ใครที่เป็นมนุษย์ออฟฟิตในกรุงเทพ และรอบๆแบบเรา จะรู้เลยว่าการหาที่พักผ่อนในวันหยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ยากมาก เพราะแค่เดินทางก็เหนื่อยแล้ว วันหยุดยาวก็ต้องฝ่าคนที่สุดแสนจะเยอะอีก วันนี้เราเลยจะมาพาทุกคนไปพักผ่อนให้ธรรมชาติบำบัด ใกล้ๆกรุงอย่าง "อัมพวา" จังหวัดสมุทรสงคราม 2 วัน 1 คืน กันค่ะ พร้อมแล้วเราไปกันเลย!
วันนี้เราตื่นกัน 9 โมงเช้า(วันเสาร์) เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง เปิด Google Map ไปยังจุดมุ่งหมายก็คือที่พักของเราในวันนี้ค่ะ จะบอกว่าไม่ได้วางแพลนอะไรเลย กะจะเที่ยวตามรายทางเอา มีแค่หากูเกิ้ลไว้นิดหน่อยว่าทางผ่านเรามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ออกจากกรุงเทพ 10 โมงนิดๆ ใน map เขียนว่าใช้เวลา 1.30 ชั่วโมงค่ะ แต่เราจะถึงช้ากว่านั้น เพราะจะแวะเที่ยวตามทางด้วย
และสถานที่แรกของทริปนี้ ซึ่งเป็นทางผ่านไปยังที่พักพอดี ก็คือ “วัดบางกุ้ง” ที่เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามค่ะ เราลองหาข้อมูลมาเล็กน้อย ก็คือ เค้าเป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีอุโบสถที่เป็นโบสถ์เก่าแก่ เรียกว่า “โบสถ์ปรกโพธิ์” ถูกปกคลุมไปด้วยรากของต้นโพธิ์ ต้นกร่าง ต้นไทร แบบสวยงามมาก รอบๆก็จะมีรูปปั้นชาวบ้านที่กำลังซ้อมต่อสู้กันอยู่ แต่วันที่เราไปเหมือนเค้ากำลังบูรณะด้วยค่ะ ส่วนมากคนที่มาที่นี่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติไปซะเยอะ เพราะที่นี่ถือเป็น UNSEEN THAILAND อีกที่นึงเลย หลังจากเดินชม ถ่ายรูป ดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้กันพอสมควรแล้ว เราก็ไปต่อกันค่ะ
และสถานที่ต่อไปที่เราแวะกันก็คือ “ตลาดน้ำบางน้อย” ค่ะ ตอนแรกที่ขับรถมาจอดก็เคว้งนิดๆ เพราะเราไม่เจอตลาดน้ำเลย เจอแต่เป็นที่ขายของฝากเล็กๆ ก็แอบใจแป๊วแล้ว 5555555 แต่สรุปว่าต้องเดินเข้าไปอีกนิดนึงถึงจะเจอ
เดินเข้ามาก็เจอกับ “พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ” ก่อนเลย เข้าชมฟรีด้วยค่ะทุกคน เค้าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมภาชนะที่งมเจอใต้น้ำมาค่ะ เยอะมากกกกก ทั้งเรือเก่า ภาชนะเก่าต่างๆเลย โชคดีมากๆที่วันที่เราไปแดดไม่ร้อนเท่าไรค่ะ เมฆครึ้มนิดๆเหมือนฝนจะตก แต่ที่นี่ไม่ตกน้า ถ้าจำไม่ผิดวันที่เราไปกรุงเทพฝนตกค่ะ ตลาดค่อนข้างสงบ มีนักท่องเที่ยวเยอะอยู่ แต่ไม่ถึงกับเดินเบียดเสียด อึดอัดค่ะ เราชอบมากกกก เดินสบายๆ ลมเย็นๆติดแม่น้ำ
