จากแรกเริ่มเดิมได้ไปเดินบน Tateyama Kurobe Alpine Route
https://pantip.com/topic/37834141
เมื่อหลายปีก่อน .. ทำให้เกิดความหลงใหลในเทือกเขา Japan Alps
เลยจัดทริปสนอง need ของตัวเอง กลับมาเยือนเขาอีกครา
ยังคงเป็นเทือกเขาเจแปนแอลป์ทางตอนเหนือเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือวันและเวลา
จัดไปฤดูร้อนบ้านเขา ปลายเดือน ก.ค. ต่อต้นเดือน ส.ค.
เริ่มต้นจากนาริตะ ตรงดิ่งไป Matsumoto ..
ไปเดินในหุบเขาสวรรค์นาม คามิโคจิ Kamikochi ...
ระยะเวลาของทริปนี้คือ
Day 1 : ลงเครื่องที่นาริตะ .. แล้วนั่งรถไฟ Ltd. exp. AZUSA ออกจากสถานีชินจูกุ ตรงไปยังสถานี Matsumoto ชมวิวข้างทางที่ผ่าน Japan Alps ทางตอนใต้ ผ่านไร่ผลไม้ โดยเฉพาะไร่องุ่น ผ่านเมือง พื้นที่แอ่งกระทะ Kofu เห็นเทือกเขา Sounthern Alps เขียวชะอุ่ม
พักค้างที่ Matsumoto .. ใช้เวลาว่างตอนเย็นไปเดินเล่นที่ Matsumoto Castle
Day 2 : ไปเดินในหุบเขา ในพื้นที่ที่เรียกว่าสวรรค์บนดิน Kamikochi พักค้างคืนที่ Matsumoto
Day 3 : ย้ายไปเมือง Hakuba ... ละเลียดวิวเขาให้หนำใจ วันแรกเบา ๆ นั่ง gondola ไปใกล้ ๆ ไปดูดอกไม้ Alpine ที่ Hakuba Goryu Alpine Botanical Garden
Day 4 : ทดสอบความชราภาพ ด้วยการไปปีนเขาให้ถึงแหล่งน้ำ Happo-one อันเลื่องชื่อของ Hakuba
Day 5 : เที่ยวสบาย สไตล์สวย ๆ กับสวนลิลลี่บนเขา Iwatake แกล้มวิว Japan Alps
Day 6 : กลับเข้าโตเกียว แล้วกลับไทย
กระทู้นี้จะเล่าเฉพาะวันที่ 3 เป็นต้นไป
ส่วนตอนแรก ๆ .. เน้นโม้ไป โม้มา ตามไปอ่านได้ที่ link ค่ะ ถ้ามีเวลาว่าง
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=paribut&month=08-2018&date=15&group=38&gblog=1
แรงบันดาลใจทริปนี้ได้จากการอ่านหนังสือ Summer Mountain Walk ของคุณปาลิดา พิมพะกร แห่งสำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น
ที่เล่าถึงการไปเดินบนเขา trekking เบา ๆ ในฤดูร้อน
Japan Alps .. เป็นชื่อเรียกขาน เทือกเขาทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นมีที่เทือกเขาสูงสลับซับซ้อนสวยงาม เป็น “Alps” แบบญี่ปุ่นที่ได้บรรยากาศไม่แพ้ “Alps” ของทางยุโรป
Japan Alps National Park หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า Chubu-Sangaku National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่ชาวญี่ปุ่นภาคภูมิใจในความงดงามที่ไม่แพ้ที่ไหนในโลก เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ใจกลางของเกาะฮอนชู เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัด Gifu, Toyama, Nagano, และทางใต้ของ Japan Alps ยังครอบคลุมบางส่วนของจังหวัด Yamanashi และ Shizuoka ด้วย
พื้นที่ที่เราเที่ยวอยู่ในเขตจังหวัดนากาโน ..
เราเลือกที่จะพักที่เมืองฮาคุบะ Hakuba 3 คืนรวด (แต่ด้วยเหตุปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ มากมาย ทำให้เราต้องย้ายที่นอนทุกคืน เหนื่อยแต่สนุกดีค่ะ)
Hakuba เป็นเมือง ๆ หนึ่งในจังหวัด Nagano มีระดับหิมะตกสูงถึงปีละ 12 เมตรต่อปี จึงเป็นพื้นที่สวรรค์สำหรับเล่นสกีในฤดูหนาว
ในปี 1998 ได้มีการจัดโอลิมปิกฤดูหนาวที่ฮาคุบะ ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้น ปัจจุบันสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆยังคงใช้งานได้อยู่ เช่น สนามสกีกระโดด พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์หมู่บ้านโอลิมปิกฮาคุบะ เป็นต้น นอกจากกิจกรรมสกี และสโนว์บอร์ดแล้ว ยังมีน้ำพุร้อนตั้งอยู่รอบๆเมืองอีกด้วย
ที่ฮาคุบะมีสกีรีสอร์ทระดับโลกอยู่ถึง 6 แห่งคือ
1. ฮาคุบะ ซาโนะซากะ (Hakuba sanosaka)
2. ฮาคุบะ โกริว (Hakuba goryu)
3. สนามกีฬาฤดูหนาว Hakuba 47 (Hakuba 47 winter sports Park)
4. ฮาคุบะฮัปโปโอเนะ (Hakuba Happo-one)
5. ฮาคุบะ อิวะทาเคะ (Hakuba Iwatake)
6. ฮาคุบะสึไกเคะ (Hakuba Tsugaike)
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเล่นสกีในฮาคุบะคือเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม
หลังจากนั้น จะเป็นเวลาทองสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามของญี่ปุ่น
พื้นที่เล่นสกีของฮาคุบะจะปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ และเป็นเส้นทางที่นักปีนเขา ชมธรรมชาติ นิยมชมชอบ
เนื่องจากฮาคุบะเป็นเมืองสกีขึ้นชื่อ เราจึงสามารถไปถึงฮาคุบะได้หลาย ๆ ทาง ล้วนแต่สะดวก ๆ ทั้งนั้น
https://www.talonjapan.com/hakuba/
จขกท. เริ่มต้นจากเมือง Matsumoto ไปด้วยรถไฟบ้าน ๆ .. (รอรถไฟท่องเที่ยว RESORT VIEW FURUSATO ไม่ไหว)
RESORT VIEW FURUSATO : https://www.jreast.co.jp/e/downloads/pdf/resofuru_pamph.pdf
เขาที่เราเที่ยว 3 วัน คือเขาของรีสอร์ท หมายเลข 2, 4 และ 5 ค่ะ
2. ฮาคุบะ โกริว (Hakuba goryu)
4. ฮาคุบะฮัปโปโอเนะ (Hakuba Happo-one)
และ 5 ฮาคุบะ อิวะทาเคะ (Hakuba Iwatake)
ทริปนี้ใช้ JR East Nagano pass เป็นหลัก .. ใช้ไม่ครบวันด้วยค่ะ เพราะหมดวันเที่ยวซะก่อน
เรามาเดินทางออกจาก Matsumoto กันค่ะ
เลือกออกเดินทางแต่เช้า จะได้ถึงแต่เช้า เราจะได้มีเวลาเดินช้า ๆ อยู่บนเขา
จขกท. น้ำหนักมาก ออกกำลังกายน้อย .. แต่มีแรงอึดไม่เป็นสองรองใคร
ดังนั้น วันละ 1 เขา ... เอาอยู่ค่ะ ...
