หลังจากที่เอาแต่วิ่งเทรลก็ไม่ค่อยมีโปรแกรมท่องเที่ยวเลย จนกระทั่งพวกเราจองทริปที่รอคอยได้ หลังจากรอมานานนั้นคือ " โมโกจู " พอรู้ว่ากลุ่มเราได้พวกเรานี้รีบหาของ เตรียมรถเพื่อเดินทาง จนกระทั่งวันเดินทาง ออกเดินทาง 3 ทุ่มวันที่ 27-12-2019 ไปถึง อช.แม่วงก์ เวลา 03.00 น. โดยประมาณ ก็ต้องนอนในรถรอเพื่อที่จะเข้าไปเพื่อลงทะเบียน ฟังอบรม เราไปเริ่มเข้าสู่การเดินป่าระยะไกลไปพร้อมๆกันเลยละกัน
วันที่ 1
การเดินทางระยะ 16 กิโลเมตร โดยรถไถ่ของชาวบ้าน โดยมีพี่เจ้าหน้าที่ อช. 2 ท่าน มีพี่เอนก และ พี่สร้อย คอยดูแลเราตลอดการเดินทาง 4 วัน 3 คืน เราใช้เวลาในการนั่งรถไปประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะถึงแคมป์แม่กระสา สาเหตุที่เราต้องนั่งรถมาเพราะสภาพอากาศร้อนมาก น้ำน้อยจึงต้องลดระยะการเดินทางลงตลอดเส้นทางจะเห็นมีการเดินผ่านของพวกช้างซึ่งทางที่เราผ่านนั้นคือทางที่สัตว์ใช้หากินทุกวัน จึงต้องระวังกันตลอดเวลา ไม่นานเราก็ถึงแคมป์แม่กระสา
ไม่นานเราก็ถึงแคมป์แม่กระสา ไม่รอช้ารีบแบกเป้เพื่อที่จะรีบไปถึงแคมป์แม่เรวาในระยะทางที่เดิน 4 กิโลเมตร
เส้นทางเป็นป่าไผ่ทั้งหมด บอกได้คำเดียวเลยว่าร้อนมาก มีข้ามน้ำเป็นบางช่วง
เส้นทาง 4 กิโล นี้เอาจริงๆมีโอกาสหลงได้เหมือนกันเพราะใบไผ่ปิดแทบจะไม่เห็นทาง ถ้าหลุดจากหัวแถวต้องรอชุดหลังเลย เดินมาเรื่อยๆเราก็ถึงแคมป์ที่จะพักในคืนนี้ " แคมป์แม่เรวา " ทุกคนต่างหาที่พักสำหรับคืนนี้ บางคนก็ไปน้ำตกเเม่รีวาซึ่งระยะไป 3 กิโล ส่วนตัวเราไม่ไปอาบน้ำให้สบายใจท่าจะดีกว่า เลยขอยืมรูปพี่ๆในกลุ่มมาลงให้ชมกัน
พี่โอ๋กับพี่จินแอบมานั่งถ่าย MV กันตรงนี้ด้วยอะ กลับมาในส่วนที่แคมป์พวกเรากับพี่สร้อย พี่เอนก ลงมือทำอาหารกันส่วนเจ้าแม่พร็อบของเราก็จัดสถานที่ปาร์ตี้เพื่อจับฉลากในคืนนั้น
พี่สร้อยกับพี่เอนก ผู้ดูแลเราตลอดทริป
น้องเจน ขาแรงของคณะ
ซุ้มของเราในคืนแรก หลังจากกินข้าวกันเรียบร้อย เราก็มาแนะนำตัว จับฉลากกันไม่นานแยกย้ายกันนอน
วันที่ 2
วันนี้เราต้องออกกันแต่เช้าเพื่อที่จะไม่โดนปิ้งย่างกลางป่าไผ่ล้ม แพคข้าวของเพื่อที่จะแบกขึ้นไปบน " แคมป์ตีนดอย " ระยะทางที่จะเดินวันนี้ 9 กิโล แต่แฝงไปด้วยความชันเห้ๆ + กับความร้อน ไม่อยากบบรยายมากสำหรับเส้นทางเดินวันนี้มันหนักหนาสาหัสมาก ประมาณเหมือนวิ่งหา CP ลึกลับในป่า เมื่อไหร่จะเจอ เมื่อไหร่จะถึง รูปตรงป่าไผ่ล้มไม่ค่อยมีเพราะไม่มีอารมณ์ถ่ายมันร้อนจริงๆ ไม่นานเรามาถึงจุดให้น้ำที่ 1 ชื่อว่า คลองหนึ่ง จุดนี้น้ำเย็นสดชื่นมากเราจึงพักกินข้าวกันตรงนี้