มีทั้งร้านขายของฝาก และร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มเยอะเลย ส่วนตัวเราว่าราคาค่อนข้างถูกเลยค่ะ เหมาะกับการมาเดินเล่นชิลๆ หาอะไรกินกรุบกริบมากๆ ลมเย็นสบายยยย คนไม่เยอะ ไม่แออัด เป็นการหนีเที่ยวใกล้กรุงที่ชอบมั่ก
เดินไปเรื่อยๆจนสุดทางก็จะมีสะพานให้ข้ามไปเดินอีกฝั่งค่ะ แต่เราไม่ได้ข้ามไปน้าาาา ได้เวลาเดินทางไปต่อของเรา ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปเก็บของและนั่งพักที่ที่พักก่อน เพื่อรอเวลาไปเดินเล่นที่ตลาดน้ำอัมพวาค่ะ แต่คุณแฟนเซิทเจอร้านกาแฟที่น่ากินอยู่ใกล้ๆตลาดนี้ เลยขอแวะไปชิมก่อน เรียกว่าเป็นทริปกิน และทริปชิลจริงๆ
ขับรถตรงมาเรื่อยๆอีกไม่ไกล ก็ถึงที่พักของเราในวันนี้แล้วกับ ณ ทรีธารา (Na Tree Tara) ค่ะ เอาจริงคือมันดูยิ่งใหญ่และหรูกว่าที่เราคิดไว้มากๆ ตอนหาที่พักก็เห็นแล้วล่ะว่ามันน่าพัก หรูนิดๆ และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติด้วย แต่ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนี้ 555555
ที่นี่มีที่จอดรถค่อนข้างเยอะเลยค่ะ พอมาถึงก็จะมีพนักงานต้อนรับนำที่เข็นสัมภาระมาเพื่อขนของๆเราให้ แต่เราเอากระเป๋าลากไปแค่ใบเดียวเลยไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ
หลังจากถึงก็เดินไปยัง Lobby เพื่อทำการเช็คอินค่ะ ที่นี่สามารถเข้าเช็คอินได้ตอนบ่ายโมง เรามาถึงที่นี่ประมาณบ่ายสามค่ะ นอกจากจะจองห้องพักแล้ว เราจองห้องอาหารคืนนี้ และสปาในวันพรุ่งนี้ไว้ด้วย ก็คือที่นี่มีครบเลยจ้า ทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร (อยู่ที่เดียวกัน) และสปาเลย
ระหว่างรอก็มีกล้วยตาก และน้ำมะพร้าวมาเสิร์ฟ เป็น Welcome Drink ของที่นี่ กล้วยตากอร่อยมากเด้อ 5555555
เก็บรูประหว่างทางเดินไปห้องมาฝากค่ะ ชอบสถาปัตย์ของที่นี่มากเลย สวยลงตัวสุดๆ ห้องพักของที่นี่จะมีหลายแบบมากกกกกก ซึ่งวันนี้เราจองห้องพักแบบ SUPERIOR อยู่ชั้น 2 เป็นวิวสระว่ายน้ำไว้ค่ะ แต่ว่าเราได้ของทางโรงแรมเก็บภาพห้องแบบ VILLAS มาให้ชมกันด้วย
ทางพนักงานน่ารักมากกก ตอนแรกเราจะเดินไปเพราะที่พักตรงนี้จะอยู่ทางด้านหลังใกล้ๆกับแม่น้ำแม่กลอง แต่ทางโรงแรมก็ขับรถกอล์ฟพาเราไปส่งให้ค่ะ
ภายในห้องพักก็หรูหราตามราคาเลยค่ะ ห้องใหญ่ เป็นบ้านหลังนึง
เปิดประตูอีกด้นมาจะมีระเบียงให้นั่งค่ะ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติเลย
