► ... เชื่อผมสิ ... ◄
คงมีเพียงไม่กี่แห่งบนโลกใบนี้…ที่จะทำให้เราล่องลอยเหมือนอยู่ในสวรรค์
หนึ่งในเมืองไร้มลพิษใต้เงาของยอดเขา Matterhorn
กับเมืองในฝันอย่าง
❝ Zermatt ประเทศ Switzerland ❞
.....
เปิดเรื่องด้วยภาพสีสันยามค่ำคืนของเมือง Zermatt
เชื่อว่าที่นี่คือ ❝ Dream Destination ❞ อันดับต้นๆของใครหลายคน
ที่สักครั้งในชีวิตคงต้องหาโอกาสมาเยือนให้ได้
.....
❝ หนึ่งในนั้นก็คงเป็นตัวผมด้วยเช่นกัน อิอิ!! ❞
อ่านรีวิวและเห็นรูปมาก็เยอะ
ว่ากันง่ายๆ
❝ ถ้าใครอยากจะเห็น Matterhorn คงต้องมา Zermatt เท่านั้นเลยครับ ❞
ที่สำคัญยังคงต้องลุ้นพอๆกับการซื้อหวย 55
เพราะภูเขาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความขี้อาย ส่วนมากมักไม่ค่อยโชว์ตัวให้ได้เห็นกันเท่าไหร่
.....
ไม่รอช้า เราไปเริ่มต้นการเดินทางกันครับ
ตื่นแต่เช้าออกจากที่พัก เดินทางด้วยรถไฟกันแบบยาวๆจากเมืองวินเทอร์ทัวร์ (Winterthur)
ไปยัง กรุงเบิร์น (Bern) - เมืองทูน (Thun) - เมืองสเปียซ (Spiez) - เมืองฟิสป์ (Visp)
❝ และเมืองฟิสป์ (Visp) แห่งนี้ละครับ ❞
❝ มันคือจุดเริ่มต้นของทริปการเดินทางในฝันของผมครั้งนี้ ❞
❝ เมืองฟิสป์ (Visp) เป็นสถานีชุมทางของรถไฟที่มาจากหลากหลายเส้นทาง ❞
รวมไปถึงขบวนที่จะไปขึ้นไปยังเมือง Zermatt ด้วย
.....
บอกเลยตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวต่างแดนด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ
❝ รถไฟสายนี้มีชื่อว่า Matterhorn Gotthard Bahn ❞
รถไฟระบบล้อฟันเฟืองไฟฟ้าที่จะพาเราค่อยๆไต่เขาสูงขึ้นไปเป็นระยะ
.....
ผ่านหลายสถานี ไม่ว่าจะเป็นStalden-Sass, Kalpetran St. Niklaus Herbriggen Randa Täsch
ตลอดเส้นทางบอกเลยว่า โคตรจะสวยเหมือนในหนังในนิยายเลย
และสุดท้าย ก็จะมาจอดที่สถานีปลายทาง Zermatt
❝ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วกว่าๆ ก็มาถึง ❞
จากสถานี Zermatt ได้เวลาลากสังขารและกระเป๋าเข้าที่พัก 555
ระหว่างทางเดินไปโรงแรมนั้น เราจะผ่านแม่น้ำที่ตัดผ่านกลางเมืองแห่งนี้
.....
❝ และจุดนี้ละครับ ผมก็ได้เห็นยอดเขา Matterhorn หญิงสาวในฝันของผม ❞
ที่โผล่พ้นขอบฟ้ามาให้เราเห็นแบบไกลลิบๆ
ด้วยความงกไม่ขึ้นแทคซี่ คิดว่าใกล้ๆ
❝ ยอมเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ขนาด 30 บวกด้วยน้ำหนักอีก 29 กิโล ขึ้นลงๆ ❞
.....
แถมถนนดันลื่นจากน้ำแข็ง 555 โอ้ยยยยยยยยยย สุดจะบรรยาย โคตรเหนื่อย
และ ❝ การเลือกรองเท้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ❞ มันคือเรื่องจริง
ในที่สุดผมก็พาร่างมาถึง ❝ Adonis Hotel ❞ จนได้ เหนื่อยหมดแรงเลย
❝ โรงแรมที่นี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากใจกลางเมือง ❞
ระหว่างรอเช็คอิน ขอทิ้งตัวพักขา พักหลังที่โซฟาแบบไม่ทำอะไรเลยสัก 15 นาที ค่อยออกไปเที่ยวกันต่อ
❝ เมือง Zermatt เป็นเมืองที่ปราศจากมลพิษ ❞
เพราะมีกฏห้ามนำเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันมาใช้
❝ ทำให้พาหนะภายในเมืองจึงเป็นพาหนะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ❞
.....
