtourismdirectory.go.th
มีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ โดยใช้วัตถุดิบสดๆจากโครงการหลวง โซนที่นั่งตั้งอยู่ด้านข้างของสวนกุหลาบ บรรยากาศร่มรื่น ทานไปชมดอกไม้ไปเพลิดเพลินดี
เมนูเครื่องดื่มที่แนะนำคือ น้ำกุหลาบใส่เครื่องต้มยำ รสชาติแปลกดี ดื่มแล้วชื่นใจ
ติดกับร้านอาหารเป็นร้านขายของฝากจากโครงการหลวง เป็นสินค้าพื้นเมือง อาทิ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ใบชาอบแห้ง และอะโวคาโดสด
ที่นี่เปิดให้เยี่ยมชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 18.00 น.
เบอร์ติดต่อ : 099-1351118
Facebook : สวนกุหลาบหลวง ห้วยผักไผ่
Tips : ดอกกุหลาบจะออกดอกสวยงามที่สุดช่วงเดือน ธันวาคม-มกราคม ของทุกปี (ฤดูหนาว)
7. เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี
เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี เป็นสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รู้สึกตื่นเต้นเหมือนได้มาทัศนศึกษาในสวนสัตว์เป็นครั้งแรก เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ
มีกิจกรรมให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เดินชมสัตว์ นั่งรถชมสัตว์ และการแสดงโชว์ต่างๆ สามารถตรวจสอบตารางกิจกรรมได้ที่ : chiangmainightsafari
กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ที่สุดก็คือ การนั่งรถชมสัตว์ช่วงกลางคืน มีทั้งหมด 2 โซน คือ โซนซาวันนาซาฟารี และโซนเพรดดิเตอร์พราวน์ ซึ่งแบ่งตามชนิดของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแต่ละโซน ใช้เวลาเที่ยวชมโซนละประมาณ 30 นาที มีผู้บรรยายให้เลือก 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และจีน
โซนซาวันนาซาฟารี เป็นส่วนของสัตว์ในทุ่งหญ้าซาวันนาและสัตว์ผู้ถูกล่า เป็นสัตว์ที่ไม่มีอันตราย ปล่อยให้เดินไปมาใช้ชีวิตอย่างอิสระ เราจึงสามารถป้อนอาหารและสัมผัสสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด แต่ห้ามป้อนอาหารม้าลายเพราะฟันคม
ส่วนโซนเพรดดิเตอร์พราวน์เป็นเหล่าสัตว์นักล่า เช่น เสือ ไฮยีน่า และสุนัขจิ้งจอก อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกแบ่งเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยรั้วกั้นที่ปลอดภัย สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล
ความพิเศษของการนั่งรถชมสัตว์ตอนกลางคืนก็คือ ความรู้สึกตื่นเต้นเวลานั่งอยู่บนรถ รถจะขับไปบนถนนมืดๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ อากาศเย็นสบาย เมื่อถึงจุดที่มีสัตว์อยู่จึงค่อยๆเปิดไฟส่องหา ลุ้นทุกรอบว่าจะเจอไหม ส่วนใหญ่จะพบเจอได้ง่าย สนุกกว่าการเดินหรือนั่งรถชมสัตว์เวลากลางวัน
นั่งรถชมสัตว์เสร็จสามารถออกมาดูโชว์ต่อได้เลย
เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 น. - 22.00 น.