อันนี้เป็นวิวค่ะ ชอบอะไรแบบนี้สุดๆ ต่อไปเราก็จะไปห้องพักของเรากันแล้ว
แท่นแท๊นนนนน นี่คือห้องพักของเราวันนี้ค่ะ เราจองไว้เป็นห้องแบบ SUPERIOR อยู่ชั้น 2 เป็นวิวสระว่ายน้ำ วิวธรรมชาติเลย สวยมากกกกก ไม่ไก่กาน้า
รูปห้องคร่าวๆที่เราถ่ายมาค่ะ มีโซนโต๊ะเครื่องแป้ง โซฟา เตียง และห้องที่กว้างมาก กว้างจนรู้สึกว่ามันแอบกว้างไปหน่อยสำหรับเรานะ เพราะส่วนตัวเราชอบนอนห้องแคบๆ 555555 อันนี้มันโล่งมากเลย ทีวีของที่นี่เป็น Smart TV นะคะ ดูยูทูป ช่องอื่นๆ หรือแคสจากมือถือไปทีวีได้เลย หมดปัญหาไปนอนโรงแรมแล้วทีวีมีแต่ช่องอะไรไม่รู้
ห้องน้ำกว้าง แยกโซนเปียก โซนแห้งชัดเจน มีที่ให้นั่งอาบน้ำด้วยค่ะ มีไดร์เป่าผม ชุดคลุมให้ พวกสบู่ แชมพู โลชั่น เค้าจะใช้เป็นของโรงแรมทำเองเลย เน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ ส่วนมากจะเป็นมะพร้าวค่ะ หอมสุดๆ มีชุดแปรงสีฟันและยาสีฟันให้เด้อ ไม่ต้องเตรียมมาเลย
อวดวิวจากห้องพักของเราค่ะ ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำ ตรงข้ามคือห้องอาหาร รอบๆก็เป็นวิวของทางโรงแรมเองเลยพอมาดูมุมสูงยิ่งรู้เลยว่าโรงแรมใหญ่มาก เขียวชะอุ่มเหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ
มีทั้งสปา ร้านอาหาร คาเฟ่ และล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ค่ะ ร่มรื่นมากๆ ข้างหลังของโรงแรมเป็นแม่น้ำแม่กลองค่ะ ตอนเช้าของที่นี่เค้าจะมีกิจกรรมตักบาตรริมแม่น้ำกัน เราสามารถเตรียมข้าวสาร อาหารแห้งมากเอง หรือจะให้ทางโรงแรมจัดให้ก็ได้เช่นกัน ราคาชุดละ 89 บาท โดยที่เงินจำนวนนี้ทางโรงแรมจะนำไปทำบุญต่อค่ะ
ต่อไปเราจะพาทุกคนไปเที่ยวตลาดน้ำที่ขึ้นชื่อที่สุดของที่นี่ คือ "ตลาดน้ำอัมพวา" นั่นเองงงง จริงๆเราจองโต๊ะอาหารของที่นี่ไว้ตอนทุ่มครึ่งค่ะ คิดว่ากลับมาจากตลาดน้ำน่าจะหิวพอดี
เปิดแมพแล้วขับรถตามทางมาเรื่อยๆเลยค่ะ เอาจริงไม่ไกลจากที่พักมากเท่าไร ประมาณ 10 กิโล
โชคดีมากที่ขับมาแล้วยังมีที่จอดรถอยู่ ราคา 30 บาทเท่าน๊านนนน มีคนดูแลไม่ต้องกลัวว่ารถจะหายเลยค่ะ
บรรยากาศดีมว๊ากกกกก ลมเย็น ร่มรื่น วันนี้คนไม่ได้เยอะจนแออัดเท่าไรค่ะ เห็นเค้าบอกว่าปกติคนจะเยอะกว่านี้ เราพึ่งเคยมาอัมพวาเป็นครั้งแรก ต้องบอกเลยว่าประทับใจมากเลย ของขายเยอะ ร้านอาหารเยอะ แถมมีที่พักเยอะด้วย
อันนี้คือสองร้านที่เราแวะทานค่ะ เป็นเหล่าหอยย่างทั้งหลาย อร่อยยยย