จะเห็นว่ามีรถไฟออกจาก Matsumoto หลากหลายขบวน หลากหลายเวลา
เราเลือกขบวน 05.58 น. เหมือนจะเช้ามาก แต่ไม่เป็นปัญหาค่ะ เพราะญี่ปุ่นสว่างเร็วมาก
ตี 4 สว่างโร่ .. แล้วเราทุกคนในทริป เป็นคนตื่นเช้ากันทั้งนั้น ..
ตลอดเส้นทาง ใช้ JR East Nagano Pass ได้ค่ะ .. ถึงต้องจ่ายเองก็ไม่มาก
ใช้เวลา 1 ชม.นิด ๆ นั่งรถไฟสาย Oito line ไปถึงสถานีแรกคือ Shinano-Omachi
(คนที่ไป Kurobe Dam จะคุ้นเคย เพราะเป็นสถานีที่ใช้ตั้งต้นหรือสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวสาย Tateyama Kurobe Alpine Route)
เช้า ๆ รถไม่แน่นค่ะ วิวทุ่งนา
หลัง ๆ นี่ สมาชิกเรานั่งไม่ติด .. ยิงอย่างเดียว
พอถึงสถานี Shinano-Omachi เราก็แค่ลงจากรถไฟ แล้วย้ายไปขบวนตรงข้ามที่จอดรอ เป็น Oito line เหมือนกันค่ะ แต่จะมุ่งไปที่ Minami-Otari
เราจะลงที่สถานี Hakuba
เส้นทางเส้นนี้สมควรแล้วที่รถไฟท่องเที่ยว Resort View จะแล่นผ่าน เพราะผ่านทะเลสาบเล็ก ๆ ถึง 2 แห่ง ผ่านป่า ผ่านหุบเขา สวยเชียวค่ะ
วันหลังจะพานั่งไปถึง Minami-Otari
แต่รอบนี้ไปถึงแค่ Hakuba ก่อน
บนขบวนมีคนไทย 8 คนค่ะ จขกท.ไม่มีรูป เพราะเซลฟี่ไม่ค่อยเก่ง อีกคนที่แฝงตัวอยู่ด้วยคือ สาวไทยที่นั่งซ่อนตัวอยู่เบาะหลัง
ไม่ได้คุยกันเลยค่ะ แค่ทักทายนิดหน่อย เรามัวแต่ถ่ายรูป ตื่นเต้นมาก
ช่วงที่รถไฟแล่นเข้าสถานี JR Inao station เป็นช่วงเข้าสู่ทะเลสาบ Kizaki ... สวยมากค่ะ ตั้งกล้องให้ดี แล้วตามมา รัว ๆ เลยค่ะ
สถานีนี้ ทะเลสาบยังอยู่ไกล ๆ นะคะ พอเข้าสถานี Yanabe-machi mae ทะเลสาบอยู่ติดรางรถไฟเลยค่ะ
สถานีนี้มีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นด้วยค่ะ .. น่าลงไปเล่นนะคะ ถ้าไม่ติดว่าจะรีบไปเดินเล่นบนเขา
เรามาถึง JR Hakuba station ในเวลา 8.00 น. ตรงเป๊ะ แต่นัดเจ้าของที่พักคืนแรกของเรา White Silver Hakuba ไว้ 8.30 น.
เผื่อเวลาไว้ค่ะ เราจะซื้อตั๋วเที่ยว 3 เขาในราคาลดพิเศษ กับ Travel agency
ตอนแรกไปถามที่ตึกป้ายเขียว ๆ นั่นก่อน .. เจอคุณลุงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แกเลยไม่ขายให้
แต่พาไปอีกตึกหนึ่งแทน
เดินข้ามถนน ไปฝั่งอาคารป้ายสีเขียว เดินตรงเข้าไปหาภูเขา อาคารที่ 2 นั่น
คือที่นี่ค่ะ staff วัยรุ่น พูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
การที่เรามาซื้อตั๋วท่องเที่ยวภูเขาไว้ ทำให้เราได้ส่วนลด แตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ แต่ก็ประหยัดเงินได้โข
ถือว่าเป็นค่าซอฟท์โคนค่ะ
ซื้อไว้ ทั้ง 3 วันเลยค่ะ
แล้วก็วิ่งกลับมารอคนจากโรงแรมมารับ .. มาช้านิดเดียวแค่ไม่กี่นาที
จัดรถ Van มารับ 2 คันเลยค่ะ
White Silver Hakuba : https://whitesilverhakuba.com/
ที่พักน่ารักค่ะ คุณ Greg เจ้าของก็น่ารัก .. เราจองผ่าน Booking.com คุณ Greg บ่นนิดนึงว่าติดต่อพวกเรายาก ถ้าจองผ่านเวปตรงเลย จะคุยกันได้ง่ายกว่า .. จัดเลยค่ะ ครั้งหน้านะคะ ..
หลังจากเก็บกระเป๋าไว้ที่ห้องเก็บของแล้ว (ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน)
คุณ Greg ก็ขับรถพาไปส่ง Ski resort เป้าหมายแรกของเรา โดยไม่ลืมที่จะพาเราแวะร้านสะดวกซื้อ หาเสบียงอาหารติดตัวไปด้วย
เราไม่ให้ contact กับคุณ Greg ไว้ (จริง ๆ คุณ Greg อาจจะอยากได้ อาจจะมารับพวกเราได้ แต่เราเกรงใจ ไม่รู้จะเที่ยวเสร็จกี่โมง
กลัวแกต้องรับแขกอื่น .. จริง ๆ แล้วไม่มี มีพวกเรากรุ๊ปเดียว)
ระยะทางจากบ้านพักถึง Goryu Ski Resort 5 กม. ขับรถแป๊บเดียวค่ะ วิวดี เขียวสวยดี
พอถึงที่หมาย Escal Plaza อันเป็นสถานีตั้งต้นของการชมดอกไม้บนเขา Goryu
คุณ Greg แนะนำที่ขึ้นรถบัสหาทางกลับที่พัก .. ตรงป้ายข้างหน้า Escal Plaza นั่นเอง
แต่คุณ Greg ส่ายหัวเล็กน้อยว่า รถบัสฤดูนี้มีน้อย นาน ๆ มาที รอจนเงก บางทีก็ไม่จอดรับซะงั้น
อันนี้เคยค่ะ... เพราะเราไม่อยู่ทีป้าย ไม่ทำท่าว่ารอรถ พอรถมาก็ผ่านไปเลย วิ่งตามก็หลายทีแล้วค่ะ
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่มีเทศกาล Hakuba Alps Hana-zanmai (Flower festival) เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน ดอกไม้ Alpine เบ่งบาน (จัดช่วง 1 ก.ค. - 31 ส.ค.)