ไม่แปลกใจทำไมมีแต่คนบอกว่า มาถึงที่นี่แล้วเราจะได้ฟินกับอากาศดีดี
พักหายเหนื่อย เราไปเดินรอบๆเมือง Zermatt กันต่อ
❝ ถ้าให้พูดถึงบรรยากาศภายในเมือง Zermatt ❞
มีถนนเส้นหลักชื่อ Bahnhofstrasse ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้ที่เป็นทั้งร้านค้าและโรงแรม
แถมจุดต่างๆของเมืองสามารถมองเห็น Matterhorn ได้อย่างชัดเจน
❝ โดยเฉพาะรอบๆสะพานที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง ❞
❝ โบสถ์ St. Mauritius ❞
โบสถ์เก่าแก่ที่สวยงาม ด้านบนประดับด้วยนาฬิกาขนาดใหญ่
❝ Gronergrat Bahn the Matterhorn Railway ❞
ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Zermatt
คือสถานีรถไฟจุดเริ่มต้นที่จะพาเราขึ้นไปชมวิว Matterhorn
.....
ไปถึงแล้วก็ซื้อตั๋วที่เคาเตอร์ได้เลย
(จ่ายด้วยบัตรเร็วกว่า สะดวกกว่า เงินสดคนเยอะมาก และควรไปแต่เช้า)
เก็บ ticket ที่ได้รับไว้ดีๆเพราะหลังจากนี้ ในทุกๆจุดด้านบนจะต้องใช้ ticket ในการผ่านเข้าออก
เดินผ่าน Gate เตรียมเข้าแถว
พยายามยืนรอที่หน้าประตู บอกเลยว่าคนเยอะมาก เฉพาะคนเล่นสกีก็มหาศาลล่ะ
.....
ไหนจะเด็ก ผู้ใหญ่ นักท่องเที่ยว หรือกรุ๊ปทัวร์ บันเทิงใจสุด 55
❝ อย่าลืม นั่งทางฝั่งขวาของขบวนนะครับ จะได้ชมวิวสวยๆ ❞
❝ ภายในขบวนรถไฟหน้าต่างถูกออกแบบกว้างขวาง ❞
เพื่อให้เราได้ชมวิวตลอดเส้นทาง
.....
ส่วนการถ่ายรูปก็ลำบากเหมือนกัน ต้องถ่ายผ่านกระจก กดรัวๆไปค่อยว่ากัน
ผมมีเวลาไม่มากสำหรับที่นี่
❝ วันที่ขึ้นไปด้านบน โชคไม่ค่อยเข้าข้าง ❞
.....
อากาศไม่ค่อยเป็นใจ ลมด้านบนค่อนข้างแรง เดินถ่ายรูปไม่ไหว เกล็ดหิมะตีเข้าหน้าแสบตา
มือ เท้า หู เย็นยะเยือก ไปหมด
เลยไม่สามารถเดินแวะทุกจุดเพื่อไปเก็บบรรยากาศความสวยงามได้อย่างที่ตาเราเห็นจริงๆ
❝ ไว้คราวหน้าค่อยจะมาแก้ตัวใหม่ ❞
ต้องได้รูปถ่ายในมุมที่สวยงามเหมือนคนอื่นๆให้ได้
❝ ที่บอกว่าลมแรงจริงๆ แรงขนาดไหน ดูได้จากรูป 55 ปลิวครับ ❞
ยอมแพ้วิ่งหนีเข้าอาคารที่พัก
ลมหยุดก็วิ่งออกไปถ่ายรูป ลมมาก็ยืนนิ่งๆ ไม่ไหวก็วิ่งเข้าหลบ
❝ ด้านบนในแต่ละจุดจะมีอาคารสำหรับให้เราเข้าไปพักได้ มีทั้งอาหาร เครื่องดื่มไว้คอยบริการ ❞
หลังจากเดินเล่นตามสถานีต่างๆด้านบนตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายๆ
(แอบเสียใจหน่อยๆ บางจุดไม่ได้แวะลง เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ ไม่มีรูปสักใบ)
.....
❝ ถึงเวลานั่งงรถไฟกลับลงไปยังสถานีเดิมล่ะ ❞
เพื่อไปเดิน ถ่ายรูปเล่นรอบๆเมืองในช่วงเย็นๆกันต่อ เค้าว่าสวยไม่แพ้กัน
❝ ช่วงเย็นในเมืองแถวๆหน้าสถานีจะครึ้กครื้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ❞
ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ก็เปิดให้บริการ
แถมอากาศช่วงเย็น อุณภูมิก็จะเริ่มหนาวๆ ยิ่งดึกยิ่งติดลบ -
จากนั้นเราจะเดินขึ้นเขาไปตามถนนเส้นหลัก วกไปเวียนมา
❝ เพื่อไปยังจุดชมวิวจากมุมสูง ที่เราสามารถมองลงไปเห็นเมือง Zermatt ทั้งเมือง ❞
.....
บอกเลยใครไปถึงที่นี่แล้ว
ถ้าไม่ได้เดินขึ้นไปเสียดายมากๆ เพราะวิวโคตรสวย
❝ บรรยากาศโดยรวมๆ ตลอดเส้นทางการเดิน ❞
ทางเดินอาจจะสูงและเดินเหนื่อยหน่อย
.....