จากตรงนี้เรามาได้ ประมาณ 7 กิโล อีก 2 กิโล เราจะถึงแคมป์ตีนดอย เราจึงรีบเดินกันต่อเพื่อที่จะรีบขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตก แต่ระหว่างนั้นคือไฮไลท์ของเส้นทางนี้เลยเชือกที่ทุกกลุ่มต้องเจอ
พี่ทิพย์ ขาขึ้นสบายๆ
พี่อั้มหนุ่มประจวบ ผู้ที่จะมาพิชิตยอดโมโกจู
หลังจากขึ้นมาได้แล้วสภาพพี่เค้าก็เป็นแบบนี้ เดินไปสักพักเราก็มาถึงคลองสอง จุดเติมน้ำสุดท้าย ความจริงใกล้เข้ามาทุกที ระหว่างทางขึ้นไปแคมป์ตีนดอยมันจะชันไปไหนเราก็ไม่เข้าใจ แต่เอะใจต้องเจ้าหน้าที่บอกว่าอีก 500 เมตร ต้องดันขึ้นไป!!! เนี่ยแหละพอมาเห็นถึงบางอ้อเลย
พยายามถ่ายให้เห็นว่ามันชันจริงๆ แล้วเหตุการณ์นี้ก็มีถึง สิงต้นไม้ (( พวกเรารักษ์ต้นไม้มาก ))
พี่บอย เอาหมอนไหมครับ อิอิ เดินไปบ่นไปเราก็มาถึงแคมป์ตีนดอย ซึ่งมี เจน พี่โอ๋ พี่จิน มาถึงกันก่อนหน้านี้ก่อกองไฟกางเต็นท์กันเรียบร้อย พักเหนื่อยกันสักพักเราก็ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกกันซึ่งกลุ่มที่มาก่อนหน้านี้บอกท้องฟ้าไม่เปิดเค้าจึงลงมากันก่อน แต่พอเราขึ้นไปหึๆๆ มันคนละเรื่องนะ
ระหว่างทางคือดีมาก ไม่เสียใจที่ได้มา
และนี้คือเจ้าหินที่ทุกคนต้องขึ้นมาจับมัน หินเรือใบในตำนานแห่งโมโกจู
ธงมามันคือทางของเรา ถ้าไม่ชูธงจะไม่ใช่เรา 555+
พี่อิ๋วหมอส่องกล้อง พี่ใหญ่ในกลุ่มของเรา
งานผ้า งานกระโดดก็มา
พี่หมอตาล กับแสงยามเย็น
พี่โบว์หัวหน้ากลุ่มเราเอง
มีการโปรโมทขนมของบริษัทตัวเองอีกนะ งานนี้ต้องมีผู้สนับสนุนละแหละ
พี่อั้มของเรา ไม่เสียแรงที่ขึ้นมา ชูเสื้อสะหน่อย
ปิดท้ายด้วยรูปคู่ของวันที่ 2
วันที่ 3
หลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จทุกคนเข้านอนแล้ว ได้มีเจ้าถิ่นมาเยี่ยมเยือนเรา อิเห็น มาหาของกินแถวๆแคมป์เรา นานๆทีจะได้เจออะไรแบบนี้ถือว่าดีเหมือนกัน เช้าวันที่ 3 อากาศหนาวเย็น ลมแรง ดุจากสภาพท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ ข้างบนฟ้าน่าจะปิดแต่ก็มาแล้วนิต้องขึ้นไปเผื่อโชคเข้าข้างบ้าง
เบื้องหลังก็จะประมาณนี้แหละครับ
ก่อนที่เราจะออกเดินทางกันวันนี้มีพี่เพลงที่ขึ้นไปช่วงฟ้าเปิดเลยขอยืมรูปเค้ามา
ระหว่างทางลงแสงส่องรอดผ่านต้นไม้พร้อมกับหมอก
วันนี้เราเดินไปแคมป์แม่กระสาระยะทางประมาณ 13 กิโล ขากลับไม่เท่าไหร่เพราะลงอย่างเดียวจึงทำเวลาได้ดีหลังจากเราเริ่มออกเดินทางกันมาพักนึงเราก็มาถึงคลอง 1 แวะเติมน้ำล้างหน้ากัน ตอนนี้เกาะกลุ่มกันได้ 3 คนมีพี่เพลง พี่หมอตาล เดินๆหยุดๆ ถ่ายรูปบ้าง