มีรถบัส Hana-Zanmai ให้บริการ เจ้า Escal Plaza นี่ คือ No.2 ส่วนป้ายที่ใกล้ที่พักของเรามากที่สุดคือ No.13
https://www.vill.hakuba.nagano.jp/privilege/img/hanazanmai/hanazanmai_map.pdf
พอเดินเข้าไปใน Escal Plaza ก็โดนดักด้วยผลไม้ประจำฤดูกาล
ยังก่อนค่ะ รอขากลับ เราซื้อของร้านสะดวกซื้อมาเพียบ
ไปแลกตั๋วลดราคาเป็นตั๋วจริง ก่อนนะคะ ที่เคานเตอร์ด้านใน
หน้าตาของตั๋วจริงค่ะ ลดราคาจาก 2,200 เยน เป็น 1,980 เยน ต่อคน สำหรับเป็นค่าขึ้น Gondola และ Chair lift ไปกลับ
ตั๋วเป็นรูปของดอกไม้ไฮไลท์ของที่นี่ :
Komkusa .. コマクサ ได้ชื่อว่าเป็น Queen of alpine plant (Dicentra peregrina) บานช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.
Himalayan Blue Poppy (Meconopsis grandis) บานช่วงเดือน มิ.ย.- ก.ค.
พื้นที่ส่วนแรกที่เจอหลังออกนอกอาคาร Escal Plaza มาด้านหลัง คือ Escal Garden
เราจัดการอาหารเช้ากันที่นี่ ก่อนจะออกไปรับรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตที่สวนพฤกษศาตร์ Hakuba Goryu Alpine Botanical Garden ข้างบนเขากัน
เดินไปทางขวา จะพบกับ Toomi Gondola station
แสดงตั๋วที่ได้มา แล้วนั่งเลยค่ะ เป็น Gondola ขนาด 8 ที่นั่ง
แหม คนเยอะจัง มีทั้งคนที่มาชมดอกไม้ และมาเดิน trekking ขึ้นไปบนเขา
วันนี้ขอเบา ๆ แค่เดินชมดอกไม้ก็พอค่ะ
เรามากัน 7 คน เค้าจับเราทั้ง 7 ยัดใส่ gondola เลยค่ะ แน่นพอดี
ถ้าไม่รู้จักกัน เค้าก็ให้ขึ้นตามกลุ่มค่ะ มาคู่ขึ้นคู่ .. พลาดไปแล้ว
Gondola ใช้เวลา 10 นาทีขึ้นไปถึงสถานีปลายทาง เปลี่ยนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล จากที่ 818 เมตร ไป 1,515 เมตร
ไม่สูง ไม่เสียวมาก
ออกจากสถานี gondola ก็เป็นภัตตาคาร Alps 360 ... แวะเข้าห้องน้ำห้องท่าให้พร้อมนะคะ
ไปไล่จับเด็กประถมกัน ..
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของ Shinshu University
โดยมีโปรเฟสเซอร์ Katsuyoshi Tsuchida เป็นหัวหน้า
รวบรวมพันธุ์ Alpine Plant จากภูเขาฮอกไกโดในเทือกเขา Japan Alps ตอนเหนือ กว่า 2 ล้านต้น 300 ชนิด ในพื้นที่ 5 เฮคเตอร์
ปลูกตามสภาพที่ต้นไม้นั้นชอบร่วมกับการตกแต่งสวน
เป็นทุ่นแรงในการทำความรู้จักกับ Alpine Plant โดยที่ไม่ต้องลงทุนตะเกียกตะกาย ปีนภูเขาขึ้นไปดูเอง
ต้นไม้แต่ละต้นจะปักป้าย ชื่อวิทยาศาสตร์ พร้อมคำบรรยาย (เป็นภาษาญี่ปุ่น)
อย่างเจ้าต้นนี้ .. มีชื่อ Sanguisorba hakusanensis วงศ์ Rosacease
ชื่อญี่ปุ่นว่า .. カライトソウ หรือ Lilac Squirrel
ดูจากชื่อวิทยาศาสตร์ จะเห็นความจำเพาะเจาะจงกับ Hakuba ชื่อแปลว่า Coming from Haku
... มาจากภูเขาใน Hakuba .. เรียกอีกอย่างได้ว่า Hakusan Burnet
พบได้ที่ญี่ปุ่น เกาหลี ที่เกาหลี อาจเรียกว่า Korean moutain burnet
อันนี้ป้ายไม่ได้บอกไว้ หรือบอกแต่อ่านไม่ออกค่ะ แต่มาค้นทีหลัง
เห็นทีแรกนึกว่าไมยราบยักษ์ แต่นางไม่มีหนาม กำดูแล้ว ไม่มีฤทธิ์ขับเลือด (ที่ฝ่ามือ)
อ้าว .. ยังไม่ได้พาเดินเลย ชมดอกไม้ซะแล้ว
พื้นที่ศึกษาและชมดอกไม้ มี 2 ส่วน เดินขึ้น (ด้วยกำลังขาของตัวเอง ไม่พึ่ง chair lift) กับเดินลง .. เพื่อไปนั่ง Chair lift ขึ้นไปบนเขาอีกที
เลือกอันไหนดีคะ .. ลงสิคะ มีตั๋วแล้วใช้ให้เป็นประโยชน์
ภาพบอกระดับความฟิน ของบรรดาตากล้องสายดอกไม้ .. ใช้ทุกอุปกรณ์
ช่วงที่เรามา ดอก Blue poppy วายแล้ว เหลือแต่ดอกโทนสีชมพู .. งามไปอีกแบบ
ไปนั่ง Chair lift ขึ้นไปบนเขาค่ะ
แต่แหม .. กว่าจะเดินไปถึงสถานี .. โดนดอกไม้รายทางดักไว้ จนผู้คนหายไปหมดเลยค่ะ
วิธีนั่งแชร์ลิฟต์.. เอาเป้มาไว้ด้านหน้า เอาหลังพิงพนัก แล้วเอาคันกั้นลง
จากนั้นก็แกว่งเท้า (หาเสี้ยน) ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย
ข้อควรระวัง .. อย่าใส่รองเท้าแตะ .. อาจต้องลงกลางทางไปเก็บรองเท้า
อย่าใส่กระโปรงสั้น คุณจะหวอให้คนที่สวนลงมาดู
วิวดี พอขึ้นมาสุดปลายสถานี chair lift ... วิวยิ่งดีค่ะ
นั่งแช่วิวจนอิ่ม ..