โดยเฉพาะหอยเชลล์ทรงเครื่องคือหอมเนยมาก อร่อยแบบน้ำตาจะไหล แถมราคาไม่แพงด้วยค่ะ
เอาจริงๆนอกจากบรรยากาศดีแล้ว ที่นี่เราถือว่าอาหาร และของไม่แพงเลย ขนาดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนะเนี่ย
เราเดินเล่นกันอยู่ที่นี่ประมาณทุ่มกว่าๆ ก็กลับค่ะ เพราะว่าจองโต๊ะอาหารไว้ ^^
วิวตอนกลางคืนก็สวยนะเนี่ย รอบหน้ามาตั้งใจว่าจะนั่งเรือไปชมหิ่งห้อยค่ะ ค่อยมาหน้าหนาว คงจะฟินน่าดู
ร้านอาหารจะอยู่ข้างหลังที่พักค่ะ ติดแม่น้ำแม่กลองเลย มีทั้งพวกเมนูเครื่องดื่ม กาแฟสดต่างๆ
และเมนูอาหารมากมายเลย วันนี้เราจัดกับข้าวมา 4 อย่างด้วยความหิวโหย (แม้จะกินทั้งวันก็ตาม) 555555
น่าทานมากกกกกกกกกกก จัดจานดี ให้เยอะ พอมาเสริฟ์ครบก็รู้สึกว่า เราสั่งเยอะไปมั้ยน้า ฮ่าาาา
อันนี้คือเครื่องดื่มที่เรากับแฟนสั่งมาค่ะ เป็นชาเขียวน้ำมะพร้าว หอมชาเขียวและมะพร้าว รสชาติหวานมันพอดี ตอนแรกเห็นก็แอบกลัวๆอยู่ แต่เห็นว่าเป็นเครื่องดื่มเมนูพิเศษเลยลอง สรุปคืออร่อยค่ะ ใครมาต้องลองนะคะ และอีกแก้วคือ ส้มแก้วโซดา อันนี้เป็นเครื่องดื่มโซดาทั่วไป แต่ที่พิเศษคือเค้าใช้ส้มแก้ว เป็นของขึ้นชื่อในแถบนี้ค่ะ รสชาติก็เปรี้ยวหวานลงตัว หอมส้มมากกกกก ฟีลคล้ายๆส้มยูซุประมาณนั้นค่ะ เราชอบแก้วนี้
ส่วนนี่เป็นอาหารที่เราสั่งมาค่ะ 4 อย่าง มีหมูย่างใบยอ, ยำส้มโอกุ้งสด, แกงส้มกุ้งแม่น้ำไข่ชะคราม
และข้าวมันกะทิส้มตำไหลบัวค่ะ นอกจากเมนูแกงส้มและหมูย่างใบยอแล้ว อีกสองเมนูต้องบอกเลยว่าเราไม่เคยทานค่ะ เห็นว่าแปลกและน่าทานเลยสั่งมา โดยเฉพาะเมนูข้าวมันกะทิ ส่วนตัวแล้วที่นี่ทำอาหารรสชาติดี ถูกปากคนไทยแน่นอน
ข้าวมันกะทิเราประทับใจมว๊ากกก เค้าเป็นข้าวมันที่อบกระทิ ฟีลแบบเหมือนพวกขนมข้าวเหนียวสังขยา แต่ไม่หวานค่ะ เป็นกลิ่นหอมกะทิ นุ่ม ทานคู่กับหมูหวาน และส้มตำไหลบัวเข้ากันมาก หมูย่างใบยอคือดี น้ำจิ้มแจ่วอร่อยกลมกล่อมเลย แกงส้ม และยำส้มโอกุ้งสดก็อร่อยค่ะ แต่สำหรับเราถือว่าไม่ใช่เมนูที่แปลกมากเท่าไร
และถามว่าทานหมดมั้ย บอกเลยว่า ไม่จ้าาาาาา เลยให้ทางร้านห่อใส่กล่องไว้กินเป็นมื้อดึกค่ะ
หลังจากทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญเบิกบานใจกันแล้ว เราก็กลลับห้องพัก ไปอาบน้ำ
เนื่องจากเดินทางทั้งวันเลย ตัวเหนียวไปหมด วันนี้ต้องนอนไวหน่อย เพราะเราจองตักบาตรตอนเช้าไว้
เวลา 6:30 ค่ะ ส่วนคุณแฟนนั้นไม่ไปด้วย เนื่องจากตื่นไม่ไหวแน่นอน 555555
Day 2 :: ตักบาตรริมแม่น้ำยามเช้าตรู่ พร้อมไปผ่อนคลายต่อที่สปา!