พี่เพลง
พี่หมอตาล
ซึ่งหลังจากออกคลอง 1 มาอากาศก็เริ่มร้อนเริ่มเข้าเส้นทางป่าไผ่ไม่นานเราก็มาถึงแคมป์แม่เรวา ซึ่งมีชาวคณะในกลุ่มเรามาถึงก่อนได้พัก บางคนก็หลับกันสบายๆเลย
พี่บอยผู้ที่หลับได้ทุกที่
หลังจากที่ทุกคนพักผ่อนเราจึงกินข้าวเที่ยงที่นี้พร้อมกับมาม่าต้มของพี่เพลง ช่างเป็นอะไรที่ดีมากหลังจากเราเองขาดโซเดียมมานาน จัดวางด้วยปลาทอด 3 ชิ้น ทีเด็ดเลยแหละ
หลังจากพักกันพอสมควรชุดแรกของพวกเราก็ออกเดินทางต่ออีก 4 กิโล รวมทั่งพี่หมอตาล หลงเหลือแค่เรากะพี่เพลงเลยถ่ายรูปกันพักใหญ่แล้วค่อยออกเดินทางต่อไม่นานเราก็เดินถึงแคมป์แม่กระสา ระหว่างทางเดินก็แอบหวั่นๆเหมือนกันเพราะมาแค่ 2 คนกับเวลานั้น 5 โมงเย็นแล้ว กลัวเจอพวกสัตว์แต่ก็ดีที่ไม่เจอเพราะถ้าเจอก็ทำไรไม่ถูกเหมือนกัน ถึงที่พักก็จัดของช่วงทำกับข้าว แต่ตอนนี้มีชุดหลังที่ยังมาไม่ถึง มีพี่โบ พี่ทิพย์ พี่แป้ง พี่อั้ม พี่เอนกกับพี่สร้อย เจ้าหน้าที่ พี่เจ้าหน้าที่ที่อยู่แคมป์จึงออกไปตามพร้อมกับพี่โอ๋เพราะกลัวเป็นอันตรายไม่นานก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น ซึ่งทุกคนกลับมาถึงอย่างปลอดภัย ซึ่งระหว่างทางพี่ๆได้เล่าว่ามีรอยเท้าเสือ ขี้เสือที่ยังใหม่ๆอยู่เลย ซึ่งทุกคนปลอยภัยพวกเราก็ดีใจแล้วจึงให้พี่ๆเค้าจัดที่นอนแล้วกินข้าวกันแต่คืนนี้แคมป์เราอลังการมากมาชมกัน
กระเป๋าแน่นๆไม่ใช่อะไรนะพร็อบทั้งนั้น หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันแล้วค่อยเข้านอน
วันที่ 4
เช้าที่สดใสนอนเต็มตื่นไม่ต้องรีบร้อนพร้อมกับทำอาหารเช้า
มีแพนเค็กด้วยนะเออ อร่อยด้วย หลังจากกินข้าวเสร็จเก็บสัมภาระกันเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทางไปกับรถไถ่คู่ใจคันเดิม
จากนั้นเดินทางกลับเส้นทางเดิมระยะทาง 16 กิโล ก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา
ก่อนพวกเราจะแยกย้ายกันกลับก็ขอเก็บภาพไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งนึงเราได้พิชิตมาแล้ว
ทั้งนี้ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมาตลอดทริป
ขอบคุณรูปสวยๆจากพี่ๆทุกคนด้วยครับ ไว้ทริปหน้าเราพบกันใหม่
" สวัสดีปีใหม่ 2563 ขอให้ทุกๆคนมีความสุข สมหวังในทุกๆเรื่อง "
หนุ่มพเนจร
วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 13.04 น.