ต่อจากนี้เป็นการเดินลงเขา มุ่งหน้าไปยัง Alps 360 ผ่านสวนพฤกษศาตร์ไปเรื่อย ๆ
ระหว่างทางก็เก็บดอกไม้ไปเรื่อย ๆ
ดาวเด่นของช่วงนี้ ที่ออกดอกเยอะที่สุด คือ Red umbellas
Filipendula multijuga วงศ์ Rosaceae
คนญี่ปุ่นเรียก Shimotsuke シモツケソウ
มีถิ่นกำเนิดในญี่ปุ่น บาน ก.ค - ส.ค
ถ้าเป็นสีขาวจะเป็นอีกสปีชีส์ เรียกว่า Meadowsweet
แต่ที่ไม่น่าพลาดคือเหล่า Alpine Flowers ที่ขึ้นในภูเขาสูง บริเวณที่มีแต่หิน
จัดลงมาให้ดูกันใกล้ ๆ ..
Komkusa .. コマクサ ดอกไม้ในตระกูล bleeding heart ตัวจริง 2 สี มาให้ดู แม้จะเว้า ๆ แหว่ง ๆ ร่วงไปบ้าง
วิวดี ดอกไม้เยอะแยะ สาวสายดอกไม้ .. ควรต้องมา
สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ ลิลลี่ป่า .. โดยเฉพาะเจ้า tiger lily .. นางน่ารักมาก
และ นิกโก้ คิสุเกะ ดอกไม้ป่าประจำเดือน ก.คง ที่คุณปาลิดา พิมพะกรอยากเจอ
เดินลงเขามาเรื่อย ๆ แล้วมาพักเหนื่อยที่ Alps 360
กลับลงมาเจอลานดอกไม้ที่ Escal garden
แล้วมาชมนิทรรศการภาพถ่ายสวย ๆ ของที่นี่ และภูเขาแถบนี้
แล้วก็ไปช้อปปิ้ง.. ของสด ของจากฟาร์ม ของแห้ง..
พอจะกลับจริง ๆ เกิดขี้เกียจรอรถ HanaZanmai bus ... ต้องซื้อตั๋ววัน คนละ 1,000 เยน
คิดแล้ว นั่งแท็กซี่ 2 คัน กลับที่พัก ประหยัดกว่า
เลยถึงที่พักเร็ว ได้พักหลังจากตากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตแบบเพลิน ๆ มาทั้งวัน (ดำเลยค่ะ)
แดดร่มลมตก ไปเดินเล่น หาอะไรกิน
สุดท้ายได้อาหารร้านสะดวกซื้อ
จริง ๆ คุณ Greg จะพาไปซุปเปอร์มาร์เก็ตนะคะ แต่สมาชิกอยากเดินชมวิว
นึกว่าจะได้เจอร้านอาหาร นั่งกินเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ปรากฎว่า ปิดไปซะส่วนมาก
จะคึกคักอีกทีก็ฤดูสกีโน่นแหละค่ะ
เพิ่งจบเขาเดียว เหลืออีก 2 เขา นะคะ
เช้าวันถัดมา .. สมาชิกตื่นเช้า
ที่นี่สว่างเร็วมาก
สูดอากาศยามเช้า จัดการอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ที่คุณ Greg จัดเตรียมไว้ให้พวกเราบริการตัวเอง
วันนี้เราต้องย้ายที่พักค่ะ เพราะคุณ Greg ปิดโรงแรม เค้าจะพาลูกสาวและภรรยาไปเที่ยว
ทีแรกก็งง ไม่เห็นมีแขกอื่น แต่ทำไมที่พักเต็ม จองไม่ได้ ..
เราจะไปพักที่ Hakuba Highland Hotel .. คราวนี้เป็นรีสอร์ทหรูครบวงจร มีออนเซ็นกับวิวเขาให้ชม
คุณ Greg จะไปส่งเราที่ Happo-one .. แล้วบ่าย 3 โมง รถโรงแรม Hakuba Highland hotel จะรับเราที่ป้ายรถบัส Happo-one พร้อมแวะรับกระเป๋าที่ White Silver Hakuba
เราเลยไม่ต้องงมเส้นทางไปเอง .. ดีจัง ..
ตั๋วที่ใช้ในวันนี้ค่ะ ได้ส่วนลด Package : Happo Alpine Line Gondola + Alpine Lift + Graut Lift จากราคา 2,900 เยน เหลือ 2,610 เยน
เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่ง Happo Gondola "Adam" ขนาด 6 คนนั่ง จากสถานี Happo-ike station ไปสถานี Usagidaira stion
เปลี่ยนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 770 เมตร ขึ้นไปสู่ 1,400 เมตร ในเวลา 8 นาที
วิวขาขึ้น มองลงมา ย้อนแสงค่ะ
ที่สถานีนี้มี Usagidaira Terrace เป็นที่นั่งชมวิวสวย ๆ แต่เราไม่ได้แวะ มันเตี้ยไปค่ะ
เดินออกไปยัง Alpen Quad Lift
หึ ๆ ตอนนี้สมาชิกแรงยังดี กระโดดโลดเต้นได้
ต่อด้วย Alpen Quad ลิฟท์อีก 15 นาที ไปยังสถานีต่อไปที่ความสูง 1680 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ที่สถานีนี้ ใกล้ ๆ กันจะเป็น Nagano Olympic Start House (สามารถขึ้นได้จาก Kurobishi Lift station)
ชอบวิวนี้มาก
จากสถานีนี้ เราจะผ่านบึงชุ่มน้ำ .. มีต้นไม้ ดอกไม้..(เราเจอมาแล้วที่ Goryu Botanical Garden) .. ไม่ได้แวะชมค่ะ
ไปขึ้น Grat Quad ลิฟท์ อีก 5 นาที จะถึงจุดเริ่มต้นการเดินศึกษาธรรมชาติจริง ๆ (ที่ความสูง 1830 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล)
เพิ่ง 9 โมง ทำไมมีคนลงมาแล้วล่ะ ..
มองย้อนกลับไปสถานีเดิม
มองไปข้างหน้า .. เริ่มตื่นเต้น ๆ ..
เข้าสู่ประตูด่านหน้าของการเดินไปบนเขา เพื่อไปให้ถึงบ่อน้ำ Happo-one ฮัปโป โอเนะ หรือ Happo-ike ฮัปโป อิเคะ
เตรียมความพร้อมให้ดี เข้าห้องน้ำให้พร้อม เตรียมน้ำ เตรียมอาหาร
เราเตรียมมาจากร้านสะดวกซื้อเมื่อวานแล้ว)
น้ำเปล่า 1 น้ำหวาน 1
(อันนี้พลาด .. เพราะเป็นน้ำหวานโซดา พอขึ้นที่สูง โซดาทำให้เราอึดอัด และน้ำหวานทำให้เราหิวน้ำมากขึ้น.)