อย่างที่บอกไปว่าวันนี้เรามีแพลนจะลงมาตักบาตรกับทางโรงแรมค่ะ
แพลนไว้ประมาณ 6.30 น. ด้วยความตื่นเต้น และกลัวตื่นไม่ทันของเรา
ลงมาตั้งแต่ฟ้ายังมืดอยู่เลย 555555 เวลาประมาณ 6.00 ค่ะ
คุณพระจันทร์ยังส่องสว่างอยู่เลยค่ะ จริงๆแล้วมืดกว่านี้อีกนะ อันนี้เราใช้ iphone 11 ถ่ายโหมดกลางคืนมา
บรรยากาศช่วยเช้าตรู่ก็สวยไปอีกแบบ อากาศเย็นสดชื่นมากๆ แอบมีน้ำค้างเล็กน้อย
ทางโรงแรมก็จะเตรียมชุดตักบาตรและที่กรวดน้ำให้เราค่ะ เป็นชะลอมน่าร๊ากกกกก และเราก็จะมารอกันที่ท่าเรือ ริมแม่น้ำแม่กลองกันเลย
นั่งริมแม่น้ำแม่กลอง อากาศเย็นๆ วิวสวยๆสักพัก พระท่านก็พายเรือมาจากอีกฝั่ง เราพึ่งเคยตักบาตรแบบนี้เลย หลังจากใส่บาตรกันครบทุกคนแล้ว (คนมาตักบาตรเยอะมาก) ท่านก็ให้พร กรวดน้ำกันไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ ใช้เวลาไม่นานเท่าไร (ขออนุญาตเบลอหน้าคนในรูปนะคะ ^^)
นอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วย มันฟินมากจริงๆ
หลังจากตักบาตรเสร็จแล้ว ก็ขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมเก็บของ เพื่อที่จะลงมาทานอาหารเช้าค่ะ
ทางโรงแรมมีห้องอาหารให้ ขนาดปานกลาง มีทั้งโซนด้านนอกไว้ชมวิวติดสระว่ายน้ำ และโซนด้านในที่เป็นห้องแอร์ค่ะ
แต่ก่อนจะขึ้นห้อง ก็นึกขึ้นได้ว่าเค้ามีฟิตเนสให้บริการสำหรับคนที่มาพักด้วย เลยแวบไปเก็บภาพมาฝาก
ฟิตเนสจะอยู่ชั้น 1 อยู่ข้างๆ Lobby เลยค่ะ ค่อนข้างกว้างขวาง วิวดีเลย ^^
หลังจากขึ้นมาอาบน้ำ เตรียมตัวเก็บของเรียบร้อย พร้อมลงไปทานอาหารเช้าแล้วค่ะ
ถ่ายภาพจากวิวหน้าระเบียง จะเห็นว่าเริ่มมีคนลงมาทานอาหารแล้ว
อันนี้จะเป็นโซนภายในห้องอาหารค่ะ อาหารก็เหมือนโรงแรมทั่วไปเลย แต่ที่นี่เค้าจะมีเมนูพิเศษ เช่นข้าวต้มปลาทู อร่อยม๊ากกกกกกกก ใครที่มาพักแล้ววันนั้นห้องอาหารทำข้าวต้มปลาทู เราแนะนำให้ทานจริงๆค่ะ รสชาติถูกปากสุดๆ
ส่วนอันนี้เป็นโซนที่นั่งด้านนอก วิวดีเลยล่ะ
เค้าจะมีอาหารที่ทำสดด้วยนะคะ พวกเมนูไข่ต่างๆ มีสุกี้ กับเยนตาโฟด้วยเด้อ
หลังจากทานอิ่มเวลาประมาณ 9 โมงเช้า เราก็เดินถ่ายรูปเล่นตามมุมต่างๆของโรงแรม
และขึ้นไปเก็บของให้เรียบร้อยค่ะ เพราะเรามีนัดไปนวดทำสปาตอน 11:00 ต้องรอให้ย่อยก่อน
ไม่งั้นอาจจะจุกได้ เราก็เก็บของลงมาเช็คเอาท์ออกเลย ฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ค่ะ
สปาจะอยู่ทางด้านหลังโรงแรม เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว หรือใครไม่อยากเดิน