เบอร์ติดต่อ 053-999000
ตรวจสอบราคาบัตรเข้าชมได้ที่ : chiangmainightsafari.com
ที่พัก ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค (Ratchapruek Lanna Boutique)
ทริปนี้พวกเรามาพักกันที่โรงแรม ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค โรงแรมเล็กๆตกแต่งสไตล์โคโลเนียล คอนเทมโพลารี่ ผสมผสานความเป็นล้านนา ดูเรียบหรู อบอุ่น และเงียบสงบ ถูกรายล้อมด้วยธรรมชาติสุดแสนร่มรื่น
มีห้องพักให้เลือก 3 แบบ คือ ห้องดีลักซ์ ห้องจูเนียร์ สูท และห้องเอ็กเซคูทีฟ
ห้องที่พวกเราพักเป็นห้องดีลักซ์ มีให้เลือกทั้งแบบเตียงคู่และเตียงเดี่ยว ตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ห้องกว้างโล่งโปร่งสบาย
เตียงนอนตั้งอยู่บริเวญกลางห้อง เป็นเตียงแบบ Canopy Bed หรือเตียงสไตล์เจ้าหญิงที่มีเสาตั้งอยู่ตามมุมเตียงและประดับด้วยผ่าม่านสีขาว เตียงนอน หมอน และผ้าห่มนุ่มมาก
ระเบียงด้านนอกมีเก้าอี้ให้นั่งเล่นรับลมชมวิวยอดไม้และสวนด้านล่าง
มีโต๊ะทำงานอยู่บริเวณหัวเตียง สามารถเปิดฝาโต๊ะขึ้นมาเป็นกระจกบานใหญ่เอาไว้ให้สาวๆแต่งหน้าได้
มีเมนูอาหารเช้าให้เลือกล่วงหน้า ประมาณ 20 เมนู
มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ดังนี้ เครื่องปรับอากาศ โทรศัพท์ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี อินเตอร์เน็ตไร้สาย หม้อต้มน้ำ ตู้เย็น มินิบาร์ ตู้เซฟ ผ้าคลุม สลิปเปอร์ และไดร์เป่าผม
น้ำห้องอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้อง แบ่งพื้นที่โซนแห้งและเปียกด้วยกระจกใสกั้นเอาไว้
ฝักบัวเป็นแบบ Rain Shower น้ำไหลแรง อุญหภูมิของน้ำอุ่นค่อนข้างคงที่
มีอ่างอาบน้ำขนาดสำหรับหนึ่งคน พร้อมฝักบัว และน้ำอุ่น
มีสายฉีดชำระ
มีอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้บริการ
ห้องอาหารเชียงคำ เป็นห้องอาหารของโรงแรมที่เปิดให้บริการทุกวัน อาหารเช้าเวลา 06.30 - 10.00 น. อาหารกลางวันและอาหารเย็น 10.30 - 21.00
เมนูอาหารกลางวันและเย็น ให้บริการทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก (บุคคลภายนอกสามารถเข้ามารับประทานได้)
อาหารเช้าเสิร์ฟแบบอเมริกันบุฟเฟ่ต์ หรือ เมนูไข่ตามสั่ง อาหารไทย และอาหารตะวันตก ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกผู้เข้าพัก
บรรยากาศบริเวณทางเข้าและล๊อบบี้ของโรงแรม
บรรยากาศภายในสวนของโรงแรม เป็นสนามหญ้า แปลงดอกไม้ และต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ร่มรื่นมากๆ
อาคารห้องพัก มีทั้งหมด 3 ชั้น ไม่มีลิฟต์ แต่มีเจ้าหน้าที่ช่วยยกกระเป๋าให้
มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจี สามารถสั่งเครื่องดื่มมาจิบริมสระได้
สรุปจุดเด่นของโรงแรม คือ เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว ห้องสวย หลับสบาย บรรยากาศร่มรื่น และทำเลที่ตั้งดี (อยู่ใกล้กับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Brandnew Field Goods วัดอรัญญวาส สวนกุหลาบหลวงโครงการหลวงห้วยผักไผ่ และร้านชม คาแฟ่ แอนด์ เรสเตอรองห่างจากสนามบินเชียงใหม่ 8 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียงแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น)
ข้อมูลการติดต่อ ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค
เบอร์ติดต่อ : 053-114006, 094-7063335
Line Id : 0947063335
Website : ratchaprueklanna.com
Facebook : Ratchaprueklanna
Tips : อัพเดตโปรโมชั่น รับส่วนลด จองห้องพักก่อนใครได้ที่ : Promotion
การเดินทาง เช่ารถขับเองกับ AVIS Rent a Car