ควรพก น้ำเปล่าไป 2 ขวด สำหรับคนกินน้ำเป็นอูฐอย่าง จขกท. -- นี่ขนาดแค่จิบทีละน้อยนะคะ
เริ่มต้นวิชาเดินเขา คนอื่นเค้าเดินเบา ๆ ..
มีทั้งคนแก่ เด็กอนุบาล ... แรก ๆ ก็ไปด้วยกัน หลัง ๆ เค้าแซงไปหมดเลย (อีกแล้ว)
นี่แค่เดินมาไม่เท่าไหร่ .. ยังไม่ได้ป่าย ได้ปีน
ผู้คนต่างเดิน กันไป .. เรามีกำลังใจ เพราะคนที่เดินอยู่ข้างหน้าคือคนแก่ ..เค้าเดินไหว เราก็ต้องไหว
เดินเก็บดอกไม้ไป .. เพลินดี แต่ระวังทางแคบ ต้องแบ่งที่ให้กันแซง
สูงขึ้น ๆ ..
เหนื่อยนักเราก็พัก ..
มีทางยาก กับทางสบาย .. ตามกำลัง ..
พักได้ ..
ซ่อมรองเท้า ..รองเท้าพัง .. ใช้งานมาตั้งแต่ ไปเดินบนเขา Tateyama .. กาวเสื่อม ..
การเดินช้าลง ทำให้เราเห็นอะไรมากขึ้น ..
พักจุดแรกที่มีบริการห้องน้ำค่ะ ที่ระดับความสูง 2,005 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
แต่ไม่ปวดค่ะ น้ำระเหยออกทางเหงื่อหมดแล้ว
อากาศไม่ร้อนค่ะ แต่รังสีแรง ออกแรงเดิน ทำให้เหงื่อออก
พอพ้นจากเขตนี้ จะเป็นทางเดินที่เห็นหินขรุขระ ต้องระวังข้อเท้าให้ดีค่ะ
เดิน ๆ ไป ช่วย ๆ กันไป .. เดี๋ยวก็ถึง
คนเดินสวนลงมา ก็มีเรื่อย ๆ .. เป้ใหญ่ ๆ นี่ เค้ามาค้างบนเขา
บรรยากาศของการเดินเขา
ดอกไม้ ณ ปลายฟ้า
จุดหมายมีไว้พุ่งชน .. ถึงแล้ว ระยะทาง 1 กิโลเมตร ขึ้น ๆ ลง ๆ เขา ... พอให้รู้สึกว่า เขาชา ๆ (ชาตอนลง)
อาหารเที่ยง บนเขาของเรา กินไป ชมวิวเขาไป ข้างหลังเป็นบ่อน้ำ Happo-One
แค่ข้าวปั้น ห่อเดียว กับกล้วยหอมครึ่งลูก ก็อิ่มแล้วค่ะ พลาดตรงเจ้าน้ำหวานนี่แหละ หิวน้ำชะมัด
ผู้มีชะตากรรมเดียวกันค่ะ รองเท้าเจ๊ง..
มุมรับประทานอาหารของแต่ละคน เลือกเอาที่ชอบ
บางคนลงทุนเตรียมอาหารเต็มยศ มาปิคนิกข้างบน บางคนมาปรุงกันสด ๆ ที่บนนี้เลย มีหม้อสนามพร้อม
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร คุณแบกอะไรขึ้นมา คุณก็ต้องเอากลับลงไป
สร้างขยะเยอะแค่ไหน ก็แบกกลับเอาไปทิ้งที่บ้าน .. นี่คือกฎ กติกาที่นักเดินเขาทุกคนรู้ และเคารพ
อิ่มแล้ว ชมวิวได้ อารมณ์ไม่เสีย ..
บ่อน้ำฮัปโปคือบ่อน้ำที่ถูกสร้างขึ้นจากธรรมชาติ เกิดจากดินและทรายจากภูเขาที่ซ้อนกันขึ้นจนกลายเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำใสแจ๋ว
แสงตอนเที่ยงวัน ...ลุ้นเอานะคะ เมฆจะหมด หรือปิดหมด ...
หลังจากนั่งละเลียดวิวสะท้อนน้ำสวย ๆ แล้ว
ก็ถึงขาลง (ยังไปต่อได้อีกนะคะ บนเขา มีคน trekking ไปต่อ .. แต่เราไม่เอาแล้ว
เดี๋ยวกลับไปไม่ทันรถที่จะมารับ
บนนี้มีดอกไม้ แมลงน่าสนใจตามฤดูกาล เรารู้จักมาบ้างจากการไปเดินที่ Alpine botanical garden มาก่อน
ขากลับลงมาเจอกับกลุ่ม ทีวี มาทำรายการด้วย แต่ไม่รู้จักคุณพิธีกร
เขานี้ เด็กยังเดินได้เลย เห็นเยอะมาก พ่อแม่จะปล่อยให้เด็กเดินเอง มีล้มมีลุก สร้างเสริมประสบการณ์
ชุด จขกท. ไม่กลมกลืนเลย เป็นคนขี้ร้อน เลยใส่สั้นทั้งเสื้อกางเกง มีปลอกแขน แต่แขนไหม้ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
และวันนี้ ขาก็ไหม้เพิ่มขึ้น รู้สึกชัดตอนไปลงบ่อออนเซ็น .. แสบ... ไปทั้งตัว
ตอนลงจากเขา มีตื่นเต้นนิดหน่อย .. เรานั่ง chair lift ไปได้สักนิดเดียว เครื่องก็หยุด เราก็ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนั้น
ถ้าหยุดตรงที่เตี้ย ๆ ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่ สูง...อ่ะ
เรื่องคือ .. เพื่อนคนหนึ่งมัวแต่ถ่ายรูป มาไม่ทันแชร์ลิฟต์ .. คนคุมเครื่องเลยหยุดเครื่องรอ ..
ท่านขา ... เห็นใจคนที่นั่งห้อยต่องแต่งข้างบนบ้างนะคะ .. หัวใจจะวาย ..
ใครกลัวความสูง แนะนำให้มา .. จะได้หายกลัว
เราทำเวลาได้ดีมาก มารอรถโรงแรมมารับได้ทันเวลา แต่รถดันเข้าช้ากว่าที่นัด ..
เดี๋ยวไปพักที่ Hakuba Highland Hotel โรงแรมที่อยู่อีกฝั่งของเมือง หันหน้ามาเห็น Japan Alps ทั้งเทือก ..
พักก่อน ไรก่อนนะคะ ..
