หน้าหนาวทีไร เชื่อว่าหลายคนคงต้องนึกถึงอากาศหนาวบนยอดดอยทางภาคเหนือ
และนับวันรอคอยดอกนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานกันแน่นอน
ถ้าจะออกตามล่าดอกนางพญาเสือโคร่งจะไปที่ไหนกันบ้างนะ
เชื่อว่าที่แรกๆที่เรามักจะนึกถึงก็คือ สถานีเกษตรขุนวางดอยอินทนนท์
ดอกพญาเสือโคร่งบนถนนสายโรแมนติกที่ดอยอ่างขาง
ขุนช่างเคี่ยนเส้นทางชมดอกไม้ที่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่
เส้นทางสายสีชมพูแถวๆ ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้งเชียงราย
แต่ช่วงปีสองปีมานี้ชื่อของ " ภูลมโล " ได้ถูกกล่าวถึงมากที่สุดทั้งทางสื่อสิ่งพิมพ์และโลกโซเชียล
ปีนี้เราเลยอยากไปชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งที่ " ภูลมโล " กับเค้าบ้าง
อยากไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองว่าจะสวยขนาดไหนเชียว
การเดินทางนั้นเราเริ่มต้นจากเชียงใหม่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ก็มาถึง บ้านร่องกล้าพิษณุโลก
ต้องบอกก่อนว่าหากจะไปเที่ยวภูลมโลนั้นไปได้หลายทางนะคะ
เพราะภูลมโลเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนรอยต่อ ของสามจังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย
จะขึ้นมาจากทางพิษณุโลก หรือทางเพชรบูรณ์ผ่านภูทับเบิกมาก็ได้
เราเลือกพักที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่นี่มีทั้งบ้านพัก ที่กางเตนท์ และร้านอาหาร
เรียกว่าสะดวกสบายมากๆ หากเลือกพักที่นี่
จากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ใช้เส้นทางบ้านร่องกล้า
ไปภูลมโลใช้เวลาเดินทางไปประมาณครึ่งชั่วโมง
แต่ถนนช่วงที่จะเข้าไปยังภูลมโลนั้น ยังเป็นถนนดินแดงลูกรัง ทางเรียบบ้างขรุขระบ้าง
ควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือกระบะเข้าไปจะดีกว่า
ไม่แนะนำให้รถเก๋งเข้าไปนะคะ เห็นหลายคันเลยขับเข้าไป
จอดเสียข้างทางกันเพียบ แนะนำว่าจ้างรถของชาวบ้านเข้าไปดีกว่าค่ะ
ค่ารถก็แบบเหมาๆ คันละประมาณ 800 - 1000 บาท ติดต่อได้ตรงปากทางเข้าเลยค่ะ มีรถจอดรออยู่เพียบ
เราไปมาเมื่อวันที่ 18-20 มกราคมที่ผ่านมา
เลือกเที่ยววันธรรมดาเพราะคิดว่าช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนต้องเยอะแน่ๆ
เอารถไปกันเอง และเลือกช่วงเวลาเข้าไปเฉพาะช่วงเช้าตรู่ และบ่ายๆเกือบเย็น
เพราะจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกกันค่ะ
ตอนนี้แปลงที่หนึ่งและสอง บานเต็มที่แล้วนะคะ แต่แปลงที่สามและภูขี้เถ้ายังไม่บาน