สามารถให้ทางโรงแรมขับรถกอล์ฟไปส่งหน้าสปาได้นะคะ สปาชื่อ "เฌอชล สปา"
วันนี้เราเป็นลูกค้าคนแรกเลย 55555 เข้ามาถึงก็แจ้งชื่อและเวลาที่นัดไว้ได้เลยค่ะ
ต้องรับด้วยน้ำใบเตย และผ้าอุ่นๆ วันนี้เรามาทำโปรแกรมธาราบำบัด และขัดผิว แก้ออฟฟิตซินโดรม
จริงๆเค้าจะมีคอร์สเต็มๆสำหรับแก้ออฟฟิตซินโดรมคือ จะเพิ่มการนวดคอ บ่า ไหล่ ไปด้วยค่ะ แต่เราทำแค่สองโปรแกรมนี้ ด้วยเวลาของเราที่มีจำกัด กลัวว่าถ้าทำครบคอร์สจะกลับไปทำงานต่อไม่ทันแน่ๆ เสียดายเหมือนกัน และคุณแฟนของเราก็นวดเท้าค่ะ
ก่อนจะเข้าไปทำโปรแกรมที่จองไว้ เค้าก็จะมีแบบสอบถามมาให้เราทำก่อนค่ะ เริ่มทำที่โปรแกรมของเราเลย
เป็นการนวดแบบ "ธาราบำบัด" ซึ่งแปลกสำหรับเรามาก เพราะเค้าคือการนวดในสระน้ำค่ะ
ภายในสปาเค้าก็จะมีห้องล็อคเกอร์ไว้เก็บของให้ มีชุด กางเกงในกระดาษ ผ้าขนหนู ให้เปลี่ยน
(อันนี้ต้องบอกก่อนว่าเราขออนุญาตทางสปาแล้วนะคะในการถ่ายรูป เพราะเราอยากนำมาเขียนประกอบรีวิวเที่ยวของเรา ทางสปายินดีมาก ด้วยความที่เราเป็นลูกค้าคนแรกด้วยค่ะ ทำให้สามารถถ่ายได้โดยที่ไม่รบกวนท่านอื่นๆ)
อันนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องใส่เพื่อการลอยตัวในน้ำ จะมีผู้เชียวชาญมาอธิบาย และสอนเรา
ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าโปรแกรมนี้ไม่เหมาะสำหรับคนที่กลัวน้ำนะคะ ถามว่าคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นสามารถทำได้ไหม ทำได้น้าาาา แต่อย่างน้อยอาจจะต้องมีพื้นฐานการลอยตัวในน้ำ และไม่กลัวน้ำนะคะ ไม่งั้นจะไม่ค่อยสบายตัว
หลังจากใส่ชุดเรียบร้อย อธิบายกันเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มนวดกันเลยค่ะ เค้าจะเปิดเพลงคลอเบาๆ น้ำเป็นน้ำอุ่น ทางพี่คนนวดก็บอกวว่าให้เราปล่อยตัวตามสบายเลย อย่าเกร็ง ไม่จมแน่นอน เพราะเค้าคอยดูแล คอยจับตลอด
ตอนแรกเราคิดว่าจะไม่มีรูปตอนนวดมาเขียนซะแล้ว เพราะคุณแฟนของเราไปเข้าห้องนวดเท้าเป็นที่เรียบร้อย แต่พี่ผู้จัดการอาสาถ่ายให้ค่ะ เพราะเราบอกเค้าไปตั้งแต่ตอนแรกว่าขอเก็บภาพเพื่อไปเขียนรีวิวเที่ยว แหะๆ
ใช้เวลานวดทั้งหมด 30 นาที บอกเลยว่ามันฟินและเคลิ้มมากๆ ใครที่มีปัญหาออฟฟิตซินโดรมจะรู้สึกเลย
ว่ามันสบายสุดๆ สามารถบอกพี่คนนวดได้ว่าอยากเน้นส่วนไหนนะคะ เราให้เน้นบ่าเลย สะสมมานาน
นวดเสร็จก็นั่งพัก ดื่มน้ำเย็น เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย เราก็จะไปขัดตัวกันก่อนเลยค่ะ !