ที่พักคืนนี้ .. จองได้ถูกแบบฟลุ๊ค ๆ ... คืนละ 9,270 เยนต่อคน ต่อคืน รวมค่าอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์จัดเต็ม และอาหารเช้า ..
มีค่าธรรมเนียมออนเซ็นคนละ 150 เยน ใช้ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย
ราคานี้ปกติจะไม่ได้อาหารเย็นและอาหารเช้า เป็นราคาห้องเปล่า ๆ ..
ถือว่าเป็นดวงที่จะได้พักรีสอร์ทสวย แช่ออนเซ็นให้ฟิน ๆ ..
จองผ่าน Booking.com นัดกันไว้ว่ามีรถมารับรอบ 15.18 น. รอจน 15.30 น. ก็ไม่มา ผิดปกติวิสัยการนัดของคนญี่ปุ่น
แต่เค้าก็มา เราก็ไม่รู้จะไปไหน ต้องไปเอากระเป๋าโรงแรมคุณ Greg ด้วย
ปรากฎว่าพอรถมาจริง ๆ เค้าขนกระเป๋าไปไว้ในห้องพักให้เราแล้ว แค่มารับเราไปเช็คอิน
แยกย้ายเข้าห้อง .. น่ารักฉบับโรงแรมญี่ปุ่น .. มี Welcome sweet ต้อนรับ
ไปจัดเต็มอาหารค่ำ .. แต่ซื้อแยกก็ไม่แพงนะคะ หัวละ 1,500 เยน
ดูตัวอย่างอาหารก่อน .. นี่แค่บางส่วน ถ่ายมาไม่เยอะ เพราะมันแต่กิน
เครื่องดื่มก็พวก soft drink ปกติ ถ้าอยากได้เหล้า เบียร์ สาเก ก็จ่ายเพิ่ม ..
ขนมก็เยอะแยะ ..
แค่นี้ก่อนนะคะ ที่เหลือถ่ายมาเบลอ มือสั่น .. หิว .. 555
จัดมื้อเย็นแล้ว ก็ไปแช่ออนเซ็น (จริง ๆ ควรแช่ก่อนมั้ย .. แต่ไม่ทันค่ะ .. กินก่อน)
มี private onsen ด้วยค่ะ ต้องลงชื่อจองเวลา และมีค่าใช้จ่าย
แต่ถ้า onsen รวม แขกโรงแรม ใช้ได้เลยค่ะ .. มีทั้ง indoor และ outdoor
outdoor จะเป็นวิวมองไปเห็นเทือกเขา Japan Alps ... แต่ตอนกลางคืนไม่เห็นค่ะ
แต่กรี๊ดกว่าเจอเขา .. ก็คือ .. เจอหิ่งห้อยค่ะ ..
แช่ออนเซ็นกลางแจ้งตอนหิมะตกปรอย ๆ มาก็แล้ว .. ชมจันทร์มาก็แล้ว .. แต่ยังไม่เคยมีหิ่งห้อยบินผ่าน.. ฟินสุด ๆ
ขออภัยที่ไม่สามารถถ่ายภาพมาได้
ฮาคุบะตอนที่เจอภัยธรรมชาติ .. เคยโดนกับเค้าบ้างเหมือนกัน
ตอนจะมาทริปนี้ ไต้ฝุ่นก็เข้า คนรอบตัวก็ทัก ก็ท้วง ยังจะไปอยู่เหรอ .. ไต้ฝุ่นฤดูฝนถึงฤดูร้อนของญี่ปุ่นนี่ เป็นอะไรที่ต้องลุ้นค่ะ
เคยเจอ พายุ (เบา ๆ ) ตอนเที่ยวโอซาก้า .. พัดซะร้านรวงกระเจิง ตื่นเช้ามา ไม่เห็นรอยหักพังเสียหาย
มีฉากมากั้น ๆ ไว้ .. พอตอนเย็นมา .. ก็เห็นเปิดขายปกติ .. เค้าจัดการการเร็วมาก
มื้อเช้าก็จัดไป ชมวิวไป .. สวย ฟิน อิ่ม อร่อย ..
สรุปว่าพักที่นี่ดีงาม
ตอนเช้าเช็คเอ้าท์เสร็จ เราย้ายโรงแรมอีก
เหตุผลเพราะตอนจอง ไม่แน่ใจว่าเค้าจะลงไปส่งเราที่สถานีรถไฟได้กี่โมง
เพราะวันกลับ เราต้องไปสถานีรถไฟตั้งแต่เช้ามาก กลัวว่าถ้าไม่ใช่รอบรถโรงแรมออก เราจะไปไม่ทันรถไฟ
เราเลยเลือกที่จะไปพัก Hostel ใกล้ ๆ สถานีรถไฟแทน
รถโรงแรมไปส่งเราที่ Hostel เลย เพราะไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก .. ปกติเค้าส่งแค่ที่สถานี
วิวระหว่างทางสวยค่ะ อยากลงไปถ่ายรูปแม่น้ำที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขา ..
Hostel ที่เราจองไว้ ชื่อ Hakuba Station Guest House .. แต่ก่อนออกเดินทางไม่กี่วัน มีเมล์มาว่า ได้เปลี่ยนมือ เปลี่ยนชื่อเป็น Hostel En แทน
ขนาดดูในแผนที่ ปักหมุดไว้แล้ว เจอของจริงเข้า มึนตึ๊บเลยค่ะ
ดีที่คุณลุงคนขับรถของ Hakuba Highland ช่วยไปถามให้
ร้านไม่เปิด .. แล้วทางขึ้นโรงแรม คือบันไดข้าง ๆ ที่มีแค่แผ่นกระดานเขียนชื่อ Hostel ไว้
ไม่มีใครอยู่เลย .. เรานัดหมายไว้แล้ว ว่าเราจะเอากระเป๋ามาฝากไว้ตอน 8 โมงเช้า
เค้าก็ตอบมาว่า OK มาเลย
ปรากฎว่าเอาเข้าจริง ๆ คนที่นอนเฝ้า Hostel เป็น Woofer สาวฮ่องกง นางยังไม่ตื่น
และไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับพวกเราด้วย
กว่าหุ้นส่วน Hostel ตัวจริง จะมาก็ตอนที่พวกเราตัดสินใจทิ้งกระเป๋าไว้ที่นั่นเสียเฉย ๆ แล้วออกไปเที่ยวกันต่อ
เจอนางตรงถนน ขณะที่เราเดินไปขึ้นรถบัสที่หน้าสถานีรถไฟ ..