การเดินทางตลอดทั้งทริปนี้ พวกเราใช้บริการรถเช่าของ AVIS Rent a Car เจ้าเก่าเจ้าประจำที่พวกเราใช้บริการทุกครั้งเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ ไม่ต้องขับรถจากกรุงเทพฯไปให้เหนื่อย นั่งเครื่องบินไปแล้วรับรถและส่งคืนที่สนามบินได้เลยสะดวกมากๆ ราคาไม่แพง จองง่าย และไม่ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า (จองก่อนจ่ายทีหลัง) ถ้าเปลี่ยนแผนก็สามารถโทรไปเปลี่ยนแปลงเวลาหรือยกเลิกได้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เหตุผลสำคัญที่พวกเราตัดสินใจใช้บริการเป็นประจำก็คือ ความมั่นใจในคุณภาพรถ เพราะตั้งแต่ใช้บริการมาเกือบจะสิบครั้งแล้ว ยังไม่เคยมีปัญหาเรื่องรถเลยสักครั้งเดียว ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับรถคุณภาพพร้อมใช้งานและไม่เกิดปัญหาระหว่างทาง
ข้อมูลการติดต่อจองรถ AVIS Rent a Car
Website : www.avisthailand.com >> จองรถออนไลน์
Call Center : 02-2511131-2 >> จองรถกับเจ้าหน้าที่
Facebook : AVIS Thailand
ราคาเริ่มต้นเพียง 679 บาท/วัน (จ่ายทันที) หรือ 749 บาท/วัน (จ่ายทีหลัง) สำหรับรถ Toyota Yaris 1.2 Auto or Similar (Group O) ลูกค้าเก่าลดเพิ่ม 100 บาท
เอกสารประกอบการรับรถ : ใบอนุญาตขับขี่ (ตัวจริง), บัตรประชาชน (ตัวจริง) และบัตรเคดิต
เคาร์เตอร์บริการที่สนามบินเชียงใหม่จะอยู่ติดกับที่รับกระเป๋าเดินทาง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ
และทั้งหมดนี้ก็คือ เชียงใหม่ไดอารี่ ไปกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ กับสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรม ร้านอาหาร ที่พัก และวิธีการเดินทางที่พวกเราอยากแบ่งปันให้ทุกคนได้ออกไปตามรอยสัมผัสความประทับใจเหมือนกันกับพวกเรา
สรุปรายละเอียดการเดินทาง 3 วัน 2 คืน ดังนี้
DAY 1
1. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ด้วยสายการบิน Air Asia
2. แวะทานอาหารกลางวัน ร้านชม คาแฟ่ แอนด์ เรสเตอรอง
3. เช็คอินเข้าที่พัก ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค
4. พักผ่อนตามอัธยาศัย
5. นั่งรถชมสัตว์กลางคืน เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี
DAY 2
1. มื้อเช้า ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค
2. พักผ่อนตามอัธยาศัย
3. ผ่อนคลายที่ ฟ้าล้านนา สปา (Fah Lanna Spa)
4. มื้อเย็น The Service 1921 Restaurant & Bar
DAY 3
1. พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มที่ ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค
2. แวะทานอาหารและเครื่องดื่มที่ BrandNew Field Good
3. แวะไหว้พระ วัดอรัญญาวาส
4. เที่ยวชม สวนกุหลาบหลวง โครงการหลวงห้วยผักไผ่ (ศูนย์ฯทุ่งเริง)
5. เดินทางกลับด้วยสายการบิน Air Asia
*คอนเซ็ปของทริปนี้ คือ กินอิ่ม นอนหลับ ตื่นสาย ใช้ชีวิตเลียนแบบสล๊อต
**ช่วงเวลาเดินทาง 29 - 31 สิงหาคม 2562
รายละเอียดค่าใช้จ่าย ดังนี้
1. ค่าตั๋วเครื่องบินสายการบิน Air Asia ไป-กลับ ราคา 3,000 บาท/คน (ราคาโปรโมชั่น)
2. ค่าเช่ารถ Avis Rent A Car : Toyota Yaris 1.2 Auto or Similar (Group O) วันละ 749 บาท/วัน 3 วัน 2,247 บาท (คืนช้าฟรี 4 ชม.) ลูกค้าเก่าสามารถลดเพิ่มได้ 100 บาท/ครั้ง เหลือ 2,147 บาท ค่าน้ำมัน 400 บาท
3. ค่าที่พัก ราชพฤกษ์ ลานนา บูทีค ห้อง Deluxe จำนวน 2 คืน 1,800 บาท (ราคาโปรโมชั่น) สามารถเช็คราคาโปรโมชั่นล่าสุดได้ที่ : Promotion
4. ค่าอาหารและอื่นๆ : ตามอัธยาศัย
รวมค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน ทั้งหมด 12,147 บาท ตกคนละประมาณ 6,073 บาท
คิ้วหนา & ตากลม
LOVE IS A JOURNEY | เพราะความรัก คือ การเดินทาง…
ติดตามการเดินทางของพวกเราเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/LoveIsAJourneyThailand
LOVE & LIFE IS A JOURNEY
วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.15 น.