อันนี้คือห้องขัดตัวของเรา จะเป็นห้องส่วนตัว มี 2 เตียง ห้องอันนี้เราถ่ายมาก่อนตั้งแต่เข้ามาแล้ว
เรากับแฟนจะนวดห้องเดียวกันค่ะ คุณแฟนก็ถ่ายรูปเก็บมาให้ด้วย ถือว่ารู้งาน 5555555
แฟนเรานวดขาและเท้าค่ะ ก็คือตอนเราเข้าไป คุณแฟนก็กำลังนวดอยู่
และนี่เป็นอุปกรณ์ที่จะใช้ขัดตัวเราค่ะ เป็นพวกน้ำมะพร้าวคั้นสด นมสดต่างๆ หอมมั่กๆ
เราใช้เวลาขัดและนวดตัว 45 นาทีค่ะ แฟนเรานวดเสร็จก่อนเลยวานให้เก็บรูปให้
การขัดตัวก็จะต้องแก้ผ้าโดยเหลือไว้แค่กางเกงในกระดาษนะคะ ดังนั้นเราเลยขอ
เก็บภาพมาลงแค่นี้ ถ้าลงภาพอื่นด้วยเดี๋ยวจะโดนข้อหาอนาจารได้ 555555
หลังจากทำสปาเสร็จทั้งคู่ ก็เปลี่ยนชุด อาบน้ำ ทางสปาก็มีบริการขนมและน้ำขิงให้ค่ะ
เราไม่รู้ว่าอันนี้เค้าเรียกขนมอะไร รู้แค่ว่าอร่อยสุดๆ เอ้ะหรือเราตะกละ เพราะกินอะไรก็อร่อย 555555
ขอถ่ายรูปก่อนกลับอีกสักหนึ่งภาพ ส่วนตัวไม่เคยนวดธาราบำบัดมาก่อน ถือว่าชอบเลยล่ะ
เพราะมันสบายมาก เหมือนตัวเราลอยอยู่ แอบเผลอหลับไปนิดนึงด้วย 5555555 ถ้าใครที่ไม่ได้มี
อาการปวดเมื่อยมากเท่าไร จะรู้สึกแค่ผ่อนคลาย สบายตัวค่ะ ส่วนคนที่มีอาการปวดเมื่อยมากๆแบบเรา
รู้สึกได้เลยว่าตัวเบาขึ้น อาการปวดก็ดีขึ้นจริงๆ ใครที่อยากลองก็แนะนำค่ะ เห็นเค้าบอกว่าคนที่มาทำโปรแกรมนี้ ส่วนมากจะเป็นคนสูงอายุ และพนักงานออฟฟิตที่เป็นออฟฟิตซินโดรมนั่นเอง
ก่อนกลับก็ขอแวะซื้อขนมของฝากก่อน ร้านเป็นของโรงแรมเองเลย อยู่หน้าโรงแรมค่ะ
พวกขนมปลากรอบ หนังปลา ปูอัดต่างๆราคาถูกมาก แถมยังอร่อยด้วย เราซื้อกลับไปเยอะอยู่
และขอลากันไปด้วยภาพนี้ค่ะ ได้เวลากลับไปทำงานที่เรารักแล้ว (ปาดน้ำตา)
ต้องบอกว่าเป็นอีกทริปที่ประทับใจมาก เพราะว่าไกลจากกรุงเทพ ไปง่าย ของถูก อาหารอร่อย
แถมยังได้มานอนที่พักแบบธรรมชาติบำบัดจริงๆเลย ใครที่อยู่ในกรุงแล้วมีวันว่างแค่เสาร์-อาทิตย์แบบเรา
แนะนำให้มาที่ "อัมพวา" จริงๆค่ะ มันเลิศจริงๆ คิดว่าเดี๋ยวเราจะต้องได้มาอีกแน่ๆ ครั้งหน้าจะลองนอนที่ตลาดน้ำอัมพวาเลย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน้าาา วันนี้เราขอตัวไปก่อน xoxo
เที่ยวไปรีวิวไป
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 00.18 น.