บันไดบ้านคุณ Greg เด็ก ๆ ไปเลยค่ะ เมื่อเจอบันไดที่นี่ .. การหอบกระเป๋าที่ผ่านการช้อปปิ้งที่ Matsumoto ขึ้นบันไดชันขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องสนุก
ไปหาเรื่องสนุกนอก Hostel กันดีกว่า
พรุ่งนี้มาเล่าต่อถึงเขาสุดท้ายที่เราไปกันมา
วันสุดท้ายของการเที่ยวภูเขา ที่ Hakuba Valley .. เป็นวันที่แรงเหลือน้อย
ข้อเข่าหนัก เพราะเมื่อวานเดินขึ้นลง เขา แม้ไม่ชันมาก แต่ น้ำหนักตัวเยอะ ทำให้เข่าทำงานหนัก
วันนี้เลยจัดเบา ๆ .. ด้วยการไปชมดอกลิลลี่บนเขา Iwatake
ที่พักคืนประหยัด ที่สุดท้ายของเรา อยู่ตรงกันข้ามกับไปรษณีย์ .. ถูกใจนักส่งโปสการ์ดเลยค่ะ
เดินแป๊บเดียวก็ถึง สถานีรถไฟฮาคุบะ
วันนี้เราจะใช้บริการรถบัส Hana Zanmai Bus
ขึ้นรถที่ป้ายด้านซ้ายค่ะ ..
ราคาค่าตั๋วเหมาจ่าย 1 วัน 1,000 เยน ซื้อตั๋วบนรถเลยค่ะ
https://www.vill.hakuba.nagano.jp/privilege/img/hanazanmai/hanazanmai_map.pdf
รถที่เราขึ้นเป็น สาย A : วิ่งจากป้าย No.6 JR Hakuba station วนเป็นวงกลม ผ่านไปยังป้าย No.7 Hakuba Happo Bus terminal
ถนนตรงนี้มีฝาท่อของเมือง ที่เป็นสีด้วย ที่อื่น ๆ มีแต่สีโลหะ
วิ่งขึ้นไป Happo-one bus stop (No.8) แล้ววนกลับลงมา แล้วรถก็พาวิ่งผ่านทุ่งนา ตรงไปยัง ป้าย No.11 Iwatake ski resort
นั่งเพลิน ๆ ก็มาถึง ซะที
ไปแลกตั๋วลดราคา เป็นตั๋วจริงเช่นเคยค่ะ
ลดจาก 1,800 เยน เหลือ 1,700 เยน แล้วก็ไปขึ้น gondola ได้เลยค่ะ
Noah Gondola ขนาด 6 คนนั่ง (แต่คงจะเบียดมาก เรานั่งกัน 2 คน สบายพอดี)
จะพาเราไต่ระดับจากที่ 750 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ขึ้นไป 1,280 เมตร ในเวลา 8 นาที
ผ่านทิวสน ต้นไม้สูง ซึ่งถ้าเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จะสวยมาก
เค้าบอกว่า เมื่อ Gondola ผ่านเสาต้นที่ 16 - 18 มองไปทางซ้ายฝั่งขาขึ้น .. จะได้วิวสวยมาก
เห็นแปลงลิลลี่มีฉากหลังเป็นเทือกเขา Japan Alps เป็นพื้นหลัง ..
ถ่ายไม่ทันค่ะ ต้นบีชสูงใหญ่บัง ได้วิวมาแค่นี้
อันนี้ใกล้ถึงสถานีปลายทาง Gondola Summit station.. แปลงลิลลี่ไม่ค่อยฟูเท่าไหร่
คือเค้าบานมาตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. แล้วค่ะ เรามาต้น ส.ค. บานจากข้างล่างขึ้นข้างบน
จริง ๆ ตรงสถานีตั้งต้นของ gondola มีแปลงลิลลี่ด้วย แต่เราไม่ได้แวะ เพราะยุบไปเยอะแล้ว
บนเขา Iwatakeyama มี Cafe Restaurant Skyark .. เห็นบางคนขึ้นมาเดิน ๆ มากิน ชมวิว แล้วก็กลับ (นั่นสิ จะให้ทำอะไรอีก)
ที่นี่ Trekking ได้ค่ะ ระยะจิ๊บ ๆ เดินเบา ๆ ไปอีกฝั่งจะเห็นวิวเขา 3 ลูกที่มียอดขาว ๆ คือ Mt.Hakubayarigatake, Mt.Syakushidake และ Mt.Shiroumadake (เรียกรวมว่าเทือกเขาฮาคุบะ Hakuba Sanzan)
แต่ไม่ได้ไปค่ะ ไม่คิดว่าจะเห็น + เหนื่อย เลยชมแค่ดอกไม้ แหม พลาดอย่างแรง
ดูเมนูของร้านอาหารบนนี้ไปพลาง ๆ นะคะ
ต่อไปเป็นการชมลิลลี่ล้วน ๆ
เป็นลิลลี่ปลูก มีหลากสี หลายพันธุ์
ถ้าเก็บกลิ่นมาฝากได้ .. จะเก็บมาด้วยค่ะ ..
ถึงแดดจะร้อน แต่ได้เดินในดงดอกไม้ หอมฟุ้ง.. ยอมค่ะ .. ยอม
พอเก็บดอกไม้จนเหนื่อย ...
ก็มานั่งพักตรงลานข้างบน
ตรงนี้ก็เพลินค่ะ ..
เค้าอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาด้วย .. เจ้าตัวโตนี่ ถูกสั่งให้คอย
เจ้านายไปซื้อไอติมมาก .. อากาศร้อน เจ้าโตเลียคำ เจ้านายเลียคำ สลับกันไป .. ท่าทางจะรักกันมาก
ตัวเล็กตัวอื่น ก็ขึ้นมากค่ะ น่ารักมุ้งมิ้ง .. ส่วนมากคนขึ้นมาเที่ยวที่นี่ เน้นมาเดินชิลล์ ๆ มากกว่า trekking
ได้พาลูกพาหลานมาเที่ยวที่สวย ๆ .. เป็นการพักผ่อนของครอบครัว
ที่ Iwatake นี่ มีกิจกรรม adventure หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ปั่นจักรยานวิบาก .. เด็ก ๆ ชอบ
สงสัยเหมือน จบกท.มั้ยคะ .. เอาจักรยานขึ้นมาได้ยังไง คงไม่ได้ปั่นจากตีนเขาขึ้นมาบนนี่หรอกนะ
เฉลยค่ะ .. หนีบใส่ Gondola ขึ้นมา
มีลิลลี่ในดงไม้ ในป่าบีช .. แต่ไม่ได้ไปเก็บค่ะ อยากนั่งรับลมเล่น ๆ .. พอสมควรแก่เวลาก็พากันกลับลงมา
ปรากฎว่า รถ Hana Zanmai bus ที่มารับ .. เป็นคันเดิม คนขับคนเดิม .. แต่เค้าไม่วกกลับที่เดิม แต่ขับเป็นวงกลม
ไม่กี่ป้ายก็ถึง JR Hakuba station แล้วค่ะ ..