สิ่งจำเป็นที่เราต้องมีคือ
❝ รองเท้าที่มีดอกยางกันลื่น ไว้จิกน้ำแข็งหรือหิมะ ❞
เรียกได้ว่าเกาะพื้นแน่นมากแค่ไหนใส่ไปเลย เพราะใช้ปีนเขาสูง หรือเดินบนเนินที่มีทางลาดเยอะๆ
ผมไม่มีใส่แต่รองเท้าปกติ บอกเลยเข็ด
ใช้เวลาประมาณนึง
❝ ในที่สุด ผมก็มาถึงจุดชมวิวด้านบนสุดแล้วครับ ว้าวววว สุดจริงๆ ❞
(ตามจริง ทางคงเดินขึ้นไปได้อีก แต่ขี้เกียจ เพราะพระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว)
ถ่ายรูปเล่น แต่ต้องอดใจรอสักนิด เพราะหลังจากพระอาทิตย์ตกหลบสันเขาไป
❝ เมืองทั้งเมืองก็จะเริ่มเปิดไฟ ❞
มันสวยมากเกินที่จะบรรยายให้เห็นภาพจริงๆ
เอาเข้าจริงๆไม่อยากละสายตาไปจากความสวยงามนี้เลย
❝ ในใจก็บอกกับตัวเองว่า ขออยู่ต่อเลยได้มั๊ย 555 ❞
แต่ทำไม่ได้
❝ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าสวิสเซอร์แลนด์คือ ดินแดนในฝัน ❞
Matterhorn - Zermatt
.....
ก็คงเป็นหนึ่งในเมืองที่มียอดเขาที่สวยงามที่สุดที่ผมหวังไว้
เพราะมันสวยจนไม่อาจละสายตาจริงๆ
❝ เราเคยดูภาพภูเขาสามเหลี่ยมแห่งนี้ แล้วบอกตัวเองว่า วันนึงจะต้องมาเมืองนี้ ❞
เพื่อมาดู Matterhorn แบบใกล้ๆเต็มๆตาให้ได้
.....
แล้วทริปในฝันของผมก็เป็นจริงแล้วครับ ขอบคุณนะ
และสัญญากับตัวเองว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง
Tips เล็กๆ
- ภูเขาทรงสามเหลี่ยมปิรามิดที่มียอดโค้งลงเล็กน้อย เรียกว่า Horn (ฮอร์น) แปลว่า เขาสัตว์
- ความสูงอยู่ที่ 4,447 เมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณพรมแดนระหว่างเมือง Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับ Breuil - Cervinia ประเทศอิตาลี
- รูปทรงที่แปลกตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ภูเขาแห่งนี้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบริษัทชื่อดัง เช่น ช็อคโกแลต Toblerone หรือบริษัทผู้ผลิตหนังอย่าง Paramount Pictures
- ใครชื่นชอบการเล่นสกี แนะนำเส้นทาง คือ ที่สุด
- เช็คสภาพอากาศบ่อยๆ ถ้าลมแรงมากๆ ถ่ายรูปไม่ค่อยได้ หาวันที่ฟ้าโปร่งๆ ด้านบนสวยมาก
- ใช้เวลาพักค้างคืนอยู่ที่นี่สัก 2 - 3 วัน กำลังดี (แค่ถ้าใครไม่ชอบเล่นสกี ไม่รู้จะเบื่อไหม) สำหรับบรรยากาศแต่วันคงไม่แตกต่าง
- การเดินทางนั่งรถไฟจากเมืองใหญ่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Zurich, Luzern, Bern และ Geneva มาลงที่เมือง Visp เพื่อต่อรถไฟมายังเมือง Zermatt
- ส่วนที่พักไม่ต้องพูดถึง เมืองนี้คือเมืองแห่งที่พัก มีทั้งโรงแรม โฮลเทล ให้เลือกเยอะมากตามเงินในกระเป๋าเลยครับ ช่วงที่ไปก็แอบราคาสูงพอควร ค่าครองชีพแพงมหาโหด แต่ยอม 55 (รีบๆจองด้วยนะ เพราะเต็มเร็วมาก)
∴☻∴
บางทีคำพูดที่สวยหรู
อาจจะสู้การไปสัมผัสด้วยตนเองไม่ได้
► สามาถแวะเข้าไปท่องเที่ยวแบบเท่ๆกับผมได้ที่ ◄
https://www.facebook.com/JACKxTraveller/
https://www.instagram.com/iam_superjack/
มือใหม่หัดรีวิว ขอบคุณคร้าบที่เข้ามาอ่าน
► ทุกความชอบที่ว่าใช่ เป็นไปได้จากการเที่ยวแบบเท่ๆ ◄
สถานเที่ยวที่ดีต่อใจให้คุณไปเที่ยวตามรอยกันให้ฟินไปเลย
JACK's x Traveller
วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.49 น.