คิดว่าอีกไม่กี่วันนี้แหละต้องบานแน่นอน
ดังนั้นภาพในเซทนี้จะเป็นภาพเฉพาะแปลงที่หนึ่ง
และแปลงที่สองบางส่วนเท่านั้น แต่เราว่าแม้ดอกจะยังบานไม่หมดก็สวยมากๆแล้วค่ะ
ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนชอบถ่ายภาพแลนด์สเคป ถ่ายได้ทั้งแสงเช้าแสงเย็น
ถ่ายได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ ( ถ้าวันนั้นอากาศดี )
เอาล่ะมาดูกันดีกว่าว่าภูลมโลจะสวยขนาดไหนเชียว
เราจะเน้นถ่ายแสงเช้าและแสงเย็น และภาพกว้างๆมาให้ชมกันนะคะ
เย็นวันแรก ไปถึงเราก็มุ่งหน้าไปยังมุมที่มองเห็นพระอาทิตย์ตกและดอกไม้บานกันก่อนเลยค่ะ
เย็นวันที่สอง รอคอยนานมากกว่าจะได้เห็นแสงแบบนี้ เพราะทั้งวันมืดครึ้ม แดดแทบไม่มี นี่แหละมั้งที่เค้าเรียกว่ารางวัลของการรอคอย
เช้าวันแรกตรงจุดชมวิว แปลงที่หนึ่งค่ะ วันนี้ไม่เห็นพระอาทิตย์เป็นไข่แดงแต่ฟ้าเปลี่ยนสีสวยมากๆ อากาศหนาวกำลังดีเลยค่ะ
เช้าวันที่สองของเราตอนแรกนึกว่าจะกินแห้วซะแล้ว เพราะเมฆเยอะมากๆ
แต่มาถึงแล้วก็ต้องรอสักหน่อยเผื่อจะโชคดี
แล้วก็โชคดีจริง ๆ เช้าวันนี้เมฆสวยมาก แสงแรกของวันนี่มันหวานละมุมจริงๆเลย ให้ตายเถอะ !!!
มุมเดิม ๆ เพิ่มเติมคือสีหวาน ๆ ของท้องฟ้าค่ะ
นี่ใช่มั้ยที่เค้าเรียกกันว่า ภูเขาสีชมพู เหมือนเอาสีชมพูมาแต้มๆลงบนผืนป่าเลย
ถ้าดอกบานแบบเต็มๆคงจะสวยกว่านี้อีกหลายเท่า แต่สำหรับเราแค่นี้ก็สวยมากๆๆๆๆแล้ว
เสน่ห์ของภูลมโลแห่งนี้เราว่าคงเป็นที่ฝูงวัว ฝูงควาย ที่อยู่ท่ามกลางดอกไม้สีชมพูหวานนี่แหละ
เมืองนอกมีแกะ มีกวาง เมืองไทยก็มีวัวมีควายนี่แหละ เสน่ห์ไทยแท้ๆ
เนื่องจากที่ภูลมโล ต้นนางพญาเสือโคร่งยังไม่สูงมากนัก เวลาออกดอก กิ่งก้านเลยค่อนข้างต่ำ
หลายคนคงอดใจไม่ไหวที่จะไปจับ เอาแก้มไปแนบถ่ายรูปเซลฟี่
เราจึงได้เห็นกระแสดราม่าเด็ดดอกไม้บ้าง โน้มกิ่งบ้าง หักกิ่ง หรือปีนขึ้นไปถ่ายรูปกันเพียบ
จะด้วยความไม่รู้ก็คงไม่ใช่ เราว่าอยู่ที่จิตสำนึกกันมากกว่า
เที่ยวแล้วต้องช่วยกันเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีด้วยนะคะ
กว่าเค้าจะปลูกต้นไม้ต้องใช้เวลาหลายปี กว่าดอกจะบานต้องใช้เวลาเนิ่นนาน
ปีนึงเราเข้ามาชมความงามกันได้แค่ช่วงเดือนสองเดือนเท่านั้น ดอกไม้ร่วงคนก็ลืมกัน
แต่ต้นไม้ยังคงต้องยืนต้นเพื่อรอวันดอกไม้เบ่งบานอีก พื้นที่มันกว้างมาก คงไม่มีใครมายืนคอยห้ามได้ตลอดเวลา
มาชื่นมชมความงาม ถ่ายภาพเก็บความประทับใจกันก็พอเนอะ ดอกไม้จะได้อยู่ให้เราได้ชื่นชมไปอีกนานแสนนาน
Jiratraveler
วันพฤหัสที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 13.03 น.