ลงมายังไม่ถึงเที่ยง แต่หิวมากค่ะ ไม่ได้กินของหนัก ๆ บนเขา กินขนมปังที่พกติดตัวและน้ำหวาน ..
เลยจัดไป
ร้านอาหารข้างสถานีนั่นเองค่ะ Lucky Pete's Cafe & Bar ตอนแรกมีแขกอยู่แค่ 2 กลุ่ม พอกลุ่มเราเข้าไป
ได้เวลาเที่ยง คนเข้าเต็มร้านเลยค่ะ
เราซื้อ JR East Nagano Pass มา ใช้ได้ 5 วันไม่ต่อเนื่อง เพิ่งใช้ไปแค่ 2 วันเองค่ะ
มีเวลาเหลือ ไปนั่งรถไฟเล่นดีกว่าค่ะ
Pass นี้ใช้นั่งรถไฟสาย Oito line ไปได้ไกลสุดที่สถานี Minami-Otari ..
ซึ่งถ้าเรานั่งรถไฟท่องเที่ยว Resort View Furusato .. รถไฟขบวนนี้จะวิ่งจากสถานี Nagano ถึงสถานี Minami-Otari ...
เค้าว่า พอรถไฟเลียบแม่น้ำ Himekawa วิวจะดีสุด ๆ ...
Resort View Furusato เข้าชานชาลาพอดี นี่เป็นขบวนขากลับเข้า Matsumoto และเลยไปถึง Nagano
ต้องจองที่นั่งก่อนค่ะ กระโดดขึ้นเลยไม่ได้
เราก็นั่งรถไฟธรรมดาไปก็ได้ จาก Hakuba station - Minami_Otari .. ใช้เวลาแค่ 18 นาที
รถไฟขบวนบ้าน ๆ .. พาเราแล่นผ่านวิวสวย ๆ
ได้รูปมาแค่นี้ .. ย้อนแสงเสียส่วนใหญ่ ดูด้วยตาเปล่าสวยกว่า
สถานี Minami Otari ค่ะ ..
น่ารักเล็ก ๆ
ตรงนี้เป็นแม่น้ำที่อยู่ติดกับสถานี Minami Otari เลยค่ะ ข้ามสะพานเข้าไปก็ถึงตัวชุมชน ..
ฝั่งสูงมาก .. น้ำไหลแรง ได้แต่ชมอยู่ข้างบน ..
นี่เป็น Highland Shuttle Bus ที่รับส่งไปยัง Hakuba Cortina Ski Resort รีสอร์ทสวย ที่ฤดูร้อนมีสวยแบบอังกฤษเปิดให้เยี่ยมชม
ในฤดูหนาวก็เป็นลานสกีขึ้นชื่อที่คนนิยมมาเล่นสกีกัน
ส่วนรถตู้อีกคันเป็นของ Hotel Green Plaza Hakuba โรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ กับ Cortina
เพื่อน ๆ เลือกที่จะอยู่ที่นี่แป๊บเดียว .. รอบรถไฟแถวนี้ค่อนข้างห่างค่ะ ทิ้งช่วงเป็นชั่วโมง
พวกเรากลับไปตั้งหลักที่ Hostel En.. ไปเช็คอิน ..
ที่นี่เพิ่งเปลี่ยนมือ สภาพที่พักค่อนข้างโทรม มีห้องน้ำชั้นละ 1 ห้อง ห้องพักอยู่ชั้น 2 ห้องนั่งเล่น และครัวอยู่ชั้น 3
มีห้องอาบน้ำเพียง 1 ห้องในตึก อยู่ชั้น 1
ต้องเข้าคิวอาบน้ำล่ะค่ะ ..
ได้ห้องพักเป็น 2 แบบ มีพัดลมเก่า ๆ ให้ แต่ไม่มีแอร์ ประตูปิดได้ แต่ช่องกระจกแตก ปิดก็เหมือนไม่ปิด ..
มีเครื่องครัวเล็ก ๆ ให้ .. สาวฮ่องกงที่มาพักก่อนเรา ทำอาหารกินกันสนุกสนาน
แต่วิวตอนเช้า ดีมาก ..
เป็นอันจบทริป .. 3 วัน 3 เขา ในฤดูร้อนที่ Hakuba Valley ..
ปีหน้าฟ้าใหม่ จะมาเยือนที่นี่อีก คราวนี้จัดฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนะคะ .. แล้วเจอกันค่ะ
ฝาท่อเมือง Hakuba ..
เป็นรูปเทือกเขา Hakuba Sanzan .. อันประกอบด้วย ยอดเขา Mt.Hakubayarigatake, Mt.Syakushidake และ Mt.Shiroumadake
และมีรูปดอกไม้ประจำเมือง คือดอก katakuri (片栗)
(ภาพจากเวป)
คนทั่วไปเรีย Asian fawnlily คนจีน เรียก zhūyáhuā (猪牙花) และคนเกาหลีเรียก eolleji (얼레지)
Erythronium japonicum
เจ้าดอกคาตาคุริ เป็นดอกไม้สกุลเดียวกับลิลลี่ บานในช่วงมี.ค. - เม.ย. พบได้ในสภาพอากาศชื้น
ในญี่ปุ่น นำรากของต้นคาตาคุริมาสกัดเป็นแป้ง คล้าย ๆ แป้งมันสำปะหลง นำไปทำขนมได้
ในภาษาดอกไม้ คาตาคุริ มีความหมายไม่ค่อยดี หมายถึง ความโศกเศร้า และความอิจฉาริษยาของหญิงสาว (ผู้ชายอิจฉาริษยาไม่เป็นกระมัง .. )
จริง ๆ เจ้าดอกคาตากุริ นี่เป็นดอกไม้ประจำหลาย ๆ เมืองเลยทีเดียว ... เพราะภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น มีส่วนที่เป็นพื้นที่หุบเขามีความชื้นสูงอยู่หลายพื้นที่ บางแห่งชูการชมดอกคาตากุริเป็นไฮไลท์ในการท่องเที่ยว นางก็บานของนางในเดือน มี.ค.-เม.ย.
ผู้คนก็แห่ไปดูซากุระกันหมด ..
ถ้าว่าง ๆ ก็ไปค้นหานางกันนะคะ
แถวโทโฮกุก็มี แถวฮอกไกโดก็มี
http://www.hokkaidolikers.com/en/articles/1058
ทริปเดินขึ้นเขา Japan Alps ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี .. มาแล้วนะคะ ไปเมื่อ 2019 พร้อมพายุฮากิบิส ..
ทริปโหด มันส์ ฮา
https://pantip.com/topic/39663824
ไปชมว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างไรค่ะ
ถามว่า ให้ไปอีก ไปมั้ย .. ตอบเลยว่า .. ไปค่ะ
Pari Pari
วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 08.02 น.